แชร์

Chapter 9. ที่แท้นางเป็นคนโปรดของท่านจอมาร

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-20 21:56:14

“เอาปลาแห้งไปด้วย”  

พ่อครัวเจี่ยนหน้าบึ้งตึงแต่จิตใจดี ไม่ต่างจากพ่อบ้านจูงโหย่งเจานัก แม้ไม่ใช่หน้าที่ของเขาแต่เห็นนางใส่ใจเรื่องเล่านี้ก็รู้สึกดี ไม่เพียงแค่ อู่เฉียง หากคนอื่นที่ออกไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของท่านจอมมาร นางย่อมช่วยจัดเตรียมเสบียงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ให้เสมอ  

            “เจ้าค่ะ” นางยิ้มกว้างแล้วเดินไปหยิบปลาแห้งมาเพิ่มให้อู่เฉียง ปกตินักฆ่าไปมาไร้ร่องรอย ทว่าสำหรับอู่เฉียง ก่อนเดินทางเขาต้องมาบอกนางก่อนเสมอ เช่นครั้งนี้ด้วย เขาหยุดยืนมองร่างบอบบางในชุดหญิงรับใช้ นึกถึงถ้อยคำที่ฝากฝั่งให้อู่ชิงและอู่ยินช่วยดูแลซินหราน

            ‘อยู่ที่นี่คนที่จะทำอันตรายซินหรานก็มีแค่ท่านจอมมารเพียงผู้เดียว’ อู่ชิงเอ่ยพร้อมถอนหายใจเบาๆ

            ‘เจ้าก็รู้ ไม่วันนี้หรือวันหน้า อย่างไรซินหรานก็ไม่ใช่สตรีที่เจ้าจะครอบครองได้’ อู่ยินได้แต่ปลอบใจ

            อู่เฉียงได้แต่เก็บงำถ้อยคำของตนเองไว้หมดสิ้น เขารู้ แม้ท่านจอมมารไม่เคยเอ่ยอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาและการแสดงออกนั้น ซินหรานไม่ได้เป็นเพียงแค่สาวใช้ข้างกายเท่านั้น มีบางอย่างที่ลึกซึ้งมากนัก เป็นสิ่งที่บุรุษผู้นั้นอาจยังไม่รู้ใจตนเองก็เป็นได้

            แล้ว...หากเขาจะช่วงชิงนางมาเล่า จะทำได้ไหม?

            ชายหนุ่มยกมือสองข้างขึ้นดูแล้วกำเป็นหมัดแน่น แน่นจนเส้นเลือดปูนโปน กลับจากภารกิจลับครั้งนี้ เขาจะ...จะ...

            “พี่อู่เฉียง” 

            เสียงของหญิงสาวเรียกสติของเขากลับคืนมา รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจที่เคยดำดิ่งในความมืดกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ซินหรานยื่นห่อผ้าที่ใส่อาหารไว้ภายในให้เขา

            “รักษาตัวด้วย”

            “ฮืม”

            ซินหรานชินกับการพูดน้อยของอู่เฉียง เขายื่นมือมารับห่อผ้าไว้ จ้องมองใบหน้าของนางราวกับคิดอะไรอยู่แต่ไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใด เพียงสายลมพัดผ่าน ใบไม้ปลิวว่อนในอากาศ ซินหรานยกมือขึ้นป้องดวงตามิให้ฝุ่นผงเข้าตา เมื่อลมสงบร่างของอู่เฉี่ยงพลันหายไปแล้ว

            อู่เฉียงออกเดินทางแล้ว

            หญิงสาวระบายลมหายใจบางเบา แปดปีที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้เสมอมา นางไม่รู้ว่าภารกิจของอู่เฉียงและคนอื่นๆ มีอะไรบ้าง พวกเขาไม่เคยคุยเรื่องงานหรือภารกิจที่ได้รับมาต่อหน้านาง แต่นางเคยได้ยินอู่ชิงกับอู่ยินบ่นอยู่บ่อยๆ ‘อู่เฉียง’ ใจอ่อนเกินไป เขาเป็นครูฝึกเด็กๆ ที่อยู่ในหุบเขาไม่ได้ แม้ถูกจัดเป็นองครักษ์ของท่านจอมมาร แต่ถ้ามีงานภารกิจสำคัญ เขามักถูกส่งออกไปเสมอ

            คนที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักฆ่า แต่เมื่ออยู่รวมกันไม่มีใครพูดเรื่องเหล่านั้น นางเองก็พึงพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ ทุกคนล้วนหยอกล้อพูดคุยกันไม่ต่างจากคนในหมู่บ้านที่นางเคยจากมา นางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แปดขวบ ความทรงจำที่หมู่บ้านเชิงเขานั้นเหลือน้อยเต็มที แต่นางยังจดจำเสียงหัวเราะและเสียงร้องเพลงของคนในหมู่บ้านได้พอๆ กับเสียงกรีดร้องโหยหวนในคืนฝันร้ายนั้น

            ซินหรานเดินกลับเข้ามาช่วยงานพ่อครัวเจี่ยน ในเมื่อนางไม่ต้องขึ้นไปรับใช้ท่านจอมมาร นางจึงอยู่แต่ในครัว

            “คืนนี้น่าจะมีฝน เจ้าเอาผ้าห่มไปเพิ่มอีกซิ”

            “ฝนจะตกหรือเจ้าคะ” นางถามพลางแหงนหน้ามองฟ้า ยังเห็นท้องฟ้ากระจ่างใส

            “มดยังย้ายรัง เจ้าไม่คิดว่าคืนนี้จะมีฝนมารึ” พ่อบ้านเจี่ยนทำเสียงดุบุ้ยปากให้ดูฝูงมดที่เดินเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่บนพื้น

            “ข้าไม่ทันมองเจ้าค่ะ” นางหัวเราะคิกคัก จัดการล้างผลไม้เรียงใส่จานอย่างสวยงามแล้วรอให้บ่าวคนอื่นยกไป

            “ยกไปก็มิรู้ว่าจะได้กินหรือเปล่า” พ่อบ้านเจี่ยงบ่นแต่ก็เตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น

            “ถอนพิษร้อยชายนี้ไม่อาจหยุดพักดื่มน้ำกินข้าวเลยหรือเจ้าคะ”  นางถามด้วยความประหลาดใจ แม่นางจางเย่วถิงมาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ระหว่างการถอนพิษนั้น กระทำที่ห้องฝึกตนของท่านจอมมาร  นางถูกสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ เดิมทีคิดว่าเพราะนางเองไร้วรยุทธ์ถ้าเข้าไปไม่ถูกจังหวะอาจรบกวนการถอนพิษได้

            พ่อครัวเจี่ยนถลึงตาใส่ แต่พอเห็นสีหน้าไร้เดียงสาของหญิงสาวแล้วก็ได้แต่โคลงศีรษะไปมา นางใช้ห้องเก็บของเล็กๆ ติดกับห้องนอนของท่านจอมมารเป็นห้องนอน นางจะไม่รู้เรื่องอะไรๆ ระหว่างชายหญิงเลยหรือ? นางเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตในพรรคมารอย่างนี้ เขาเองสั่งสอนนางแค่เรื่องการทำอาหาร ส่วนพ่อบ้านจูโหย่งเจาก็สอนเรื่องอ่านเขียนและการทำบัญชี คนอื่นๆ ช่วยกันเลี้ยง ทั้งงานเย็บปักถักร้อย และงานทั่วไป เรียกได้ว่านางเป็นคนเดียวที่เติบโตมาอย่าง ‘เด็กธรรมดา’ ไม่ใช่ ‘นักฆ่า’ เช่นเด็กคนอื่น

            หากพูดไปว่าซินหรานเติบโตในพรรคเพลิงอัคนี คงไม่มีใครเชื่อ เด็กสาวที่ไร้วรยุทธ์ อ่อนโยนและจิตใจดีซ้ำยังมีกลิ่นอายพิสุทธิ์เช่นนี้จะมาอยู่ในพรรคมารอันดับหนึ่ง

            แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง คนในพรรคมารย่อมไม่ถือสา หากพึงพอใจต่อกันก็ย่อมมีความสัมพันธ์กันได้ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าซินหรานไม่ใช่สตรีที่ถูกแตะต้องได้ แม้กับอู่เฉียงพี่ชายบุญธรรมของนางก็ตาม อู่เฉียงเองย่อมรู้ดีที่สุด ผู้ที่แตะต้องนางได้มีแต่ท่านจอมมารเหิงหยางเซิง

            หญิงสาวไม่รู้เลยสักนิดว่าเจ้าของใบหน้าบึ้งตึงของพ่อครัวอันดับหนึ่งในพรรคเพลิงอัคนีกำลังครุ่นคิดเรื่องของนาง นางลงมือนวดแป้งเพื่อทำขนม จำรายการอาหารที่พ่อครัวเจี่ยนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ได้ก็ทำทุกอย่างไปตามลำดับขั้นตอน ปกติในครัวถ้าเป็นอาหารของท่านจอมมารมีแค่พ่อครัวเจี่ยนและนางเท่านั้นที่อยู่ในครัวได้ คนยกอาหารเป็นบ่าวรับใช้คนอื่น แต่มีองครักษ์อย่างอู่ชิงหรืออู่ยินคุ้มกันอาหารนำส่งทุกครั้ง

            งานในครัวเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงเข้าไปเตรียมที่หลับที่นอนของสามคืนนี้ เพราะเคยอยู่อย่างยากลำบาก แค่นอนในห้องเก็บฟืนนางจึงไม่รู้สึกว่าเดือดร้อนอะไรนัก นางเตรียมเสื่อให้ตัวเองและหยิบเชิงเทียนเข้าไปไว้ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินเร็วๆ กลับไปที่ห้องของตนเอง หอบผ้าห่มกับหมอนและยังคล้องตะกร้าใส่อุปกรณ์เย็บปักด้วย จะว่าไปการไปนอนในห้องเก็บฟืนก็ดีไม่น้อย นั่นหมายถึงนางไม่ต้องอยู่รับใช้ท่านจอมมารที่ชอบเขมือบหญิงงามทุกคืน

            ผู้ติดตามจางเย่วถิงเห็นร่างเล็กหอบของพะรุงพะรังก็เดินเข้าไปหาหมายจะช่วยเหลือ ระหว่างสามวันสามคืนที่ผู้เป็นนายหญิงถอนพิษร้อยชายอยู่นั้น ผู้ติดตามทั้งสองไม่มีสิ่งใดต้องทำ และจำได้ว่าเด็กสาวคนนี้แม้มีฐานะเป็นหญิงรับใช้อุปนิสัยเป็นคนน่ารักไม่น้อย คอยดูแลความเป็นอยู่ของผู้ติดตามอย่างดียิ่ง

            “มิเป็นไรเจ้าค่ะ” ซินหรานรีบปฏิเสธ “พวกท่านเป็นแขก อย่าได้ลำบากเพราะบ่าวเลยเจ้าค่ะ”

            “เหตุใดเจ้าต้องไปนอนที่อื่นเล่า”

            “เรื่องนั้นบ่าวมิอาจรู้ได้ รู้แต่เป็นคำสั่งของนายท่าน”

            ผู้ติดตามสาวทั้งสองอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ปิดปากแล้วส่งยิ้มให้เด็กสาวแทน ซินหรานเห็นทั้งสองไม่ซักถามอะไรแล้วจึงรีบเดินเร็วๆ จากไป นางจึงไม่ได้ยินการสนทนาที่ดังคล้อยหลังนางแค่ไม่กี่ก้าว

            “ที่แท้นางเป็นคนโปรดของท่านจอมารเหิงหยางเซิง”

            “ประมุขของเราก็ถูกใจนางไม่น้อย” 

            “หรือต้องการนาง?”

            ผู้ติดตามทั้งสองมองหน้ากันแล้วลอบถอนหายใจ เป็นไปได้หรือนี่ ดอกไม้ขาวพิสุทธิ์กลับเบ่งบานในสถานที่ที่โสมมที่สุด

            ซินหรานกินอาหารเย็นร่วมกันผู้อื่นแล้วจัดการช่วยเก็บล้างถ้วยชามคว่ำเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละคนแยกกันไปพักผ่อน ส่วนนางเดินไปที่ห้องเก็บฟืนที่อยู่ด้านหลังครัว

            “จุดเทียนก็ระวังด้วย เวลานอนอย่าลืมดับเทียนให้สนิท”

            “เจ้าค่ะ พ่อครัวเจี่ยน” นางส่งยิ้มทะเล้นให้ทำให้พ่อครัวเจี่ยนแสร้งขึงตาใส่ แต่นางไม่เคยรู้สึกกลัวเลยสักนิด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 56.  จบ

    ดวงตาร้อนแรงที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินทำให้ซินหรานต้องหลับตารับรู้สัมผัสร้อนผ่าวจากเรียวลิ้นของเขาที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก มือใหญ่ปล่อยฝ่ามือนางที่อาจไม่ขยับไปจากแผ่นอกของเขาได้เปลี่ยนมัดร่างนางให้แนบชิดกับร่างของเขาแน่นขึ้นราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นร้อนไล่ลุกเร้ากับลิ้นน้อยๆ จนยอมจำนนให้เกี่ยวกระหวัด เสียงครางครือในลำคอของหญิงสาวทำให้บุรุษหนุ่มฮึกเฮิมดันร่างบางไปชิดก้อนหินกลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ให้แผ่นหลังของนางแนบชิด ดอกบัวคู่งามจึงเชิดชันท้าท้ายให้บุรุษหนุ่มอ้าปากครอบครอง เม้มริมฝีปากดูดดึงจนหญิงสาวไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางของตนเองได้ “ประเดี๋ยวมีใครมาเห็น” นางใช้สองมือที่อ่อนแรกผลักเขาออก “ไม่มีหรอก” เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ “หากมีก็แค่ควักตาออกเสีย” ซินหรานไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร เขาดึงดันจะกลืนกินนางและเขาก็ทำให้นางไม่เหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีก ราวกับร่างกายของนางก็โหยหิวสัมผัสของเขาเช่นกัน นางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมเลิกทรมานทรวงอกของนาง ทว่าริมฝีปากร้ายพรมจูบหน้าท้องของนาง เพราะรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร นางรีบร้องห้ามทั้งที่ตัวเองอ่

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 55.  คำสั่งแรก

    ใครเลยจะรู้ว่าคำสั่งแรกในฐานะฮูหยินของประมุขพรรคเพลิงอัคนีคือการสั่งให้ทุกคนเดินทางพร้อมกันไม่มีแยกเป็นสองขบวนตามที่เหิงหยางเซิงตกลงกับเฉินเอ๋อร์ “ตั้งแต่คลอดเฉินเอ๋อร์ออกมา เขาไม่เคยห่างจากข้าเลยสักครั้ง ท่านจะผลักไสให้ข้ากับลูกแยกกันได้อย่างไร” เหิงหยางเซิงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม แม้หญิงสาวผู้นี้จะยังคงเป็นซินหรานที่แลดูอ่อนแอบอบบางไร้ปากเสียง แต่ยามที่นางต้องการสิ่งใดก็ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป แต่อย่างน้อยเขาก็ผลักไสให้อู่เฉียงไปไกลหูไกลตา และจางเย่วถิงที่แสร้งทำเป็นอยากเดินทางด้วย แต่เพราะนางยังต้องการยาอายุวัฒนะนั้นอยู่จึงออกไล่ล่าช่วงชิงยาวิเศษที่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว ก่อนเอ่ยคำลา ซินหรานคืนหยกประจำกายของจางเย่วถิง ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดว่าหยกชิ้นนี้มีความหมายมากขนาดนี้ แม้สิ่งนี้จะทำให้นางออกคำสั่งคนของพรรคกระเรียนแดงได้ก็ตาม แต่จางเย่วถิงกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยปาก “สิ่งใดที่ข้าให้แล้วย่อมไม่เอาคืน ถือเสียว่าข้าให้เป็นของขวัญเจ้าก็แล้วกัน” ด้วยเหตุนี้ซินหรานจึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางเก็บหยกชิ้นนั้นไว้แล้ว

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 54.  ส่งท้าย

    “อู่ชิงอู่ยินเอาม้าของข้าให้อู่เฉียงไป”“ขอรับ” คนที่อยู่ด้านนอกรีบตอบรับ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป เดิมทีจอมมารเหิงหยางเซิงต้องการเดินทางกลับเกาะเพลิงอัคนีทันทีและแน่นอนว่ากลับไปครั้งนี้มีฮูหยินติดตามกลับไปด้วย ทว่าเมื่อเร่งรีบออกจากหมู่บ้านมาเพื่อไม่ต้องการพบกับคนของทางการ ทั้งหมดจึงได้ไปอาศัยหลบอยู่อีกหมู่บ้านไม่ไกลมากนักเพื่อให้อู่เฉียงได้รักษาตัว แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือพระสนมหลิวเสียนเฟยผู้นี้ไม่ยอมเดินทางกลับเมืองหลวง“ข้าจะอยู่ดูแลผู้มีพระคุณสักสามสี่วันจะเป็นไรไป” แม้นางจะไม่ให้ใครเอ่ยถึงนางในฐานะพระสนมคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ แต่ลักษณะท่าทางสูงส่งแม้กระทั้งน้ำเสียงเย่อหยิ่งถือดีนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เหิงหยางเซิงผู้เป็นประมุขพรรคมารมิชอบใจท่าทีเช่นนี้ เขาต้องการเดินทางกลับอยู่ทุกวันคืนไม่ใช่เพียงไม่ชอบท่าทีของสตรีผู้นี้แต่เพราะไม่ต้องการให้ซินหรานอยู่ใกล้อู่เฉียงแม้บาดแผลจะทำให้เสียเลือดมากแต่เพราะมีพ่อบ้านจูโหย่งเจาอยู่จึงดูแลรักษาอู่เฉียงให้ฟื้นกำลังได้อย่างรวดเร็ว ในวันที่สามก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ และถูกจอมมารเหิงหยางเซิงขึงตาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เ

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 53. ข้าคือจอมมาร

    สุดท้ายก็ไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนไม่เหลือหน้าตาให้หยัดยืนใน ยุทธภพ เปลี่ยนแปลงตนเอง เข้าไปในวังวนของวังหลวง หวังให้ตำแหน่งของตนสูงสุด แต่สุดท้ายกลับถูกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนทำลายป่นปี้ ด้วยความแค้นทำให้กั๋วกงกงลืมกลยุทธไปหมดสิ้นต่อสู้เหมือนคนตาบอดสะเปะสะปะไปมา ยิ่งสู้ยิ่งไม่อาจยอมรับความแพ้พ่าย หางตาเห็นสตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยืนอยู่คนเดียว จึงเปลี่ยนเป็นพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวบอบบาง ซินหรานเบิกตากว้างที่จู่ๆ กั๋วกงกงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาที่นาง ทว่าเมื่อประสายสายตากันกลับเป็นกั๋วกงกงที่ชะงักงันแล้วกรีดร้องคลุ้งคลั่ง “ไม่จริง! ข้าจะไม่ตายเช่นนั้น! ข้าไม่มีวัน...!” ยังไม่ทันจบประโยคดี แสงสีเพลิงจากกระบี่อัคนีพิฆาตก็แทงทะลุร่างของกั๋วกงกง ดวงตาคู่นั้นก้มมองปลายกระบี่ที่ทะลุหน้าอกตนเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเอี้ยวมองไปด้านหลัง เห็นเพียงรอยยิ้มโหดเหี้ยมของเหิงหยางเซิง เขาบิดข้อมือทำให้กระบี่ควานเนื้อเรียกโลหิตให้หลั่งออกมาจนนองพื้น “เจ้า...เจ้ามัน...มาร...ปีศาจ...ร้าย” “ถูกต้อง ข้าคือจอมมารเหิงหยางเซิงแห่งพรรคเพลิงอัคนี” เพียงชั

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 52. อย่าสบตา

    ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่นางเป็นเด็กแปดขวบ หญิงสาวเบิกตาโต ความทรงจำที่เลือนลางไปเต็มทีแล้วกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง บ้านของนางไฟไหม้ บิดามารดาฉุดแขนให้นางวิ่งออกมา ทว่าบิดาถูกคนร้ายใช้ดาบฟันกลางหลัง แต่กระนั้นก็ยังกอดนางกับมารดาไว้ คนร้ายหัวเราะทั้งที่มารดาหวีดร้องเหมือนคนเสียสติ พุ่งเข้าไปใช้เพียงมือเปล่าทุบตีคนเหล่านั้น หนึ่งนั้นใช้ฝ่ามือฟาดใส่หน้ามารดาถึงกับเซถลาล้มลง พวกมันหัวเราะร่ากระตุกเท้ามารดาไว้แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าของมารดา‘หนีไป! หนีไป!’เด็กน้อยตัวแข็งทื่อก้าวเท้าไม่ออก ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยแปดขวบถูกฉุดกระชากอย่างแรงจนแขนเสื้อของเด็กหญิงขาด เด็กหญิงตัวน้อยหวีดร้องสุดเสียง พยายามสะบัดแขนขาที่ถูกเกาะกุมด้วยชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมตัวนางอยู่ เด็กหญิงสู้แรงชายเหล่านั้นไม่ได้ ร่างของนางถูกยกขึ้นเหนือพื้นแขนสองข้าง ขาสองข้างถูกมือสกปรกจับยกขึ้น แม้น้ำตาไหลอาบแก้มแต่นางยังมองเห็นเปลวเพลิง ผู้คนที่ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด บนพื้นนองไปด้วยเลือดสีแดงสด ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงของเปลวเพลิง เด็กหญิงหวีดร้องจนเจ็บคอไปหมด ราวกับมีเลือดผสมน้ำลาย เสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติดังขึ้น

  • ลำนำน้ำค้าง ดอกไม้ผลิบานในฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน   Chapter 51. นางเป็นฮูหยินของข้า

    อู่เฉียงได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามองพร้อมกับพระสนมหลิวเสียนเฟยที่ปรายตามองเล็กน้อย ซินหรานก้าวออกมายืนแล้วกวาดตามองเหมือนค้นหาสิ่งผิดปกติ “เอ่อ...ข้าคงรู้สึกไปเอง เหมือนมีผู้อื่นอยู่ที่นี่” ซินหรานอึกอักหน้าแดง นางคงกังวลเกินเหตุไป พระสนมหลิวเสียนเฟยส่งยิ้มเอ็นดูให้ ได้ยินว่าหญิงสาวผู้นี้อายุยี่สิบแล้วและมีลูกชายน่ารัก แต่ลักษณะท่าทางยังเหมือนเด็กสาวมิได้ออกเรือน ยามเขินอายก็แก้มแดงระเรื่อ ช่างดูไร้เดียงสานัก พลันอดคิดถึงตนเองยามเป็นเด็กสาวไม่ได้ นางเหม่อลอยไปครู่หนึ่งสายตาดุจตาหงส์สังเกตสิ่งที่อยู่ในมือของซินหรานนั้นคุ้นตา จึงเอ่ยถามออกไป “นี่นะหรือ?” ซินหรานยื่นหน้ากากอันนั้นส่งให้พระสนม แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำให้พูดคุยกับนางเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป ซินหรานจึงเอ่ยกับอีกฝ่ายดุจสนทนากับคนที่ฐานะเท่าเทียมกัน “เจ้าได้หน้ากากนี่มาจากที่ใด” พระสนมหลิวเสียนเฟยเอ่ยถาม ดวงตามีประกายความตื่นเต้นไม่น้อย “เรียนตามตรง ท่านจอมมารให้ข้ามา เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ส่งมาให้ท่านจอมมาร แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามาจากที่ใด” “เจ้าเคยใช้หรือไม่?” ซินหรานอึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยไปตรง “ครั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status