Home / รักโบราณ / ลำนำรักจันทราสลาย / ตอนที่ 5 เงามืดและแสงจันทร์

Share

ตอนที่ 5 เงามืดและแสงจันทร์

last update Last Updated: 2025-10-17 12:55:46

หลิงซินเอ๋อร์ ถูก อวิ๋นเทียนหาน นำพาเข้าสู่ใจกลางของ แดนปีศาจ ซึ่งตั้งอยู่ภายในปราสาทหินดำทะมึนที่ใหญ่โตและน่าสะพรึงกลัว ปราสาทนี้ถูกเรียกว่า ‘โหมวอวิ๋น’ (เมฆามาร) ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่มืดมิด มีเพียงเปลวไฟปีศาจสีครามที่ให้แสงสว่างอย่างน่าขนลุก

ทุกสิ่งที่นางเห็นระหว่างทางเต็มไปด้วยความโหดร้ายและไร้ซึ่งเมตตา พื้นดินเต็มไปด้วยร่องรอยของสงครามและการต่อสู้ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและกำมะถัน ปีศาจที่เดินผ่านไปมาส่วนใหญ่มีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหาย และมักจะเข่นฆ่ากันเองเพื่อแสดงอำนาจ

สิ่งที่ทำให้หลิงซินเอ๋อร์รู้สึกปวดใจที่สุดคือ ทาสมนุษย์ ที่ถูกนำตัวมาทำงานหนักและทรมานในแดนปีศาจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร่างกายผอมโซและเต็มไปด้วยบาดแผล นางเห็นทาสมนุษย์คนหนึ่งถูกปีศาจตนหนึ่งโบยตีอย่างหนักเพียงเพราะทำงานล่าช้า

นี่หรือคือแดนปีศาจที่ไร้ซึ่งกฎหมายและความเมตตา?

แม้จะถูกพามาในฐานะ ตัวประกัน หลิงซินเอ๋อร์ยังคงถูกปฏิบัติอย่างให้เกียรติในฐานะ เซียน ที่มีพลังพิเศษ นางถูกนำตัวไปยังห้องพักรับรองที่ตั้งอยู่ส่วนลึกของปราสาท ห้องนั้นตกแต่งด้วยหินนิลและผ้าไหมสีดำม่วง มีพลังปีศาจแผ่กระจายอยู่ทั่ว

อวิ๋นเทียนหานยืนมองนางที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องโดยไม่แสดงความหวาดกลัว “เจ้าควรรู้ไว้ ว่าเจ้าอยู่ในแดนของใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าคิดจะใช้พลังเซียนเพื่อหนี ข้าจะสั่งให้ปีศาจของข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”

“ข้าไม่คิดหนี” หลิงซินเอ๋อร์ตอบอย่างหนักแน่น นางหันไปเผชิญหน้ากับเขา “แต่ข้าอยากรู้ว่า… ทำไมที่นี่ถึงโหดร้ายถึงเพียงนี้? ผู้บริสุทธิ์ต้องทนทุกข์มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?”

อวิ๋นเทียนหานยิ้มเยาะ “นี่คือแดนปีศาจ ความอ่อนแอคือความผิด บาดแผลคือบทเรียน หากเจ้าไม่สามารถปกป้องตนเองได้ ก็สมควรตาย”

“แล้วทาสมนุษย์พวกนั้นล่ะ?” นางถามอย่างไม่ลดละ “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องถูกทรมาน”

“พวกเขาคือเครื่องมือในการทำสงครามของบิดาข้า” อวิ๋นเทียนหานตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า หน้าที่ของเจ้าคือการ อยู่เฉยๆ และรอจนกว่าข้าจะใช้เจ้าได้ตามแผน”

แม้จะแสดงออกอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าหลิงซินเอ๋อร์ แต่ อวิ๋นเทียนหาน ก็กำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในใจอย่างรุนแรง เขาทิ้งให้หลิงซินเอ๋อร์อยู่ในห้องเพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องโถงหลักของปราสาท ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับทรมานทาสมนุษย์

เขาเดินผ่านทาสมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังถูกโบยตีอย่างทารุณจากปีศาจเฝ้ายาม ปีศาจนั้นสนุกสนานกับการเห็นความเจ็บปวด

อวิ๋นเทียนหานหยุดเดิน เฮยหลง แม่ทัพใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันรู้สึกได้ถึงพลังที่เปลี่ยนไปของรัชทายาท

“หยุดมือ!” อวิ๋นเทียนหานออกคำสั่งเสียงดุดัน พลังอำนาจปีศาจของเขาแผ่ออกมาอย่างกดดันจนปีศาจเฝ้ายามต้องหยุดชะงักด้วยความหวาดกลัว

“รัชทายาท?” ปีศาจตนนั้นถามอย่างงุนงง “พวกมันเป็นแค่ทาส พวกมันไม่เชื่อฟัง...”

“ข้าบอกให้ หยุด” อวิ๋นเทียนหานย้ำคำ ปีศาจเฝ้ายามคุกเข่าลงด้วยความกลัวในทันที

อวิ๋นเทียนหานไม่ได้ลงโทษปีศาจตนนั้น แต่เขากลับเดินเข้าไปใกล้เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังนอนจมกองเลือด เด็กคนนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง

“เจ้าเด็กคนนี้ยังสามารถทำงานได้หรือไม่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่สุด ราวกับเป็นคำถามเพื่อประโยชน์ในการใช้แรงงานเท่านั้น

“มัน… มันใกล้จะหมดลมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ปีศาจเฝ้ายามตอบอย่างตะกุกตะกัก

อวิ๋นเทียนหานมองบาดแผลที่หลังของเด็กอย่างพิจารณา ก่อนจะใช้พลังปีศาจสีดำดึงเด็กหญิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พลังปีศาจของเขาห่อหุ้มร่างของเด็กไว้ชั่วขณะหนึ่ง ทำให้บาดแผลของเด็กหญิง สงบลง อย่างน่าประหลาด แม้จะไม่หายสนิท แต่ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและระงับพิษร้ายได้

“เอาเด็กคนนี้ไปพักผ่อน ให้ยาบำรุง และส่งไปทำงานเบาๆ” อวิ๋นเทียนหานออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “จำไว้ว่า เครื่องมือ ที่พังง่ายๆ ไม่มีประโยชน์สำหรับแดนปีศาจ”

เขาแสร้งทำเป็นว่าทำไปเพราะเหตุผลด้านการใช้ประโยชน์ แต่ เฮยหลง แม่ทัพใหญ่ที่จงรักภักดีรู้ดีว่า อวิ๋นเทียนหาน กำลังแสดงความเมตตาที่ซ่อนอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าหลิงซินเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ กำลังส่งผลต่อความขัดแย้งภายในใจของรัชทายาท

‘เขายังคงมีความเป็นมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่ แม้จะถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดทั้งหมดของแดนปีศาจ’ เฮยหลงคิดในใจ

อวิ๋นเทียนหานไม่ปรารถนาความโหดร้ายที่ไร้จุดหมาย เขาเกลียดชังความสิ้นหวังเช่นเดียวกับที่เขาเกลียดชังความอ่อนแอ การช่วยเหลือเด็กๆ และผู้ที่บริสุทธิ์อย่างลับหลัง เป็นการแสดงออกถึงความขัดแย้งภายใน: เขาอยากเป็นปีศาจที่ทรงอำนาจและเย็นชา แต่จิตวิญญาณของเขากลับโหยหาความสงบและยุติธรรม

ในขณะที่อวิ๋นเทียนหานกำลังจัดการปัญหาภายในอย่างเงียบๆ ทั่วทั้ง หุบเขาอวิ๋นหมิง ก็พลันเกิดเสียงสัญญาณเตือนภัยอันน่าสะพรึงกลัวขึ้น!

วูบ! วูบ!

ม่านพลังปีศาจสีดำที่ปกคลุมแนวป้องกันสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับถูกฉีกขาดด้วยพลังอำนาจที่บริสุทธิ์และรุนแรงที่สุด

“รายงาน!” อวิ๋นเทียนหานหันไปสั่งเฮยหลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“รัชทายาท! กองทัพสวรรค์นำโดย ไป๋หานอี้ กำลังบุกเข้ามาในเขตแดนของเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ! พวกเขานำเซียนชั้นยอดกว่าห้าพันตนเข้ามาด้วย! เป้าหมายคือ องค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์!” เฮยหลงรายงานด้วยความเร่งรีบ

อวิ๋นเทียนหานกำหมัดแน่น เขาคาดเดาไว้แล้วว่าสวรรค์จะต้องตอบโต้ แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ และผู้ที่นำทัพมาคือ ไป๋หานอี้ องครักษ์ผู้ภักดี ที่มีวรยุทธ์เป็นรองเพียงเทพสงครามแห่งสวรรค์เท่านั้น

“มันเป็นแค่องครักษ์… มันกล้าบุกรุกแดนปีศาจงั้นหรือ?” อวิ๋นเทียนหานเยาะหยัน แต่ในใจกลับเริ่มระแวดระวัง

“ท่านองครักษ์ผู้นี้มีพลังปราณที่แข็งแกร่งและคล้ายคลึงกับเทพสงครามมากพ่ะย่ะค่ะ” เฮยหลงเตือน

“เตรียมทัพ! ออกไปต้อนรับกองทัพสวรรค์ให้สมเกียรติ!” อวิ๋นเทียนหานออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด เขาสวมผ้าคลุมสีดำยาว และก้าวออกจากห้องโถงหลักทันที รังสีแห่งอำนาจมืดของเขาแผ่ออกไปจนทำให้ปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ต้องคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว

ไม่นานนัก อวิ๋นเทียนหานก็มาถึงจุดปะทะที่ขอบหุบเขาอวิ๋นหมิง

ไป๋หานอี้ ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างของพลังเซียน ร่างกายของเขาเปล่งประกายสีขาวราวกับหิมะ ดาบเซียนในมือของเขาส่องแสงเรืองรอง เขามองมาที่อวิ๋นเทียนหานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความแค้น

“รัชทายาทปีศาจ! คืนองค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์มาให้ข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำลายแดนปีศาจนี้ให้สิ้นซาก!” ไป๋หานอี้ตะโกนด้วยน้ำเสียงทรงพลังที่สะท้อนไปทั่วหุบเขา

อวิ๋นเทียนหานยิ้มอย่างเย็นชา “องครักษ์ต่ำต้อย… เจ้ากล้าขู่ข้า? องค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์เป็นตัวประกันของข้าแล้ว หากเจ้าไม่ต้องการให้สวรรค์เกิดหายนะ… จงถอยกลับไป!”

ตูม!

การปะทะเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด ไป๋หานอี้ ไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าใส่ อวิ๋นเทียนหาน ด้วยความเร็วสูง ดาบเซียนของเขาก่อให้เกิดพลังดาบสีขาวบริสุทธิ์ที่สามารถฉีกม่านพลังปีศาจได้ในพริบตาเดียว

อวิ๋นเทียนหานตั้งรับอย่างรวดเร็ว เขาใช้ พลังควบคุมเงา สร้างกำแพงเงาขึ้นมาป้องกันการโจมตี ดาบของไป๋หานอี้ถูกสกัดกั้นไว้ได้ แต่แรงปะทะทำให้พื้นดินยุบตัวลงไปหลายสิบเมตร

