“ครับข้ากลับมาแล้ว”
เย็นวันนั้น ดิสมัสจัดการถอดเกราะออกและมองมัน เขารู้สึกว่ามันช่างหนักเหลือเกินเขาไม่อยากจะสวมมันอีกแล้ว
“อ้ายมัด” เสียงของคำแพงดังขึ้นมา ดิสมัสหันมองนางแล้วถามว่า
“มีอะไรเหรอ”
“อีแม่ให้มาชวนเจ้าไปกินข้าวด้วยกันหน่ำ” ซึ่งเขาก็ไม่ปฎิเสธมาตามคำเชิญ แถมยังเอาเนื้อเค็มติดมือมาด้วย ซึ่งคำแพงเห็นแล้วก็บอกว่า
“เจ้าเก็บไว้กินผู้เดียวเถอะ บ่ฮู้ว่าทนกินเข้าไปได้ไง” ดิสมัสเลยพยักหน้าแล้วพูดว่า
“มื้อหน้าข้าจะจับตัวอะไรไปให้แม่เจ้าปรุงก็แล้วกันนะ” ดิสมัสพูด และเดินตามคำแพงไป คำแพงแอบมองดิสมัส ตั้งแต่ที่เขาไปช่วยชีวิตนาง นางก็รู้สึกกับเขาในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัยตลอดเวลาที่เขาอยู่
“ถึงแล้วนะ” ดิสมัสพูด ทำให้นางหลุดจากภวังค์และรีบเดินนำเข้าไปในบ้าน คราวนี้อาหาร มี ลาบ ต้มแซ่บ ไก่ย่าง เป็นอาหารหลักแม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่ากินมาก
“กินได้แล้ว บักมัดบ่ต้องเกรงใจเด้อ” นายฮ้อยคำแหงพูด ดิสมัสกินอาหาร มันรสชาติดีมากจนเขาพูดขึ้นมา
“คิดถึงรสมือของน้าบานชื่นจริง ๆ นะเนี่ย”
“แหม ! ปากหวานแท้ ๆ มักกินหลาย ๆ เลยเด้อ” ทุกคนกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน นายฮ้อยคำแหงถามเขาว่า
“ไปค้าควย มื้อหน้า เจ้าไปหมู่เฮาอีกเด้อ” นายฮ้อยคำแหงพูดขึ้นมา
“ไปเส้นทางเดิมหรือเปล่าครับ”
“บ่คราวนี้สิไปอีกทาง เพราะข่อยอยากเอาควยไปขายที่อินทาเทพ ราคามันสูงกว่า แต่ทางมันเสี่ยงกว่า”
ดิสมัสพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แล้วหมู่เฮาล่ะ” สองพี่น้องถาม
“ถามอีแม่เจ้าติ” นายฮ้อยคำแหงพูด บานชื่นเลยบอกว่า
“ถ้าบักมัดไปหน่ำ ข่อยก็บ่เว้าอีหยังดอก” นายฮ้อยคำแหงตบเข่าฉากก่อนที่จะพูดว่า
“บ๊ะ แบบนี้ก็ดีสิ ! ข่อยสิได้พาบักคำพูนไปชกมวยด้วยติ”
“แต่เจ้าต้องเอาลูกข่อยกลับมาให้ครบสามสิบสองเด้อ บ่งั้นก็ข่อยสิเอาเลือดหัวเจ้าออก”
นายฮ้อยคำแหงทำหน้าจ๋อย ทำให้บานชื่นอดที่จะขำไม่ได้กลายเป็นว่าทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข แม้แต่ดิสมัสเองก็ด้วย ในเวลานี้ดิสมัสลืมทุกอย่างหมดแล้วจริง ๆ ทั้งความแค้นและความเสียใจในอดีต พอเขากลับไปที่บ้าน เขามองเกราะของตนแล้วพูดว่า
“หวังว่าคงไม่ต้องสวมมันอีกนะ” ดิสมัสพูดขึ้นมา
เช้าวันต่อมา ดิสมัสถูกปลุกด้วยเสียงแคน และเสียงพิณของบักแก่นกับบักฝ้าย จนต้องออกมาดู เขาเจอบักจ้อย บักมิ่งยืนรออยู่ด้วย
“เฮ้ย พวกแกน่ะ จะมาเล่นดนตรีอะไรเอาเวลานี้ล่ะ” ดิสมัสตอบเสียงงัวเงีย
“อีหยัง มันบ่เพราะบ่” บักฝ้ายลอยหน้าลอยตาพูด
“เปล่า แต่พอข้ายังไม่อยากตื่นตอนนี้ว่ะ นาน ๆ จะได้หลับสบาย ๆ แบบนี้” ดิสมัสพูดขึ้นมา
“บ่ ๆ หมู่เฮ้าเป็นเสี่ยวกัน วันนี้สิมีการติกปลากันเด้อ เจ้าต้องมาม้วนกับหมู่เฮ้า” บักแก่นตะโกนบอก ดิสมัสหยักหน้า และเดินออกไป ทันที
“อ้าว เจ้าบ่ใส่เกราะของเจ้าติ ดาบก็บ่พกบ่” มิ่งถาม
“จะบ้าเหรอ แค่ไปจับปลาไม่ใช่เหรอ จะให้ใส่เกราะพกดาบทำไมกันเล่า แค่มีดก็พอ”
ดิสมัสพูดเอาเอามีดให้ดู เขาเดินตามไป ที่แม่น้ำ ซึ่งไกลจากหมู่บ้านพอสมควร เขาเห็นพวกชาวบ้านกำลังจับปลาที่ดูแล้วสนุกสนาน ชาวบ้านใช้สุ่ม เบ็ด และแหในการจับปลา เสียงแคนและพิณของบักแก่นกับบักฝ้ายนั้นทำให้บรรยากาศดูแล้วคึกคัก และสนุกสนาน ดิสมัสเห็น ครอบครัวของนายฮ้อยคำแหงมาร่วมด้วย การจับปลามันดูสนุกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจำได้ว่าตอนไปหาเสบียงการหาปลาจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุดแล้ว
“เจ้าลองจับดูสิ” บักมิ่งส่งสุ่มดักปลาให้ดิสมัส ทำด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ผิดกับคำแพงที่จับได้อย่างคล่องแคล้ว เมื่อไม่ได้ปลาสักทีดิสมัสก็หงุดหงิด เขาเดินไปตัดไม้มาเหลาจนแหลม และขว้างลงในน้ำ ทำให้จับปลาได้ หลายคนถึงกับหัวเราะ
“ฮ่วย ! เจ้าเฮ็ดจังซี่เลยบ่” นายฮ้อยคำแหงพูด หลังจากจับปลาไปได้พักใหญ่ ทุกคนก็มาทำอาหารจากปลากิน ปลาที่จับมาปรุงสด ๆ นั้นดิสมัสรู้สึกว่ามันอร่อยเป็นพิเศษ
“เป็นจั๋งได๋ ม้วนบ่ มื้อหน้ามาอีกบ่ล่ะ” ฝ้ายถาม
“ก็เอาสิ” ดิสมัสพูดขึ้นมา
“เรื่องสนุก ๆ มื้อนี้ยังบ่หมด ข่อยสิพาเจ้าไปเอาอาหารชั้นสูงเด้อ” บักฝ่ายพูดอีก
“อาหารชั้นสูง” ดิสมัสทวนคำ พวกเขาพาดิสมัสไปแหย่ไข่มดแดง อุปกรณ์คือไม้ยาว ๆ ติดตะกร้าเอาไว้ เขาเห็นทุกคนเอาไม้ไปกระทุ้งรังมดแดง ซึ่งดิสมัสคิดว่าไม่น่าจะยากนะ เลยลองทำดูบ้าง แต่ว่า
“เซา ๆ อย่าเขย่าแรงป่านนั้นเดี๋ยวได้....” บักฝ้ายพูดยังไม่ทันขาดคำ มดแดงก็ร่วงลงมาโดนดิสมัสเข้าเต็ม ๆ เขาถึงกับกระโดดโหย่ง ทำให้หลายคนถึงกับขำกับภาพที่เห็น นักรบที่เก่งกาจในทัพควายตอนนี้ทำอะไรแทบจะไม่ถูกแล้ว เขารู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันไปทั้งตัว
คราวนี้ทำให้เจ้าออร์คเริ่มมีแผลและมึนงงแล้ว คำพูนกับคำแพงมองหน้ากระโดดใส่เข่าเข้าที่หน้าของออร์คนั้นเต็ม ๆ สองแรงทำให้มันล้มลงไป คำพูนเอามีดออกมาแทงมันเข้าที่คอเลือดไหลพุ่งออกมาราวกับน้ำ มันวิ่งไปด้วยความเจ็บปวด คำแพงเหวี่ยงหินไปโดนมันซ้ำเข้าที่หัว คราวนี้ทำให้ล้มลงไปได้ สองพี่น้องมองหน้ากัน และตัดสินใจกลับไปหาพ่อนายฮ้อยคำแหงดวลดาบกับซีดาน ส่วนนายไปร่งต่อสู้กับล็องกี ซึ่งเชิงดาบของทั้งสองพอ ๆ กัน แต่ไม่ว่าจะเสกอะไรมา ก็โดนทำลายไปหมด จนในที่สุดไปร่งก็ตัดสินใจ ร่ายมนตร์บทหนึ่ง นายฮ้อยคำแหงได้ยินก็ตะโกนห้าม“อย่าเฮ็ดจั๋งซัน”แต่สายไปแล้ว ไปร่งร่ายมนตร์แล้ว เหล่าหุ่นพยนต์มารวมอยู่ที่ร่างของเขากลายเป็นเสื้อเกราะ ไปร่งเข้าต่อสู้ทันที คราวนี้เขาต้านพลังของล็องกีได้หมด และเข้าประชิดตัวและชกล็องกีกระเด็น มันรู้สึกเจ็บ ไปร่งยังคงออกหมัดไปไม่หยุด ล็องกีเหวี่ยงคถาไปทันทีโดนร่างของไปร่ง เขากระเด็น “ให้ตายสิไม่ได้สู้ระยะประชิดนานแล้วนะเนี่ย แต่ว่า ข้าก็ไม่ชอบอยู่ดี ลมหายใจมังกร”ไฟถูกยิงออกมาจากคถาของมัน เมื่อโดนร่างของไปร่ง ความเจ็บปวดแผ่เข้ามา แต่ไปร่งยังพยายามเข้าไปต่อสู้ แต่ว่าไฟยิ
ดิสมัสต้องเหวี่ยงหินและใช้กะโหลกเพลิง ยิงสกัดพวกมันเ แต่พวกมันยังคงวิ่งเข้ามา ไม่หยุด ดิสมัสเลยเอาไม้แหลมที่เขาเหลาเอาไว้ ร่ายคำสาปเคลือบเอาไว้ ขว้างไป มันปักเข้าที่ร่างของพวกออร์คทำให้มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่แค่ไม้จะทำอะไรพวกมันได้ มีตัวหนึ่งเขามาประชิดตัวเขาได้ และกำลังจะเอาดาบฟันหมายจะฟันให้ขาดสองท่อน แต่บากีร่ากระโดดตะครุบร่างของเจ้าออร์คตนนั้นเอาไว้ ดาบหลุดจากมือของมัน ดิสมัสได้โอกาสแล้ว รีบคว้าดาบเล่มนั้นเอามาเป็นอาวุธของตัวเอง เขาฟาดฟันมันอย่างชำนาญ ทำให้สังหารออร์คไปได้หลายตัว เขาดูดาบเล่มนี้ชัด ๆ แม้มันจะดูเก่า แต่เขาก็จำได้ว่าเป็นฝีมือการตีดาบของพวกโดวาฟ ! “อย่าให้ใช่เลย”ดิสมัสพูด พวกออร์ดที่เหลือกำลังจะเข้ามารุมเขา ดิสมัสเลยร่ายคาถา “จงรวบรวม แขน ขา และวิญญาณเพื่อรับใช้ข้า ลุกขึ้นมา !”เมื่อคาถาจบศพของพวกออร์คก็ระเบิดกลายเป็นโครงกระดูกยืนอยู่ตรงหน้า พวกออร์คเห็นแล้วก็รู้สึกกลัว“ไม่ได้ทำแบบนี้มานานแล้วนะ ชีวิตสงบ ๆ คงไม่ใช่สำหรับข้า ฆ่ามัน” พวกโครงกระดูกเข้าต่อสู้กับพวกออร์คที่เหลือทันที นายฮ้อยคำแหง มาถึงก็ต้องตกตะลึง ที่น
“ลงน้ำโลด อ้ายมัด” คำแพงร้องบอก ดิสมัสรีบทำตาม หลังจากจัดการมดแดงได้แล้ว เขาก็ขึ้นมาจากน้ำ ทุกคนมองดิสมัสแปลก ๆ เบต้าพยายามกลั้นขำ “มีอะไรเหรอ” “อ้ายก็ลองเบ่งแขนเจ้าของดิ” คำแพงพูดขึ้นมา ดิสมัสมองดูเขาตกใจมาก มันมีจุดแดง ๆ เต็มไปหมดหมด และเขาคล้ำหน้าตัวเองรู้เลยว่าต้องมีจุดแดง ๆ เหมือนกัน ยิ่งเขาเป็นคนผิวขาวสีซีดแล้วจุดพวกนี้ยิ่งชัดเข้าไปอีก เขาทั้งเจ็บทั้งอาย และทั้งขำในเวลาเดียวกัน นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ที่ไม่ได้สวมเกราะเลยทำให้มีแผลมากขนาดนี้ เบต้าเลยบินมารักษาให้กับเขา แต่ดิสมัสไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงไปแหย่ไข่มดแดงกับทุกคนต่อ วันนี้ ดิสมัสได้ทั้งปลาและไข่มดแดงจำนวนมาก และยังได้ลองกินไข่มดแดงเป็นครั้งแรกด้วย รส ชาตของมันทั้งมันทั้งเปรี้ยว แต่ก็ถูกปากเขาเหมือนกัน การมาหาอาหารกันเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ทำให้เขานึกถึงตอนไปเก็บเสบียง แต่มันต่างกันมากเพราะว่า ตอนไปเก็บเสบียงนั้นไม่สนุกแบบนี้ ไม่ได้มีเสียงหัวเราะแบบนี้ บางครั้งมันก็แลกมาด้วยน้ำตาของเจ้าของอาหารที่ถูกบังคับให้ส่งเสบียงให้ด้วยซ้ำ ดิสมัสเดินออกจากวงข้า
“ครับข้ากลับมาแล้ว”เย็นวันนั้น ดิสมัสจัดการถอดเกราะออกและมองมัน เขารู้สึกว่ามันช่างหนักเหลือเกินเขาไม่อยากจะสวมมันอีกแล้ว “อ้ายมัด” เสียงของคำแพงดังขึ้นมา ดิสมัสหันมองนางแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ” “อีแม่ให้มาชวนเจ้าไปกินข้าวด้วยกันหน่ำ” ซึ่งเขาก็ไม่ปฎิเสธมาตามคำเชิญ แถมยังเอาเนื้อเค็มติดมือมาด้วย ซึ่งคำแพงเห็นแล้วก็บอกว่า “เจ้าเก็บไว้กินผู้เดียวเถอะ บ่ฮู้ว่าทนกินเข้าไปได้ไง” ดิสมัสเลยพยักหน้าแล้วพูดว่า “มื้อหน้าข้าจะจับตัวอะไรไปให้แม่เจ้าปรุงก็แล้วกันนะ” ดิสมัสพูด และเดินตามคำแพงไป คำแพงแอบมองดิสมัส ตั้งแต่ที่เขาไปช่วยชีวิตนาง นางก็รู้สึกกับเขาในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าปลอดภัยตลอดเวลาที่เขาอยู่ “ถึงแล้วนะ” ดิสมัสพูด ทำให้นางหลุดจากภวังค์และรีบเดินนำเข้าไปในบ้าน คราวนี้อาหาร มี ลาบ ต้มแซ่บ ไก่ย่าง เป็นอาหารหลักแม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันน่ากินมาก “กินได้แล้ว บักมัดบ่ต้องเกรงใจเด้อ” นายฮ้อยคำแหงพูด ดิสมัสกินอาหาร มันรสชาติดีมากจนเขาพูดขึ้นมา
“เอ็งชื่ออะไรวะ” คนในสนามพูด “คำพูน จากโนนต้นติ้ว แต่ข่อยขอใช้ชื่อ คำพูน ลูกคำแหง” เขาตอบ อีกฝ่ายหยักหน้า แล้วพูดว่า “มีเงินเดิมพันมั้ย ถ้ามีก็ขึ้นชกได้”คำพูนเอาเงินออกมาพบว่ามันน้อยเกินไป “โอยแค่นี้เองเหรอไม่พอ ไปหามาอีก ถ้าไม่มีก็ไปให้พ้น ๆ เลย” คำพูนรู้สึกเสียดาย จะไปขอเงินจากนายฮ้อยคำแหงก็คงจะไม่ได้ ดิสมัสเห็นเข้าพอดีเลยเอาเงินมาวางให้ “อ้ายมัด” “อย่าชกแพ้ล่ะ ถ้าแพ้นี่ข้าหมดตัวเลยนะ” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำพูนเลยตอบว่า “ไว้ใจข่อยได้ ข่อยสิต้องชนะ” คู่ต่อสู้ของคำพูนนั้นเป็นนักมวยร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม ดูแล้วตัวใหญ่กว่าคำพูนพอสมควร เขาชื่อว่า เด่นธรณี ศิษย์พระกาฬ ส่วนคำพูน นั้นใช้ชื่อว่า คำพูน ลูกคำแหง เสียงปี่ดังขึ้น ทั้งสองออกท่าร่ายรำทำให้ ดิสมัสงงมาก “มวยสยาม สิต้องไหว้ครูบาอาจารย์ก่อนชก เป็นการแสดงความเคารพครูมวย และยังเป็นการอบอุ่นร่างกายอีกหน่ำ” คำแพงอธิบาย ดิสมัสพยักหน้ารับรู้ “ชกกันหนึ่งกะลาจมน้ำใครลุกไม่ขึ้นก่อนเป็นฝ่ายแพ้” เสียงกรรมการประกาศและเอากะลาลงไปในน้
“จังสั้นเจ้าเฮ็ดเลยคำพูน ข่อยสิล่อมันเอง”ห้าวเสกมนตร์ ใส่ร่างของโตเว็น มันเลยมาสนใจเขาแทน สองพี่น้องช่วยกันจับดาบหอก และวิ่งไปและแทงเข้าไปที่รูก้นของโตเว็น มันร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงไปแบบไม่เป็นท่า ทั้งสองกดจนมิดด้าม เจ้าโตเว็นตายคาที่ ดิสมัสมองอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา เขาไม่คิดเลยเอลฟ์จะต้องมาตายทุเรศแบนี้ จริงอยู่เจ้านี่อาจไม่ใช่เอลฟ์เผ่าเดียวกับเขา แต่ก็เป็นเอลฟ์เหมือนกันจริงเห็นแบบนี้ก็คงจะอดที่จะหดหู่ไม่ได้ เขาเลยกระชากดาบหอกออกมา และดิสมัสเรียกอุมปากลับไป “ชาร์ล็อต” เขาเรียกแมงมุมยักษ์ออกมา ให้มันพ่นใยคลุมร่างของโตเว็นเพื่อกันไม่ให้มีอะไรมากินศพ และเอาดาบหอกปักข้าง ๆ เขาหันไปบอกกับคนดงว่า “อยากจะทำอะไรกับร่างของมันก็ทำไปซะนะ ข้าทำได้แค่นี้” เมื่อเจ้าหัวหน้าตาย พวกคนดงก็มองทุกคนอย่างหวาดกลัว ดิสมัสเดินนำไป พวกเขารีบหลีกทางให้ มีบางคนคิดจะเล่นงานเขาแต่ก็ชะงักไปเพราะว่าเกิดคิดได้สู้ไปก็เหมือนฆ่าตัวเปล่า ๆ “เฮดหยังต้องเฮดศพให้มันหน่ำ” คำแพงถามขึ้นมา “เขาตายแล้วนะ ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นเหยื่อแร้งกาหรอก อีกอย่างเขาก็ต่อสู้อย่างสมศัก