LOGINเมื่อลู่หลินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าพ่อแม่และพี่ชายของเธอกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอจึงต้องเข้าไปทักทายพวกเขาก่อน
“หลินเอ๋อกลับมาแล้วเหรอลูก” นายท่านเสิ่นเอ่ยทักทายบุตรสาว
“ทำไมกลับมาดึกนักล่ะ” คุณนายเสิ่นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“นั่นสิคราวนี้ไปเที่ยวเล่นสนุกที่ไหนมาล่ะเรา” เสิ่นลี่เฉินพี่ชายเธอก็เอ่ยถามขึ้นอีกคน
“ขอโทษนะคะคุณพ่อ คุณแม่ พี่ลี่เฉินที่หนูกลับดึก พอดีนั่งเล่นฟังเพลงอยู่ที่คลับของโรงแรมเราเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” ลู่หลินเอ่ยขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ซึ่งคำขอโทษของเธอทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจจนต้องมองหน้ากันไปมาทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วลู่หลินมักทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายอะไร ไม่รู้สึกผิดและไม่เคยขอโทษ ส่วนใหญ่ก็มักจะบ่นกลับมาด้วยซ้ำเวลาที่ถูกตั้งคำถามเช่นนี้
“ลูกไม่สบายหรือเปล่าเนี่ยหลินเอ๋อ” คุณนายเสิ่นถามพร้อมยื่นหลังมือไปอังที่หน้าผากบุตรสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเธอเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
“หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อยเท่านั้น” ลู่หลินตอบ
“ไปทำอะไรมา ตกลงว่าเธอไปนั่งเล่นฟังเพลงหรือไปออกกำลังกายกันแน่ล่ะเนี่ยถึงได้ปวดเมื่อยเนื้อตัวแบบนี้” ลี่เฉินถามน้องสาว ทำให้ลู่หลินย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างเธอกับหลีเหว่ยตอนที่เจอกันในสภาพที่สติไม่ครบถ้วน เขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเพราะฤทธิ์ยาซึ่งถูกคนร้ายใส่ลงไปในเครื่องดื่ม ทุกสัมผัสและการกระทำยังคงฝังแน่นติดตรึงอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำของเธออย่างชัดเจน แม้นว่าหลังจากรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในคราแรกเธอจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่สภาพที่เห็นและผลกระทบซึ่งมีต่อร่างกายเธอมันบ่งบอกได้ว่าทุกอย่างเป็นความจริง ตอนนี้เธอยังรู้สึกเจ็บและปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่เลย
“หลินเอ๋อ ลูกหน้าแดงมากเลย ตัวก็อุ่นๆด้วย ตกลงลูกไม่สบายจริงๆใช่ไหม” คุณนายเสิ่นจับตามเนื้อตามตัวบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
“สงสัยหนูคงจะมีไข้นิดหน่อยจริงๆนั่นแหละค่ะ” ลู่หลินอุบอิบตอบไป
“ไป พี่พาเธอไปโรงพยาบาลดีกว่า”
“นั่นสิ..ไปเถอะ หรือจะให้พ่อเชิญหมอหวังมาตรวจที่บ้านดี” นายท่านเสิ่นเอ่ยถามลู่หลิน คิดตามตัวหมอประจำตระกูลมาตรวจบุตรสาวที่บ้าน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก ทานยาแล้วนอนพักเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว พ่อ แม่กับพี่ลี่เฉินไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“เอางั้นเหรอลูก”
“ค่ะแม่ หนูขอขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ก็ได้จ้ะ แต่ถ้ามีอะไรต้องรีบบอกพวกเราทันทีนะ”
“ได้ค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ” ลู่หลินบอกกับทุกคนก่อนจะรีบขอตัวขึ้นไปบนห้อง จากนั้นก็ทานยาแก้ไข้แก้ปวดเมื่อยกับน้ำอุ่นที่สั่งให้สาวใช้นำมาให้แล้วจึงเข้าไปแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายร่างกายรวมทั้งบำบัดความเครียดที่สะสมมาตลอดหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา
‘เหนื่อยจริงๆ ใครจะไปคิดว่าอุตส่าห์เกิดใหม่ขึ้นมาได้แล้วก็ดันถูกวางยาจนต้องไปนอนกับผู้ชายนิสัยแย่คนนั้น ที่สำคัญเขายังมีคนรักอยู่แล้วด้วย หวังว่าหลีเหว่ยคงไม่รู้นะว่าเป็นเราที่เข้าไปนอนกับเขาเมื่อคืนนี้ แต่ถึงรู้เขาก็คงทำเป็นไม่รู้แน่ เพราะที่ผ่านมาหลีเหว่ยออกจะรังเกียจลู่หลินขนาดนั้น เอาเถอะถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน..อย่างไรก็นับว่าโชคดีที่เราได้เกิดใหม่แล้วมาเจอครอบครัวดีๆแบบนี้ จากความทรงจำดูเหมือนว่าพ่อแม่และพี่ชายจะรักลู่หลินมากทีเดียว’ ลู่หลินคิดถึงเรื่องราวที่เธอรับรู้ได้จากความฝันความทรงจำที่เห็นก่อนหน้านี้
‘ต่อไปเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเมิ่งหลีเหว่ยอะไรนั่นอีกเป็นอันขาด ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอจะตั้งใจทำงานทำตัวเองให้เป็นประโยชน์กับตระกูลเสิ่น ไหนๆลู่หลินก็อุตส่าห์เรียนจบมาได้แล้ว คงต้องเริ่มศึกษากิจการงานครอบครัวเสียหน่อย’ เข่อซินตั้งใจจะเป็นลู่หลินคนใหม่ที่ดีที่สุดให้สมกับครอบครัวดีๆและโอกาสที่เธอได้ครอบครองในเวลานี้
“หลินเอ๋อ ทำไมตื่นเช้าจังลูก” คุณนายเสิ่นเอ่ยทักบุตรสาวที่ปกติกว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยงวันไปแล้ว ไม่ต่างกับนายท่านเสิ่นและลี่เฉินซึ่งมีสีหน้างุนงงสงสัยเช่นกัน
“หนูก็แค่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองนะค่ะ ทำตัวไร้สาระมานานเกินพอแล้ว ตอนนี้อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย”
“หลินเอ๋อ ลูกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน” นายท่านเสิ่นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจและสงสัยในตัวบุตรสาวที่ดูแตกต่างไปจากเดิม
“นั่นสิหลินเอ๋อ แน่ใจนะว่าหายดีแล้ว” ลี่เฉินถามย้ำ
“หนูสบายดีแล้วค่ะ แค่จู่ๆหนูก็คิดเบื่อตัวเองก่อนหน้านี้ขึ้นมาน่ะ เลยอยากหางานทำ วันนี้หนูขอเข้าไปดูงานที่ภัตตาคารเสิ่นอันได้ไหมคะพ่อ” ลู่หลินตอบก่อนจะเสนอตัวเข้าไปทำงานที่ภัตตาคารเสิ่นอัน ภัตตาคารชื่อดังในปักกิ่งหนึ่งในธุรกิจของครอบครัว
“ดะ..ได้สิลูก ทำไมจะไม่ได้ล่ะเดี๋ยวพ่อจะสั่งผู้จัดการจ้าวเอาไว้ให้รอต้อนรับดูแลลูกที่นั่นก็แล้วกันนะ” นายท่านเสิ่นตอบทั้งดีใจทั้งประหลาดใจไปพร้อมๆกัน
“หลินเอ๋อ ถ้าสนใจจะตามไปทำงานกับพี่ที่บริษัทเสิ่นชิงไห่ก็ได้นะ อยากไปเรียนรู้งานบริหารก็บอกพี่ได้เลย” ลี่เฉินกล่าวพร้อมสนับสนุนน้องสาวเต็มที่
“ขอบคุณค่ะพี่ลี่เฉิน แต่ฉันสนใจงานเกี่ยวกับการบริหารภัตตาคารแล้วก็พวกอาหารการกินมากกว่า” ลู่หลินเอ่ยตามตรง
‘ชาติก่อนหน้านี้เธอเรียนสาขาคหกรรมศาสตร์จนจบด้วยใจรักในการทำอาหารและสนใจในกิจการเกี่ยวกับอาหารเหมือนแม่ของเธอซึ่งเป็นเชฟที่เก่งมากที่สุดคนหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ เมื่อชาติก่อนหน้านี้ที่เธอตายจากมาแล้ว ตอนนี้เธอคงทำได้เพียงมาสานฝันต่อในชาติใหม่นี่แหละ ซึ่งโชคดีนักที่สกุลเสิ่นมีทุกอย่างให้เธอพร้อมอยู่แล้ว รับรองว่าเธอจะบริหารจัดการภัตตาคารสกุลเสิ่นให้ดีเลยทีเดียว’ ลู่หลินคิดอย่างพอใจ
“ลู่หลินของพวกเราโตแล้วจริงๆ” คุณนายเสิ่นเอ่ยอย่างมีความสุข เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆในครอบครัวที่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองของลู่หลินไม่น้อยเลย
ลู่หลินเดินทางมาที่ภัตตาคารเสิ่นอัน โดยมีผู้จัดการจ้าว จ้าวอู่ถงคอยรอต้อนรับอยู่แล้วตามค่ำสั่งของนายท่านเสิ่นที่โทรมาแจ้งเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้
“คุณหนูเสิ่นมาแล้วเหรอครับ ภัตตาคารเสิ่นอันยินดีต้อนรับครับ” ผู้จัดการจ้าวรีบเข้ามาต้อนรับทักทายลู่หลินพร้อมกับพนักงานของภัตตาคารเสิ่นอันอีกจำนวนหนึ่ง
“ตามสบายเถอะผู้จัดการจ้าว แล้วต่อไปไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้วุ่นวายแบบนี้นะ ให้ทุกคนกลับไปทำงานของตัวเองเถอะค่ะ” ลู่หลินกล่าวบอกแก่ผู้จัดการรวมทั้งพนักงานทุกคนที่ออกมาต้อนรับเธอ
“ได้ครับคุณหนู” ผู้จัดการจ้าวตอบรับพร้อมแจ้งพนักงานให้กลับไปทำงานทันทีตามคำสั่ง จากนั้นก็พาลู่หลินไปตรวจเยี่ยมตามห้องต่างๆในภัตตาคารเสิ่นอัน ทั้งในส่วนของห้องทำงานที่นายท่านจ้าวสั่งให้จัดเตรียมเอาไว้ให้เธอเป็นพิเศษ ห้องรับรองแขกพิเศษ โถงรับประทานอาหารให้บริการลูกค้าทั่วไป และมายังสถานที่สุดท้าย นั่นก็คือห้องครัวของภัตตาคารเสิ่นอันซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุด
“ยินดีต้อนรับคุณหนูเสิ่น”
“ยินดีต้อนรับคุณหนู”
“ยินดีต้อนรับครับ”
เชฟและพนักงานในครัวต่างพากันเข้ามาทำความเคารพทักทายลู่หลินเป็นการใหญ่
“ตามสบายเถอะค่ะ ขอให้ทุกคนทำงานกันตามปกติ ที่ฉันมาภัตตาคารเสิ่นอันในครั้งนี้แค่มาศึกษาดูงานและหาว่ามีอะไรที่ควรจะพัฒนาหรือปรับปรุงให้ภัตตาคารเราดียิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มาตรวจสอบหรือจับผิดอะไร ต่อไปนี้ต้องรบกวนทุกคนด้วยนะคะ” ลู่หลินกล่าวทักทายทุกคนอย่างสุภาพ จนหลายคนรู้สึกแปลกใจ เพราะคำเล่าลือเกี่ยวกับตัวเธอก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ลักษณะท่าทางการพูดจาของเธอในยามนี้กลับแตกต่างไปจากคุณหนูเสิ่นผู้เย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ไม่เห็นหัวคนที่อยู่ต่ำกว่ามากนัก เธอทั้งสุภาพให้เกียรติผู้อื่นและมีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสกว่า ทั้งๆที่เธอเป็นถึงลูกสาวเจ้าของภัตตาคารแท้ๆ
“อ้อคุณหนูครับ นี่เชฟโจว โจวลู่เสียนเป็นหัวหน้าเชฟประจำภัตตาคารเสิ่นอันของเราครับ” ผู้จัดการจ้าวกล่าวแนะนำหัวหน้าเชฟของภัตตาคารซึ่งดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 25 ปี ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาราวกับดารานายแบบ หล่อเหลาเกินกว่าจะมาเป็นเชฟธรรมดา
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูเสิ่นครับ” ลู่เสียนเอ่ยทักทายลู่หลินด้วยรอยยิ้มที่สามารถทำให้สาวๆมากมายใจละลายได้เลย
“ยินดีเช่นกันค่ะเชฟ ฉันได้ข่าวว่าคุณเพิ่งเข้ามาประจำที่นี่ได้ไม่นานจากคำแนะนำของเชฟหวง เชฟเก่าแก่ของเรา ตอนแรกฉันคิดว่าคุณน่าจะมีอายุไม่ห่างจากเชฟหวงมากนัก ไม่นึกเลยนะคะว่าคุณจะยังหนุ่มขนาดนี้” ลู่หลินกล่าว ส่วนลู่เสียนก็ยิ้มรับคำกล่าวของเธอน้อยๆ
“เห็นเชฟโจวดูหนุ่ม อายุยังน้อยแบบนี้แต่ฝีมือดีมากเลยนะครับคุณหนู ไม่งั้นเชฟหวงเชฟเก่าแก่ของเราคงไม่แนะนำมาแน่” ผู้จัดการจ้าวเอ่ยชมลู่เสียน
“ฉันเชื่อใจเชฟหวงอยู่แล้วค่ะ และมั่นใจว่าเชฟโจวต้องเป็นเชฟที่เก่งกาจมากแน่ๆ” ลู่หลินเอ่ยอย่างมั่นใจ เพราะเมื่อคืนนี้เธอนั่งค้นหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับภัตตาคารเสิ่นอันรวมทั้งข้อมูลพนักงาน และข้อมูลสำคัญอื่นๆมาหมดแล้ว
‘เชฟโจวผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ขนาดเพิ่งจะเข้ามาเป็นหัวหน้าเชฟแทนเชฟหวงซึ่งขอลาออกไปเปิดร้านของตัวเองได้เพียงครึ่งปี ก็ทำให้ภัตตาคารเสิ่นอันมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยด้วยทักษะและฝีมือในการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของเขานั่นเอง’ ลู่หลินเคยอ่านประวัติส่วนตัวของโจวลู่เสียนมาบ้าง เขาเคยเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเชฟหวงที่เก่งกาจในด้านการทำอาหาร และดูเหมือนว่าจะเรียนจบจากต่างประเทศมาด้วย หากแต่พื้นฐานครอบครัวในบันทึกของพนักงานกลับดูธรรมดาอย่างน่าเหลือเชื่อ
เมื่อลู่หลินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าพ่อแม่และพี่ชายของเธอกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอจึงต้องเข้าไปทักทายพวกเขาก่อน“หลินเอ๋อกลับมาแล้วเหรอลูก” นายท่านเสิ่นเอ่ยทักทายบุตรสาว“ทำไมกลับมาดึกนักล่ะ” คุณนายเสิ่นถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิคราวนี้ไปเที่ยวเล่นสนุกที่ไหนมาล่ะเรา” เสิ่นลี่เฉินพี่ชายเธอก็เอ่ยถามขึ้นอีกคน“ขอโทษนะคะคุณพ่อ คุณแม่ พี่ลี่เฉินที่หนูกลับดึก พอดีนั่งเล่นฟังเพลงอยู่ที่คลับของโรงแรมเราเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” ลู่หลินเอ่ยขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ซึ่งคำขอโทษของเธอทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจจนต้องมองหน้ากันไปมาทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วลู่หลินมักทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ใส่ใจที่จะอธิบายอะไร ไม่รู้สึกผิดและไม่เคยขอโทษ ส่วนใหญ่ก็มักจะบ่นกลับมาด้วยซ้ำเวลาที่ถูกตั้งคำถามเช่นนี้“ลูกไม่สบายหรือเปล่าเนี่ยหลินเอ๋อ” คุณนายเสิ่นถามพร้อมยื่นหลังมือไปอังที่หน้าผากบุตรสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเธอเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย“หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อยเท่านั้น” ลู่หลินตอบ“ไปทำอะไรมา ตกลงว่าเธอไปนั่งเล่นฟังเพลงหรือไปออกกำลังกายกันแน่ล่ะเนี่ยถึงได้ปวดเมื่อย
กรุงปักกิ่งปี ค.ศ.1982 ณ.โรงแรมเสิ่นกุ้ยเฉิน โรงแรมที่ดีที่สุดภายใต้การบริหารจัดการของสกุลเสิ่น ตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าของปักกิ่ง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงภายในห้องสวีทอันหรูหราฝ่ายชายคือเมิ่งหลีเหว่ย บุตรชายของมหาเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลติดหนึ่งในสามของปักกิ่ง ครอบครัวดูแลกิจการอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างโครงการใหญ่ๆของรัฐบาล รวมทั้งโครงการของเอกชนในระดับสูงครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งปักกิ่งและเมืองใกล้เคียงส่วนฝ่ายหญิงนั้นเป็นบุตรสาวของตระกูลใหญ่เศรษฐีที่มั่งคั่งร่ำรวยติดหนึ่งในห้าของปักกิ่ง ครอบครัวทำธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหารชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งในปักกิ่งและเมืองสำคัญโดยรอบนามว่าเสิ่นลู่หลิน‘ทำไมมึนหัวแบบนี้นะ เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่’ เสิ่นลู่หลินที่อยู่ในอ้อมกอดของหลีเหว่ยเริ่มรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาภายใต้อ้อมกอดของเขา ความรู้สึกแรกที่เธอสัมผัสได้คือสัมผัสอันหนักหน่วงที่กดทับร่างกายเธออยู่จนทำให้รู้สึกอึดอัดลู่หลินค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบว่าเธอกำลังถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งกอดกระชับอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ลู่หลินถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถู
เวลาผ่านไปได้ราวชั่วโมงกว่านายท่านจางก็เดินทางกลับมาจากที่ทำงานหลังจัดการงานด่วนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อมารอต้อนรับนายท่านหวังคู่ค้าคนสำคัญของห้างสรรพสินค้าสกุลจางตามเวลานัดหมายที่หลินเยว่แจ้งเอาไว้“คุณคะ กลับมาพอดีเลยฉันนี่ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว” หลินเยว่แสร้งตีสีหน้าวิตกกังวลรีบตรงเข้าไปหาสามีทันที“มีอะไรงั้นหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” นายท่านจางถามหลินเยว่ด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจ“ก็เข่อซินน่ะสิคะ ชวนนายท่านหวังขึ้นไปคุยกันบนห้องนานแล้ว ป่านนี้ยังไม่ลงมาเลย”“อะไรนะ แล้วเธอปล่อยให้พวกเขาขึ้นไปด้วยกันได้ยังไง” นายท่านจางเอ่ยอย่างตกใจ“ตอนแรกฉันก็พยายามปรามเข่อซินแล้ว แต่เธอไม่ฟังบอกว่าอยากพานายท่านหวังขึ้นไปดูรูปเก่าๆของเธอในห้องนอน นายท่านจางเองก็ตอบรับเข่อซินและบอกฉันว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันทำอะไรไม่ได้สุดท้ายจึงปล่อยพวกเขาให้ขึ้นไปด้วยกัน” หลินเยว่ตีสีหน้ารู้สึกผิด“ไป..พวกเรารีบขึ้นไปเชิญนายท่านหวังลงมาเถอะ ยังไม่ได้แต่งงานกันแบบนี้มันดูไม่ดีในสายตาคนอื่น”“ค่ะ” หลินเยว่เอ่ยก่อนจะตามสามีขึ้นไป พร้อมรอยยิ้มอย่างดีใจที่แผนของเธอเป็นไปตามต้องการ โดยไม่คิดเอะใจเลยสักนิดว่านางนกต่อหรือลูก
หลังจากเข่อซินออกจากบ้านมาแล้ว เธอก็ตรงไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านคอฟฟี่ช็อปซึ่งอยู่ในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่ห่างจากมหาลัยเซี่ยงไฮ้ที่เธอเพิ่งจะสอบติดมากนัก‘เห็นที เราคงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแล้ว พรุ่งนี้นายท่านหวังอะไรนั่นจะมาที่บ้านเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน หลินเยว่ที่รู้อยู่แล้วว่าเราไม่ยอมแต่งงานต้องวางแผนอะไรเตรียมเอาไว้แน่” เข่อซินคิดขณะที่มือก็ถูพื้นทำความสะอาดคอฟฟี่ช็อปเพื่อเตรียมเปิดร้านไปด้วยเข่อซินต้องทำงานพาร์ทไทม์หาเงินเพิ่มเติมเนื่องจากที่บ้านสกุลจางไม่ได้ให้เงินเธอใช้จ่ายมากเพียงพอที่จะเอาไปซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนอะไรด้วยซ้ำ พอเธอไปพูดขอกับพ่อเธอเองโดยตรง พ่อเธอก็บอกปัดไปให้หลินเยว่แม่เลี้ยงเธอตลอด และแน่นอนว่าหลินเยว่ทำท่ายึกยักบ่ายเบี่ยงผัดผ่อนไปเรื่อยจนสุดท้ายก็ไม่ได้ให้เงินเธอมาเลยสักหยวน เธอจึงต้องไปทำงานหาเงินมาเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นด้วยตัวเอง‘ยังดีที่ผ่านมาเธอขยันขันแข็งตั้งใจเรียนจึงได้เงินทุนเพื่อการศึกษามาเป็นค่าเล่าเรียนและมีเงินพอจับจ่ายใช้สอยได้บ้าง แต่เธอไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนอยู่ในบ้านที่มีพ่อลำเอียงกับมีแม่เลี้ยงและลูกสาวต่างแม่ที่คอยก
ย่านใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ปีค.ศ.2025 ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงในยามค่ำคืนเด็กสาวคนหนึ่งกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อหาเงินมาจับจ่ายใช้สอย ดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ดีตามเป้าหมายที่ตนเองตั้งใจเอาไว้จางเข่อซิน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 อายุ 20 ปีแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ภาควิชาคหกรรมศาสตร์ รับทำงานพาร์ทไทม์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งรับจ้างส่งอาหาร ล้างจาน เป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานในคอฟฟี่ช็อป ทำงานตามร้านอาหาร ภัตตาคารเป็นผู้ช่วยแม่ครัวพ่อครัว รับจ้างพาสุนัขไปเดินเล่นและอื่นๆอีกหลายงานเพื่อหาเงินมาส่งเสียตัวเองเรียนให้จบเข่อซินต้องทำงานอย่างเหนื่อยยากทั้งที่ตัวเธอเองไม่ใช่เด็กกำพร้า หากแต่แม่ของเธอเจ็บป่วยตายไปตั้งแต่เธออายุยังน้อย และหลังจากแม่ตายไปได้ไม่ถึงเดือนพ่อของเธอก็พาเมียใหม่พร้อมกับลูกสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอเข้ามาในบ้าน ซึ่งเธอไม่ได้ประหลาดใจอันใดเนื่องด้วยพ่อและแม่ของเธอทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของพ่อมานานนับปีแล้วหลังจากเมียใหม่ของพ่อเธอกับลูกสาวย้ายเข้ามาในบ้าน เข่อซินก็ถูกกลั่นแกล้งรังแกสารพัด ตัวพ่อเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจคิดปกป้องเธอเลยแม้นแต่น้อย เข่อซ







