Home / รักโบราณ / วาสนานางร้ายยุค90s / บทนำ ||ชีวิตนางร้ายเกรดบี

Share

วาสนานางร้ายยุค90s
วาสนานางร้ายยุค90s
Author: จ้าวเฉียว / พลอยพันแสง

บทนำ ||ชีวิตนางร้ายเกรดบี

last update Last Updated: 2025-09-25 19:05:35

บทนำ ||ชีวิตนางร้ายเกรดบี

เสียงพัดลมขนาดใหญ่ในสตูดิโอโรงถ่ายในกรุงปักกิ่งดังก้อง บอกว่ามันกำลังทำงานอย่างหนักขนาดไหน ใบพัดเหล็กหมุนถี่ยิบพัดลมร้อนวนเวียนไปทั่ว แต่ก็ไม่อาจขับไล่ไออบอ้าวจากสปอตไลต์นับสิบดวงที่พุ่งตรงลงมายังพื้นด้านล่างได้ ความร้อนนั้นเหมือนเปลวเพลิงที่คอยแผดเผาผิวกายของหญิงสาวผู้ยืนอยู่ภายใต้แสงจ้าเจิดจ้าดังกล่าว

พริมา เฉิน หรือชื่อจีนที่ผู้คนในวงการบันเทิงรู้จักกันดีว่า เฉินเพ่ยอวี้

เหงื่อเม็ดโตไหลรินผ่านไรผมลงมาตามแก้มขาว ร่วงหยดลงที่ซอกคอและซึมซับกับชุดหนังสีดำสนิทที่แนบแน่นอยู่บนร่างกายบอบบาง ชุดนักรบหญิงโบราณที่เธอสวมสำหรับถ่ายทำฉากบู๊ของซีรีส์จีนพีเรียดฟอร์มยักษ์ กลับกลายเป็นดั่งเกราะเหล็กหนักอึ้งที่กักเก็บความร้อนและความเหนื่อยล้าไว้ทั้งหมด

“ฮึบ!… ฮ่า…”

ลมหายใจหอบกระชั้นแผ่วแรงหลุดลอดออกจากริมฝีปาก เธอกำด้ามไม้พลองซึ่งใช้แทนทวนโบราณแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้นชัดเจนทั้งสองข้าง ความชาแล่นขึ้นมาตั้งแต่ปลายนิ้ว แต่กระนั้นก็ยังฝืนยกแขนขึ้นอีกครั้ง ฟาดท่อนไม้ในมือให้หวือหวาตามจังหวะบู๊ที่ซักซ้อมมาไม่รู้กี่สิบรอบ

“ยังไม่ดีพอ! ทำใหม่อีกรอบออกแรงหน่อย!”

เสียงตวาดก้องจากเบื้องล่างดังแหวกอากาศ มาจากปากผู้ช่วยผู้กำกับร่างอ้วนที่ยืนกอดอกอยู่หลังจอมอนิเตอร์ น้ำเสียงแข็งกระด้างราวกับเขาไม่ได้เห็นตรงหน้าคือมนุษย์หญิงวัยสิบเก้าปี แต่เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกบังคับให้ต้องแสดงออกตามคำสั่งเท่านั้น

พริมาสูดลมหายใจลึก กล้ามเนื้อทุกเส้นเหมือนถูกเผาไหม้ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวจะทะลุออกมา เธอกัดฟันกรอด บังคับร่างกายให้ฟาดท่าตามคิวต่อสู้ที่ซับซ้อนอีกครั้ง ดวงตาคมสวยที่สะกดกล้องสะท้อนความดุดันดั่งสัตว์ป่าถูกล่า ความโกรธ ความเจ็บ และความดื้อดึงปะทุรวมกันจนกลายเป็นพลังที่ทำให้ลีลานั้นสมจริงจนน่าขนลุก

“เวรกรรมอะไรของฉันกันเนี่ย สวรรค์ให้ความสวยมาเต็มเปี่ยมแต่ดันลืมให้วาสนาฉันมาใช่ไหมถึงต้องเหนื่อยขนาดนี้!” เธอตะโกนอยู่แค่ในใจใครจะกล้าเปิดเผยให้โดนตำหนิ