“เจ้าองครักษ์ผู้ภักดี! เจ้าทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนางใช่ไหม?” อวิ๋นเทียนหานเยาะหยัน “แต่สุดท้าย นางก็อยู่ในกำมือของข้า!”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนพลังมืดและแสงสว่างปะทะกันจนท้องฟ้าสั่นคลอน หลิงซินเอ๋อร์ ก็ออกมาจากห้องพักรับรองอย่างรวดเร็ว นางได้ยินเสียงการปะทะและรู้ทันทีว่า ไป๋หานอี้ กำลังมาช่วยนาง

แม้ว่านางควรจะยินดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกพ้อง แต่ภาพของ อวิ๋นเทียนหาน ในความฝันและความรู้สึกที่นางเพิ่งสัมผัสได้จากเขา: ความโดดเดี่ยวและความปรารถนาความสงบ ก็ทำให้ใจนางสั่นคลอน

ไม่! พันธะต้องห้ามไม่ใช่แค่การทำลายล้าง! มันอาจเป็นหนทางเดียวที่จะยุติสงครามได้!

หลิงซินเอ๋อร์รีบวิ่งไปยังจุดปะทะอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยร่างกายที่ยังคงบาดเจ็บ นางมองเห็นไป๋หานอี้ที่เต็มไปด้วยความแค้น และอวิ๋นเทียนหานที่พร้อมจะใช้พลังทำลายล้างเพื่อจัดการศัตรู

ในวินาทีที่อวิ๋นเทียนหานกำลังจะรวบรวม เงามืด เพื่อโจมตีไป๋หานอี้ด้วยพลังที่รุนแรงที่สุด และไป๋หานอี้กำลังจะฟันดาบเซียนลงมาที่อวิ๋นเทียนหานอย่างสิ้นหวัง

หลิงซินเอ๋อร์ก็พุ่งตัวออกไป!

นางใช้พลังเซียนที่เหลืออยู่ทั้งหมดสร้าง ม่านพลังสีเงินอ่อนๆ ล้อมรอบร่างของตนเอง และยืนอยู่ตรงกลางระหว่าง รัชทายาทปีศาจ กับ องครักษ์สวรรค์

ตู้มมมมม!

พลังดาบเซียนและพลังเงามืดปะทะเข้ากับม่านพลังสีเงินของนางทันที ม่านพลังนั้นแตกสลายในพริบตา แต่แรงปะทะก็ถูกลดทอนลงอย่างรวดเร็ว ร่างของหลิงซินเอ๋อร์กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง เลือดสดๆ พุ่งออกมาจากปากของนาง และล้มลงกองกับพื้น

ทั้ง อวิ๋นเทียนหาน และ ไป๋หานอี้ ต่างหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึง!

“องค์หญิง!” ไป๋หานอี้ร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างที่สุด เขารีบวิ่งเข้าหานาง แต่ถูกพลังปีศาจที่เหลืออยู่ของอวิ๋นเทียนหานตรึงไว้

หลิงซินเอ๋อร์พยายามลุกขึ้น เลือดไหลอาบร่างของนาง แต่นัยน์ตาของนางยังคงมุ่งมั่น นางมองไปที่ไป๋หานอี้ องครักษ์ผู้ภักดีของนาง

“ท่านหานอี้… โปรดกลับไป” นางพูดเสียงแหบพร่า “อย่าทำสงครามที่นี่เลย”

จากนั้น นางก็หันไปมองอวิ๋นเทียนหาน ดวงตาของนางยังคงอ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว นางใช้แขนข้างที่บาดเจ็บ กอดรัดเอวของรัชทายาทปีศาจไว้แน่น ราวกับต้องการปกป้องเขาจากดาบเซียนของไป๋หานอี้

“เขา… เขาคือพันธะของข้า” นางประกาศต่อหน้ากองทัพเซียนและปีศาจทั้งหมด “ท่านหานอี้… ข้าเลือกจะปกป้องเขา”

การกระทำของ บุตรแห่งจันทร์ ที่เอาตัวเองเข้าขวางกลางสมรภูมิ และเลือกที่จะปกป้อง โอรสปีศาจ ต่อหน้าองครักษ์ของตนเอง ทำให้ทุกฝ่าย ตะลึง จนพูดไม่ออก!

