โมนิกาล้วงลึก เธอเห็นความลังเลในดวงตาของคนถูกถามซึ่งนิ่งอึ้งไปอีกชั่วขณะก่อนตอบ
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้บอกเขา ฉัน...กำลังจะกลับยูทาห์” อลินทิราบอกความจริงที่ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง
“อะไรกัน! นี่เธอกับพี่ชายฉันเพิ่งกลับจากการฮันนีมูนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมจู่ ๆ จะรีบกลับไปยูทาห์เสียล่ะ?”
“มันไม่ใช่การฮันนีมูนหรอกนะคะ แดเนียลแค่ไปพบครอบครัวของเขาก็เท่านั้นเอง”
ในน้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความประหม่าจนคนฟังรู้สึกได้ โมนิกาเดินเข้ามาใกล้อีกและสบนัยน์ตาสีน้ำตาลแกมเขียวบนใบหน้าหวานพลางถอนหายใจ
“เธอคงไม่รู้ตัวสินะซอนญ่า ว่าเธอน่ะโชคดีแค่ไหน ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าแดเนียลไม่เคยพาผู้หญิงที่เขาเคยควงด้วยไปพบคุณลุงกับคุณป้าเลยแม้แต่คนเดียว เธอไม่รู้สึกภาคภูมิใจบ้างเลยหรือที่เธอ...เป็นคนสำคัญของพี่ชายฉัน”
“ฉันกับแดเนียลไม่ได้ผูกพันกันจริงจังหรอกค่ะ!”
อลินทิราโพล่งออกไปด้วยความอัดอั้นซึ่งก็ทำให้โมนิกาผงะ ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่สายลับสาวจะตัดสินใจพูดต่อ
“มันก็แค่เรื่องสนุกที่ฉาบฉวย เขาพบฉันข้างถนน เราสนุกกันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้ว ฉันอยากกลับบ้านค่ะคุณโมนิกา”
“โอ...แม่สาวยูทาห์ ได้ฟังแบบนี้แล้วฉันรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ”
“มันเป็นความเต็มใจระหว่างเราค่ะ ฉันกับแดเนียล...” พูดแล้วยิ้มขื่น “และเมื่อมันหมดเวลาของฉันกับเขา เรา...ก็ต่างคนต่างไปค่ะ”
อลินทิรากล่าวโดยหลบเลี่ยงที่จะสบสายตาคมวับคู่นั้นโดยตรง โมนิกาเพียงซ่อนยิ้มไว้ในหน้า ใช่แต่เธอจะชิงชังรังเกียจและอยากฉีกเนื้อของผู้หญิงคนนี้ออกเป็นล้านชิ้น เธอยังอยากตอบแทนคนทรยศที่กำลังจะไปจากคฤหาสน์ไพรซ์ให้สาสม จะรีรออะไรอีกเล่า...ในเมื่อนี่เป็นโอกาสของ เธอ โมนิกาตีสีหน้าเป็นห่วงทั้งที่เห็นความแน่วแน่ในแววตาคู่นั้น
“ซอนญ่า...แล้วนี่เธอจะกลับยูทาห์จริง ๆ หรือ เธอจะกลับไปยังไงในเมื่อนี่ก็ค่ำมืดแล้ว”
“ฉันจะออกไปหาแท็กซี่ข้างนอกค่ะ ฉันต้องรีบไปสนามบินและกลับยูทาห์ในคืนนี้เลย”
“แถวนี้ไม่มีแท็กซี่หรอกนะ...อืม...เอาอย่างนี้ ฉันจะให้รถเธอขับไปสนามบินก็แล้วกัน พอไปถึงที่นั่นเธอก็จอดทิ้งไว้แล้วฉันจะให้คนของฉันตามไปขับกลับมา”
ประกายตาของอลินิราสว่างขึ้นในฉับพลัน หญิงสาวแทบไม่มีเวลาตริตรองในห้วงเวลาสั้น ๆ ก็จะเป็นไรไปหากจะตอบรับความหวังดีจาก บอส ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอนอกจากแดเนียล
“ขอบคุณค่ะ คุณโมนิกา...เห็นทีว่าฉันต้องขอรบกวนคุณเสียแล้ว”
รอยยิ้มที่ดูจริงใจของผู้ยื่นข้อเสนอทำให้สายลับสาวยินดีรับกุญแจรถที่อีกฝ่ายยื่นให้โดยไม่มีข้อแม้
“เมอร์เซเดส เบนซ์ สปอร์ต สีขาว มันจอดอยู่ในโรงรถทางด้านนั้น” โมนิกาแนะ และเมื่ออลินทิราจากไปแล้วร่างระหงจึงยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดหยุดเล่นในโหมดบันทึกวีดีโอพร้อมรอยยิ้มอันน่าสะพรึง
“ขอให้โชคดีนะ...นังสายลับโสเภณี ออโซลย่า!”
การออกจากคฤหาสน์ไพรซ์ด้วยรถเมอร์เซเดส เบนซ์ สปอร์ตสีขาวของโมนิกาทำให้อลินทิราไม่เป็นที่สังเกตแก่สายตาของใครแม้แต่คนเดียว หญิงสาวเห็นคนของแดเนียลทว่าเธอก็ทำตัวตามปกติไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย น่าขอบใจกระจกรถอาบฟิล์มสีดำสนิทซึ่งทำให้ใคร ๆ ต่างคิดว่าเบื้องหลังพวงมาลัยคือญาติผู้น้องเจ้าของคฤหาสน์ที่ต้องการออกไปข้างนอกมนยามวิกาล
เมื่อเห็นว่าผ่านรั้วคฤหาสน์ไพรซ์มาไกลแล้ว สายลับสาวจึงเร่งความเร็วพารถสปอร์ตคันหรูทะยานออกไปตามเส้นทางมุ่งสู่สนามบินซานตาโมนิกา อลินทิรากำพวงมาลัยแน่นขณะน้ำตาร่วงเผาะ เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย ว้าเหว่และเดียวดาย ทั้งที่ตลอดชีวิตการเป็นจารชนในองค์กรลับเธอมีกฎเหล็กข้อใหญ่นั่นคือต้องไม่ผูกติดกับใครมากเกินความผูกพัน
แต่เธอก็พลาดจนได้ เธอเผลอไผลหัวใจให้กับบุรุษผู้นั้น
แดเนียล ไพรซ์
อลินทิราถอนใจขณะพารถทะยานไปเบื้องหน้าที่ยังหาจุดหมายไม่เห็น ทว่าสิ่งเดียวที่เธอนึกได้นั่นคือที่สุดท้ายซึ่งควรบ่ายหน้าไปคือ ยูทาห์ ความคิดนั้นโลดแล่นไปเพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็มีอันต้องสะดุดลงเมื่อเสียงระเบิดที่ล้อดังสนั่นทำให้หญิงสาวต้องชะลอความเร็วกระทั่งจอดสนิทริมถนนบนทางหลวง
“โอ...พระเจ้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต