Masukเผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบแก้มใสกังวานจนร่างบอบบางสะดุ้งเฮือก ดวงตาคมของพริมาหรือก็คือ ลู่หลันถิง ร่างใหม่ ลืมโพลงขึ้นอย่างตื่นตระหนก หญิงสาวกำลังจมอยู่ในภวังค์ความทรงจำปนเปสับสน แต่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยแรงตบที่ทำเอาแก้มชาไปทั้งแถบ
“ไอ้บ้า! นายตบฉันทำไม…” เสียงที่คิดว่าตะโกนออกมาเต็มแรง กลับเบาหวิวเหมือนสายลมจางจนแทบไม่ได้ยินเองด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มแผลเป็นที่เพิ่งโดดลงทะเลช่วยเธอขึ้นมา อาเฟย ขมวดคิ้วหันไปถามเจ้านายทันที
“คุณอี้เหิง ทำไมต้องตบเธอด้วยครับ”
จั๋วอี้เหิง ที่กำลังนั่งยองๆ ทับส้นเท้าอยู่ข้างกายเล็กที่นอนตาลอยเอ่ยตอบไร้อารมณ์
“เพราะฉันกลัวเด็กนี่จะตาย ตาลอยอยู่ตั้งนาน เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ”
“แล้วคุณก็เลยตบเธอ?” อาเฟยมองเจ้านายตาโต
“ใช่!” คราวนี้น้ำเสียงกระแทกห้วนสั้น เสี้ยวหน้าคมกริบนั้นเปื้อนรอยไม่สบอารมณ์ให้อาเฟยกับอาจ้านเห็นชัดเจน จนฟังแล้วขนลุก
ในขณะที่สองชายกำลังโต้ตอบกัน คนที่เพิ่งผ่านความตายมาอย่างหวุดหวิดกลับรู้สึกปวดหัวรุนแรง ภาพรอบกายหมุนคว้างเหมือนโลกกำลังแยกออกเป็นสอง เธอพยายามขยับปากด่า ที่ตนเองถูกเขาตบหน้าจนชาหนึบแต่แทบไม่มีแรง ดังนั้นจากคิดจะด่าทอคนจึงเปลี่ยนเป็นขอความช่วยเหลือแทน
“ชะ…ช่วย…ด้วย” เสียงแผ่วแทรกออกมาเหมือนลมหายใจสุดท้ายของเธอกำลังจะมาถึง
จั๋วอี้เหิงที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดได้ยินทันทีเขารีบเขย่าตัวหญิงสาว น้ำเสียงห้วนแต่แฝงความร้อนรนที่เจ้าตัวเองอาจไม่ทันรู้ตัว
“เธอ! หลันถิง! ลู่หลันถิง!”
แต่ดวงตาของหญิงสาวค่อย ๆ ปิดลงราวกับถูกแรงบางอย่างดึงเข้าสู่ความมืดอีกครั้ง
อาจ้าน คนสนิทอีกคน รีบก้าวเข้ามา ใช้ไฟฉายส่องดวงตาและตรวจการตอบสนอง ก่อนถอนหายใจเฮือกเบา ๆ
“ยังไม่ตายครับ คุณอี้เหิง”
คำตอบนั้นแม้ฟังดูโล่งอก แต่กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งขึ้นกลับทำให้เขาขมวดคิ้วทันที เมื่อฉายไฟสำรวจต่อ จึงเห็นเลือดสีเข้มไหลซึมจากท้ายทอยเป็นทางยาว
อาเฟยรีบคุกเข่าลง พลิกศีรษะร่างเล็กขึ้นเพื่อตรวจบาดแผล พอเห็นรอยแตกยาวลึกถึงสองร่องก็ถึงกับสบถ
“แผลแตกยาวเกินไป! เลือดออกไม่หยุดเลยครับคุณอี้เหิง อันตราย”
มือหนารีบกดแน่นตรงบาดแผล ใช้แรงทั้งหมดพยายามห้ามเลือดตามวิธีการที่เรียนรู้มาตั้งแต่สมัยเป็นทหารรับจ้าง แต่เลือดยังคงทะลักผ่านช่องนิ้วเขาจนสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อน กลายเป็นสีแดงฉานบนพื้นไม้กระดานท่าเรือ
“คงเพราะแผลถูกน้ำทะเล เลือดเธอจึงไหลไม่หยุด เราต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาลแล้วครับคุณอี้เหิง”
อาเฟยบอกไปตามประสบการณ์ จั๋วอี้เหิงทอดสายตามองร่างเล็กซีดเผือดบนพื้นที่ลมหายใจแผ่วเบาลงแทบไร้ชีวิต
แววตาดูครุ่นคิดเงียบ ๆ ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักชีวิตเด็กสาวคนนี้ ควรยื้อไว้หรือปล่อยให้ตายไปตามเคราะห์กรรมกันแน่
เขารู้จักหลันถิงเลือนราง รู้แค่อีกฝ่ายคือแฝดคนน้องของลู่หลินอิง ผู้หญิงที่เขาเลือกมาเป็นเมียชั่วคราวขัดตาทัพ สองคนถึงหน้าตากับรูปร่างใกล้เคียงกัน แต่กลับแตกต่างทุกสิ่งทั้งนิสัยใจคอและ บุญวาสนาล้วนแตกต่างโดยสิ้นเชิง
คนพี่สาวนั้นถูกเชิดชูว่าเป็นดาวนำโชค ตัวเขาเองที่เลือกหลินอิงก็เพราะรู้สึกว่าหลันถิงอ่อนแอเกินไป และเขาไม่เคยสนใจคนคนอ่อนแอยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มจะสู้ แต่สิ่งที่เห็นกับตาเมื่อครู่นี้...
พี่แท้ ๆ จับน้องโยนลงทะเลต่อหน้าต่อตา มันทำให้เขาขบคิดมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เพราะถึงเขาจะชอบคนสู้คน แต่ผู้หญิงที่ใจอำมหิตขนาดนี้เขาก็ยอมรับไม่ได้เหมือนกัน
ในที่สุด เสียงทุ้มต่ำก็ตัดสินใจออกคำสั่งเด็ดขาด “พาเธอไปโรงพยาบาลกว่างโจวเดี๋ยวนี้!”
อาจ้านไม่รอช้า รีบวิ่งไปสตาร์ทรถยนต์คันหรูทันที อาเฟยเองก็รู้หน้าที่เขารีบตรงเข้าไปอุ้มร่างเปียกโชกขึ้นจากพื้นเพราะตัวของเขานั้นก็เปียกปอนเช่นกันหากจะให้ผู้เป็นนายอุ้มเธอคงไม่เหมาะ
หลังทุกคนพร้อมรถเบนซ์สีดำทะยานออกจากท่าเรือทันที เสียงเครื่องยนต์ดังคำรามแข่งกับลมยามค่ำ
ภายในรถเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และเสียงหายใจหนัก ๆ ของอาเฟยที่พยายามกดผ้าเช็ดตัวแนบแผลเพื่อห้ามเลือดอย่างระมัดระวัง ขณะที่เจ้านายใหญ่ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาคมเข้มส่องประกายวิเคราะห์ไม่หยุดว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่พี่สาวแท้ๆ กล้าลงมือเอาชีวิตน้องสาวแบบนี้
รถแล่นฝ่าถนนมืดสลัวเข้าสู่ย่านชุมชนของกว่างโจว ไฟนีออนสีแดงสว่างวาบจากป้ายร้านเหล้า ป้ายโรงเต้าหู้เหม็น และร้านเกมตู้ข้างทาง สลับกับเงามืดของแฟลตเก่าที่คนงานอัดกันอยู่แน่นขนัด
จนในที่สุด แสงไฟสว่างจ้าของโรงพยาบาลประชาชนกว่างโจวก็ปรากฏตรงหน้า
“จอดตรงนี้แหละ อาจ้านฉันจะรีบลงไป” อาเฟยตะโกนบอกกับคนขับ อาจ้านก็รีบจอดลงตรงหน้าห้องฉุกเฉิน อาเฟยรีบอุ้มร่างเล็กลงจากรถอย่างเร็ว จั๋วเหิงลงตาม อาจ้านจึงนำรถเข้าไปจอดที่โรงพยาบาลจัดเอาไว้ แล้ววิ่งตรงมายังจุดหน้าห้องฉุกเฉินสมทบกับอาเฟยและจั๋วอี้เหิง
เสียงส้นรองเท้าวิ่งตึงตังบนพื้นกระเบื้อง พยาบาลเวรกรูเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังร่างของอาเฟยที่กำลังคนหมดสติทันที
“คนไข้เป็นอะไรมาครับ” บุรุษพยาบาลถามขึ้นเป็นคนแรก
“คนไข้ศีรษะแตก เลือดออกมากจนหมดสติครับ!” อาเฟยรีบบอกอาการเบื้องต้น กับพยาบาล บุรุษพยาบาลเห็นดังนั้นเขารีบไปนำเปลเข็นผู้ป่วยมารับ
ร่างหลันถิงถูกวางลงบนเปลทันที เสียงเอี๊ยดอ๊าดของล้อเหล็กจึงดังไปตามโถงทางเดินสู่ภายในห้องฉุกเฉิน เสียงสั่งการวุ่นวายก่อนประตูห้องฉุกเฉินจะปิดลงอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ข้างนอกเหลือเพียงบรรยากาศเงียบงันกดดัน
อาเฟยยังคงยืนหอบ เลือดของคนป่วยยังเปื้อนทั้งตัวแต่สายตาไม่ละจากประตู อาจ้านยืนนิ่งถัดมา ส่วนจั๋วอี้เหิงยืนพิงผนัง ก่อนจะล้วงมือหยิบซองบุหรี่ออกมาคล้ายจะจุดสูบแต่นึกได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ซึ่งจะสูบได้ เขาจึงเหลียวมองห้ามุมสำหรับสูบที่โรงพยาบาลจะจัดเอาไว้ให้ญาติผู้ป่วย
เหลือเพียงนาฬิกาบนผนังเดินดังชัดเจนอยู่ในความเงียบ จนแทบกรีดลงกลางอกคนรอด้านนอก เช่นอาจ้านกับอาเฟย เพราะอย่างไรพวกเขาก็มีน้องสาวพี่สาวจึงอดสะเทือนใจไม่ได้กับสภาพบาดเจ็บของลู่หลันถิง
เวลาผ่านไปช้าๆ จั๋วอี้เหิง ยืนกอดอก สีหน้าเรียบนิ่ง มวนบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดกลิ้งไปมาระหว่างนิ้วเรียวยาว ข้าง ๆ เขา อาจ้าน ยืนนิ่งสงบ แต่สายตายังคงตรึงแน่วแน่ที่ประตูห้องฉุกเฉินที่ยังเปิดสีแดงนิ่ง ส่วนอาเฟย เสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเลและเลือดจนเปื้อนเป็นปื้นชวนสยองขวัญ จั๋วอี้เหิงจึงตัดสินใจจะออกไปสูบบุหรี่จริงๆ
“ฉันออกไปสูบบุหรี่…” อี้เหิงเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนเหลือบตาไปทางลูกน้อง
“อาเฟย ไปเปลี่ยนชุดบนรถ ฉันมีเสื้อผ้าสำรองในท้ายเก็บไว้แกเอาไปใช้ก่อนได้เลย”
เขาหันสายตาคมไปทางอาจ้านเพียงเสี้ยววินาที “แกอยู่รอหมอ ถ้าใครถามหาญาติคนไข้ ให้ไปเรียกฉัน”
เสียงส้นรองเท้าหนังของอี้เหิงดังกระทบพื้นกระเบื้องก้องกังวานทุกย่างก้าว ก่อนเงาร่างสูงใหญ่จะเดินหายลับออกไปทางระเบียงด้านนอก
ตอนพิเศษตัดปัญหาบ้านจั๋วไปแล้ว ใครจะคิดบ้านลู่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา และจะเป็นใครได้อีกที่สร้างเรื่องหากไม่ใช่ยายแก่สารพัดพิษหลินฟางหรือย่าลู่ หญิงชราแอบมาขโมยเงินก้อนที่เสียนอี่เตรียมจะนำไปขยายโรงงานเอาไปให้ครอบครัวลู่เสียนเซิ่ง ที่ถูกเจ้าหนี้ตามฆ่าเพราะติดหนี้ก้อนโต (เกือบล้านหยวน)หลันถิงทราบเพราะแม่เลี้ยง (ซ่งอวี้) โทร.มาบอก หญิงสาวโกรธมาก อี้เหิงที่ทราบก็ถามเธอว่าอยากให้เขาจัดการคนพวกนี้แบบไหน หลันถิงนิ่งไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจบอกให้สามีจัดการในแบบของเขาได้เลย เธอกับหญิงแก่มหาภัยไม่เกี่ยวกันนานแล้ว ยิ่งคนบ้านลู่รองหรือาผู้ชายกับอาสะใภ้เธอยิ่งไม่เคยผูกพันอี้เหิงจับศีรษะภรรยาแล้วชมว่า “ดี” พร้อมกับบอกว่าคนเราต้องใจเด็ดแบบนี้ คนที่เคยลงมือฆ่าเราเธอไม่จำเป็นต้องนับใครเป็นญาติ หลันถิงจึงว่าฉันถือคติทำให้คนเกลียด...ยังพูดไม่จบอี้เหิงก็ต่อว่า...อายุยืนหมื่นปี แล้วก็หัวเราะ หลันถิงจึงหัวเราะตาม พร้อมกับบอกสามีว่าชีวิตคนเราก็แบบนี้ต้องเห็นแก่ตัวบ้างใจดีเกินไปตายมามากแล้วอี้เหิงเห็นหลันถิงแกร่งแบบนี้เขาจึงเล่าถึงอู่กวงกับหลินอิงว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกกับหลันถิงว่าตนเองปล่
ตอนที่ 45 ||อวสานสองเดือนต่อมา...อี้เหิงเริ่มเห็นว่าหลายสิ่งที่หลันถิงเคยพูดไว้ในคืนนั้นเริ่มเกิดขึ้นจริง ข่าวลือเรื่องเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เซี่ยงไฮ้สะพัดไปทั่ววงการการเงินในเงามืด เขาใช้เส้นสายตรวจสอบทุกแหล่งข้อมูลและพบว่า ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริงตามที่เธอบอกไม่มีผิด บวกกับเหตุการณ์เล็กน้อยอีกหลายเหตุการณ์ล้วนเป็นจริงทำให้เขายิ่งคิดว่าความฝันของหลันถิงน่าจะเป็นฝังบอกอนาคตจริงๆค่ำหนึ่งในห้องทำงาน เขาเปิดแฟ้มข้อมูลพลางสูบลมหายใจลึก “ถิงถิง…ดูท่าฝันของเธอจะไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”หลันถิงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ พลางหัวเราะเสียงหวาน รอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่มีความมั่นใจในตัวเองแผ่ออกมา “เห็นไหมคะพี่…ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อเลยสักนิด”อี้เหิงขำเบา ๆ ก่อนเอ่ยเล่น ๆ “พี่เริ่มจะเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าเมียพี่อาจจะมาจากอนาคตก็ได้”หลันถิงทำหน้าทำตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์เขาโน้มตัวไปใกล้ พลางเอื้อมมือคว้าข้อมือเล็กของเธอมากุมไว้เบา ๆ “หรือไม่ก็…เป็นนางฟ้า หืม?”หลันถิงหัวเราะคิกคัก “พี่อี้! ฉันห่างไกลคำว่านางฟ้าเยอะมาก ยิ่งนางเอก…ยิ่งไกลเต็มที่ หลันถิงคนนี้ก็มีแต่จะเป็นนางร้ายเต็มตัว!”อี้เหิงยิ้มมุมปาก ดวงต
ตอนที่ 44 || ฝันบอกอนาคตของหลันถิงหลังจบมื้อค่ำดึก อี้เหิงกับหลันถิงขึ้นมานั่งดื่มชาดอกไม้ที่ระเบียงห้องนอนเพื่อรอให้อาหารย่อย แสงไฟยามค่ำส่องสว่างไสว กลิ่นชาอ่อน ๆ ผสมกลิ่นลมเย็นยามค่ำ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบอย่างแปลกประหลาดหลันถิงนั่งถือถ้วยน้ำชาแน่นิ่งมาครู่ใหญ่ ในใจของหญิงสาวกำลังกังวล เธอจ้องไปยังความมืดข้างนอกมากกว่าจะมองสามีที่นั่งตรงข้าม อี้เหิงย่อมสังเกตเห็นแล้วแต่เขายังเงียบอยู่ เพราะอาการของหลันถิงดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในใจ เขาไม่รีบร้อนปล่อยให้เมียตัวน้อยอยู่กับตัวเองครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำแต่อบอุ่นเหลือเกิน“หลันถิง เธอต้องการอะไรจากพี่ก็พูดมาเถอะ ระหว่างผัวเมียเราไม่ต้องเกรงใจกัน” น้ำเสียงของเขาเรียบแต่หนัก แน่วแน่สื่อความหมายดังที่พูดออกไปทุกคำคำพูดนั้นทำให้หลันถิงชะงัก ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อยก่อนพยายามข่มใจให้ยิ้มกลบความรู้สึกหวาดกลัวว่าหากตนเองพูดสามีเธอจะไม่คิดว่าเธอเพ้อเจ้อไปเอง“นี่พี่อี้มองออกเลยเหรอ… แหม เขินเลยนะเนี่ย” หลันถิงพูดคล้ายหยอกเย้าสามีเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไปอี้เหิงยิ้มมุมปาก ดึงร่างเล็กมานั่งบนตักอย่างคุ้นเคยและเขาอยากบอก
ตอนที่ 43||การตัดสินใจเด็ดขาดของอี้เหิงหลันถิงรีบพูดเสียงสั่น แต่ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางก็ถูกแขนแข็งแรงโอบอุ้มขึ้นจากท่านั่งคุกเข่าโดยเขาก็กลับลงมานั่งในอ่างเช่นเดิม แล้ววางร่างเล็กลงคร่อมตักแกร่งกลางอ่างทันที น้ำกระเซ็นจนล้นขอบอ่างลงเปียกพื้นแต่อี้เหิงหรือจะสนใจ“ลองขย่มพี่เองสักครั้งสิ” เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู ริมฝีปากกัดติ่งหูเล็กแรงพอให้เธอสั่นสะท้าน“ไม่เอา!” เธอส่ายหน้าสุดแรง แต่เขากลับจับสะโพกกลมแน่น กดลงตรงแก่นกายแข็งกร้าวที่เพิ่งคืนชีพอีกครั้ง ความร้อนผ่าวกระแทกตรงจุดอ่อนไหวทำให้หลันถิงสะดุ้งเฮือก“อย่าดื้อ...เดี๋ยวพี่ทิปอีกห้าหมื่น” เสียงทุ้มต่ำล่อลวงคนชอบเงินหลันถิงยังไม่ทันปฏิเสธเพราะรอบนี้เธอเหนื่อยแล้วอีกห้าหมื่นก็ไม่เอา แต่ปลายแท่งร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในกายคับแน่นอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องหวานปนแหบพร่าหลุดจากปากหลันถิง น้ำตาคลอเมื่อความใหญ่โตดันลึกเข้าไปสุดทางในคราวเดียว“อ๊ะ...พี่อี้ มันเจ็บนะ!” เธอทุบอกเขาเบา ๆ แต่เสียงครางแหบพร่ากลบความโกรธไปหมดสิ้น“ก็เจ็บแค่แรก ๆ ทุกครั้งไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวขยับเธอก็เสียวไปกับพี่ทุกที...” เขาหัวเราะต่ำในลำคอ แล้วดันสะโพกเธอขึ้