นั่นคือการประกาศสงครามขององค์หญิงสวรรค์ต่อโลกทั้งใบ... และการเริ่มต้นของความรักต้องห้ามที่ถูกลิขิต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 30 บุปผาพิรุณแห่งลิขิตสุดท้าย (ตอนอวสาน)

    หลังจากที่ หลิงซินเอ๋อร์ และ อวิ๋นเทียนหาน รวมพลังสมดุลเข้าด้วยกัน และผนึกพลังของ มารานตี้ฮ่องเต้ และ เง็กเซียนฮ่องเต้ สนามรบก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่สันติสุขที่แท้จริงยังมาไม่ถึงหลิงซินเอ๋อร์ มองไปยังท้องฟ้าที่ดวงจันทร์ยังคงร้าวราน นางรู้ดีว่า การผนึก เป็นเพียงการยืดเวลา สงครามจะกลับมาอีกครั้งตราบใดที่ ช่องว่าง และ ความไม่เข้าใจ ระหว่างสองภพยังคงอยู่เพื่อหยุดสงครามระหว่างสองภพอย่างถาวร หลิงซินเอ๋อร์ตัดสินใจใช้พลังสุดท้าย ของตนเองในการสร้าง สะพานจันทราสะพานนี้ไม่ใช่สะพานทางกายภาพ แต่เป็น เส้นทางจิตวิญญาณ ที่จะเชื่อมโยง สวรรค์ กับ แดนปีศาจ เข้าด้วยกันอย่างแท้จริง ทำให้สองภพไม่ถูกแยกจากกันด้วยความแค้นและกฎเกณฑ์ที่เคยกำหนดไว้แต่พลังที่จำเป็นในการสร้าง สะพานจันทรา ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องแลกด้วยชีวิตของผู้สร้างสะพาน ซึ่งหมายถึงการสละการดำรงอยู่ทั้งหมดของ หลิงซินเอ๋อร์อวิ๋นเทียนหาน ซึ่งความทรงจำกลับมาสมบูรณ์แล้ว เข้าใจถึงการตัดสินใจของ หลิงซินเอ๋อร์ เขาไม่ยอมให้เธอก้าวไปเพียงลำพัง“เราจะ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 29 ศึกแห่งสวรรค์และปีศาจ

    ข่าวการตื่นขึ้นของ หลิงซินเอ๋อร์ และการทำลายกองทัพเซียนที่ บึงดำ ได้แพร่สะพัดไปทั่วสามภพอย่างรวดเร็วข่าวนี้แพร่ไปถึงหูของ มารานตี้ จักรพรรดิปีศาจแห่งแดนปีศาจทันที!มารานตี้ ซึ่งรอคอยโอกาสนี้มานานหลายศตวรรษ เชื่อว่าการตื่นของ บุตรแห่งจันทร์ ผู้ซึ่งมีพลังสมดุลของทั้งสองเผ่าพันธุ์ คือ โอกาสสุดท้าย ในการล้างแค้นต่อสวรรค์มารานตี้ประกาศระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จักรพรรดิปีศาจเชื่อว่าพลังที่สมดุลของหลิงซินเอ๋อร์คือ กุญแจสำคัญในการเปิดมิติ ที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่สงครามครั้งแรก ซึ่งจะนำพากองทัพปีศาจจำนวนมหาศาลเข้าสู่ใจกลางวังสวรรค์ได้โดยตรงศึกแห่งสวรรค์และปีศาจ จึงปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ของสามภพอวี่หาน (อวิ๋นเทียนหานในร่างใหม่) ผู้ซึ่งกำลังเดินทางด้วยความเจ็บปวดที่ไร้ที่มา ถูกดึงเข้าสู่สงครามโดย ไม่รู้ตัวแม้เขาจะสละความทรงจำและสถานะ โอรสปีศาจ ไปแล้ว แต่ เลือดในกายเขายังคงเป็นสายเลือดปีศาจที่บริสุทธิ์ เขาถูกกองทัพปีศาจที่บ้าคลั่งเข้าใจผิดว่าเป็นนายทัพป

