Share

บทที่ 1 หย่า

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-29 21:20:32

บทที่ 1

หย่า

          “ไงคะ ยัยหนูลูกแม่”

          ความนุ่ม ความบอบบางที่ได้สัมผัสสู่อ้อมกอดทำให้คนเป็นแม่ยกยิ้มกว้าง ยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ตื้นตันจนน้ำตาคลอหน่วย

          “เดี๋ยวคุณแม่ลองให้น้องดูดนมดูนะคะ”

          “ค่ะ”

          คุณแม่มือใหม่เอี่ยมค่อยๆ ประคองเจ้าตัวเล็กแนบชิดกับอก แล้วทำตามวิธีที่เธอได้ศึกษามาคร่าวๆ บวกกับความรู้ที่เคยผ่านตามาบ้างจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

          ดวงตากลมโตเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหว เป็นภาพที่ปรีดิทาไม่สามารถสรรหาคำใดมาอธิบายได้ ในวันนี้เธอได้เรียนรู้ในคำว่าแม่มากขึ้น

          รอยยิ้มที่เคยจางหายไปนานได้หวนคืนมา ยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมหันไปส่งความรู้สึกนั้นให้กับหญิงวัยห้าสิบสามปีที่ยืนอยู่ไม่ห่างอย่างนงลักษณ์ หรือว่าป้านง คนสนิทที่ยังอยู่ข้างๆ กันแม้ในวันที่เธอไม่เหลืออะไร

          ก๊อก ก๊อก

          ไม่ถึงอึดใจก็มีผู้มาใหม่มายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง คุณแม่มือใหม่จัดเสื้อให้เข้าที่ตามเดิม แล้วเป็นนงลักษณ์ที่เป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตู

          “พี่นัท”

          ปรีดิทายิ้มทักทาย คิดไว้แล้วว่าคงไม่พ้นนครินทร์ คนที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้กับเธอเมื่อหลายวันก่อน 

          “น่าเอ็นดูมากครับ ตาสวยเหมือนโปรดเลย” นครินทร์ชะโงกหน้าไปมองยัยเด็กตัวเล็กที่ต้องอยู่ในตู้อบเสียหลายวัน เพราะคลอดก่อนกำหนด ก่อนหน้านี้เขาได้แวะเวียนไปดูอยู่บ่อยครั้ง

          ปรีดิทาดึงตากลับมามองสายเลือดในอ้อมอก ปากนุ่มระบายยิ้มอีกอย่างมีความสุข ก่อนได้ยินคำถามให้ร้องตอบ

          “โปรดตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง”

          “โปรดตั้งไว้แล้วค่ะ โปรดจะให้แกชื่อ ปราณปรียา

          เพราะลูกคือลมหายใจ ลูกคือชีวิตของเธอ ชื่อนี้จึงเหมาะสมกับเจ้าตัวเล็กมากที่สุด วินาทีถัดมาก็ได้ยินคำถามที่ส่งผลต่อหัวใจอยู่ไม่น้อย

          “มันไม่มาเลยใช่ไหม” หลายวันที่ผ่านมาเขาเห็นเพื่อนสนิทมาทำงาน แต่ไม่เคยเห็นมันแวะเวียนมายังอาคารนี้เลย

          หญิงสาวปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่หากถามว่าเธอเฝ้ารอเขาไหม

          เธอไม่รอ...อีกแล้ว และหลังจากนี้ก็จะจัดการทำทุกอย่างให้มันจบ

          “ถ้าโปรดออกจากที่นี่วันไหน บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

          “ขอบคุณค่ะ แต่โปรดกลับกับป้านงได้ โปรดจะให้พี่แท็กซี่เจ้าประจำมารับค่ะ พี่นัทไม่ต้องห่วงนะคะ” เธอนึกขอบคุณนครินทร์ที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้ แต่เรื่องใดที่ไม่ลำบากหรือเหลือบ่ากว่าแรง เธอก็อยากยืนด้วยตัวเอง

