เว่ยจื้อโหยวพาน้องชายน้องสาวเดินไปดูหลุมดักปลาที่นางขุดเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน เมื่อเดินมาถึงอวิ๋นซวนที่วิ่งนำหน้าไปก่อนนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาเอากิ่งไม้ที่วางทับข้างบนปากหลุมออกในหลุมที่ขุดเอาไว้มีปลาอยู่แน่นไปหมดแถมปลายังมีขนาดใหญ่อีกด้วย
“อู้วว ปละ..ปลา ปลาเต็มไปหมดเลยขอรับพี่สะใภ้ อีกทั้งมีแต่ตัวใหญ่ ๆ พี่สะใภ้เก่งที่สุดเลยขอรับ”
“จริงหรืออาซวน ในนั้นมีปลาจริงหรือเจ้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่”
“ข้าพูดเรื่องจริงพี่รองข้าจะไปโกหกท่านทำไม หรือท่านไม่เชื่อในตัวพี่สะใภ้กันแน่”
“ข้าเปล่าสักหน่อย เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล อย่ามากล่าวหาข้า ข้าหาได้คิดดังเช่นที่เจ้าว่ามา”
“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว อาเฟยไปเอาถังน้ำมา เราจะจับปลาไปขังเอาไว้ในโอ่งก่อนพรุ่งนี้เราค่อยนำไปขายในเมือง จะได้ซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่มด้วย”
“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”
“อาซวนหากเราต้องการเข้าไปในตัวเมืองเราจะต้องทำเช่นไร เดินไปหรือแล้วตัวเมืองอยู่ไกลหรือไม่”
“นั่งเกวียนรับจ้างไปขอรับ หากเดินเท้าก็ร่วม 2 ชั่วยาม หากเรานำปลาเข้าไปขายข้าเกรงว่าเดินไปคงไม่สะดวก”
“เอาเช่นนี้ อาซวนเจ้าวิ่งไปบ้านเดิมข้าสักประเดี๋ยว บอกกับท่านลุงใหญ่และท่านพ่อของข้าว่าข้าต้องการความช่วยเหลือและมีเรื่องปรึกษา เจ้าพาทั้งสองคนมาที่นี่ เรื่องหลุมดักปลาเราต้องเก็บเป็นความลับเข้าใจหรือไม่ นี่คือหนทางทำมาหากินของบ้านเรา”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ”
“ระวังตัวด้วย หากเจ้าเจอป้าสะใภ้ของเจ้า อย่าได้หยุดหากนางเรียกให้เจ้าหยุด เจ้ารีบวิ่งไปให้ไกลจากนางเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจขอรับ”
เพราะนางได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของป้าสะใภ้ของสามีจึงทำให้นางไม่วางใจ ไม่รู้ว่าคนบ้านใหญ่คิดจะทำอะไรอีก แต่คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
อีกอย่างนางไม่รู้ว่าป้าสะใภ้วางแผนชั่วร้ายอะไรเอาไว้บ้าง ยิ่งตอนนี้อวิ๋นเซียวไม่อยู่ นางคงต้องหาทางรับมือเอาไว้ก่อนถึงแม้ว่าจะทำรั้วล้อมรอบที่ดินทั้ง 3 หมู่เอาไว้แล้วแต่ก็เป็นเพียงรั้วที่ทำจากไม้ไผ่นับว่าไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก
อวิ๋นซวนที่วิ่งไปที่บ้านเหลียนเพื่อส่งข่าวตามที่พี่สะใภ้สั่งความมา ตอนนี้เป็นเวลาที่ชาวบ้านต่างพักผ่อนอยู่ในบ้านแทบทั้งนั้นส่วนหนึ่งสาเหตุมาจากยังมีความเสียใจที่สมาชิกในบ้านต้องไปร่วมรบในสงครามระหว่างแคว้น
“ท่านลุงอี้ปิง ท่านลุงเจี้ยนป๋อ อยู่บ้านหรือไม่ขอรับ”
“ใครมาล่ะนั่น อ้าวอาซวนมีอันใดรึเหตุใดถึงวิ่งมาถึงที่นี่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้ารึ” อี้ปิง
“พี่สะใภ้ให้ข้ามาขอรับ นางบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาหารือท่านลุงทั้งสองขอรับ”
“เช่นนั้นรึ เจ้ารอสักครู่ข้าจะไปตามน้องเขยแล้วเราค่อยไปพร้อมกัน”
“ขอรับ รับรองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีแน่นอนขอรับไม่มีเรื่องเลวร้ายขอรับ”
ใช้เวลาไม่นานทั้งสามคนก็เดินมาจนถึงบ้านเชิงเขาของอวิ๋นเซียว อวิ๋นซวนเดินนำทั้งสองคนไปที่ลำธารที่มีอวิ๋นเฟยและเว่ยจื้อโหยวรออยู่ก่อนแล้ว
“อาโหยวมีเรื่องอันใดรึถึงได้ให้อาซวนไปตามพ่อกับลุงเจ้ามา”
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่ข้าลองทำกับดักจับปลาแล้วทำสำเร็จข้าอยากจะให้ท่านพ่อกับท่านลุง ช่วยกันจับปลาแล้วนำไปขายเจ้าค่ะ ส่วนเงินที่ได้จากการขายปลานั้นเราจะแบ่งเงินกันออกเป็น 3ส่วน ท่านพ่อ 1ส่วน ท่านลุง 1ส่วน และข้าอีกหนึ่งส่วนเจ้าค่ะ”
“มันจะดีหรือลูกกับดักของเจ้าก็เป็นเจ้าที่คิดค้นขึ้นมาได้ หากแบ่งกันเช่นนี้ไม่เท่ากับพ่อเอาเปรียบเจ้ารึ”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันถึงแม้ว่าข้าจะแต่งงานออกเรือนแล้วแต่ยังไงข้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวของท่านพ่อนะเจ้าคะ ท่านพ่อก็เห็นตอนนี้สามีข้าไม่อยู่ การที่ข้าจะนำปลาไปขายนั้นลำบากยิ่งนักเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าตั้งใจจะปลูกพืชผักในที่ดินที่ว่างอยู่ จึงไม่สะดวกเข้าเมืองเจ้าค่ะ”
“แล้วกับดักปลาของหลานอยู่ที่ใดหรืออาโหยว”
“ท่านพ่อ ท่านลุงเชิญทางนี้เจ้าค่ะ อาซวนเอากิ่งไม้ออกได้เลย”
“ขอรับพี่สะใภ้”
“ทางนี้เจ้าค่ะท่านพ่อ”
“นะ.. นี่มัน ทำแบบนี้ก็ได้หรือ ช่างเปิดหูเปิดตาข้ายิ่งนัก ปลามากมายถึงเพียงนี้ แถมเรายังสามารถจับปลาได้แบบเป็น ๆ อีกด้วย ไม่ใช่ปลาที่ตายแล้วแบบนี้จะต้องได้ราคาดีแน่นอนน้องเขย หลานสาวช่างมีความสามารถยิ่งนัก”
“ท่านลุงเพราะเหตุนี้หากข้าจะออกหน้าก็คงไม่ดี ข้าเป็นเพียงสตรีแถมในบ้านยังมีแค่เด็กอีก 2 คนเท่านั้น หากมีคนคิดอิจฉาหรือต้องการบีบครั้นให้ข้าบอกวิธีจับปลาคงจะแย่แน่ ๆ อย่างน้อยถ้าเป็นท่านลุงกับท่านพ่อคงไม่มีใครกล้าเจ้าค่ะ”
“พ่อเข้าใจแล้ว เช่นนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อกับลุงใหญ่เจ้าเถอะ”
“เช่นนั้นก็รีบจับปลากันเถอะเจ้าค่ะท่านพ่อ”
หลังจากช่วยกันจับปลาของวันนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นางนำปลาที่จับมาได้ทั้งหมดไปขังเอาไว้ในโอ่งน้ำหลังบ้านก่อน พรุ่งนี้ท่านพ่อกับท่านลุงจะเช่าเกวียนของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อนำปลาไปขายในเมือง
เมื่อท่านพ่อเห็นว่าวิธีจับปลาแบบนี้ได้ผลดี ท่านพ่อและท่านลุงก็ไปชุดหลุมดักปลาเอาไว้อีกหลายแห่ง รวมถึงลำธารในป่าด้วย เว่ยจื้อโหยวเองนางคิดที่จะเข้าป่าไปวางกับดักหรือล่าสัตว์เอาไปขายเพื่อหาเงินเข้าบ้าน ด้วยความสามารถที่นางมีและความรู้ที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้วนางเชื่อว่านางสามารถทำได้แน่นอน
ลำพังจะอาศัยพืชผักที่ปลูกในที่ดินอันน้อยนิดนี่ก็เห็นจะไม่ได้ กว่าผักที่ปลูกจะโตจนสามารถนำมาทำอาหารได้คงต้องใช้เวลานาน นางจึงจำเป็นต้องหาลู่ทางเพื่อหาเงินเพื่อความอยู่รอด
เช้าวันต่อมาเว่ยเจี้ยนป๋อพร้อมด้วยพี่ชายของภรรยาบังคับเกวียนวัวมาที่บ้านเชิงเขาเพื่อนำปลาไปขายในเมือง ทั้งสองคนมารับปลาก็เป็นเวลาปลายยามอิ๋นแล้ว
“ท่านพ่อเจ้าคะ เกวียนวัวแพงหรือไม่เจ้าคะ”
“วัว 1 ตัว ก็หลายสิบตำลึงเงินอยู่ ทำไมหรืออาโหยว”
“หาเรามีเงินพอซื้อข้าอยากให้ท่านพ่อซื้อเกวียนเป็นของบ้านเราเจ้าค่ะ จะเช่าเกวียนผู้อื่นเข้าเมืองไปขายของทุกวันเห็นจะไม่ดีกระมังเจ้าคะ”
“มันก็จริงอย่างที่หลานสาวว่ามานะน้องเขย ข้าพอมีเงินอยู่ เดิมทีเงินนี้จะนำไปจ่ายเพื่อทดแทนการไม่ต้องไปเป็นทหาร แต่ว่าตอนนี้เงินนั่นไม่ได้ใช้แล้ว เอามาซื้อเกวียนวัวหรือเกวียนลาสักเล่มย่อมจะดี ข้าคิดว่าหลานสาวคงทำการค้าระยะยาวใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านลุง เช่นนั้นเรามีเกวียนของเราจะสะดวกกว่า”
“เอาตามที่ลูกสาวว่าก็แล้วกัน พี่ใหญ่เรารีบไปกันเถอะเวลาไม่เช้าแล้ว ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นปลาพวกนี้”
“ได้ อาโหยวเจ้าก็เข้าบ้านไปนอนต่อเถอะ อย่าลืมลงกลอนประตูด้วยล่ะ”
“เจ้าค่ะท่านลุง”
หลังจากเกวียนเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเว่ยจื้อโหยวปิดประตูลงกลอน จากนั้นนางเตรียมของเข้าป่าเพื่อไปวางกับดักทันที ส่วนหน้าที่การทำมื้อเช้าตกเป็นของอวิ๋นเฟยส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นนางจะเป็นคนทำเอง
เว่ยจื้อโหยววางกับดักเรียบร้อยแล้ว นางเดินออกจากป่าเพื่อกลับมากินมื้อเช้าที่บ้านและจะกลับเข้าป่าไปตรวจดูกับดักก็เป็นเวลายามโหย่ว
นางกลับมาถึงบ้านอวิ๋นเฟยทำอาหารเสร็จแล้วส่วนอวิ๋นซวนรดน้ำผักที่นางปลูกเอาไว้เมื่อวาน หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้ว เว่ยจื้อโหยวก็ปลูกพักเพิ่มอีก 4 แปลง ตอนนี้เล้าไก่ของนางยังไม่มีไก่สักตัวหากนางดักได้ไก่ป่าก็คงจะดีไม่น้อย
ทางด้านเจี้ยนป๋อกับอี้ปิงที่เดินทางเข้าเมืองเพื่อนำปลามาขายที่เหลาอาหารในเมืองพวกเขามาถึงก็เป็นเวลาที่ประตูเมืองเปิดพอดี หลังจากตรวจป้ายประจำตัวและเสียเงินค่าเข้าเมืองคนละ 5 อิแปะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองรีบบังคับวัวมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารไท่เหยียนทันที
ด้วยเพราะทั้งสองคนออกจากบ้านมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เมื่อมาถึงเหลาอาหารไท่เหยียนเสี่ยวเอ้อร์ที่ทำหน้าที่รับซื้อเพิ่งจะเปิดประตูเท่านั้น
“เสี่ยวเอ้อร์ พวกข้านำปลาสด ๆ มาขาย รับรองว่าปลาของพวกข้าสดใหม่และยังมีชีวิตอยู่ทุกตัว ไม่ทราบว่าทางเหลาอาหารต้องการหรือไม่” อี้ปิง
“ท่านว่าอันใดนะขอรับ ปลาหรือขอรับแถมยังสด ๆ และยังมีชีวิตอยู่ หากเป็นเรื่องจริงอย่างที่ท่านกล่าวมาข้าก็ยินดีรับซื้อทั้งหมดแถมให้ราคาสูงด้วย ข้าขอดูปลาของพวกท่านหน่อยจะได้หรือไม่”
“ได้สิ เช่นนั้นเชิญที่เกวียนเลย”
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นถังใส่ปลาที่วางเรียงรายอยู่บนเกวียนอีกทั้งปลาสด ๆ ยังมีชีวิตอยู่แถมมีขนาดใหญ่ เขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ปลานี่เขาไม่สามารถตัดสินใจได้คงต้องให้หลงจู๊มาประเมินราคาด้วยเพราะไม่เคยมีชาวบ้านนำปลาที่มีชีวิตอยู่มาขาย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนนำปลาที่ทั้งมีขนาดใหญ่และมีชีวิตอยู่
“ท่านทั้งสองรอสักครู่นะขอรับ ข้าไม่สามารถประเมินราคาได้ ขอข้าไปตามหลงจู๊ก่อน”
“ตกลง”
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาพร้อมกับหลงจู๊วัยกลางคน เมื่อหลงจู๊เห็นว่าปลาสด ๆ ตัวใหญ่ ๆ แหวกว่ายอยู่ในถังน้ำ เขาก็ตกใจอ้าปากค้างทันที
“หลงจู๊ตกลงจะรับซื้อปลาสดของพวกเราหรือไม่ขอรับ” เจี้ยนป๋อ
“รับ รับสิ ข้าให้ชั่งละ 30 อิแปะพวกท่านพอใจหรือไม่”
“พอใจขอรับ เช่นนั้นหลงจู๊นำปลาไปชั่งเถอะขอรับ” อี้ปิง
หลงจู๊ให้เสี่ยวเอ้อร์นำปลาไปชั่งทั้งหมด 200 ชั่ง คิดเป็นเงิน 6 ตำลึงเงิน หลังจากรับเงินค่าปลามาแล้วทั้งสองบอกลาหลงจู๊ทันทีและพรุ่งนี้จะนำปลามาส่งเช่นเคย
“เช่นนั้นเราไปดูวัวเทียมเกวียนกันเถอะ น้องเขย”
“ขอรับพี่ใหญ่”
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก