“ไม่กี่อาทิตย์คงหนีได้แล้ว”
ทิวัตถ์รู้ดีว่าเขาจะเป็นที่พักพิงของปรีดิทาไม่นานหรอก หลังจากนี้เจ้าตัวคงคิดหาทางจะจากไป
หญิงสาวกดหน้าแล้วตบท้ายด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ปฏิเสธ เธอจะหนีไปอย่างแน่นอน โดยเงินส่วนหนึ่งจากเขาก็จะช่วยสนับสนุน คนที่ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้วอย่างเธอก็ไม่ต่างจากหมาจนตรอก เธอทำและยอมได้ทุกอย่าง
เพื่อลูก เพื่อในวันหนึ่งจะได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง
“เอาที่ที่หยางจินหาไม่เจอด้วยละกัน ขี้เกียจฟังคำอ้อนวอนอีก”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ แม้แต่คุณก็จะหาโปรดไม่เจอ และโปรดจะไม่มีวันเป็นหมาจนตรอกแบบนี้อีก” เธอขอสัญญาว่าจะทำอย่างที่เอ่ยแน่นอน พลางหันไปมองจารวีที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องรับแขก
“เนม”
“คะคุณโปรด”
“ช่วยหยิบอุปกรณ์ทำแผลให้โปรดหน่อยสิ” ปรีดิทาบอกเสียงเรียบ สายตาเบนไปมองคนที่สมควรได้รับการทำแผล
จารวีล่าถอยไปหยิบอุปกรณ์ ไม่นานก็กลับมายื่นให้แก่เจ้านาย
“ขอบคุณจ้ะ” หญิงสาวยิ้มขอบคุณ แล้วหันไปสบตากับคนที่นั่งเงียบที่กำลังคล้ายจะอ้าปากร้องสั่งเธอไม่ให้ยุ่งกับแผลของเขา นาทีนั้นสองขาเรียวเล็กก็เริ่มขยับ เพียงเธอไม่ได้เดินไปหาเขา แต่พลิกตัวเดินกลับเข้าห้องของตนเอง
เธอนั้นไม่ได้จะทำแผลให้ทิวัตถ์ อยากได้มันมาเพื่อทำแผลให้ตัวเองต่างหาก ส่วนคนมองอย่างทิวัตถ์ถึงกับแค่นยิ้มหยัน
“ร้ายฉิบหาย”
ปรีดิทาไม่ได้ทิ้งตัวลงตระกองกอดลูกหลังทำแผลให้ตัวเองเสร็จ เจ้าตัวหันไปหยิบโน้ตบุ๊กออกจากกระเป๋า สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเงินก้อนโตที่จะมาซัปพอร์ตในการไปให้พ้นจากปัญหา
ดังนั้นจึงต้องเปิดคอร์สรับสอนพิเศษเพิ่มเติม เป็นอาชีพที่เธอทำหลังจากที่ไม่ได้จับมีดผ่าตัด
เมื่อนึกถึงสิ่งที่รักหัวใจก็เจ็บไม่น้อย เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองทำผิดพลาดตรงไหน ทำไมผู้ป่วยสองรายที่เข้ารับการผ่าตัดถึงมีอาการแย่ลงถึงขั้นเดินเหินไม่ได้ ทั้งที่การผ่าตัดนั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไรสักเท่าไรเลย
เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับครอบครัวผู้ป่วย ทางผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายใน แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้
