LOGINเตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!
“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่
“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”
เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ
“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่
“ก็ลองดู”
เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจอีก ใช่ว่าเขาจะรู้สึกดีที่ต้องมีปัญหากับน้องชาย แต่ในเมื่อเรื่องราวมันเป็นเช่นนี้ นี่ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่เตวิชจะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้
“ตาเล็ก!”
เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้น ทำให้เตวิชถึงกับชะงักก่อนที่จะเคาะประตูห้องของคุณหญิงโสภิตา
“คุณแม่” แล้วหันไปมองผู้เป็นแม่ที่จับจ้องเขาด้วยสายตาดุ ราวกับเด็กที่โดนจับได้ว่าทำอะไรผิดมา
“ตามแม่ไปที่ห้องรับแขก” เอมอรพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงประกาศกร้าว เธอพอจะเดาได้ว่าเหตุผลที่เตวิชไปหาคุณหญิงโสภิตาดึกๆ ดื่นๆ คือเรื่องอะไร
“ครับ” เตวิชยอมทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันมาอยู่ในห้องรับแขก เวลานี้คนในบ้านต่างพากันเข้านอนหมดแล้ว ทำให้บรรยากาศ ณ ตอนนี้เงียบเสียจนน่าใจหาย
“มีเรื่องอะไรถึงได้จะไปรบกวนคุณย่าดึกๆ ดื่นๆ ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคุณย่าต้องพักผ่อน” เอมอรกล่าวตำหนิลูกชาย
“ผมอยากคุยกับคุณย่าเรื่องพี่ใหญ่กับขวัญ” เตวิชพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่คนอย่างเอมอรจะไม่รู้เรื่อง
“โธ่ ตาเล็ก…ทำไมต้องเอาเรื่องหนักใจไปให้คุณย่าด้วยลูก ลูกก็รู้ว่า ถึงยังไง ตาใหญ่กับขวัญก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี” เอมอรพูดด้วยความไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ไม่มีทางปฏิเสธคุณหญิงโสภิตาได้
“ผมรักขวัญครับแม่ ถ้าขวัญต้องแต่งงานกับลูกชายของบ้านนี้ให้คนคนนั้นเป็นผมได้ไหมครับ” พูดด้วยความมั่นใจ ในเมื่อผู้เป็นพ่ออยากฝากฝังไอวารินไว้กับใครสักคน เขาเองก็พร้อมจะเป็นคนนั้นที่ได้ดูแลเธอไปตลอดชีวิต
“ตาเล็ก นี่ลูกพูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า!” เอมอรดุลูกชายอย่างอดไม่ได้ นางเคยสังเกตมาตลอดว่าไอวารินกับเตวิชสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนทั่วไป แต่ก็ไม่คิดว่าลูกชายคนเล็กจะจริงจังกับไอวารินได้ถึงขนาดนี้
“ผมกับขวัญเรารักกันมาตลอดครับแม่ อย่าให้ขวัญแต่งงานกับพี่ใหญ่เลยนะครับ” เตวิชพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาคงไม่สามารถทนเห็นหญิงสาวที่รักตกเป็นของพี่ชายตนเองได้
“แล้วเล็กรู้ไหมว่าทำไมคุณพ่อของเล็กถึงอยากให้ขวัญเป็นภรรยาของตาใหญ่” คนเป็นแม่พยายามใจเย็นและพูดกับลูกชายคนเล็กดีๆ แต่ไหนแต่ไร เตวิชเป็นคนอารมณ์ร้อน ต้องใช้เวลาที่จะดึงสติตนเองออกมาให้อยู่เหนืออารมณ์กับทุกเรื่อง และยิ่งเรื่องความรักยิ่งทำให้ขาดสติมากกว่าเรื่องไหนๆ
“ผมไม่รู้ ตอนนั้น ผมอาจจะเด็กเกินไป พ่อเลยไม่ได้นึกถึงผม…”
“เพราะลูกยังดูแลตัวเองไม่ได้ไง จนถึงตอนนี้ ลูกบอกว่าอยากแต่งงานกับหนูขวัญ แต่ตัวลูกมีงานมีการทำเป็นหลักเป็นแหล่งหรือยัง เอาแต่จินตนาการถึงงานดนตรีอะไรนั่น แล้วมันจะเลี้ยงลูกได้สักกี่น้ำ แม่กับคุณย่าบอกให้ลูกไปช่วยงานที่บริษัทก็ไม่เอา แล้วแบบนี้น่ะหรือที่บอกว่าพร้อมจะแต่งงานกับขวัญ ลูกจะเอาอะไรไปดูแลขวัญได้ ที่แม่พูดเพราะแม่เป็นห่วง แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีและดูแลตัวเองได้มากกว่านี้ก่อนที่จะต้องดูแลผู้หญิงสักคนนะลูก” เอมอรพูดจากใจจริง นางไม่ได้อยากตอกย้ำลูกชายคนเล็ก แต่ที่ผ่านมาตามใจเตวิชมาตลอด อยากทำอะไรก็ให้ทำ ในขณะที่เตวิชกลับไม่สนใจงานที่บริษัท ทิ้งให้เตชินท์เป็นคนดูแลแต่เพียงผู้เดียว
“ขวัญแน่ใจเหรอว่าพี่ใหญ่จะยอม” เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากที่คุยกับพี่ชายตนเองเมื่อครู่นี้ ฝ่ายนั้นดูยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะได้แต่งงานกับไอวาริน“คุณใหญ่ไม่ได้รักขวัญ หรือแม้แต่ตอนที่แต่งงานกัน ขวัญเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมั่นใจเถอะค่ะว่า พอถึงเวลา คุณใหญ่เองก็พร้อมที่จะเลิกกับขวัญเหมือนกัน” ไอวารินพูดด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างเธอกับเตชินท์จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากคำว่า ‘หน้าที่’ เท่านั้น“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ฉันอยากให้ขวัญรู้ไว้นะว่า ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรอขวัญเสมอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดทบทวนมาอย่างดี เตวิชเองก็ไร้หนทางที่จะไปเปลี่ยนความคิดของเธอ“อย่ารอขวัญเลยค่ะคุณเล็ก ชีวิตคุณเล็กยังมีอะไรอีกมาก อย่าต้องมาเสียเวลากับผู้หญิงอย่างขวัญเลยนะคะ” ไอวารินพูดไปน้ำตาไหลไป รู้สึกซาบซึ้งกับความรักและความหวังดีที่เตวิชมีให้ แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง และเธอเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ฉุดรั้งชายหนุ่มเอาไว้“ผู้หญิงอย่างขวัญเป็นยังไง ผู้หญิงอย
“ขวัญ…เราหนีไปด้วยกันนะ”เตวิชเดินเข้ามาพร้อมกับกุมมือบางไว้แน่น ในเมื่อไม่สามารถคัดค้านงานแต่งงานครั้งนี้ได้ หนทางเดียวที่จะช่วยไอวารินได้นั่นก็คือการพาเธอหนีไปพร้อมกับเขา“คุณเล็กล้อขวัญเล่นหรือเปล่าคะ”ไอวารินเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ‘หนีตาม’ อย่างนั้นเหรอ เธอกับเขาเพิ่งเรียนจบมา เงินเก็บก็ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างตัว ที่สำคัญ หญิงสาวไม่อยากทำตัวให้คนในบ้านนี้ต้องลำบากใจ“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะขวัญ ในเมื่อทุกคนอยากบังคับเธอมาก ฉันจะปกป้องเธอเอง เราหนีไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคิดดีแล้วว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้“คุณเล็กคิดว่าที่เราทำอยู่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ” พร้อมกับค่อยๆ ดึงมือตนเองออกจากการเกาะกุม ไอวารินไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร แต่เลือกที่จะอยู่กับความจริง ความจริงที่ว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเตชินท์“ขวัญ…เชื่อใจฉันนะ” เตวิชมองหน้าหญิงสาวที่รักด้วยสายตาเศร้า ลึกๆ เขาเองก็รู้ว่าต่อให้หนีไปสุดโลก คนมี
“ผมรู้ครับว่า ตอนนี้ ผมอาจจะดูไม่เอาไหน แต่แม่เชื่อเถอะนะครับว่าผมทำได้ ผมจะไม่ทำให้ใครต้องลำบาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก หากพูดถึงเรื่องอนาคต ถ้าให้พูดตามจริงตอนนี้ เขาเองก็ยังคงมืดบอดไร้หนทาง แม้คิดอยากจะเปิดผับเป็นของตนเอง แต่ก็ยังต้องศึกษาเรื่องนี้อยู่มากถึงจะเป็นจริงได้“แล้วลูกอยากให้ขวัญต้องมาลำบากไปด้วยหรือไง” พูดเพื่อเตือนสติลูกชายอีกครั้ง จริงอยู่ว่าไม่ได้อยากจะไปขัดใจลูกชาย แต่กับเรื่องนี้ นางมองว่าถึงอย่างไรไอวารินก็เหมาะสมที่จะได้แต่งงานกับเตชินท์ และเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูล“แต่ผมรักขวัญจริงๆ นะครับแม่ ให้โอกาสผมกับขวัญได้รักและดูแลกันไม่ได้เหรอครับ” เตวิชไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งของชีวิตผู้ชายจะต้องมาขอร้องอ้อนวอนผู้เป็นแม่ด้วยเรื่องความรัก แต่เพื่อไอวารินแล้วเขายอมทำได้ทุกอย่าง“ถ้าลูกบอกว่าลูกรักขวัญ แม่คิดว่าลูกควรปล่อยขวัญไปนะตาเล็ก ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตาใหญ่จะดูแลขวัญได้ดีแค่ไหน ส่วนความรักของลูกกับขวัญ มันอาจจะเป็นความรู้สึกชั่ววูบเดี๋ยวก็หายไป เชื่อแม่เถอะว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว&
เตวิชเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ คนอย่างเตชินท์มีเพียบพร้อมทุกอย่าง จะมีเมียกี่คนก็ยังได้ แต่กลับมายอมทำตามผู้ใหญ่ที่สั่งให้แต่งงานกับเด็กในบ้านเช่นนี้ ถ้าไม่ได้เกลียดกันมาก่อนเขาเองก็ไม่อยากจะคิดว่าหรือจริงๆ แล้วพี่ชายกำลังแอบรักไอวารินอยู่กันแน่!“หรือว่าพี่แอบรักขวัญ” เอ่ยถามขึ้นอย่างใจคิดทันที เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเหตุผลที่แท้จริงของเตชินท์คืออะไรกันแน่“หึ สำหรับฉัน ความรักมันไม่มีจริง และถ้าต้องรักใครสักคนแล้วเป็นบ้าแบบนาย ฉันขอไม่มีความรักดีกว่า เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเล็ก อ่อนแอ คุณย่ากับคุณแม่เลยไม่ไว้ใจให้นายได้ตัดสินใจอะไรเองสักที”เตชินท์พูดออกไปราวกับต้องการกรีดแผลในใจน้องชาย สำหรับเขา เตวิชเป็นเด็กเก่งในทุกเรื่อง แต่มักจะใจร้อนไม่ฟังใคร ทำให้ในหลายๆ ครั้งตัดสินใจผิดพลาดและต้องคอยให้ผู้ใหญ่ตามแก้ปัญหาเสมอ“ได้ ถ้าพี่ยืนยันว่าจะแต่งงานกับขวัญ งั้นผมจะไปคุยกับคุณหญิงย่าเอง” เตวิชพูดอย่างหมายมั่น ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่“ก็ลองดู”เตชินท์นิ่งไปอย่างไม่อยากจะสนใจ
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เจ้าของห้องอดสงสัยไม่ได้ ปกติแล้วหากเขาทำงานอยู่จะไม่ค่อยให้ใครเข้ามารบกวน ดังนั้นคนที่กล้ารบกวนเขาเวลานี้ก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากบุคคลที่กำลังนึกถึงพอดี“เข้ามาสิเล็ก” เตชินท์มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูน้องชายแล้วอย่างแน่นอน และคนเลือดร้อนอย่างเตวิชคงไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ และเมื่อประตูเปิดออกก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้เดาผิดไปแม้แต่นิดเดียว“เรามีเรื่องต้องคุยกันพี่ใหญ่” เตวิชเดินเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับมีทีท่านิ่งเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียจนน่าหมั่นไส้“เรื่องมันใหญ่ถึงขั้นนายต้องมารบกวนเวลาทำงานฉันเลยหรือไง” เตชินท์ปิดแฟ้มเอกสารลง พร้อมกับมองหน้าน้องชายในสายเลือดอย่างหาคำตอบ“พี่คงรู้ว่าผมมาเรื่องอะไร ผมต้องการให้พี่ปฏิเสธงานแต่งของพี่กับขวัญ” เตวิชพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม“ทำไม เพราะนายกับขวัญรักกันหรือไง” เตชินท์ยังคงพูดด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม เพราะคิดอยู่แล้วว่าเตวิชจะต้องมาคุยด้วยเรื่อ
ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ เขากับผู้เป็นพี่ชายสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลังจากที่ผู้เป็นพ่อเสียไป อีกฝ่ายจะดูนิ่งเงียบมากขึ้น ด้วยเพราะบทบาทหน้าที่การเป็นประธานบริษัทที่ได้รับ ทำให้เตชินท์มีบุคลิกเงียบขรึมและน่าเกรงขามต่างจากสมัยเด็กที่เป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นของน้องอย่างสิ้นเชิง“อย่าทำให้เรื่องมันยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ ขวัญไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจ อีกอย่าง ขวัญก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย”ไอวารินมั่นใจว่าไม่มีทางใดที่จะเปลี่ยนความคิดของทุกคนได้ และเธอไม่อยากให้เตวิชต้องลำบากไปด้วย“ไม่เห็นมีเรื่องต้องลำบากใจ ถ้าอยากให้ขวัญแต่งงานนักก็ให้แต่งกับฉัน เปลี่ยนจากคนพี่เป็นคนน้องจะเป็นไรไป” เตวิชพูดด้วยความโมโห เขาไม่ต้องการให้การถูกบังคับแต่งงานเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม“แต่ว่า…”“ไม่ต้องกลัวนะขวัญ ฉันจะไปคุยกับพี่ใหญ่เอง” คราวนี้พูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่ไอวารินจะยอมรับคำแต่โดยดี เตวิชในตอนนี้ใจร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร และจะไม่มีใครห้ามเขาได้อย่างแน่นอน“ขวัญรอฉันที่ห้องก่







