หน้าหลัก / รักโบราณ / ลำนำรักจันทราสลาย / ตอนที่ 3  รัชทายาทปีศาจ

แชร์

ตอนที่ 3  รัชทายาทปีศาจ

ผู้เขียน: Charuda Singsathon
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-15 12:55:17

แดนปีศาจ หรือ โหมวเจี้ย ไม่เคยรู้จักคำว่า 'สงบสุข' แม้ในช่วงที่ไม่มีการทำสงครามกับแดนสวรรค์ การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินอยู่ตลอดเวลาเพื่อแย่งชิงอำนาจและดินแดนอันมืดมิด

ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยหมอกควันสีเทาอมดำ และมีเพียงแสงจากเปลวเพลิงสีครามที่ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง สมรภูมิหุบเขาอัคคี ได้กลายเป็นที่ฝังศพของเหล่าปีศาจกบฏที่คิดทรยศต่อบัลลังก์ของ มารานตี้ จักรพรรดิปีศาจ

บนยอดกองศพที่ยังไม่ทันเย็นชืด ร่างสูงสง่าของ อวิ๋นเทียนหาน รัชทายาทแห่งปีศาจ ยืนตระหง่านอยู่ เขาสวมชุดเกราะสีนิลสนิทที่กลืนไปกับความมืดมิด มีเพียงรอยแกะสลักคล้ายมังกรที่เรืองแสงสีม่วงอ่อนๆ ภายใต้แสงไฟปีศาจ ดาบปีศาจเงา ในมือของเขาถูกเก็บเข้าฝักแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งในอากาศยังคงติดอยู่

อวิ๋นเทียนหาน คือบุตรชายเพียงคนเดียวของมารานตี้ฮ่องเต้ ที่ไม่เพียงแต่สืบทอดสายเลือดปีศาจบริสุทธิ์ แต่ยังได้รับพรสวรรค์ในการควบคุมพลังแห่งความมืดที่เหนือกว่าปีศาจตนใดในแดนนี้ ด้วยความสามารถในการเรียกและควบคุมเงาให้กลายเป็นปีศาจภูติที่ไร้รูปร่าง และสามารถใช้เงามืดนั้นพันธนาการคู่ต่อสู้จนแตกสลาย เขาจึงได้รับฉายาที่น่าสะพรึงกลัวว่า “เจ้าชายเงามืด”

การปราบกบฏครั้งนี้กินเวลายาวนานกว่าสามวันสามคืน โดยมี เฮยหลง แม่ทัพใหญ่ผู้จงรักภักดีติดตามอย่างใกล้ชิด ทว่าอวิ๋นเทียนหานกลับทำลายกองทัพกบฏกว่าแสนตนลงได้ด้วยตัวคนเดียวเป็นส่วนใหญ่

ในฉากสุดท้ายของการรบ หัวหน้ากบฏตนหนึ่งที่บาดเจ็บหนักพยายามจะหลบหนี แต่เงาดำจากเท้าของอวิ๋นเทียนหานกลับพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษ เงาเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นดาบที่มืดมิดและแทงทะลุร่างของหัวหน้ากบฏผู้นั้นอย่างโหดเหี้ยม

อวิ๋นเทียนหานไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ดวงตาคมกริบของเขาเย็นชาไร้เมตตา ราวกับผู้ที่ถูกพันธนาการไว้ในความมืดมานับพันปี เขาไม่เคยแสดงความสงสารหรือความอ่อนแอให้ใครเห็น การตัดสินใจของเขามีเพียงเพื่อ ชัยชนะ และ อำนาจ เท่านั้น

“นายท่าน การปราบปรามเสร็จสิ้นแล้ว” เฮยหลงเดินเข้ามาค้อมกายรายงานด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

“กวาดล้างให้สิ้น อย่าให้เหลือซาก” อวิ๋นเทียนหานสั่งเสียงเรียบ “ปีศาจที่คิดทรยศต่อแดนปีศาจ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่”

คำสั่งนี้แสดงให้เห็นถึงความ โหดเหี้ยมไร้เมตตา ที่ทำให้ทุกคนในแดนปีศาจหวาดกลัวเขาเหนือกว่ามารานตี้ฮ่องเต้เสียอีก

แม้ว่าภายนอกของอวิ๋นเทียนหานจะแสดงออกถึงความโหดเหี้ยมและกระหายในอำนาจ ทว่าภายในจิตใจที่เย็นชาของเขากลับมี ความขัดแย้ง ที่รุนแรงซ่อนอยู่

เขาคือบุตรชายของ มารานตี้ จักรพรรดิปีศาจ ผู้ซึ่งมีความปรารถนาในการทำสงครามกับแดนสวรรค์อย่างไม่สิ้นสุด มารานตี้เชื่อว่าการทำลายสวรรค์คือหนทางเดียวที่แดนปีศาจจะสามารถครอบครองสามภพและนำความยิ่งใหญ่มาสู่ปีศาจได้

อวิ๋นเทียนหานได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำทัพในการทำสงครามกับสวรรค์หลายครั้ง และเขาก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม แต่ในทุกครั้งที่ได้รับชัยชนะ ความรู้สึกว่างเปล่ากลับเข้ามาแทนที่ความปิติ

เขามองเห็นแล้วว่า สงคราม ไม่ได้นำมาซึ่งความรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง มันนำมาซึ่งการสูญเสีย ความแค้น และการทำลายล้างที่ไม่สิ้นสุด ปีศาจที่ตายในสนามรบก็ไม่ต่างจากเซียนที่ตายในสงคราม ทั้งหมดล้วนเป็นเพียง เครื่องมือ ในการสนองความกระหายอำนาจของผู้ปกครอง

"บิดาของข้า... ใฝ่หาแต่ความยิ่งใหญ่ในนามของสงคราม แต่สุดท้ายแล้ว ปีศาจก็ต้องมาฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอด" เขาคิดในใจอย่างขมขื่น

ความขัดแย้งระหว่างเขากับมารานตี้จึงไม่เคยจางหายไป อวิ๋นเทียนหานไม่ปรารถนาสงครามที่ไม่สิ้นสุด เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับวัฏจักรแห่งความแค้นนี้ แต่ในฐานะรัชทายาท เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามพระประสงค์ของบิดาเพื่อความอยู่รอดของตนเอง

ในคืนนั้น เมื่อเขากลับเข้าสู่ปราสาทที่มืดมิดของตนเอง อวิ๋นเทียนหานเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่ทำจากหินอัคนี มองออกไปยังฟากฟ้าที่ถูกบดบังด้วยความมืด

“เฮยหลง เจ้าคิดว่าสงครามนี้จะจบลงเมื่อใด?” อวิ๋นเทียนหานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ผิดปกติจากความเย็นชาของเขา

เฮยหลงยืนอยู่ด้านหลังเขาอย่างเงียบๆ “ตราบใดที่สวรรค์ยังคงถือว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์และปีศาจยังเป็นผู้ถูกกวาดล้าง สงครามก็จะไม่มีวันจบสิ้นพ่ะย่ะค่ะ มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถยุติมันได้ด้วยการทำลายสวรรค์ให้สิ้นซาก”

อวิ๋นเทียนหานหันกลับมามองเฮยหลง ดวงตาของเขามืดมิดราวกับหลุมดำ “ทำลาย? แล้วหลังจากนั้นล่ะ? แดนปีศาจจะสงบสุขจริงหรือ? หรือจะเกิดสงครามแย่งชิงอำนาจภายในอีกครั้ง เพราะไม่มีศัตรูภายนอกให้รวมใจเป็นหนึ่ง?”

เฮยหลงไม่กล้าตอบคำถามนั้น เพราะนั่นคือความจริงที่ทุกคนในแดนปีศาจรู้ดี การรวมเป็นหนึ่งเดียวของปีศาจเกิดจากความเกลียดชังที่มีต่อสวรรค์

“สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่เพียงชัยชนะ… แต่คือ ความสงบ ที่แท้จริง” อวิ๋นเทียนหานกล่าวอย่างแผ่วเบา เป็นคำพูดที่ไม่เคยมีปีศาจตนใดเคยได้ยินจากเขามาก่อน

ในขณะที่อวิ๋นเทียนหานยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด จิตวิญญาณของเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ คุ้นเคย และ ดึงดูดใจ มันคือพลังที่บริสุทธิ์และเยือกเย็นราวกับหิมะ แต่มันกลับเชื่อมโยงกับความมืดในตัวเขาได้อย่างแนบแน่น

ความรู้สึกนี้เริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่คืนที่ดวงจันทร์เริ่มมีรอยร้าว และรุนแรงที่สุดเมื่อเขาได้สัมผัสกับ ความฝัน ขององค์หญิงสวรรค์ในคืนที่ผ่านมา

อวิ๋นเทียนหานก้าวไปที่หน้าต่างอีกครั้ง เขาใช้พลังปีศาจของตนเองดึงม่านเมฆหนาทึบออกไป เพื่อเผยให้เห็นท้องฟ้าด้านนอก

บนฟากฟ้าที่ห่างไกล ดวงจันทร์สีเงินยังคงปรากฏ รอยร้าว สีดำสนิทพาดผ่านกลางดวงอย่างเห็นได้ชัด แสงจันทร์ที่รอดผ่านรอยร้าวนั้นดูหม่นหมอง แต่กลับมี พลังดึงดูด อย่างรุนแรง

อวิ๋นเทียนหานเงยหน้ามองดวงจันทร์ รอยร้าวบนฟากฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาคมเย็นยะเยือกของเขาอย่างชัดเจน ราวกับรอยร้าวนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชะตากรรมเขาไปแล้ว

“บุตรแห่งจันทร์…”

เขานึกถึงพลังที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนที่สัมผัสได้ในความฝัน มันช่างแตกต่างจากความมืดมิดที่เขาเติบโตมา แต่พลังนั้นกลับกระตุ้นสัญชาตญาณปีศาจในตัวเขาให้ อยากครอบครอง

แต่ในขณะเดียวกัน การสัมผัสกับความบริสุทธิ์นั้น ก็ทำให้ความรู้สึก เบื่อหน่าย ในตัวเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วย พลังแห่งจันทราของนางทำให้เขาตระหนักว่าโลกนี้มีความหวังและสิ่งที่สวยงามที่มากกว่าการทำสงคราม

เขาต้องการพลังแห่งจันทราของนาง เพื่อใช้ในการทำลายล้างสวรรค์และยุติสงครามตามที่มารานตี้ต้องการ

แต่เขากลับรู้สึกเหมือนถูกลิขิตให้ปกป้องพลังนั้น เพราะมันคือแสงสว่างเดียวที่สามารถนำความสงบสุขที่แท้จริงมาสู่สามภพได้ หากพลังนั้นสลายไป โลกนี้ก็จะดำดิ่งสู่ความมืดมิดตลอดกาล และสงครามก็จะไม่มีวันจบสิ้น

อวิ๋นเทียนหานยกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ เงาดำจากปลายนิ้วของเขาก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกเล็กๆ พยายามยื่นขึ้นไปสัมผัสกับแสงจันทร์ที่ร้าวรานนั้น

“พันธะที่ต้องห้าม”

นี่คือคำที่เขาได้ยินจากพลังแห่งจันทรา เขาไม่รู้ว่าพันธะนี้หมายถึงอะไร แต่เขารู้สึกเหมือน โชคชะตา บางอย่างกำลังเชื่อมโยงเขากับองค์หญิงสวรรค์ผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าความผูกพันนี้จะเป็นไปในรูปแบบใด... มันจะต้องเป็นจุดเริ่มต้นของมหาสงครามครั้งสุดท้ายของสามภพอย่างแน่นอน

เขาคือความมืดที่ต้องกลืนกินแสงสว่าง และนางคือแสงสว่างที่ต้องทำให้ความมืดสงบลง

อวิ๋นเทียนหานลดมือลงอย่างช้าๆ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในอำนาจและสงครามที่กำลังจะมาถึง

“เฮยหลง… สั่งการทัพ เตรียมพร้อมภายในหนึ่งเดือน ข้าจะนำทัพบุกแดนสวรรค์ด้วยตัวเอง คราวนี้… เราจะไม่เพียงแต่ขับไล่เซียน แต่จะไป นำตัว สิ่งที่สวรรค์หวงแหนที่สุดกลับมา”

นั่นคือคำประกาศของรัชทายาทปีศาจ ที่จะนำพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับชะตากรรมของ บุตรแห่งจันทร์ ตามคำพยากรณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 30 บุปผาพิรุณแห่งลิขิตสุดท้าย (ตอนอวสาน)

    หลังจากที่ หลิงซินเอ๋อร์ และ อวิ๋นเทียนหาน รวมพลังสมดุลเข้าด้วยกัน และผนึกพลังของ มารานตี้ฮ่องเต้ และ เง็กเซียนฮ่องเต้ สนามรบก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่สันติสุขที่แท้จริงยังมาไม่ถึงหลิงซินเอ๋อร์ มองไปยังท้องฟ้าที่ดวงจันทร์ยังคงร้าวราน นางรู้ดีว่า การผนึก เป็นเพียงการยืดเวลา สงครามจะกลับมาอีกครั้งตราบใดที่ ช่องว่าง และ ความไม่เข้าใจ ระหว่างสองภพยังคงอยู่เพื่อหยุดสงครามระหว่างสองภพอย่างถาวร หลิงซินเอ๋อร์ตัดสินใจใช้พลังสุดท้าย ของตนเองในการสร้าง สะพานจันทราสะพานนี้ไม่ใช่สะพานทางกายภาพ แต่เป็น เส้นทางจิตวิญญาณ ที่จะเชื่อมโยง สวรรค์ กับ แดนปีศาจ เข้าด้วยกันอย่างแท้จริง ทำให้สองภพไม่ถูกแยกจากกันด้วยความแค้นและกฎเกณฑ์ที่เคยกำหนดไว้แต่พลังที่จำเป็นในการสร้าง สะพานจันทรา ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องแลกด้วยชีวิตของผู้สร้างสะพาน ซึ่งหมายถึงการสละการดำรงอยู่ทั้งหมดของ หลิงซินเอ๋อร์อวิ๋นเทียนหาน ซึ่งความทรงจำกลับมาสมบูรณ์แล้ว เข้าใจถึงการตัดสินใจของ หลิงซินเอ๋อร์ เขาไม่ยอมให้เธอก้าวไปเพียงลำพัง“เราจะ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 29 ศึกแห่งสวรรค์และปีศาจ

    ข่าวการตื่นขึ้นของ หลิงซินเอ๋อร์ และการทำลายกองทัพเซียนที่ บึงดำ ได้แพร่สะพัดไปทั่วสามภพอย่างรวดเร็วข่าวนี้แพร่ไปถึงหูของ มารานตี้ จักรพรรดิปีศาจแห่งแดนปีศาจทันที!มารานตี้ ซึ่งรอคอยโอกาสนี้มานานหลายศตวรรษ เชื่อว่าการตื่นของ บุตรแห่งจันทร์ ผู้ซึ่งมีพลังสมดุลของทั้งสองเผ่าพันธุ์ คือ โอกาสสุดท้าย ในการล้างแค้นต่อสวรรค์มารานตี้ประกาศระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จักรพรรดิปีศาจเชื่อว่าพลังที่สมดุลของหลิงซินเอ๋อร์คือ กุญแจสำคัญในการเปิดมิติ ที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่สงครามครั้งแรก ซึ่งจะนำพากองทัพปีศาจจำนวนมหาศาลเข้าสู่ใจกลางวังสวรรค์ได้โดยตรงศึกแห่งสวรรค์และปีศาจ จึงปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ของสามภพอวี่หาน (อวิ๋นเทียนหานในร่างใหม่) ผู้ซึ่งกำลังเดินทางด้วยความเจ็บปวดที่ไร้ที่มา ถูกดึงเข้าสู่สงครามโดย ไม่รู้ตัวแม้เขาจะสละความทรงจำและสถานะ โอรสปีศาจ ไปแล้ว แต่ เลือดในกายเขายังคงเป็นสายเลือดปีศาจที่บริสุทธิ์ เขาถูกกองทัพปีศาจที่บ้าคลั่งเข้าใจผิดว่าเป็นนายทัพป