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 28 การคืนชีพของจันทรา

    เง็กเซียนฮ่องเต้ และ สภาสวรรค์ ล่วงรู้ถึงการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของพลังจันทราที่มาจาก บึงดำ พวกเขาทราบดีว่า บุตรแห่งจันทร์ กำลังจะตื่นขึ้นอีกครั้ง ความกลัวเข้าครอบงำสวรรค์อีกครั้ง เพราะหาก หลิงซินเอ๋อร์ ตื่นขึ้นพร้อมกับพลังที่สมดุลอย่างสมบูรณ์ และมีพลังของ โอรสปีศาจ อยู่ในตัว นางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ไม่สามารถเอาชนะได้ สภาสวรรค์สั่งให้ทำลายนาง และ ผนึกบึงดำ อย่างถาวร ก่อนที่พลังปีศาจในร่างจะฟื้นเต็มตัว กองทัพเทพเซียนชุดใหญ่ที่นำโดยเทพผู้คุมกฎที่มีอำนาจมากที่สุด ถูกส่งลงมายัง บึงดำ ทันที ซูเม่ยหลาน ผู้ซึ่งเฝ้าอยู่ริมบึงเห็นกองทัพนั้นเข้ามา นางรู้ว่าถึงเวลาต้องต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้ว ซูเม่ยหลาน ใช้พิณหยกโบราณของตนเองต่อสู้กับกองทัพเซียนอย่างสิ้นหวัง แต่นางอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานพวกเขาได้ ภายในบึงดำ ดวงจิตสุดท้ายของไป๋หานอี้ ก็รับรู้ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง เขาต้องเลือกระหว่างการรักษาดวงจิตสุดท้ายไว้ให้สลายไปอย่างสงบ กับการสละการดำรงอยู่ทั้งหมดเพื่อปกป้องเธอ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 27 วิญญาณจันทรา

    หลายร้อยปีแห่งการรอคอยและการหลับใหลกำลังจะสิ้นสุดลง ซูเม่ยหลาน ผู้ซึ่งกลายเป็นคนเร่ร่อนที่สันโดษ และเป็นเพียงผู้เดียวที่เฝ้าคอยการตื่นของเพื่อนรัก ได้เดินทางไปยัง ยอดเขาจันทรายอดเขาจันทรา เป็นสถานที่ที่ใกล้ชิดกับดวงจันทร์ที่แตกร้าวที่สุด และเป็นที่ที่พลังของ หลิงซินเอ๋อร์ เคยแข็งแกร่งที่สุดในวัยเยาว์ในคืนที่ ดวงจันทร์เต็มดวง และแสงจันทร์สาดส่องลงมายังบึงดำอย่างทรงพลังที่สุด ซูเม่ยหลาน ได้ตัดสินใจทำพิธีปลุก จิตจันทรา ของหลิงซินเอ๋อร์นางวาง พิณหยกโบราณ ลงบนก้อนหินที่ถูกแสงจันทร์อาบไล้ แล้วเริ่มบรรเลงเพลงที่นางเคยบรรเลงให้เพื่อนรักฟังในอดีต เสียงพิณนั้นไม่ใช่เพลงสวรรค์ แต่เป็นเพลงที่เปี่ยมด้วยความภักดี ความเสียสละ และความรักที่เพื่อนทุกคนมอบให้แก่หลิงซินเอ๋อร์เสียงพิณของซูเม่ยหลานดังขึ้นบนยอดเขาจันทรา มันดังก้องไปทั่วทั้งสามภพ ราวกับเป็นเสียงเรียกที่ทะลุผ่านกาลเวลาภายใน บึงดำ ที่มืดมิดและเย็นยะเยือก หลิงซินเอ๋อร์ ที่หลับใหลอยู่ใต้น้ำลึกเริ่มมีปฏิกิริยาต่อเสียงพิณนั้นเสียงนั้นทะลุผ่าน ผนึ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 26 ลมหายใจแห่งบึงดำ