          นครินทร์กดหน้ารับ เขารู้ว่าปรีดิทามีความแกร่งอยู่ไม่น้อย แถมยังเป็นคนที่มีความเก่งและฉลาดร่วมด้วย แต่หลังจากเจ้าตัวสูญเสียบิดาไปเมื่อหลายเดือนก่อนทำให้ความอ่อนแออ่อนไหวขยับพื้นที่เข้ามายึดใจดวงน้อยอยู่มาก ไหนจะเรื่องที่ถูกสามีหมางเมินนั่นอีก แล้วไม่วายทิ้งท้ายความห่วงใยก่อนปลีกตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

          “ถ้าโปรดขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้นะ พี่พร้อมช่วย”

          ปรีดิทายิ้มรับแล้วทุ่มความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่แก้วตาดวงใจ ใครจะไม่รัก ไม่เหลียวแลแกก็ไม่เป็นไร เพราะเธอคนนี้จะดูแลลูกสุดความสามารถ จะเติมเต็มให้แกไม่ให้รู้สึกขาด

          “แม่รักหนูที่สุดเลยนะลูก”

          คุณแม่มือใหม่ยังมีรอยยิ้ม นับจากนี้ไปเธอจะกลับมายิ้มให้ได้เหมือนก่อน จนวันเวลาล่วงผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารออีกครั้ง

          “เรากลับบ้านกันนะคะ” วันนี้เธอจะได้พาดวงใจกลับไปยังบ้านหลังเล็กๆ ที่จะเป็นที่พักกายพักใจ จะเป็นสนามเด็กเล่น เป็นสถานที่หัดคลานหัดเดินของปราณปรียา

          หญิงสาวโอบอุ้มแก้วตาดวงใจเดินตรงไปยังด้านนอกของอาคาร มีนงลักษณ์ช่วยหอบหิ้วของเดินตามหลังมา พอไปหยุดเท้าอยู่ด้านหน้าก็เห็นรถแท็กซี่มิเตอร์คันที่คุ้นตาจอดเทียบท่ารอรับอยู่

          “สวัสดีค่ะพี่กันต์ ขอบคุณที่มารับโปรดนะคะ” ปรีดิทากล่าวทักทายเพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือกันตลอดมาตั้งแต่เธอย้ายออกจากบ้านหลังใหญ่มาอยู่ในบ้านที่แม้จะเล็กแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากอะไร

          “ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ซื้อของมารับขวัญหลานด้วยนะ” ผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่กันต์เอี้ยวตัวไปตอบเพื่อนบ้านที่น่ารักที่กำลังนำลูกสาวใส่คาร์ซีตที่เตรียมมา โดยเขาเองก็มีลูกเล็กไม่ต่างกัน

          “ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูแก”

          ปรีดิทายิ้มกว้างขอบคุณชายตรงหน้า จากนั้นรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออก นำพาเธอ ลูกสาว และคนเก่าคนแก่กลับบ้านหลังเล็กที่เป็นบ้านจัดสรรชั้นเดียว เป็นบ้านหลังเก่าที่เธอเคยอยู่กับบิดา

          ปรีดิทายิ้มเจื่อนลงเมื่อนึกถึงคนที่เคยโอบกอด ความคิดถึงมากมายลามล้นอก ความทรงจำก็เช่นกัน

          ใช้ระยะเวลาไปเพียงครู่ก็ถึงจุดหมายปลายทาง ปรีดิทาหันไปกล่าวคำขอบคุณโชเฟอร์แท็กซี่เจ้าประจำอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปด้านในบ้าน

          “ป้าขอไปเตรียมธูปมาจุดบอกเจ้าที่เจ้าทางก่อนนะคะ” นงลักษณ์ที่วางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะกลางบ้านหันไปเอ่ยบอกกับคุณหนูที่เธอดูแลมาแต่อ้อนแต่ออก

          คุณแม่มือใหม่ว่าไปตามความเชื่อของนงลักษณ์ เห็นอีกฝ่ายเดินไวๆ ไปยังตู้เก็บของเพื่อหยิบธูป แต่ดูเหมือนว่าของที่ต้องการจะไม่ครบตามจำนวนที่ต้องมี

          “ป้าออกไปซื้อเถอะค่ะ” เห็นถึงความกังวลของนงลักษณ์จึงเอ่ยบอก ไม่อยากให้ไม่สบายใจ

          นงลักษณ์ทำสีหน้าลังเลใจ ไม่อยากปล่อยคุณหนูให้อยู่ตามลำพัง เพราะหนที่แล้วที่เธอออกไปทำธุระสำคัญก็เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น โชคดีที่มีเพื่อนบ้านใจดีนำพาไปส่งโรงพยาบาล

          “ป้าไปเถอะค่ะ โปรดเองก็อยากไหว้เหมือนกัน อีกอย่างร้านก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง” อะไรที่ทำให้เกิดความสบายใจ เธอเองก็อยากทำ และมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายตรงไหน

          “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวป้ามานะคะ”

          หลังเห็นคนที่รักตอบกลับมา นงลักษณ์จึงพลิกตัวเดินไวๆ ไปคว้าจักรยานคู่ใจปั่นออกจากบ้านไปยังร้านขายของจิปาถะที่ตนนั้นเป็นลูกค้าประจำ

          ปรีดิทามองตามจนคนที่รักพ้นระยะสายตาก็หันกลับมามองยัยหนูน้อยในวงแขน รอยยิ้มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วมุ่งหมายจะพาแกเดินลึกเข้าไปในห้องนอนที่เธอได้เตรียมของใช้จำเป็นไว้บางส่วนแล้ว

          แต่สิ่งแรกที่เธอควรทำคือพาลูกไปไหว้คุณตา สองเท้าก้าวไปหยุดยังหน้ารูปภาพสีขาวดำ

          “พ่อคะ...”

          ปรีดิทาพยายามยิ้ม ไม่อยากให้คนเป็นพ่อต้องกังวล ไม่ทันจะเอ่ยคำต่อไปกลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหน้าบ้าน

          ดวงหน้าหวานหันขวับไปมองด้วยความกังวล เสียงที่ได้ยินไม่ใช่ฝีเท้าเพียงคู่เดียว นั่นย่อมหมายถึงว่าคงไม่ใช่นงลักษณ์ที่ซื้อของกลับมา ไม่ถึงอึดใจใครบางคนก็ถือวิสาสะเข้ามาภายในบ้านของเธอ

          “ท่านมาทำไมกันคะ” เจ้าของบ้านตั้งคำถามโดยพลัน หลังเห็นหน้าของแขกไม่ได้รับเชิญ แขกที่เธอไม่อยากพบหรือเสวนาด้วย

          “ส่งเด็กนั่นมาให้ฉัน”     

           ผู้มาใหม่บอกความต้องการแบบไม่อ้อมค้อม ไม่อยากพูดมากให้เสียเวลา ปรีดิทากระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมอีกนิด ความกังวลพุ่งปรี๊ด เพราะเธอรู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับบุคคลตรงหน้าและมีเปอร์เซ็นต์แพ้แบบราบคาบ

          “ถอยออกไปจากบ้านของโปรดค่ะ” แต่ความเป็นแม่ เธอเองไม่คิดถอย ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมองไปยังผู้ให้กำเนิดของเขาคนนั้น

          หยาง...จิน ชายที่สามีของเธอชังจับใจ จังหวะหนึ่งต้องแค่นยิ้ม คงต้องเติมคำว่าอดีตเข้าไปด้วย

          “ตัวเล็กอย่างกับมดกล้ามาออกคำสั่ง” หยางจินหัวเราะเต็มเสียงใส่มดที่คิดจะปล่อยหมัดใส่ราชสีห์อย่างเขา

          ปรีดิทาพยายามกลบเกลื่อนความกลัว เธอไม่มีทางปล่อยลูกออกจากอ้อมกอด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาทำความรู้จักหรือเหลียวแล ไยกันถึงจะกล้ามาพรากลูกไปจากอกของเธอ

          “ไปเอานังเด็กตัวเล็กมา” คนอย่างหยางจินเบื่อการเจรจา ไม่ชอบอะไรที่มากเรื่องมากความสักเท่าไร จึงออกคำสั่งแบบไร้การต่อรอง

          “อย่ามายุ่งกับหนูปราณ” ปรีดิทาประกาศกร้าว สองเท้าถอยห่างออกไปอีกนิด นาทีถัดมาก็ได้ยินถ้อยคำให้เธอมองนิ่งๆ กลับไป

          “ชื่อไม่เห็นเหมือนพ่อของมัน”

          หัวใจของหยางไม่ได้หงุดหงิด ก็แค่แปลกใจนิดๆ ไม่เหมือนก็ดีจะได้ไม่ยุ่งยาก แล้วกรอบหน้าก็หันไปสั่งทางสายตากับลูกน้องคนสนิททั้งสองอย่างตรีและทศให้รีบจัดการ

          ชายทั้งสองที่มีส่วนสูงไล่เลี่ยกันกดหน้ารับ แล้วบอกให้ลูกน้องสามคนที่ติดตามมารุกเข้าหาปรีดิทาทันที

          “ถอยออกไปนะ”         

          หญิงสาวต้องก้าวเท้าถอยหลังไปมากกว่าเดิม ใบหน้าหันมองซ้ายมองขวาหาทางรอด จะหยิบจับอะไรมาป้องกันตัวก็ไม่ถนัดนักเมื่อเธอไม่สามารถปล่อยลูกสาวให้พ้นอ้อมกอดได้ ความหวังในตอนนี้ไม่พ้นร้องขอความช่วยเหลือ

          “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย...”         

          หญิงสาวพยายามร้องสุดเสียง หวังว่าบ้านข้างๆ จะได้ยิน แม้ความหวังจะน้อยนิด เพราะเวลานี้ส่วนใหญ่เพื่อนบ้านจะออกไปทำงานกันหมดแล้ว ทางพี่กันต์คนสนิทก็ออกรถไปวิ่งรับผู้โดยสารต่อ ทางรอดจึงริบหรี่เสียเหลือเกิน

          “ถ้ามากเรื่องก็กระชากมา แขนหลุดก็ค่อยหาหมอหรือไม่ก็ให้พ่อมันมาต่อให้” หยางจินเอ่ยหน้านิ่ง

          “เลว”

          คำสั่งการนั้นทำให้คนเป็นแม่บริภาษออกไป ดวงตามองหยางจินด้วยความเกลียดชัง จังหวะนั้นเองฝ่ามือหยาบใหญ่ของชายคนหนึ่งก็ยื่นมาจับดวงใจของเธอ ปรีดิทารีบเบี่ยงตัวหลบ แต่ทำได้ยาก เพราะกลัวว่ายัยหนูจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็พยายามจะถ่วงเวลาไว้รอนงลักษณ์กลับมา หากอีกฝ่ายเห็นต้องรู้แน่ว่าคนพวกนี้ไม่มาดี จะได้รีบไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ที่อยู่ละแวกนี้

          “ปล่อยเถอะครับ”        

          “ไม่”

          ตรีผู้เป็นมือขวาเอ่ยขอ เขาเองไม่อยากทำให้เด็กบริสุทธิ์ต้องเจ็บไปด้วย แต่ปรีดิทานั้นดื้อรั้นเหลือเกินจึงสั่งการกับลูกน้องเสียงเหี้ยม

          “จับคุณโปรดไว้”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน (02)

    ในตอนที่ได้ยินว่าอดีตน้องชายหวนกลับไปหาคนที่ชัง เขาคิดได้ทันทีว่าเป็นเพราะมันอยากกลับไปยืนข้างๆ ลลิษา หลังจากที่ครอบครัวของปรีดิทาสร้างหนี้พนันไว้ให้ แต่ติดที่สถานะของลลิษานั้นเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงต้องตะเกียกตะกายไปในเส้นทางที่เกลียด แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว ส่วนปรีดิทาก้มมองการ์ดแต่งงานในมือ สีหน้ามีความหนักใจ ไม่รู้ทิวัตถ์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง ขณะนั้นเองเสียงเล็กๆ ก็แผดร้องขึ้น “แง้ง” ปรีดิทาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังลูก แล้วรีบพาแกกลับห้องนอน ในวันนี้เธอไม่มีคาบสอนแล้ว มีจารวีช่วยจัดการเรื่องอาหารให้อย่างเคย แต่ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วปราณปรียากลับยังร้องไห้เป็นระยะ “วันนี้งอแงหรือจ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน”

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน

    บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน “ที่พี่สอนไป เรากลับไปทบทวนด้วยนะ” เสียงใสๆ ของปรีดิทาเอ่ยกับเด็กวัยมัธยมศึกษาผ่านโปรแกรมหนึ่งในโน้ตบุ๊ก เธอเริ่มกลับมาสอนพิเศษได้ราวๆ ห้าวันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปเหมือนแต่ก่อน มีแต่หัวใจที่เกิดอาการพะว้าพะวง แต่ก็พยายามมีสมาธิอยู่กับการสอน “อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่จ้ะ” ก่อนจะบอกคำปิดท้ายพร้อมยกยิ้มร่ำลา ปรีดิทาพับหน้าจอลงพร้อมขยับตัวลุกทันที สองเท้ามุ่งหน้าออกจากห้องตรงไปหาจารวีและรำนำ “ยัยหนูเป็นยังไงบ้าง งอแงไหม” เมื่อไปถึงเธอก็รับลูกมาไว้ในอ้อมกอด โชคดีที่การสอนของเธอมีช่วงเวลาพักอยู่หลายครั้งจึงเดินออกมาดูแก้วตาดวงใจได้บ้าง&nbs

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (04)

    “แปลกเนอะ แย่งของเขาไปแท้ๆ แต่กลับจิกกัดเขาไม่ยอมปล่อย” ดนุภาไม่เข้าใจความคิดของออมสินสักนิด อีกฝ่ายแสดงออกว่าชังเพื่อนของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอเองก็มักถูกยัยนั่นหาเรื่อง จนปรีดิทาต้องห้ามทัพอยู่หลายยก เธอมองว่าคนบางประเภทต้องสาดน้ำร้อนเข้าใส่ น้ำเย็นไม่ได้ผลหรอก ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าแล้วเอ่ยบอกกับเพื่อน “แต่อย่างน้อยๆ แกก็ชนะแม่นั่นครั้งหนึ่ง” เพื่อนของเธอมักแพ้ออมสินเรื่องความรักเสมอ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ชนะ อีกฝ่ายแพ้ราบคาบเลย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ให้หน้าเสีย “ฉันขอโทษ” ผลพวงของความสำเร็จทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวด มือยกขึ้นตีปากของตัวเอง ปรีดิทาสั่นหน้าว่าไม่เป็นไร พลางหันไปมองรำนำที่นั่งอยู่ถัดไป หลังเสียงสัญญาณของเครื่อง

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (03)

    เขาไม่ได้ดูสดชื่นขึ้น เหมือนคนนอนไม่ค่อยพอเสียมากกว่า ทว่าในจังหวะนั้นกลับต้องหันไปมองด้านหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ จังหวะนั้นหัวคิ้วเลิกคิ้ว เพราะเหมือนเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เอาแต่จ้องเธอในงานที่ทิวัตถ์พาไป ก่อนจะมีอีกหนึ่งเรื่องสงสัยให้รีบดึงตาไปมองคู่สนทนา “นับวันมันยิ่งทำตัวน่าสงสัย พี่เห็นมันไปเรียนต่อยมวย เรียนต่อสู้ ยิงปืนด้วย ทำอย่างกับจะไปรบกับใคร” หลายเดือนที่ผ่านมาบนร่างกายของทิวัตถ์มักมีรอยช้ำ จนเขาต้องเค้นถามจากมันจึงได้รู้ว่ามันกำลังเรียนการต่อสู้หลายแขนง “คงเพราะเขากำลังจะเข้ารับตำแหน่งแทนหยางจินละมั้งคะ” หญิงสาวคิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เพราะเขาคงรู้ว่าขาข้างหนึ่งเหยียบความเสี่ยงความตายไว้ จึงจะเตรียมพร้อม ถึงอย่างนั้นก็นึกห่วงขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองในจุดโฟกัสก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบชายคนนั้นเสียแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะจำผิด หรือไม่ก็แค่เรื่องบังเอิญ “ไอ้ไท่เนี่ยนะครับ” คนอย่างทิวัตถ์เนี่ยนะจะถึงขั้นขึ้นกุมบังเหียนต่อจากคนที่มันพูดถึงน้อย จนแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่นานมานี้เขาพอรู้มาบ้

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง (02)

    สามนาทีต่อมาก็วางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์หน้าทิวัตถ์ จากนั้นพลิกตัวเดินกลับไปหาลูกที่ตาแป๋วรอเธออยู่ อาการโยเยหายไปจนคนเป็นแม่คลายความกังวลไปได้ ส่วนทิวัตถ์เดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ขลุกอยู่กับเอกสาร โน้ตบุ๊ก โดยมีเสียงหนึ่งดังอยู่เป็นระยะ เสียงของเครื่องทำลายเอกสาร สีหน้าของคนบนเตียงมีแววครุ่นคิด เคร่งเครียด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู สลับกันไปมา เขาต้องจัดการสองเรื่องในเวลาเดียวกัน และเมื่อเอกสารไฟล์ใดที่ดูเสร็จแล้วก็จะถูกลบหรือไม่ก็กำจัดทิ้ง โดยชายหนุ่มเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจบเรื่องหนึ่งได้หลังทำมายาวนาน ขอแค่พบตัวคนที่หลุดรอดไปได้ ร่วมสองชั่วโมงกว่าก็พับเก็บทุกอย่างแล้วยัดใส่กระเป๋า ร่างกายของเขาอ่อนล้าไม่น้อย เพราะขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าก็หลับๆ ตื่นๆ ราวกับคนที่มีเรื่องให้คิดหรือมีเรื่องให้ระแวง เฮ้อ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มก็เลือกจะกระเด้งตัวมาผ่อนลมหายใจออกจากจมูก ก่อนตัดสินใจลงไปยังชั้นล่างของบ้าน เดินตรงดิ่งไปห้องรับแขก มือเปิดเลื่อนผ้าม่านมองไปรอบๆ คล้ายอยากจะเช็กความเรียบร้อย แ

  • วิวาห์รอหย่า   บทที่ 6 ข้อต่อรอง

    บทที่ 6 ข้อต่อรอง “ลลิษส่งยามาให้แล้วกินหรือยัง” ทิวัตถ์เลิกคิ้วถาม สายตาจดจ้องอยู่เบื้องหน้า ปรีดิทาเข้าใจสาเหตุที่เขากลับมาที่นี่แล้วเพราะเธอคนนั้น แล้วมองหน้าคนที่มีท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนเพลียคล้ายคนที่นอนไม่พอ ฝ่ายทิวัตถ์เมื่อไม่ได้คำตอบก็เอ่ยประโยคถัดมา “อย่าให้เสียของ เสียน้ำใจ” ทิวัตถ์พูดดักทาง ปรีดิทาสมควรรับน้ำใจไว้แต่โดยดี ไม่ควรทิ้งขว้างหรือปามันทิ้ง “ถ้ามันเป็นยาพิษ โปรดก็ต้องรักษาน้ำใจหรือคะ” เธออดจะประชดประชันไม่ได้ “ยอกย้อนเก่ง” 

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status