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 28 การคืนชีพของจันทรา

    เง็กเซียนฮ่องเต้ และ สภาสวรรค์ ล่วงรู้ถึงการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของพลังจันทราที่มาจาก บึงดำ พวกเขาทราบดีว่า บุตรแห่งจันทร์ กำลังจะตื่นขึ้นอีกครั้ง ความกลัวเข้าครอบงำสวรรค์อีกครั้ง เพราะหาก หลิงซินเอ๋อร์ ตื่นขึ้นพร้อมกับพลังที่สมดุลอย่างสมบูรณ์ และมีพลังของ โอรสปีศาจ อยู่ในตัว นางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ไม่สามารถเอาชนะได้ สภาสวรรค์สั่งให้ทำลายนาง และ ผนึกบึงดำ อย่างถาวร ก่อนที่พลังปีศาจในร่างจะฟื้นเต็มตัว กองทัพเทพเซียนชุดใหญ่ที่นำโดยเทพผู้คุมกฎที่มีอำนาจมากที่สุด ถูกส่งลงมายัง บึงดำ ทันที ซูเม่ยหลาน ผู้ซึ่งเฝ้าอยู่ริมบึงเห็นกองทัพนั้นเข้ามา นางรู้ว่าถึงเวลาต้องต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว ซูเม่ยหลาน ใช้พิณหยกโบราณของตนเองต่อสู้กับกองทัพเซียนอย่างสิ้นหวัง แต่นางอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานพวกเขาได้ ภายในบึงดำ ดวงจิตสุดท้ายของไป๋หานอี้ ก็รับรู้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง เขาต้องเลือกระหว่างการรักษาดวงจิตสุดท้ายไว้ให้สลายไปอย่างสงบ กับการสละการดำรงอยู่ทั้งหมดเพื่อปกป้องเธอ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 27 วิญญาณจันทรา

    หลายร้อยปีแห่งการรอคอยและการหลับใหลกำลังจะสิ้นสุดลง ซูเม่ยหลาน ผู้ซึ่งกลายเป็นคนเร่ร่อนที่สันโดษ และเป็นเพียงผู้เดียวที่เฝ้าคอยการตื่นของเพื่อนรัก ได้เดินทางไปยัง ยอดเขาจันทรายอดเขาจันทรา เป็นสถานที่ที่ใกล้ชิดกับดวงจันทร์ที่แตกร้าวที่สุด และเป็นที่ที่พลังของ หลิงซินเอ๋อร์ เคยแข็งแกร่งที่สุดในวัยเยาว์ในคืนที่ ดวงจันทร์เต็มดวง และแสงจันทร์สาดส่องลงมายังบึงดำอย่างทรงพลังที่สุด ซูเม่ยหลาน ได้ตัดสินใจทำพิธีปลุก จิตจันทรา ของหลิงซินเอ๋อร์นางวาง พิณหยกโบราณ ลงบนก้อนหินที่ถูกแสงจันทร์อาบไล้ แล้วเริ่มบรรเลงเพลงที่นางเคยบรรเลงให้เพื่อนรักฟังในอดีต เสียงพิณนั้นไม่ใช่เพลงสวรรค์ แต่เป็นเพลงที่เปี่ยมด้วยความภักดี ความเสียสละ และความรักที่เพื่อนทุกคนมอบให้แก่หลิงซินเอ๋อร์เสียงพิณของซูเม่ยหลานดังขึ้นบนยอดเขาจันทรา มันดังก้องไปทั่วทั้งสามภพ ราวกับเป็นเสียงเรียกที่ทะลุผ่านกาลเวลาภายใน บึงดำ ที่มืดมิดและเย็นยะเยือก หลิงซินเอ๋อร์ ที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำลึกเริ่มมีปฏิกิริยาต่อเสียงพิณนั้นเสียงนั้นทะลุผ่าน ผนึ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 26 ลมหายใจแห่งบึงดำ

    หลายร้อยปีผ่านไป ท่ามกลางการหยุดยิงที่เปราะบาง หลิงซินเอ๋อร์ ยังคงหลับใหลอยู่ใต้บึงดำ โลกภายนอกพยายามที่จะลืมสงครามใหญ่ที่จบลงด้วยความสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย บึงดำ ถูกประกาศให้เป็น สถานที่ต้องห้าม และ เขตกันชน ระหว่างแดนสวรรค์และแดนปีศาจ แม้แต่ มารานตี้ฮ่องเต้ ก็ไม่กล้าแตะต้องบึงนี้ เพราะพลังที่สมดุลของบุตรแห่งจันทร์นั้นน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดา บาดแผลของสามภพถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเงียบ แต่ไม่มีใครสามารถรักษาบาดแผลในจิตใจได้ อวี่หาน ผู้เร่ร่อนที่ถูกสาปด้วยความรัก อวิ๋นเทียนหาน ผู้สละความทรงจำที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดและความแค้นของ โอรสปีศาจ ได้สร้างร่างใหม่และใช้ชื่อ “อวี่หาน” นามที่แปลว่า "ความหนาวเย็นแห่งพิรุณ" ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นคืนชีพภายใต้พิรุณโลหิต อวี่หาน กลายเป็น คนเร่ร่อน ผู้ไม่ผูกพันกับที่ใด เขาใช้พลังที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในการช่วยเหลือโลกมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติที่เกิดจากพลังที่หลงเหลือของสงคราม แต่ในใจเขามี ความว่างเปล่า ที่ไม่สามารถเติมเต็มได้

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 25 พิรุณเลือดแห่งการฟื้นคืน

    ภายใน บึงดำ ที่ปั่นป่วนไปด้วยพลังมาร อวิ๋นเทียนหาน กอดร่างที่ไร้สติและอ่อนล้าของ หลิงซินเอ๋อร์ ไว้แน่นความทรงจำทั้งหมดที่หายไปได้ไหลกลับเข้ามาในจิตวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง ทั้งความรักและความแค้นต่อสวรรค์ การเสียสละของ ไป๋หานอี้ และการตายของ เฮยหลง ทั้งหมดนี้ถูกประทับไว้ในใจของเขาอย่างไม่มีวันลืมอวิ๋นเทียนหาน ใช้ พลังมารที่ฟื้นคืน อย่างสมบูรณ์ของเขา สร้างร่างจริงของตนเองขึ้นมา พลังมารสีม่วงเข้มปกคลุมไปทั่วร่างวิญญาณ ก่อนจะควบรวมกลายเป็น ร่างปีศาจ ที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบที่สุดร่างของเขาสวมอาภรณ์สีดำที่ทอจากพลังมาร อวิ๋นเทียนหาน ในตอนนี้คือ โอรสปีศาจที่ฟื้นคืนชีพ อย่างแท้จริงทว่า การฟื้นคืนในครั้งนี้ต้องแลกด้วยการสละครั้งสำคัญ อวิ๋นเทียนหาน มองไปยังร่างที่หลับใหลของหลิงซินเอ๋อร์ เขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้อีกต่อไป เขาต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องความเสียสละของนาง‘ข้าจะใช้ความแค้นนำทาง เพื่อไม่ให้ใครกล้าแตะต้องนางได้อีก!’เขายอม สละความอ่อนโยน และ ความรู้สึกที่เปราะบาง ของปีศาจในตัวตนของเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status