    หลายร้อยปีผ่านไป ท่ามกลางการหยุดยิงที่เปราะบาง หลิงซินเอ๋อร์ ยังคงหลับใหลอยู่ใต้บึงดำ โลกภายนอกพยายามที่จะลืมสงครามใหญ่ที่จบลงด้วยความสูญเสียครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย บึงดำ ถูกประกาศให้เป็น สถานที่ต้องห้าม และ เขตกันชน ระหว่างแดนสวรรค์และแดนปีศาจ แม้แต่ มารานตี้ฮ่องเต้ ก็ไม่กล้าแตะต้องบึงนี้ เพราะพลังที่สมดุลของบุตรแห่งจันทร์นั้นน่ากลัวเกินกว่าจะคาดเดา บาดแผลของสามภพถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเงียบ แต่ไม่มีใครสามารถรักษาบาดแผลในจิตใจได้ อวี่หาน ผู้เร่ร่อนที่ถูกสาปด้วยความรัก อวิ๋นเทียนหาน ผู้สละความทรงจำที่เกี่ยวกับความเจ็บปวดและความแค้นของ โอรสปีศาจ ได้สร้างร่างใหม่และใช้ชื่อ “อวี่หาน” นามที่แปลว่า "ความหนาวเย็นแห่งพิรุณ" ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นคืนชีพภายใต้พิรุณโลหิต อวี่หาน กลายเป็น คนเร่ร่อน ผู้ไม่ผูกพันกับที่ใด เขาใช้พลังที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในการช่วยเหลือโลกมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติที่เกิดจากพลังที่หลงเหลือของสงคราม แต่ในใจเขามี ความว่างเปล่า ที่ไม่สามารถเติมเต็มได้

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 25 พิรุณเลือดแห่งการฟื้นคืน

    ภายใน บึงดำ ที่ปั่นป่วนไปด้วยพลังมาร อวิ๋นเทียนหาน กอดร่างที่ไร้สติและอ่อนล้าของ หลิงซินเอ๋อร์ ไว้แน่นความทรงจำทั้งหมดที่หายไปได้ไหลกลับเข้ามาในจิตวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง ทั้งความรักและความแค้นต่อสวรรค์ การเสียสละของ ไป๋หานอี้ และการตายของ เฮยหลง ทั้งหมดนี้ถูกประทับไว้ในใจของเขาอย่างไม่มีวันลืมอวิ๋นเทียนหาน ใช้ พลังมารที่ฟื้นคืน อย่างสมบูรณ์ของเขา สร้างร่างจริงของตนเองขึ้นมา พลังมารสีม่วงเข้มปกคลุมไปทั่วร่างวิญญาณ ก่อนจะควบรวมกลายเป็น ร่างปีศาจ ที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบที่สุดร่างของเขาสวมอาภรณ์สีดำที่ทอจากพลังมาร อวิ๋นเทียนหาน ในตอนนี้คือ โอรสปีศาจที่ฟื้นคืนชีพ อย่างแท้จริงทว่า การฟื้นคืนในครั้งนี้ต้องแลกด้วยการสละครั้งสำคัญ อวิ๋นเทียนหาน มองไปยังร่างที่หลับใหลของหลิงซินเอ๋อร์ เขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้อีกต่อไป เขาต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องความเสียสละของนาง‘ข้าจะใช้ความแค้นนำทาง เพื่อไม่ให้ใครกล้าแตะต้องนางได้อีก!’เขายอม สละความอ่อนโยน และ ความรู้สึกที่เปราะบาง ของปีศาจในตัวตนของเข

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status