หลังจากค่ำคืนในโรงงานร้างดาวก็เอาแต่คิดถึงลุงยอดไม่หยุด
“ลุงยอด…”
เธอพึมพำชื่อเขาขณะมองจอโทรศัพท์
ไม่มีข้อความ ไม่มีสายเข้า แต่เธอก็ยังจ้องหน้าจอมือถืออยู่อย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?เธอแค่หวั่นไหวไปชั่วขณะ หรือเธอกำลัง ตกหลุมรัก จริง ๆ?วันต่อมาดาวแวะไปหาลุงยอดที่ร้านไส้กรอกเช่นเคย แล้วมองเขาจากข้างร้าน ลุงยอดสังเกตเห็นจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“วันนี้ไม่แซวลุงเหรอ?”
“ไม่อ่ะ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“คิดอะไร?”
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตอบตรง ๆ
“คิดว่าหนูคงชอบลุงเข้าจริงๆแล้ว”
ลุงยอดชะงักไปทันที เขามองหน้าเธอด้วยสายตาจริงจัง
“จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ”
เธอตอบตามตรงอย่างไม่มีอ้อมค้อม
“ลุงทำให้หนูเสียวก็จริง แต่ลุงก็ทำให้หนูอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ด้วยลุงไม่ใช่แค่คนที่หนูอยากให้เอาอย่างไร้จุดหมายแล้วนะลุง แต่เป็นคนที่หนูอยากให้กอดหลังเลิกงาน อยากกินข้าวด้วยทุกเย็น อยากนอนฟังลมหายใจข้างกัน”
เสียงจอแจของตลาดหายไปในชั่วขณะ
ในหัวของลุงยอดมีเพียงคำสารภาพรักของเด็กสาวตรงหน้า เธอไม่ได้มีคำพูดสวยหรูแต่มันกลับฟังแล้วมีความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด“ถ้าอย่างนั้นหนูไปอยู่บ้านกับลุงมั้ย”
“ไปค่ะ”
หลังเลิกงานลุงยอดพาเธอไปที่บ้านไม้เก่าในซอยเงียบ ๆ หนึ่งหลังที่อยู่ในตลาด ภายในบ้านไม่มีอะไรหรูหรา ไม่มีเตียงใหญ่ มีแค่ผ้าขาวม้าเก่า ๆ และพัดลมตัวเดียวแต่เมื่อดาวก้าวเข้ามาทุกอย่างมันกลับดูอบอุ่นจนเธอรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านจริง ๆ
คืนนั้น.พวกเขาไม่ได้ปลุกปล้ำกันเช่นทุกครั้งไม่ได้มีเสียงครางรุนแรงหรือการฟาดก้นกันอีก
แต่เป็นการ “เอาด้วยความรัก” ที่อบอุ่น และแนบแน่นที่สุด
“ถ้าหนูท้องลุงก็ไปขายไส้กรอกไม่ได้แล้วสิ”
“ทำไมคะ?”
“เพราะลุงต้องเลี้ยง ‘ลูกเมีย’ แล้ว”
เขาหัวเราะเบา ๆ ขณะลูบผมเธออย่างอ่อนโยน ดาวยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะกอดลุงยอดเอาไว้แน่น คืนนี้เธออยากให้ลุงเอากับเธอในฐานะผู้ชายที่เธอรัก ไม่ใช่แค่คนขายไส้กรอก
ลุงยอดพลิกาวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง แล้วจึงก้มลงจูบยอด จูบหน้าท้องก่อน จะเลื่อนต่ำลงไปที่ร่องรักของเธอ ครั้งนี้ลิ้นของเขาไม่รุนแรงแต่มันทำให้เธอสะอื้น เพราะเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่เลียเพื่อกระตุ้นแต่มันคือการบอกรักโดยไม่ต้องพูด
เขาเลียให้จนเธอครางน้ำตาไหลแล้วจึงเลื่อนตัวขึ้นมาช้า ๆ
“วันนี้จะเอาเบา ๆ นะลูก”
ดาวพยักหน้าก่อนจะอ้าขาออกจนกว้าง ลุงยอดค่อย ๆ สอดแท่งลำเข้ามาช้าๆจนมิดลำและออกแรงขยับช้าๆ
“อ๊า ลุง”
จังหวะกระแทกคืนนี้ ไม่ถี่ ไม่หนัก
แต่ลึกและแน่นเหลือเกิน มือของลุงยอดสอดกุมมือดาวไว้ตลอด ดวงตาจ้องกันโดยไม่หลบเสียงเนื้อกระทบกันเบา ๆ เหมือนดนตรีประกอบของหัวใจทั้งสองดวงที่กำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน“ลุงหนูรักลุงนะ”
เสียงนั้นเบาแต่หนักแน่นยิ่ง เขายิ้มและจูบหน้าผากเธอแผ่วเบาพลางเอ่ยกระซิบ
“ลุงก็รักเด็กดื้อที่ติดไส้กรอกของลุงคนนี้เหมือนกัน”
เสียงรถบัสจากในตัวอำเภอแล่นผ่านหน้าร้านข้าวโพดของลุงพลโดยมีฝ้ายยืนอยู่ตรงหน้าร้านมองไปที่รถบัสด้วยสายตาเหม่อลอย ในมือของเธอถือถุงใส่ของใช้ที่จำเป็นเพียงไม่กี่อย่างซึ่งเป็นของที่แม่เตรียมไว้ให้“จะไปจริง ๆ เหรอ?”เสียงทุ้มจากด้านหลังดังขึ้น ลุงพลเดินออกมาจากในร้านขายข้าวโพด วันนี้เขาสวมเสื้อกล้ามเปื้อนฝุ่น กางเกงผ้าธรรมดาเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ดวงตาที่จ้องมองมายังฝ้ายนั้นออกจะเจือความเศร้าใจอยู่ไม่น้อยฝ้ายหันมายิ้มให้ลุงพล ก่อนจะเอ่ยตอบ“ก็ต้องไปเรียนต่อที่ในเมืองนี่คะ ลุงก็รู้”เมื่อได้ยินอย่างนั้นลุงพลก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบข้าวโพดฝักหนึ่งที่เหลืออยู่เพียงฝักเดียวในตะกร้ายื่นส่งให้กับฝ้าย“ฝักสุดท้ายของวันนี้ และอาจจะเป้นฝักสุดท้ายของฤดูกาลนี้ด้วย”“หนูอยากได้ฝักข้าวโพดในกางเกงลุงมากกว่า”ฝ้ายพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แววตาฉายแววขี้เล่นก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น“ไม่ขำเลยนะ”ลุงพลเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มือใหญ่เอื้อมมาแตะปลายผมของเธอที่ถูกรวบไว้หลวม ๆ อย่างอ่อนโยน“ตั้งแต่วันแรกที่หนูเดินเข้ามาขอซื้อข้าวโพด ลุงก็ตกหลุมรักหนูแล้ว”“แล้วตอนนี้ ยังรักอยู่หรือเปล่า
กลิ่นน้ำมันเจียวกระเทียมลอยคลุ้งอยู่ในห้องครัวไม้หลังบ้าน ฝ้ายในชุดเสื้อยืดกับผ้าถุงสีชมพู กำลังยืนทำกับข้าวด้วยหน้าตาจริงจัง เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากพร้อมกับสบถออกมาเบาๆ“เห้อ ทำไมหมูมันติดกระทะแบบนี้ล่ะ?”เสียงบ่นดังขึ้น พร้อมกลิ่นไหม้อ่อน ๆ ที่ลอยโชยออกจากกระทะ เธอหยิบตะหลิวพยายามกลับหมู แต่หมูเจ้ากรรมกลับติดกระทะจนมันเริ่มจะไหม้ทั้งสองฝั่ง“ทำอะไรน่ะ?”เสียงลุงพลดังขึ้นจากประตูหลังบ้าน เขายืนพิงขอบประตู ชายวัยกลางคนวันนี้เสื้อกล้ามเก่า ๆ กับกางเกงผ้าขายาว สายตาที่มองฝ้ายทั้งขำทั้งเอ็นดู ฝ้ายที่เห็นว่าลุงพลหัวเราะตนก็ยู่ปากพร้อมเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์“หนูจะทำกับข้าวให้ลุงกินไงคะแต่ไม่สำเร็จสักที ดูสิไหม้หมดแล้ว”ลุงพลที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินเข้ามาหาสาวเจ้าพลางเอ่ยเสียงเข้ม“แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”“ไม่เอานะ ลุงอย่าหาเรื่องแกล้งหนูเลยน้า”ฝ้ายถอยหลังหนีเล็กน้อย แต่กลับเหยียบผ้าขี้ริ้วจนลื่นล้มลงไปนั่งบนพื้นไม้พอดี“โอ๊ย!”“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”ลุงพลรีบเดินเข้ามาประคอง ฝ้ายส่ายหน้ารัว ๆเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ไม่นานนักใบหน้าเธอก็ร้อนวาบเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตั
ลุงพลยืนมองไร่อ้อยที่เพิ่งถอนหญ้าเสร็จด้วยแววตาที่เหนื่อยล้า กลิ่นหญ้าเปียก สายลมอ่อน ๆ และแสงแดดยามบ่ายทำให้เหงื่อซึมทั่วแผ่นหลังเขาจนเปียกชุ่ม เขาเช็ดหน้าตนเองเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก แล้วก้มลงถอนหญ้าแถวสุดท้ายโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฝ้ายแอบยืนมองดูเขาอยู่ตรงมุมร่มไม้ไม่ไกลนักเด็กสาวอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวเล็กกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเช่นที่ชอบสวมเหมือนทุกวัน ริมฝีปากแดงเม้มแน่นน้อย ๆ ดวงตาจับจ้องแผ่นหลังของลุงแน่นิ่ง“ลุงทำงานไม่พักเลยนะ”“ก็ต้องรีบเก็บอ้อยก่อนฝนลง” เขาตอบเสียงนิ่งโดยไม่หันมา“เหนื่อยมั้ยคะ?”“ก็ ถ้ามีคนมาให้หอมหน่อยก็อาจจะหายเหนื่อยนะ”ฝ้ายยิ้มบางๆก่อนจะเดินเข้าไปใกล้และเอาผ้าขนหนูอีกผืนที่เธอพกมาด้วยช่วยเช็ดเหงื่อให้เขา“ลุงรู้มั้ย ว่าหนูชักจะหวงลุงขึ้นทุกวันแล้วนะ”ฝ้ายมีท่าทีแง่งอนอย่างเห็นได้ชัด ที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะวันนั้นลุงพลไปสนทนาพูดคุยกับแม่ค้าคนนั้น ลุงพลเองก็รู้ว่าฝ้ายหึงจึงเอ่ยปลอบประโลม“แต่ลุงก็เป็นของหนูอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะหึงหวงทำไมกัน”เขาหันมายิ้มมุมปาก พร้อมวางมือลงบนสะโพกเธอเบา ๆ ฝ้ายทำท่าทีปัดมือเขาออกและเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ“แต่ลุงก็ยังไปยิ้มให้แม่ค้
แสงแดดยามบ่ายที่แผดเผาร้อนแรงไม่ได้ทำให้ฝ้ายรู้สึกร้อนเท่าภายในใจ เมื่อเธอยืนมองจากมุมไกล เห็นลุงพลกำลังพูดคุยกับแม่ค้าคนใหม่ที่มาเช่าร้านข้าง ๆ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะอายุราว ๆ สามสิบปี หน้าตาสะสวย ปากแดง ผิวขาว พูดจาหัวร่อต่อกระซิกกับลุงพลอย่างสนิทสนม“ยิ้มหน้าบานเชียวนะลุงพล”ฝ้ายเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ยืนหลบอยู่หลังต้นกล้วย ร่างกายของเธอร้อนผ่าว ดวงตาเริ่มขุ่นมัวด้วยความหึงหวงโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปพักใหญ่ เธอก็เดินกระแทกเท้าเข้าไปที่ร้านข้าวโพด เสียงรองเท้ากระแทกพื้นไม้ทำให้ลุงพลถึงกับต้องหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นฝ้ายจึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม“วันนี้มาสายนะฝ้าย”“เห็นลุงคุยเพลินๆอยู่กับแม่ค้าสวย ๆ เลยไม่กล้าเข้ามาค่ะ”ลุงพลชะงักสายตาที่เคยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความงุนงงปนหัวเราะ“หึงเหรอ?”“เปล่าสักหน่อย!”ฝ้ายยังคงทำปากแข็ง แต่ดวงตากลับแดงเรื่อเล็กน้อย ลุงพลมองเธออย่างรู้ทันเขารีบเดินเข้ามาใกล้ เธอ ก่อนจะก้มลงมากระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า“งั้นถ้าไม่ได้หึง… ก็แสดงว่าไม่หวง?”“ก็...”เธอยังไม่ทันพูดจบ ลุงพลก็คว้าเอวเธอเข้ามากอดแน่น มือใหญ่รวบสะโพกนุ่ม ๆ อย่างถนัดมือ“แต่ลุงหวงน
แสงแดดยามสายเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใต้ต้นขนุนหน้าร้านข้าวโพด ลุงพลยืนคัดข้าวโพดใส่ตะกร้า โดยมีผ้าขนหนูพาดไหล่ ข้างกายมีขวดน้ำเย็นที่มีหยดน้ำเกาะวางอยู่ เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาซุกซนจากมุมรั้วบ้าน“ลุง วันนี้มีข้าวโพดเหลือเยอะมั้ยคะ?”เสียงใส ๆ ดังมาจากทางถนน ฝ้ายเดินมาพร้อมชุดเสื้อกล้ามรัดรูป กางเกงขาสั้นเหนือเข่าที่เอชอบใส่เป็นประจำ ลุงพลชะงักไปเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ปลายขาเรียวขาวอย่างอดไมได้“จะเลิกยั่วลุงมั่งได้มั้ย ยัยตัวแสบ”“หนูแค่มาซื้อข้าวโพดนะคะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”เธอเดินเข้ามาใกล้ แววตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ในขณะที่มือก็ค่อยๆเลิกเสื้อกล้ามของตนเองขึ้นช้าๆ“วันนี้อากาศร้อน หนูเลยไม่ได้ใส่เสื้อซับในมาด้วย”ลุงพลเหลือบตามองอย่างระวัง มือหยุดคัดข้าวโพดโดยไม่รู้ตัว ฝ้ายเดินวนหลังแผงขายข้าวโพด ก่อนจะค่อยๆขยับเข้าไปแนบตัวเข้ากับแผ่นหลังเปื้อนเหงื่อของเขา กลิ่นสบู่ กลิ่นดิน กลิ่นเหงื่อของลุงพล ทำเอาหัวใจเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ“หยุดเลย เดี๋ยวมีคนมาเห็น”“ลุงก็ปิดร้านไปสิ”เขาหันขวับมาอย่างเร็ว จับต้นแขนเธอแน่น สายตาเข้มขึ้น“หนูพูดแบบนี้ อย่าคิดว่าลุงจะใจดีเหม
สายลมยามเช้าพัดเอากลิ่นหญ้าชื้นโชยมาตามแถวข้าวโพด ฝ้ายเดินส่ายสะโพกน้อย ๆ มาตามแนวแปลงนาพร้อมกับร้องเพลงคลอเบา ๆ ในมือของหญิงสาวมีห่อข้าวต้มมัด วันนี้เธอใส่เสื้อยืดเอวลอย กับกางเกงผ้าร่มขาสั้นเหนือหัวเข่าที่ช่วยทำให้ต้นขาและสะโพกดูเด่นชัดกว่าทุกวัน“ลุง หนูเอาข้าวต้มมัดมาให้ค่ะ”เสียงหวาน ๆ ดังลอดเข้ามาในเพิงเก็บของลุงพลที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่เงยหน้าขึ้น ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเด็กสาวยืนยิ้มอยู่กลางแสงแดด“แต่งตัวแบบนี้มาหาแต่เช้าเลยเหรอ?”“ก็แดดร้อน ใส่ยาว ๆ เดี๋ยวไม่สบาย”ฝ้ายยิ้มพลางยื่นข้าวต้มมัดให้ ลุงพลรับมาแต่สายตากลับยังไม่หลุดจากหน้าท้องแบนราบกับผิวเนียนนวลใต้เสื้อยืดสั้นนั่นเลยแม้แต่น้อย“ระวังลุงจะกินหนูแทนข้าวนะ”“ก็อยากให้กินอยู่แล้วนี่นา…”ฝ้ายเอ่ยตอบโต้ด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ลุงชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะหรี่ตาเข้มขึ้น“หนูรู้ตัวมั้ย ว่ากำลังยั่วคนแก่อยู่ เดี๋ยวนี้ใจกล้าไม่เบาแล้วนะ”ฝ้ายวางข้ามต้มมัดลงบนแคร่ไม้ ก่อนจะเอ่ยกับลุงพล“ลุงรู้ตัวมั้ย ว่าหนูก็เริ่มติดใจลุงแล้วเหมือนกัน ถึงใจกล้ามาหาลุงแบบนี้ยังไงเล่า”เธอพูดจบก็เดินเข้าไปนั่งบนแคร่ไม้ในเพิง หยิบพัดกระดาษขึ้นมาพัดเบา ๆ แ