ใช่แล้วภายนอกเธอคือสาวน้อยนักแสดงที่ถูกจดจำในบท “นางร้ายเกรดบี” ที่โผล่มาสร้างสีสันเป็นครั้งคราว ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยความขมขื่น เธออยู่ในวงการนี้มาแล้วเกือบสิบสองปี นับตั้งแต่เด็กหญิงตัวเล็กถูกโยนเข้ามาในไฟสปอตไลต์และหน้ากล้องโดยไม่สมัครใจ จากวันนั้นถึงวันนี้ เธอไม่เคยได้รับแม้แต่โอกาสเล็ก ๆ ที่จะยืนอยู่ในแถวหน้ากับเขาบ้างเลย

ทุกครั้งที่กล้องจับไป เธอคือคนที่ผู้ชมเกลียดชัง แต่ไม่เคยมีใครมองลึกลงไปว่าเบื้องหลังการแสดงนั้นคือหยดน้ำตาจริงกี่หยดที่แลกมา

เธอจำได้ดีว่าไม่กี่วันก่อน ผู้กำกับบางคนเคยหันมามองแล้วหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอ่ยประโยคที่ฝังลึกลงในใจ

“หน้าแบบนี้เล่นได้แค่บทนางร้ายเท่านั้น เธอสวยดุเกินไป บทนางเอกไม่เหมาะกับเธอหรอกเพ่ยอวี้”

คำพูดนั้นเจ็บยิ่งกว่าฉากที่เธอต้องโดนพระเอกตบจริง ๆ ต่อหน้ากล้องเสียอีก

“เพ่ยอวี้! ตั้งใจหน่อยสิ!”

เสียงตะโกนเบา ๆ แทรกขึ้นจากมุมเวที เป็นของ อาหลิว เพื่อนร่วมทีมสตั๊นท์แมนที่ซ้อมกับเธอมานับครั้งไม่ถ้วน เสียงนั้นไม่ได้ดังนัก แต่แผ่วเบาพอจะหล่นลงตรงกลางหัวใจที่กำลังบอบช้ำ

เพียงแวบเดียวที่หันไปสบตา เธอก็พยักหน้าตอบเล็กน้อย ราวกับจะยืมแรงใจจากเพื่อนร่วมชะตา แล้วกลับมาตั้งสมาธิกับท่าฟาดต่อ

และท่ามกลางเหงื่อที่ไหลริน ความเจ็บที่แล่นปลายแขน ความทรงจำหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาไม่ทันตั้งตัว…

ภาพสถานสงเคราะห์เก่าแก่ในเชียงใหม่ ลมหายใจกลิ่นฝนปนกลิ่นไม้ชื้น เสียงหัวเราะเย้ยหยันจากเด็กกำพร้าคนอื่นดังแว่ว

“ไม่มีใครเอาเธอหรอก ยัยพริมา! จนจะเจ็ดขวบแล้วยังไม่มีใครมารับไปเลย ฮ่า ๆ ๆ”

เด็กหญิงตัวน้อยกำหมัดแน่น ก้มหน้าไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเล็ก เธอจำได้ว่าหัวใจตอนนั้นเจ็บแค่ไหน ความรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกทั้งใบ

แต่แล้ววันหนึ่ง…

หญิงสาวชาวจีนรูปร่างสูงสง่าสวมชุดกระโปรงเข้ารูปสีขาวสะอาดก็เดินเข้ามาในชีวิต เธอชื่อ เฉินหลี รอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยแววเมตตานั้น ทำให้พริมาคิดว่าโลกใบนี้อาจไม่ได้โหดร้ายไปเสียหมด

“ตั้งแต่วันนี้ หนูคือ ลูกสาว ของฉัน”

มือเรียวลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน ประโยคสั้น ๆ นั้นทำให้หัวใจของพริมาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เธอเชื่อสุดหัวใจว่า ชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มต้น

แต่ความจริงกลับโหดร้ายกว่านั้น…

หลังจากก้าวสู่ปักกิ่ง เธอไม่ได้ใช้ชีวิตในฐานะลูกสาวของใคร หากแต่กลายเป็นสินทรัพย์ชิ้นหนึ่งที่ถูกผลักเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ จำได้ว่าภาพแรกที่ตรึงในใจ คือเสียงผู้กำกับชายวัยกลางคนที่ตะโกนลั่นกองถ่าย

“ร้อง! ร้องไห้คนดูสงสารสิ!”

น้ำตาของเด็กหญิงที่ปรากฏบนหน้าจอทีวีนั้นสมจริงจนคนทั้งประเทศร้องไห้ตาม แต่เบื้องหลัง… มีเพียงความหวาดกลัวและเสียงสะอื้นจริง ๆ ที่ไม่มีใครเหลียวแลว่าแท้จริงเธอถูกแม่บุญธรรมข่มขู่อะไรบ้าง

เมื่อเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่น พริมาเริ่มตระหนักว่าโลกของวงการบันเทิงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลยสักนิด โดยเฉพาะวงการบันเทิงจีน ตลอดสิบสองปีเธอรู้แล้วว่ามันเต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมที่พร้อมเฉือนเนื้อใจของเธอทุกเมื่อ

แม้เธอจะสวยคม จมูกโด่ง ตาคม แต่สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นดาบสองคม ทุกครั้งที่เธอหวังจะได้บทนางเอก คำตอบที่ได้กลับเป็นเสียงหัวเราะเยาะหยันของเหล่าผู้กำกับและทีมงานบางคน

“เพ่ปี๊ดวี้เธอสวยเกินไป จับคู่กับพระเอกรุ่นเดียวกันยาก รุ่นใหญ่เขาก็ไม่ร่วมงานกับเด็กไม่มีนายทุนใหญ่สนับสนุนแบบเธอหรอก”

คำพูดที่เหมือนคำตัดสินโทษ กลายเป็นตราประทับเผาใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอทำได้เพียงแสดงต่อไป ร้องไห้ โกรธ เกรี้ยวกราด ด่าทอ ตามบทที่เขียนมาให้สมจริงที่สุด เพราะรู้ดีว่าถ้าเธอทำพลาดแม้แต่เสี้ยววินาที โอกาสเล็กน้อยที่เธอเหนี่ยวรั้งไว้อาจหลุดมือไปตลอดกาล ซึ่งหากเป็นแบบนั้นชีวิตเธอจบเห่แน่เรียนก็ยังไม่จบจะไปหางานดีๆ ที่ไหนได้

“ตัด!”

เสียงผู้กำกับดังขึ้นอีกครั้งในวันนั้น และตามมาด้วยเสียงถอนหายใจโล่งอกของทีมงาน “ดีมาก พักสิบห้านาที เตรียมถ่ายจริง”

ห้องสตูดิโอพลันวุ่นวายราวกับรังมดแตก ผู้ช่วยรีบขนพร็อป ทีมไฟปรับแสงใหม่ เสียงวิ่งวุ่นก้องสะท้อนทุกทิศ พริมาก้าวลงจากเวทีฝึกซ้อมด้วยขาที่แทบไร้แรง เธอคว้าเก้าอี้พับเก่า ๆ มุมหนึ่งแล้วนั่งลง หยิบผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อที่ไหลไม่หยุด

หัวใจของเธอเต้นแรงเพราะความเหนื่อยยาก เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง

“ทำไมฉันไม่วาสนาดีได้สามีรวยบ้าง ถ้าได้สามีรวยฉันจะนอนเป็นปลาเค็มเสียให้สมใจไปเลย”

ขณะนั้นเองเสียงหัวเราะใส ๆ ก็ดังแทรกขึ้นจากข้างกาย

“เพ่ยอวี้ วันนี้เธอตั้งใจจังเลยนะ”

พริมาเงยหน้าขึ้น พบว่าเป็น จ้าวจินเหมย นางเอกดาวรุ่งวัยใกล้เคียงกันที่เพิ่งถูกผลักดันขึ้นมาเป็นดาวค้างฟ้าช่วยไม่ได้ยัยนางเอกคนนี้ดันมีนายทุนใหญ่ไม่ดังสิแปลก ขนาดแม่บุญธรรมยังกำชับให้เธอเลียแข้งเลียขายัยนางเอกนี่บ่อยๆ

จ้าวจินเหมยกำลังส่งยิ้มหวานมาให้ แต่แววตากลับแฝงประกายที่ยากจะแปลความหมาย

พริมาพยายามไม่ใส่ใจ คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย แล้วหันกลับไปตั้งสมาธิกับตัวเอง แต่เสียงหัวใจกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดหนึ่งแวบเข้ามา ถ้าใบหน้าของเธอหวานอ่อนโยนเหมือนจ้าวจินเหมย วันนี้ชีวิตคงไม่ถูกตีตราแบบนี้หรือเปล่า

“ทั้งหมดเตรียมเข้าฉาก!” เสียงทีมงานประกาศก้อง

พริมายืนขึ้นอีกครั้ง ปรับชุดหนังสีดำที่แนบตัวให้กระชับ แล้วเดินกลับไปยังตำแหน่งที่ผู้กำกับบอก ร่างเล็กถูกทีมงานช่วยกันสวมสายสลิงพวกเขารัดแน่นรอบเอวและไหล่ ความเจ็บจากแผลถลอกเล็กน้อยที่แขนถูกกลบด้วยแสงไฟจ้า

ทันทีที่ร่างของเธอถูกยกขึ้นเหนือพื้นสูง สายตาทุกคู่ในห้องก็เงยหน้าตามมองราวกับเธอคือนกที่โบยบินบนฟ้า แสงไฟจับที่ดวงตาคมของเธอ แสงสะท้อนความแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใน ‘แม่ทัพปีศาจ’ ที่ผู้กำกับต้องการ ตัวตนที่สร้างจากบาดแผลและน้ำตาแท้จริงในชีวิต

“แอ็กชัน!”

เสียงตะโกนสั่งดังลั่นทั่วสตูดิโอ กล้องหมุนตามทันที ร่างเพรียวของเฉินเพ่ยอวี้ถูกยกขึ้นสูง พลิกฟาดท่อนไม้ที่ใช้แทนทวนเหล็กในมืออย่างดุดัน เสียงหวีดหวิวของไม้พลองฉีกอากาศจนหลายคนเผลออุทาน

“โห…เหมือนจริงชะมัด”

“เล่นดีเกินไปแล้ว เด็กคนนี้ไฟแรงจริง ๆ”

ทีมงานสองสามคนกระซิบกันเบา ๆ พลางจ้องตาค้าง

แต่ในมุมมืดด้านข้างเวที จ้าวจินเหมยยืนนิ่ง แววตาที่เคยหวานกลับแข็งกร้าว เธอหันไปกระซิบกับผู้จัดการที่ยืนประชิด

“จัดการหรือยัง” เสียงเธอต่ำ

ผู้จัดการสาวเหลียวซ้ายแลขวาก่อนพยักหน้า กระซิบตอบแบบไม่ขยับริมฝีปาก “เรียบร้อยค่ะ คลายตะขอสลิงออกนิดเดียว พอให้เจ็บแต่ไม่ถึงตายคุณวางใจเถอะ”

“ดี” จ้าวจินเหมยยกยิ้มเย็น

“แค่ทำให้เธอหายหน้าไปช่วงแคสติ้งซีรีส์ก็พอ”

ผู้จัดการก้มศีรษะ “วางใจเถอะฉันจัดการแล้ว”

เธอปรายตามองไปยังเวที สายตาเต็มไปด้วยความริษยาและความหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน พลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

“บท ‘เฉิงเกอเยี่ยน’ ต้องเป็นของฉันเท่านั้น… ไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนคนนั้น”

ความตั้งใจครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อฆ่า แต่เพื่อทำให้คู่แข่งเจ็บหนักจนหายหน้าไปชั่วคราว

ใช่แล้ว จ้าวจินเหมยเพิ่งได้ข่าวจากวงในว่า นายทุนใหญ่กำลังจับตามองเฉินเพ่ยอวี้ หากการแคสซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องใหม่ ‘นางพญาหงส์คืนฟ้า’ มาถึง บทนางเอกที่ใคร ๆ ก็หมายตา อาจจะถูกยกให้ใครสักคนระหว่างสองคือเธอกับเฉินเพ่ยอวี้

ซึ่งเธอจะไม่กังวลเลยหาก บทของ ‘เฉิงเกอเยี่ยน’ นางเอกของเรื่องจะไปตรงกับบุคลิกรูปร่างหน้าตาของ เฉินเพ่ยอวี้ทุกอย่าง ยิ่งช่วงนี้นายทุนอย่างปั้นเด็กใหญ่ที่อายุน้อยแต่มากฝีมือ จ้าวจินเหมยยิ่งกังวล เพราะปีนี้เธออายุ36 ปีเข้าไปแล้ว

และทุกคนต่างรู้ดีว่าฝีมือการแสดงของเพ่ยอวี้เหนือกว่า เธอมากจริงๆ แม้แต่ตัวจ้าวจินเหมยยังต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่าเด็กคนนี้อนาคตไกลแน่หากยอมคล้อยตามนายทุนแบบเธอ ดังนั้นแผนสกัดดาวรุ่งจึงบังเกิดในวันนี้

ทันใดนั้น

เสียงโลหะเสียดสีกันดัง เอี๊ยดอ๊าด! ก้องกังวาน สายสลิงที่รัดเฉินเพ่ยอวี้สั่นสะท้านแรง

“เฮ้ย! สลิงมันหลวม!”

“ระวังนะเพ่ยอวี้!”

ทีมงานคนหนึ่งร้องเตือนลั่น แต่สายเกินไป

เปรี๊ยะ!

เสียงฉีกขาดดังสะท้อนทั่วห้อง ร่างของเฉินเพ่ยอวี้เหมือนนกที่ถูกตัดปีก ร่วงลงจากความสูงโดยไร้หนทางต้านทาน

“กรี๊ดดดด!”

“เพ่ยอวี้!!!”

“โธ่เวรแล้ว!”

เสียงกรีดร้องดังระงม พริมาเหยียดแขนออกเหมือนพยายามคว้าความว่างเปล่า ดวงตาคมเบิกกว้าง โลกทั้งใบหมุนคว้างราวกับฟ้าดินแตกสลาย

เสียงลมหวีดหวิวกรีดหู เส้นผมปลิวว่อน ก่อน โครม! ร่างกระแทกพื้นคอนกรีตเสียงสนั่น

“ตายแล้ว! เรียกรถพยาบาลเร็ว!”

“โทร 120 เร็วเข้า!”

“เลือด…เลือดออกเยอะมาก!”

ทีมงานหลายคนกรูเข้ามาล้อมร่างเธอ เสียงโกลาหลดังก้องจนแทบฟังไม่ออกว่าใครพูดอะไร

เลือดสีแดงเข้มทะลักออกจากปากและจมูก แผ่ซ่านบนพื้นเป็นวงกว้าง ใบหน้าที่เคยงดงามซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว เปลือกตาที่งดงามค่อย ๆ ปิดลงราวกับไฟที่ถูกปิด

ด้านข้าง จ้าวจินเหมยหน้าซีดเผือด มือสั่นเทาจนแทบยกไม่ขึ้น เธอเผลออุทานเสียงสั่น

“ไม่นะ… ไม่นะ… ฉันแค่…”

ผู้จัดการรีบคว้าแขน กระซิบเสียงเฉียบขาด

“อย่าแสดงพิรุธออกไปเด็ดขาด! ยืนเฉย ๆ เข้าใจไหม?!”

“แต่ว่า…!”

“เงียบ!”

เสียงไซเรนรถพยาบาลดังแว่วเข้ามา ความโกลาหลยังคงถาโถม แต่สำหรับเฉินเพ่ยอวี้โลกทั้งใบดับวูบไปแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษตัดปัญหาบ้านจั๋วไปแล้ว ใครจะคิดบ้านลู่กลับเกิดปัญหาขึ้นมา และจะเป็นใครได้อีกที่สร้างเรื่องหากไม่ใช่ยายแก่สารพัดพิษหลินฟางหรือย่าลู่ หญิงชราแอบมาขโมยเงินก้อนที่เสียนอี่เตรียมจะนำไปขยายโรงงานเอาไปให้ครอบครัวลู่เสียนเซิ่ง ที่ถูกเจ้าหนี้ตามฆ่าเพราะติดหนี้ก้อนโต (เกือบล้านหยวน)หลันถิงทราบเพราะแม่เลี้ยง (ซ่งอวี้) โทร.มาบอก หญิงสาวโกรธมาก อี้เหิงที่ทราบก็ถามเธอว่าอยากให้เขาจัดการคนพวกนี้แบบไหน หลันถิงนิ่งไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจบอกให้สามีจัดการในแบบของเขาได้เลย เธอกับหญิงแก่มหาภัยไม่เกี่ยวกันนานแล้ว ยิ่งคนบ้านลู่รองหรือาผู้ชายกับอาสะใภ้เธอยิ่งไม่เคยผูกพันอี้เหิงจับศีรษะภรรยาแล้วชมว่า “ดี” พร้อมกับบอกว่าคนเราต้องใจเด็ดแบบนี้ คนที่เคยลงมือฆ่าเราเธอไม่จำเป็นต้องนับใครเป็นญาติ หลันถิงจึงว่าฉันถือคติทำให้คนเกลียด...ยังพูดไม่จบอี้เหิงก็ต่อว่า...อายุยืนหมื่นปี แล้วก็หัวเราะ หลันถิงจึงหัวเราะตาม พร้อมกับบอกสามีว่าชีวิตคนเราก็แบบนี้ต้องเห็นแก่ตัวบ้างใจดีเกินไปตายมามากแล้วอี้เหิงเห็นหลันถิงแกร่งแบบนี้เขาจึงเล่าถึงอู่กวงกับหลินอิงว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกกับหลันถิงว่าตนเองปล่

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 45 ||อวสาน

    ตอนที่ 45 ||อวสานสองเดือนต่อมา...อี้เหิงเริ่มเห็นว่าหลายสิ่งที่หลันถิงเคยพูดไว้ในคืนนั้นเริ่มเกิดขึ้นจริง ข่าวลือเรื่องเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เซี่ยงไฮ้สะพัดไปทั่ววงการการเงินในเงามืด เขาใช้เส้นสายตรวจสอบทุกแหล่งข้อมูลและพบว่า ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริงตามที่เธอบอกไม่มีผิด บวกกับเหตุการณ์เล็กน้อยอีกหลายเหตุการณ์ล้วนเป็นจริงทำให้เขายิ่งคิดว่าความฝันของหลันถิงน่าจะเป็นฝังบอกอนาคตจริงๆค่ำหนึ่งในห้องทำงาน เขาเปิดแฟ้มข้อมูลพลางสูบลมหายใจลึก “ถิงถิง…ดูท่าฝันของเธอจะไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”หลันถิงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ พลางหัวเราะเสียงหวาน รอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่มีความมั่นใจในตัวเองแผ่ออกมา “เห็นไหมคะพี่…ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อเลยสักนิด”อี้เหิงขำเบา ๆ ก่อนเอ่ยเล่น ๆ “พี่เริ่มจะเชื่อแล้วจริง ๆ ว่าเมียพี่อาจจะมาจากอนาคตก็ได้”หลันถิงทำหน้าทำตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์เขาโน้มตัวไปใกล้ พลางเอื้อมมือคว้าข้อมือเล็กของเธอมากุมไว้เบา ๆ “หรือไม่ก็…เป็นนางฟ้า หืม?”หลันถิงหัวเราะคิกคัก “พี่อี้! ฉันห่างไกลคำว่านางฟ้าเยอะมาก ยิ่งนางเอก…ยิ่งไกลเต็มที่ หลันถิงคนนี้ก็มีแต่จะเป็นนางร้ายเต็มตัว!”อี้เหิงยิ้มมุมปาก ดวงต

  • วาสนานางร้ายยุค90s    ตอนที่ 44 || ฝันบอกอนาคตของหลันถิง

    ตอนที่ 44 || ฝันบอกอนาคตของหลันถิงหลังจบมื้อค่ำดึก อี้เหิงกับหลันถิงขึ้นมานั่งดื่มชาดอกไม้ที่ระเบียงห้องนอนเพื่อรอให้อาหารย่อย แสงไฟยามค่ำส่องสว่างไสว กลิ่นชาอ่อน ๆ ผสมกลิ่นลมเย็นยามค่ำ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบอย่างแปลกประหลาดหลันถิงนั่งถือถ้วยน้ำชาแน่นิ่งมาครู่ใหญ่ ในใจของหญิงสาวกำลังกังวล เธอจ้องไปยังความมืดข้างนอกมากกว่าจะมองสามีที่นั่งตรงข้าม อี้เหิงย่อมสังเกตเห็นแล้วแต่เขายังเงียบอยู่ เพราะอาการของหลันถิงดูเหมือนเธอจะมีเรื่องในใจ เขาไม่รีบร้อนปล่อยให้เมียตัวน้อยอยู่กับตัวเองครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำแต่อบอุ่นเหลือเกิน“หลันถิง เธอต้องการอะไรจากพี่ก็พูดมาเถอะ ระหว่างผัวเมียเราไม่ต้องเกรงใจกัน” น้ำเสียงของเขาเรียบแต่หนัก แน่วแน่สื่อความหมายดังที่พูดออกไปทุกคำคำพูดนั้นทำให้หลันถิงชะงัก ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อยก่อนพยายามข่มใจให้ยิ้มกลบความรู้สึกหวาดกลัวว่าหากตนเองพูดสามีเธอจะไม่คิดว่าเธอเพ้อเจ้อไปเอง“นี่พี่อี้มองออกเลยเหรอ… แหม เขินเลยนะเนี่ย” หลันถิงพูดคล้ายหยอกเย้าสามีเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไปอี้เหิงยิ้มมุมปาก ดึงร่างเล็กมานั่งบนตักอย่างคุ้นเคยและเขาอยากบอก

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 43||การตัดสินใจเด็ดขาดของอี้เหิง

    ตอนที่ 43||การตัดสินใจเด็ดขาดของอี้เหิงหลันถิงรีบพูดเสียงสั่น แต่ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางก็ถูกแขนแข็งแรงโอบอุ้มขึ้นจากท่านั่งคุกเข่าโดยเขาก็กลับลงมานั่งในอ่างเช่นเดิม แล้ววางร่างเล็กลงคร่อมตักแกร่งกลางอ่างทันที น้ำกระเซ็นจนล้นขอบอ่างลงเปียกพื้นแต่อี้เหิงหรือจะสนใจ“ลองขย่มพี่เองสักครั้งสิ” เขากระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู ริมฝีปากกัดติ่งหูเล็กแรงพอให้เธอสั่นสะท้าน“ไม่เอา!” เธอส่ายหน้าสุดแรง แต่เขากลับจับสะโพกกลมแน่น กดลงตรงแก่นกายแข็งกร้าวที่เพิ่งคืนชีพอีกครั้ง ความร้อนผ่าวกระแทกตรงจุดอ่อนไหวทำให้หลันถิงสะดุ้งเฮือก“อย่าดื้อ...เดี๋ยวพี่ทิปอีกห้าหมื่น” เสียงทุ้มต่ำล่อลวงคนชอบเงินหลันถิงยังไม่ทันปฏิเสธเพราะรอบนี้เธอเหนื่อยแล้วอีกห้าหมื่นก็ไม่เอา แต่ปลายแท่งร้อนก็สอดแทรกเข้าไปในกายคับแน่นอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องหวานปนแหบพร่าหลุดจากปากหลันถิง น้ำตาคลอเมื่อความใหญ่โตดันลึกเข้าไปสุดทางในคราวเดียว“อ๊ะ...พี่อี้ มันเจ็บนะ!” เธอทุบอกเขาเบา ๆ แต่เสียงครางแหบพร่ากลบความโกรธไปหมดสิ้น“ก็เจ็บแค่แรก ๆ ทุกครั้งไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวขยับเธอก็เสียวไปกับพี่ทุกที...” เขาหัวเราะต่ำในลำคอ แล้วดันสะโพกเธอขึ้

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 42||ฉันจะเป็นปลาเค็ม!...

    ตอนที่ 42||ฉันจะเป็นปลาเค็ม!...หลังจากวันยกน้ำชาพอเช้าวันใหม่อีกวันน้องสาวของจ้าวอิงอิงพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านจั๋วก็ขนข้าวของมาอยู่ที่ตึกใหญ่ หากแต่หลันถิงไม่ใส่ใจ เพราะอี้เหิงบอกกับเธอแล้วว่าเขาไม่สนใจใคร เขาเลือกเธอแต่แรกก็ยังเป็นเช่นนั้นและเพียงสามวันเท่านั้นตึกใหญ่ของบ้านจั๋วก็วุ่นวายเพราะจ้าวจูดี้กับจ้าวหนิงเจียวทะเลาะตบตีกัน เพราะต่างก็มีคนหนุนหลัง หนิงเจียวคือคุณนายใหญ่จั๋วผลักดัน ส่วนจ้าวจูดี้ก็เป็นสะใภ้ใหญ่กับลูกชายคนโต ตบตีกันเองจนวุ่นวาย สุดท้ายคุณนายใหญ่จั๋วก็ทนไม่ไหว ไล่ทั้งสองคนออกจากคฤหาสน์ไปก่อน“แผนของพี่อี้ช่างร้ายกาจ”หลันถิงชื่นชมสามีจากใจ เพราะที่อี้เหิงรับปากเธอแต่แรกล้วนเป็นจริง เขาบอกให้เธอแค่อยู่เฉยๆ วางตัวสวยๆ ใช้จ่ายตามสบาย ส่วนเรื่องผู้หญิงอื่นเขาจะจัดการแทนเธอเอง“พี่ร้ายกับคนที่ร้ายกับพี่ก่อนเท่านั้น อีกไม่นานรับรองเลยว่าหนิงเจียวจะได้รับโทษที่เคยลงมือทำร้ายเธอ”“ยังไงคะ?” หลันถิงหมายถึงเขาจะทำอะไร“ตอนนี้หนิงเจียวพัวพันอยู่กับเฉินอีเค่อ และเธอรู้ไหม เมียของเฉินอีเค่อเป็นพวกหึงโหดขนาดไหน”หลันถิงฟังแล้วคิดตามไม่นานก็ตาโต “พี่อี้ พี่ไม่ใช่คนดี!”จั๋วอี้เหิงห

  • วาสนานางร้ายยุค90s   ตอนที่ 41 ||ยกน้ำชาบ้านใหญ่

    ตอนที่ 41 ||ยกน้ำชาบ้านใหญ่ช่วงค่ำอากาศของปักกิ่งเย็นยะเยือกกว่าที่หลันถิงเคยชิน ลมปลายฤดูร้อนพัดแรงจนม่านบางปลิวสะบัด เสียงกระดิ่งลมหน้าระเบียงดังแผ่วเบาเป็นจังหวะชวนผ่อนคลายหญิงสาวในชุดนอนผ้าซาตินสีงาช้างนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่หวานจ้องเงาตัวเองในกระจกอยู่นาน ใบหน้าหวานผ่องใสแม้จะผ่านการเดินทางไกลด้วยเครื่องบินเสียงเปิดและปิดประตูเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่อี้เหิงจะก้าวเข้ามาในชุดนอนสีเข้ม เขาดูสงบอย่างทุกครั้ง“นอนไม่นอนอีกแล้วเหรอ” คนเพิ่งกลับมาจากห้องทำงานถามเมียที่เขามาส่งตั้งแต่หัวค่ำยังนั่งทาครีมตรงโต๊ะเครื่องแป้งไม่เข้านอน“รอพี่อี้ค่ะ” หลันถิงตอบเสียงหวานก่อนจะลุกเดินมาหาสามีที่ยืนรอที่ปลายเตียง“พี่นึกว่าเธอกังวลเรื่องยกน้ำชาบ่ายพรุ่งนี้เสียอีก” อี้เหิงดักคอคนที่ยังไม่ยอมเข้านอนทั้งที่ห้าทุ่มกว่าแล้ว“ก็...นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวเข้ามาโอบเอวแกร่งพร้อมเอาแก้มนวลถูไถไปกับหน้าอกของสามีคล้ายลูกแมวขี้อ้อน ท่าทางแบบนี้ทำเอาอี้เหิงใจเหลวเป็นน้ำ“ตราบใดที่พี่ยังมีลมหายใจ ไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไรทั้งนั้น”คำพูดนั้นเหมือนคาถาคุ้มกันในใจหลันถิง เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจลึกก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status