กรรมการสามคนลงความเห็นว่า เธอสมควรถูกพักงานไปก่อนจนกว่าจะเจอกับเหตุผลของความผิดพลาด เธอเองก็พยายามหาคำตอบแต่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ ความเชื่อมั่นเชื่อใจก็ติดลบขั้นสุด หลังจากนั้นเธอก็พบว่าตนเองตั้งครรภ์ได้ประมาณสามเดือน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอทั้งเสียบิดา เสียงานไปจึงไม่ทันได้สังเกต
ไม่นานเท่าไรดวงหน้านวลสวยก็หันไปมองทางหน้าต่างอยู่สักชั่วครู่หนึ่ง เพราะได้ยินเสียงรถเคลื่อนห่างออกจากบ้านไป ก่อนกลับมาจมอยู่กับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ
เธอต้องหาที่ที่อำนาจของหยางจินเข้าไม่ถึง หรือไม่ก็เป็นที่ที่ฝ่ายนั้นไม่กล้าแตะ และต้องเป็นที่ที่เธอ ลูก และนงลักษณ์อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แม้จะไม่ได้แปลกที่แปลกทาง แต่ปรีดิทากลับนอนได้ไม่เต็มอิ่ม สมองมีเรื่องให้คิดหลายตลบ ต้องทบทวนมันซ้ำไปซ้ำมา เพราะการตัดสินใจทำอะไรลงไปย่อมมีผลต่อยัยตัวเล็กที่เวลานี้มองเธอตาแป๋ว ปราณปรียาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนตีห้าเห็นจะได้
“ง่วงแล้วหรือคะ”
ปรีดิทาตั้งคำถามเสียงนุ่มกับลูกสาวที่กำลังตาปรือ ความเอ็นดูและหลงรักมีอยู่มาก ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาร่างน้อยก็ถูกวางลงบนที่นอนนุ่มๆ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะห้องดังขึ้นจึงต้องสืบเท้าไปเปิด
“คุณโปรดหิวหรือยังคะ” จารวียื่นหน้าด้วยรอยยิ้มมาเป็นอันดับแรก ตามด้วยคำถาม
ปรีดิทากดหน้ารับแล้วเดินตามจารวีไปยังห้องครัว ก่อนจะได้ฟังคำรายงานที่แปลกใจนิดหน่อย
“วันนี้มีข้าวต้มกับรังนกตุ๋นแปะก๊วยค่ะ”
“เขาไม่กินมันไม่ใช่หรือจ๊ะ” สำหรับทิวัตถ์เป็นพวกที่ไม่ค่อยถูกกับของบำรุงร่างกายสักเท่าไร นาทีถัดมาหัวใจที่เหี่ยวเฉาก็มีอาการเต้นไวขึ้น
“คุณไท่ไม่ได้กินหรอกค่ะ แต่สั่งให้เนมเตรียมไว้ เห็นว่าเหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอด”
คุณหมอสาวทำแค่ยิ้มบางๆ ยอมรับว่าหัวใจยังมีอาการอยู่ คนเคยรักอย่างไรก็ต้องรู้สึก แต่ก็พยายามห้ามใจไม่ให้หลงระเริง ไม่อยากเจ็บซ้ำอีก แล้วทิ้งตัวลงนั่งเพื่อกินของที่ถูกจัดเตรียมไว้
เวลาผ่านไปหนึ่งพักใหญ่เสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น
“เนมขอรับโทรศัพท์แป๊บนะคะ” จารวีที่ยืนคอยดูแลแยกตัวไปคว้าโทรศัพท์ของตัวเองที่วางไว้ในห้องครัวขึ้นมากดแนบหู ตามมาด้วยเสียงสนทนา
“กำลังจะทานค่ะ”
ไม่นานเท่าไรจารวีก็เดินวนกลับมาหยุดเท้าใกล้ๆ ปรีดิทาพร้อมตั้งคำถาม มือยังถือสมาร์ตโฟนอยู่
“คุณโปรดทานรังนกได้นะคะ”
“โปรดทานได้ค่ะ”
หญิงสาวหันไปตอบ สายตามองอย่างสงสัย อยากรู้ว่าปลายสายเป็นใคร ไม่นานเกินรอหลังจารวีจบการสนทนาเธอก็ได้กระจ่าง ใจที่เคยแอบเต้นแรงมีอาการแผ่วลง ความหนึบหนับก็เกิดขึ้น
“คุณลลิษโทร.มาเช็กน่ะค่ะว่าคุณโปรดทานของบำรุงได้ไหม ถ้าไม่ได้เธอจะได้บอกให้คุณไท่หาอย่างอื่นมาให้แทน” ภายในอกของปรีดิทามีอาการฝืดเคือง ที่แท้ก็เพราะเธอคนนั้น เขาถึงจัดหาของเหล่านี้มาให้ มือที่กำลังตักรังนกขึ้นชะงักกึกไป
เธอไม่ควรมีอาการดีใจตั้งแต่แรก ปรีดิทาย้ำบอกตัวเอง เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเจ็บแล้วไม่จำ แต่เธอก็ต้องให้เวลาหัวใจในการตัดขาด และคงเพราะรักหมดใจหลายสิ่งจึงยังคั่งค้างอยู่
“กินเถอะโปรด เพื่อยัยหนู” สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจตักรังนกใส่ปาก แล้วนั่งกินจนหมด พอขยับตัวจารวีก็เอ่ยหนึ่งประโยค
“ถ้าคุณโปรดอยากเดินเล่นหรือพักผ่อนที่สวนหลังบ้านบรรยากาศดีนะคะ” พื้นที่ด้านหลังเพิ่งถูกปรับปรุงเมื่อไม่นานมานี้ คนที่ย้ายออกไปคงยังไม่รู้ บรรยากาศตรงนั้นค่อนข้างดี
“ขอบคุณที่บอกจ้ะ”
“ถ้ามีอะไรอยากให้เนมช่วยบอกเนมได้เลยนะคะ เนมก็เคยเลี้ยงเด็กอยู่บ้างค่ะ”
จารวีขันอาสา ฝ่ายคุณแม่มือใหม่พยักหน้ารับ แต่หากเธอยังไหวก็อยากจะเลี้ยงยัยหนูด้วยตัวเอง สองเท้าก้าวไวๆ กลับไปหาลูกสาวแสนรัก
“หลับสบายเลยนะคะคนเก่ง”
บทที่ 4 ตัวแทน (2) หลังจากได้รับข้อความนั้นปรีดิทาขบเนื้อปากด้านล่างไม่รู้กี่หน ความอึดอัดเคลื่อนย้ายเข้าสู่หัวใจมากขึ้น ดวงตาอมโศกหันมองยัยตัวเล็กที่หลับไปอีกครั้ง จนเวลาล่วงผ่านมาถึงตอนเย็น เสียงที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามวลอากาศลดน้อยลงก็แว่วดัง เสียงของรถแอสตันมาร์ตินที่เคลื่อนมาจอด เขาคงกลับมาแล้ว ตามมาด้วยเสียงที่ทำให้เธอสะดุ้งนิดๆ ก๊อก ก๊อก ปรีดิทาไม่ได้ถ่วงเวลาที่จะก้าวเดินไปเปิดประตู รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น จึงเปล่าประโยชน์หากจะชักช้า แต่ในตอนที่ประตูค่อยๆ ถูกเปิดก็มีลมหายใจสะดุดอยู่เหมือนกัน ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นไม่ใช่ทิวัตถ์ “คุณโปรดคะ คุณไท่ให้เนมมาบอกว่า ให้คุณโปรดอาบน้ำแล้วรีบขึ้นไปหาบนห้องค่ะ” คำบอกกล่าวนั้นปรีดิทาหน้าจืดลงไปแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ความกังวลวนเวียนกลับเข้ามาเมื่อหันไปมองปราณปรียา “โปรดฝากเนมดูยัยหนูสักพักได้ไหม” “ได้ค่ะ เดี๋ยวเนมกับรำจะช่วยดูแลคุณหนูเองค่ะ” ปรีดิทายิ้มขอบคุณ สองเท้าก้าวกลับเข้าด้านใน แต่ไม่ได้ไปอาบน้
“ถ้ามีอะไรอยากให้เนมช่วยบอกเนมได้เลยนะคะ เนมก็เคยเลี้ยงเด็กอยู่บ้างค่ะ” จารวีขันอาสา ฝ่ายคุณแม่มือใหม่พยักหน้ารับ แต่หากเธอยังไหวก็อยากจะเลี้ยงยัยหนูด้วยตัวเอง สองเท้าก้าวไวๆ กลับไปหาลูกสาวแสนรัก “หลับสบายเลยนะคะคนเก่ง” ปราณปรียายังหลับด้วยท่าทางน่าเอ็นดู รอยยิ้มกระจายเต็มดวงหน้าของคนเป็นแม่ แม้จะรู้สึกง่วงแต่ปรีดิทากลับเดินไปหยิบหนังสือที่นงลักษณ์เก็บใส่กระเป๋ามาด้วยออกมาเปิด เธอต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการสอน โน้ตบุ๊กก็ถูกเปิดขึ้นด้วย พอเวลาผ่านไปสักพัก ปรีดิทาก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นต่อสายหาคนสำคัญ “ป้าอยู่ได้ใช่ไหมคะ” นงลักษณ์เป็นอีกคนที่หญิงสาวห่วงใยไม่น้อย เมื่อได้ฟังคำตอบก็เบาใจไปได้บ้าง และเมื่อจัดการหลายอย่างเสร็จก็ก้าวเท้าขึ้นเตียงไปนอนกับลูกสาว แง้งง ปรีดิทาสะดุ้งตัวตื่นขึ้นในหนึ่งชั่วโมงต่อมา เพราะเสียงร้องของลูก “หิวนมหรือจ๊ะคนดี” หญิงสาวรีบเอาลูกเข้าอก เฝ้ามองแกกินนมด้วยความหิว หลังจากอิ่มแกก็กลับมาตาแป๋วอีกครั้ง “เร
“ไม่กี่อาทิตย์คงหนีได้แล้ว” ทิวัตถ์รู้ดีว่าเขาจะเป็นที่พักพิงของปรีดิทาไม่นานหรอก หลังจากนี้เจ้าตัวคงคิดหาทางจะจากไป หญิงสาวกดหน้าแล้วตบท้ายด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ปฏิเสธ เธอจะหนีไปอย่างแน่นอน โดยเงินส่วนหนึ่งจากเขาก็จะช่วยสนับสนุน คนที่ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้วอย่างเธอก็ไม่ต่างจากหมาจนตรอก เธอทำและยอมได้ทุกอย่าง เพื่อลูก เพื่อในวันหนึ่งจะได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง “เอาที่ที่หยางจินหาไม่เจอด้วยละกัน ขี้เกียจฟังคำอ้อนวอนอีก” “ไม่ต้องห่วงค่ะ แม้แต่คุณก็จะหาโปรดไม่เจอ และโปรดจะไม่มีวันเป็นหมาจนตรอกแบบนี้อีก” เธอขอสัญญาว่าจะทำอย่างที่เอ่ยแน่นอน พลางหันไปมองจารวีที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องรับแขก “เนม” “คะคุณโปรด” “ช่วยหยิบอุปกรณ์ทำแผลให้โปรดหน่อยสิ” ปรีดิทาบอกเสียงเรียบ สายตาเบนไปมองคนที่สมควรได้รับการทำแผล จารวีล่าถอยไปหยิบอุปกรณ์ ไม่นานก็กลับมายื่นให้แก่เจ้านาย “ขอบคุณจ้ะ” หญิงสาวยิ้มขอบคุณ แล้วหันไปสบตากับคนที่นั่งเงียบที่กำลังคล้ายจะอ้าปา
บทที่ 3 ตัวแทน ปรีดิทาถึงกับปากสั่นในความเลือดเย็นของทิวัตถ์ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่เธอตกหลุมรัก จนได้แต่งงานกัน ความหวานปะแล่มๆ ไม่ได้โดดเด่นตามสไตล์คนพูดน้อยอย่างเขาทำให้หัวใจของเธอชุ่มฉ่ำได้ เธอไม่ได้ต้องการการเอาอกเอาใจ ขอแค่เขารักก็เพียงพอ ก่อนดึงตัวเองกลับมามองนงลักษณ์อย่างลำบากใจ ฝ่ายคนที่ไม่เป็นที่ต้อนรับวางหน้าเครียด เพราะไม่อยากปล่อยให้คุณหนูอยู่ที่นี่ตามลำพัง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน กระทั่งปรีดิทาเปิดตาขึ้นหลังหลับลงเพื่อตัดสินใจ “ตอนนี้โปรดจำเป็นต้องพึ่งเขาค่ะป้า” นอกจากทิวัตถ์จะเลือดเย็นแล้ว เขายังสอนให้เธอเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน ในเวลานี้ทางเลือกของเธอแทบไม่มี การทำให้ลูกปลอดภัยจากห
“ขึ้นรถ” ปรีดิทายังไม่ได้ก้าวเท้าขึ้นไป เธอนิ่งคล้ายกำลังตัดสินใจ แน่นอนว่าเธออยากหนี อยากไปตอนนี้เลย แต่การหนีต้องจบลงในครั้งเดียว ไม่ใช่หนีแบบไม่จบไม่สิ้น หนีไปแล้วยังถูกตามเจอแล้วถูกจับกลับมา หรือต้องอยู่แบบหวาดระแวง สมองจึงขบคิดและทบทวน ที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดว่าต้องรับมือกับหยางจินจึงไม่ได้หาหนทางใดๆ ไว้เลย เธอก็อยู่ส่วนเธอ ส่วนหยางจินก็ไม่ได้เข้ามายุ่มย่าม และตัวของชายหนุ่มเองนั้นก็พูดถึงบิดาให้ฟังน้อยมาก จนแทบจะไม่พูดด้วยซ้ำ แต่เธอก็พอรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ทิวัตถ์ชัง ชั่วครู่หนึ่งหญิงสาวก็หยิบสมาร์ตโฟนโทร.บอกเพื่อนบ้านที่รออยู่ว่าไม่ต้องรออีกแล้ว จากนั้นก้าวเท้าขึ้นรถ แล้วความเงียบก็กลืนกินไปทั่ว ปรีดิทานั่งขบปากอย่างกังวล หนทางเดียวที่มองเห็นตอนนี้มีแต่เขา มีแต่ยอมไปก่อน แต่การยอมนี้ต้องนำพาเธอกับลูกไปสู่อิสระอย่างเ
บทที่ 2 จนตรอก “ถ้าจะมารับเด็กกลับไป แกต้องเอาใบหย่ามาก่อน” แค่ปลายเท้าเดินเข้าไปหยุดยังโซนห้องรับรองแขก เสียงทรงอำนาจจากปากผู้ชายที่ทิวัตถ์ชิงชังเป็นอันดับหนึ่งก็ดังขึ้น หยางจินนั้นแสดงความต้องการ กรอบหน้าเงยมองลูกชายที่เพิ่งได้คืนกลับมา แล้วเห็นเจ้าตัวมองไปรอบๆ ราวกับมองหาอะไรสักอย่าง “ไม่ต้องห่วง หนูลลิษดูแลอยู่” หยางจินเอ่ยบอก เขาก็ไม่ได้ใจร้ายถึงกับจะทิ้งขว้างยัยเด็กตัวเล็กนั่นหรอก ฝ่ายแขกผู้มาใหม่ยังมีสีหน้าราบเรียบวางเฉย ขณะขยับตัวไปพิงกับกรอบประตู มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ “หนูลลิษพาเด็กนั่นมา ให้พ่อมันเห็นหน้าหน่อย” หยางจินพลิกตัวไปส่งเสียงเรียกอีกหนึ่งคนสำคัญ หลังลูกชายคนเล็กสาดค