ตอนที่ 42||ฉันจะเป็นปลาเค็ม!...หลังจากวันยกน้ำชาพอเช้าวันใหม่อีกวันน้องสาวของจ้าวอิงอิงพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านจั๋วก็ขนข้าวของมาอยู่ที่ตึกใหญ่ หากแต่หลันถิงไม่ใส่ใจ เพราะอี้เหิงบอกกับเธอแล้วว่าเขาไม่สนใจใคร เขาเลือกเธอแต่แรกก็ยังเป็นเช่นนั้นและเพียงสามวันเท่านั้นตึกใหญ่ของบ้านจั๋วก็วุ่นวายเพราะจ้าวจูดี้กับจ้าวหนิงเจียวทะเลาะตบตีกัน เพราะต่างก็มีคนหนุนหลัง หนิงเจียวคือคุณนายใหญ่จั๋วผลักดัน ส่วนจ้าวจูดี้ก็เป็นสะใภ้ใหญ่กับลูกชายคนโต ตบตีกันเองจนวุ่นวาย สุดท้ายคุณนายใหญ่จั๋วก็ทนไม่ไหว ไล่ทั้งสองคนออกจากคฤหาสน์ไปก่อน“แผนของพี่อี้ช่างร้ายกาจ”หลันถิงชื่นชมสามีจากใจ เพราะที่อี้เหิงรับปากเธอแต่แรกล้วนเป็นจริง เขาบอกให้เธอแค่อยู่เฉยๆ วางตัวสวยๆ ใช้จ่ายตามสบาย ส่วนเรื่องผู้หญิงอื่นเขาจะจัดการแทนเธอเอง“พี่ร้ายกับคนที่ร้ายกับพี่ก่อนเท่านั้น อีกไม่นานรับรองเลยว่าหนิงเจียวจะได้รับโทษที่เคยลงมือทำร้ายเธอ”“ยังไงคะ?” หลันถิงหมายถึงเขาจะทำอะไร“ตอนนี้หนิงเจียวพัวพันอยู่กับเฉินอีเค่อ และเธอรู้ไหม เมียของเฉินอีเค่อเป็นพวกหึงโหดขนาดไหน”หลันถิงฟังแล้วคิดตามไม่นานก็ตาโต “พี่อี้ พี่ไม่ใช่คนดี!”จั๋วอี้เหิงห
ตอนที่ 41 ||ยกน้ำชาบ้านใหญ่ช่วงค่ำอากาศของปักกิ่งเย็นยะเยือกกว่าที่หลันถิงเคยชิน ลมปลายฤดูร้อนพัดแรงจนม่านบางปลิวสะบัด เสียงกระดิ่งลมหน้าระเบียงดังแผ่วเบาเป็นจังหวะชวนผ่อนคลายหญิงสาวในชุดนอนผ้าซาตินสีงาช้างนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่หวานจ้องเงาตัวเองในกระจกอยู่นาน ใบหน้าหวานผ่องใสแม้จะผ่านการเดินทางไกลด้วยเครื่องบินเสียงเปิดและปิดประตูเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่อี้เหิงจะก้าวเข้ามาในชุดนอนสีเข้ม เขาดูสงบอย่างทุกครั้ง“นอนไม่นอนอีกแล้วเหรอ” คนเพิ่งกลับมาจากห้องทำงานถามเมียที่เขามาส่งตั้งแต่หัวค่ำยังนั่งทาครีมตรงโต๊ะเครื่องแป้งไม่เข้านอน“รอพี่อี้ค่ะ” หลันถิงตอบเสียงหวานก่อนจะลุกเดินมาหาสามีที่ยืนรอที่ปลายเตียง“พี่นึกว่าเธอกังวลเรื่องยกน้ำชาบ่ายพรุ่งนี้เสียอีก” อี้เหิงดักคอคนที่ยังไม่ยอมเข้านอนทั้งที่ห้าทุ่มกว่าแล้ว“ก็...นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวเข้ามาโอบเอวแกร่งพร้อมเอาแก้มนวลถูไถไปกับหน้าอกของสามีคล้ายลูกแมวขี้อ้อน ท่าทางแบบนี้ทำเอาอี้เหิงใจเหลวเป็นน้ำ“ตราบใดที่พี่ยังมีลมหายใจ ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไรทั้งนั้น”คำพูดนั้นเหมือนคาถาคุ้มกันในใจหลันถิง เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจลึกก







