ในที่สุดเวลาสำคัญก็เดินทางมาถึง ช้องนางมองภาพของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาหวานหยดย้อยในกระจกจะเป็นตนเอง หล่อนต้องหลับตาแล้วลืมขึ้นหลายครั้งเลย กว่าจะเชื่อว่าผู้หญิงในกระจกเงาคือตนเอง
“สวยหวานมากหลานสาวของฉัน” เกสรายืนอยู่ด้านข้างตัวของหล่อนเอ่ยชมเชยอย่างจริงใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะสวยได้มากขนาดนี้”
“เอ่อ... พี่เชอร์รี่กับพี่กะทิเก่งน่ะค่ะอาเกส ก็เลยแปลงโฉมเด็กกะโปโลอย่างนางให้สวยขึ้นมาได้” ช้องนางพูดถ่อมตนออกมา
“ไม่ใช่เลยค่ะคุณน้องช้องนาง” เชอร์รี่แย้งคัดค้านเสียงสูงปี๊ดจนแสบแก้วหู “เพราะต่อให้พี่กับนังกะทิจะมีฝีมือเทพแค่ไหน แต่ถ้าหนังหน้าคุณน้องไม่ดี ทำยังไงก็ไม่สวยหรอกค่ะ”
“จริงอย่างที่นังเชอร์รี่มันพูดนั่นแหละค่ะ คุณน้องช้องนางสวยมาก โครงหน้าก็สวย ผิวพรรณก็ดี หุ่นก็แบบ... พี่นี้ไม่อยากจะพูดเลยค่ะ แบบหุ่นน่าเอามากๆ นี่ถ้าถูกเลือกไปนะคะ คุณชาร์ลีอะไรนั่นจะต้องทั้งรักทั้งหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ”
หล่อนทำได้แค่หน้าแดงๆ และก็นิ่งเงียบเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่สเปคของผู้ชายคนนั้น
“ขอบคุณพี่เชอร์รี่กับพี่กะทิมากนะคะที่ทำให้นางสวยแบบนี้ แล้วก็ขอบคุณอาเกสด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องมาขอบอกขอบใจอะไรหรอก ทำให้เต็มที่ก็พอ มานี่สิ... ลองหมุนตัวให้ดูหน่อย” เกสราดึงหล่อนออกห่างจากบานกระจกเงา และสั่งให้หมุนตัว
“ค่ะ”
หล่อนตอบรับสั้นๆ และทำตามคำสั่งของเกสรา ด้วยการหมุนตัวเป็นวงกลมสองสามรอบ
“คุณน้องขาเรียวมากเลยนะคะ สวยเชียว” เชอร์รี่เอ่ยชมอีกครั้ง หล่อนทำได้แค่กล่าวขอบคุณ
“พร้อมหรือยัง ช้องนาง”
หล่อนช้อนตาขึ้นสบประสานกับคุณอาของตนเอง ก่อนจะผงกศีรษะตอบรับ
“พร้อมแล้วค่ะอาเกส”
“งั้นเราไปกันได้แล้ว”
เกสราดึงมือเย็นเฉียบของหล่อนไปกุมเอาไว้ ก่อนจะรั้งให้หล่อนออกจากห้องพัก และมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์หรูซึ่งเป็นสถานที่จัดงานในค่ำคืนนี้
ไม่นานก็เดินทางมาถึง บรรยากาศตรงหน้าเรียบหรูและสวยงามเหลือเกิน
หล่อนย่ำเท้าเดินตามพรมหนาสีชมพูหวานลึกเข้าไปในบริเวณสระว่ายน้ำที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง สาวสวยสี่ห้าคนซึ่งก็คือหนึ่งในสิบสาวงามที่ผ่านการคัดเลือกกำลังยืนคุยกันอยู่ และทุกคนก็หันมามองทันทีเมื่อหล่อนปรากฏตัวขึ้น หล่อนคลี่ปากอวบอิ่มยิ้มทักทาย และก็ได้รอยยิ้มแบบเดียวกันตอบกลับมา
“อย่าตื่นเต้นเกินไปนะช้องนาง ทำตัวตามสบาย เพราะอาคิดว่าคุณชาร์ลีน่าจะอยู่แถวๆ นี้ และกำลังมองหาผู้หญิงที่เขาถูกใจอยู่”
“ค่ะ อาเกส”
“ดีมาก งั้นเดี๋ยวอาไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เธอก็เดินๆ อยู่แถวนี้แหละ เดินอวดความสวยไปเรื่อยๆ”
“ค่ะ”
เกสราเดินหายเข้าไปในกลุ่มผู้คนแล้ว ในขณะที่หล่อนเดินไปยังบาร์ที่มีเครื่องดื่มวางเรียงกันอยู่
“ขอดื่มน้ำได้ไหมคะ” หล่อนเอ่ยถาม
“เชิญหยิบได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนเลือกที่จะหยิบแก้วสวยสีใสที่ภายในบรรจุน้ำสีแดงอ่อนขึ้นมาจิบ และก็อดที่จะทำหน้าตื่นเต้นไม่ได้
“อร่อยดีจัง”
หล่อนอมยิ้มอย่างพึงพอใจ รีบดื่มจนหมดแก้ว แล้วก็เปลี่ยนไปหยิบน้ำสีแบบเดิม แต่เป็นแก้วใหม่ติดมือเดินออกมา
สองเท้าพาเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนผ่านสระว่ายน้ำกว้างเข้ามายังตึกที่ตกแต่งด้วยไฟหรูหรา
ความสวยงามของบรรยากาศที่เห็น ทำให้หล่อนเพลิดเพลินกับมันจนเดินหลงเข้ามาไกล ซึ่งพอรู้สึกตัวก็หาทางกลับออกไปทางเดิมไม่ได้
“นี่เราหลงมาที่ไหนเนี่ย...?”
หล่อนหันรีหันขวาง มองหาทางออก แต่ความกว้างขวาง และการตกแต่งที่คล้ายคลึงกันทำให้หล่อนเดินหน้าไปไม่ถูก จะเลี้ยวขวา หรือเลี้ยวซ้าย หรือว่าเดินตรงไปดีนะ
หล่อนถามตัวเองอยู่หลายครั้ง ก่อนจะตัดสินใจว่าควรจะเดินไปทางซ้ายแทน และตลอดทางที่ก้าวเดินไปก็ภาวนาให้เจอทางออกไปสู่งานเลี้ยงทุกเสี้ยววินาที
แสงไฟสีเหลืองนวลที่ติดเอาไว้ตามทางเดิน ทำให้หล่อนเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ เท้าเล็กชะงัก และมองผ่านกระจกเงาเข้าไป ก็พบว่าเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ และมีหนังสือมากมายเลยทีเดียว
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหล่อนจึงก้าวเข้าไปข้างในเงียบๆ ก่อนจะควานหาสวิตช์ไฟจนเจอ และกดมันจนห้องสมุดกว้างสว่างไสวทันตา
“โอ้โห หนังสือเยอะเลย”
หล่อนรีบถลาเข้าไปในชั้นหนังสือ มองด้วยความละลานตา และความตื่นเต้น แต่แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ หล่อนใจคอไม่ดี และบอกตัวเองให้รีบออกไปซะ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ก้าวเข้าไปหา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างแทบช็อก เมื่อเห็นสิ่งที่แอบอยู่หลังชั้นหนังสือ
“...?!!!”
หล่อนพูดไม่ออก หาเสียงของตัวเองไม่เจอ ช็อกจนตาค้าง ลูกกะตาดำแทบถลนออกมานอกเบ้าตา
ชาร์ลี เฮนเดอร์สันกับไลลา ผู้หญิงที่แคทเธอรีนแนะนำว่าเป็นลูกสาวบุญธรรม กำลังยืนอยู่แนบชิดกันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย แถมปากของไลลาก็ยังบวมเจ่อ ไม่ต้องให้ใครมาสาธยายหล่อนก็พอจะเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งคู่กำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน