แชร์

บทที่ 718

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของเขาแล้วพูดว่า "ใช่ หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป ทางจวนอ๋องและจวนเสนาบดีกั๋วกงก็ส่งคนจำนวนมากไปตามหาพวกเขา แต่ก็ไม่พบเลย ในที่สุดก็คิดว่าอาจเป็นฝีมือขององค์หญิงใหญ่ จึงเรียกกู้ชิงหลานกลับไปที่จวนองค์หญิงเพื่อสอบถามกับคนใช้ดู และได้พบว่าในคืนที่ภรรยาและลูกๆ ของซ่งจืออันหายตัวไปนั้น องครักษ์ของจวนองค์หญิงได้พาเด็กสองคนและสตรีมีครรภ์เข้าคนหนึ่งไปในคุกใต้ดิน จากนั้นเราถึงตั้งเป้าที่จวนองค์หญิง แต่กระหม่อมก็ไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปในจวนองค์หญิงอย่างโจ่งแจ้ง รู้ว่าจวนองค์หญิงจะเชิญชวนพระสงฆ์เข้าจวนในเทศกาลหันอี้ เป็นงานประจำของจวนองค์หญิง อีกอย่างค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงก็จะลาดตระเวนสถานที่นั้นในคืนนั้นเป็นพิเศษด้วย ดังนั้นจึงใช้มือสังหารไปล่อกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเข้าไปในจวนองค์หญิง และปล่อยให้พวกเขาไปช่วยชีวิตคน"

จักรพรรดิ์ซูชิงถาม "นอกเหนือจากนี้ มีอะไรอีกที่เจ้าได้ปิดบังข้าไว้อีกหรือไม่ เจ้าไม่รู้จริงๆ เหรอว่าองค์หญิงใหญ่มีเจตนากบฏ เจ้าไม่รู้ว่าจวนองค์หญิงซ่อนชุดเกราะและอาวุธมากมายเช่นนี้จริงๆ หรือ?"

เซี่ยหลูโม่เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 719

    เขาแสร้งทำเป็นครุ่นคิดแล้วพูดว่า "สำหรับแม่ทัพ กระหม่อมยังไม่ได้มีเป้าหมาย"เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิ์ซูชิงไม่พอใจกับคำตอบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธ "หอต้าหลี่จัดการคดีนี้ก็พอ ที่เหลือข้าจะส่งคนไปสอบสวน""พะย่ะค่ะ!"จักรพรรดิ์ซูชิงหมุนแหวนหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขา "ข้าเคยได้ยินเจ้าบอกว่าช่วงนี้ยังไม่มีแผนจะมีลูกใช่ไหม?""พะย่ะค่ะ ยังไม่มีแผนนี้"จักรพรรดิ์ซูชิงตอบรับอืม "ซีซีเป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ในเมื่อเจ้าได้รับแต่งตั้งให้เป็นต้าหลี่ซื่อชิงแล้ว งั้นตำแหน่งของเจ้าในฐานะผู้บัญชาการก็จะให้ปลดเลย ข้าวางแผนที่จะเลื่อนซ่งซีซีให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย"เซี่ยหลูโม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ฝ่าบาทหมายถึงผู้มีอำนาจที่แท้จริงหรือ?""ใช่ นางเข้ารับตำแหน่งโดยตรง"เซี่ยหลูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เพียงว่าถึงแม้จะมีแม่ทัพหญิงในราชวงศ์ของเรา แต่ก็ไม่มีแบบอย่างที่ให้สตรีมาเป็นขุนนางมาก่อน""ไม่มีมากก่อน งั้นก็จัดให้เป็นคนแรกเลย"เซี่ยหลูโม่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่พักหนึ่ง ให้ซีซีดูแลความปลอดภัยในเมืองหลวงและพระราชวัง ฮ่องเต้ไม่ได้ไม่ไว้ใจนางอยู่หรือ หรือมีวัตถุปร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 720

    หลังจากที่เซี่ยหลูโม่จากไป อู๋ต้าปั้นก็เข้าไปในห้องโถงหลัก "ฝ่าบาท อีกครึ่งชั่วยามก็ถึงเวลาเข้าประชุมยามเช้าแล้ว ข้าน้อยช่วยฝ่าบาทเปลี่ยนเสื้อผ้า""อืม เปลี่ยนที่นี่เถอะ" จักรพรรดิ์ซูชิงยกมือขึ้นแล้วพูดอู๋ต้าปั้นออกมาจากห้องโถงและเทศนา "ขันที นำเสื้อคลุมมังกรมา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฝ่าบาท"ไม่นานหลังจากนั้น พวกขันทีก็ถือเสื้อคลุมมังกรและมงกุฎปีกทองทยอยเข้ามาอู๋ต้าปั้นสั่งทุกคนออกไป และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จักรพรรดิ์ซูชิงด้วยตนเอง สีหน้าของจักรพรรดิ์ซูชิงยังคงบึ้งตึง แต่เมื่อเทียบกับตอนที่ได้ยินข่าวในแรกๆ ก็ดูอ่อนลงไม่น้อยเลยจักรพรรดิ์ซูชิงมองดูเขา "ไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียหรือ"อู๋ต้าปั้นจัดการเข็มขัดปักมังกรของเขาแล้วพูดว่า "ฝ่าบาททรงฉลาด ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของพระองค์"จักรพรรดิ์ซูชิงกางมือออก ให้เขาจัดการรักแร้แล้วพูดอย่างใจเย็น "ทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงอยากกบฏ ให้ข้าออกจากตำแหน่งแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไรกัน""ข้าน้อยคิดว่าองค์หญิงใหญ่ไม่น่าจริงๆ ฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี""องค์หญิงที่มีความเป็นไปได้ก่อกบฏต่ำที่สุดก็มีส่วนร่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 721

    หลังจากออกจากวัง เซี่ยหลูโม่ก็กลับจวนก่อน และบอกอาจารย์หยูที่เพิ่งหลับไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และให้เขาบอกพระชายาตอนนางตื่นขึ้นมาอาจารย์หยูได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่ง่วงนอนอีกเลย เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากพระชายาตื่นขึ้นแล้วให้พระชายาพาเขาไปพบน้องสาว แต่บัดนี้ฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร เขาก็ยังต้องใช้สมองไปติดนอนหลับไม่ได้อีกเลยเมื่อรอซ่งซีซีตื่นขึ้น และแต่งตัวเรียบร้อยออกมา เขาก็ไปบอกนางด้วยตนเอง "ท่านอ๋องกลับมาบอกว่าฮ่องเต้กะจะเลื่อนตำแหน่งท่านให้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจีย ซึ่งรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน ทหารรักษาพระราชวังและองครักษ์รักษาพระองค์ด้วย แต่ข้ายังคิอไม่ออกว่าฮ่องเต้ทำเช่นนี้เพื่ออะไร"ซ่งซีซีไม่อยากจะเชื่อเลย "มีอำนาจจริงๆ เหรอ?""มีอำนาจจริงๆ"ซ่งซีซีตกตะลึงมาก "ในราชวงศ์ของเรายังไม่มีแบบอย่างใดที่สตรีเข้ารับราชการในราชสำนัก แม้ว่าเป็นยี่ฝางที่สร้างผลงานในตอนแรก ก็แค่จัดให้ทำงานในสำนักงานท้องถิ่น แม้ว่าข้าจะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ แต่ข้าก็ไม่เคยถามไถ่เรื่องของกองทัพซวนเจียเลย แค่ในนามและมีรายได้ประจำปีเท่านั้นเอง"ให้สตรีไปออกศึกกับเข้ารับข้ารชการมันแตก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 722

    ทันทีที่เสิ่นว่านจือตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินว่าซีซีกำลังจะเข้ารับราชการในราชสำนัก เป็นผู้บัญชาการกองทัพซวนเจียอย่างแท้จริง จากนี้ไปจะรับผิดชอบกองกำลังเมืองหลวง ค่ายลาดตระเวน และทหารรักษาพระราชวังเป็นต้นราวกับอยู่ในความฝัน นางส่งเสียงร้อง จากนั้นขยี้ตาแล้วถามว่า "เจ้าจะรับข้าราชการชั่วๆ นั้นจริงๆ หรือ"ซ่งซีซีหัวเราะเบาๆ "ข้าราชการชั่วๆ อะไรกัน จะเป็นข้าราชการดีๆ ไม่ได้หรือไง?""งั้นก็เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์" เสิ่นว่านจือยกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วแตะที่คางจากนั้นเดินรอบๆ ซ่งซีซี "ก็ได้ ซีซีของเราสามารถเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ได้"ซ่งซีซีจำได้ว่าพวกนางเคยอยู่ในแวดวงการต่อสู้ แล้วตอนนั้นก็เหมือนกับพวกนักสู้ทั่วๆ ไปดูถูกข้ารชการท้องถิ่น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ทุจริต ก็จะเรียกพวกเขาว่า "ข้าราชการชั่วๆ"แน่นอนว่าพวกนางได้พบกับข้าราชการดีๆ เช่นกัน เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ ทำเพื่อประชาชน และสมเป็นข้าราชการอย่างแท้จริง พวกนางต่างก็ชื่นชมเขามากน่าเสียดายที่พวกนางออกไปมองโลกไม่ได้นานเท่าไหรก็ถูกจับตัวกลับไป ยังถูกศิษย์อาจำคุกเป็นเวลาครึ่งเดือนเมื่อนึกถึงอดีตในภูเขาเหม่ยชาน รอยยิ้มของซ่งซีซีก็ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 723

    มีอยู่วันหนึ่ง มีเหตการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในเมืองหลวง คุณท่านหยูได้ยินคนรับใช้ที่ออกไปซื้อของกลับมาเล่าเรื่องแล้วด้วย เขากำชับคนใช้อย่าไปสนใจ หลานชายทำหน้าที่หัวหน้าดูแลจวนในจวนเป่ยหมิงอ๋อง พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แม้แต่พูดถึงคำเดียวก็ไม่ได้แน่นอนว่าคุณท่านหยูไม่คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่ออาศัยอยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจะยึดหลักการข้อเดียวคือต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำเพื่อไม่ให้สร้างปัญหาให้หลานชายหลังอาหารเช้า คุณท่านอาบแดดในลานบ้าน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และหลังจากเข้าฤดูหนาว แสงอาทิตย์จะหายากมาก"ท่านพ่อ ได้ยินเสี่ยวเอ๋อบอกว่าท่านกินข้าวเช้าน้อยมาก รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า" นางหยู ท่านแม่ของอาจารย์หยูเดินเข้าไปถามพ่อตาพลางคารวะให้"กินไม่ลง ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง" คุณท่านหยูลืมตาขึ้นและเห็นลูกสะใภ้ที่ดูเหนื่อยล้า เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?”นางหยูไม่สามารถซ่อนความเศร้าของนางได้ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ามักจะฝันถึงเสี่ยวไป๋ ไม่รู้ว่าทำไม"คุณท่านหยูถอนหายใจ เขารู้ว่าความฝันที่ลูกสะใภ้บอกว่าฝันถึง ไม่ใช่แ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 724

    ขณะที่รถม้ามุ่งหน้าสู่จวนอ๋อง นางหยูก็ถือกล่องอาหารไม้สองชั้นไว้ในมือ แม้ว่านางจะพยายามกลั้นไว้แล้ว แต่น้ำตาก็ยังคงไหลรินราวกับลูกปัดที่แตกออกสิบแปดปี ทั้งหมดมีวันมากเท่าไร งั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานนานมากเท่านั้น ไม่มีวันลืมนางเสียใจทุกๆ วันว่าทำไมตนเองไม่ปฏิบัติต่อนางให้ดีกว่านั้นพ่อแม่สามี สามีะละ ลูกชายที่บ้านต่างรักใคร่หยูไป๋ มีแต่นางคนเดียวที่เข้มงวดกับนาง เคยตบฝ่ามือของนาง ลงโทษนางให้ขังบริเวณ ให้นางอดอาหาร...หลายปีที่ผ่านมา มีเรื่องมากมายเบลอไป แต่ใบหน้าเล็กๆ นางที่รู้สึกคับข้องใจนั้นยังจำได้ชัดเจน ใบหน้าเล็กๆ อาบน้ำตา และเมื่อถูกสั่งสอนแล้วก็จะเข้ามาใกล้ ทุกฉากรวมๆ กันมันเป็นความทรงจำที่ฝังลึกในใจ ได้โจมตีหัวใจลึกๆ ของนางทุกวันนางยกโทษให้ตัวเองไม่ได้ เด็กก็ไม่ได้ซุกซนมากนัก แล้วทำไมต้องดุนาง? ทำไมต้องตีนาง ? ทำให้ให้นางร้องไห้? ให้ตามใจนางเหมือนคนอื่น ๆ ไม่ได้หรือ?บนรถม้า อาจารย์หยูเล่าให้พวกเขาฟังเรื่องที่หยูไป๋เจอหลังจากที่นางถูกลักพาตัวอย่างละเอียด นางหยูฟังดูแล้วน้ำตาก็หลั่งไม่หยุดนางเกือบตาย และถูกทิ้งให้อยู่ในป่าทั้งๆ ที่ยังเป็นไข้อยู่แต่นางก็โชคดีที่มีคนรับน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 725

    เสิ่นว่านจือชอบเห็นการรวมตัวกันอย่างมีความสุขมากที่สุด แต่กลัวการร้องไห้เมื่อต้องเห็นการแยกจากกันและความตายนางไม่รู้ว่าจะปลอบหยูไป๋อย่างไร ดังนั้นจึงทำได้แค่ลูบหลังหยูไป๋ "เจ้าอย่าเศร้าใจมากเกินไป ล้วนเป็นโชคชะตาเลย หัวหน้ากลุ่มต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย... แม้ว่าความตายไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่อย่างน้อยไม่ได้ตายอย่างทรมาน"ในขณะนี้ เสิ่นว่านจือหวังว่าหัวหน้ากลุ่มจะถูกแทงคอด้วยดาบในขณะที่เขาหลับนอนอยู่จริงๆที่จริงแล้วอาจารย์หยูเสนอแนะให้บอกนางว่าหัวหน้ากลุ่มเสียชีวิตด้วยอาการป่วยแต่ทั้งท่านอ๋องและซีซีต่างไม่เห็นด้วย หยูไป๋มีสิทธิ์รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าหัวหน้ากลุ่มนางเองก็คิดเช่นนั้น หากคนฆ่าอาจารย์ของนาง... บ๊ะ บ๊ะๆ แค่สมมต งั้นนางต้องรู้ว่าใครเป็นศัตรูแทนที่จะถูกปกปิดไว้อย่างโง่ๆหยูไป๋ยังคงร้องไห้เศร้าใจ และเสิ่นว่านจือได้แต่พูดว่า "อย่าเศร้าเลย ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาอาจารย์หยู ท่านปู่เจ้า และท่านแม่เจ้าด้วย ท่านพ่อของเจ้าก็กำลังเดินทางมาเมืองหลวงเช่นกัน ข้าเชื่อว่าหากหัวหน้ากลุ่มอยู่ในสวรรค์ได้เห็นเจ้าตามหาคนของครอบครัวเจอ ก็จะดีใจแทนเจ้าแน่ๆ"เมื่อได้ยินว่าจะไปพบกับคนในครอบค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 726

    หยูไป๋รู้สึกคับข้องใจมาก เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอุ้มผู้หญิงอ่อนแอข้างหน้าไว้ ความคับข้องใจทั้งหมดที่ได้รับในอดีตหลั่งไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่เปิดประตูนี่คือแม่แท้ๆ ของนาง นางไม่เคยฝันว่าจะได้อุ้มแม่ไว้ในอ้อมแขนแบบนี้จากนั้นอาจารย์หยูก็พาปู่เข้าไปหา หลังจากได้เจอหน้า ชายชราและอาจารย์หยูก็หลั่งน้ำตาทันที และเข้าไปในห้องโถงหลัก นางหยูยังคงจับมือของลูกสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หยูไป๋ในความทรงจำของนางแค่เจ็ดขวบเอง บัดนี้ก็อายุยี่สิห้าปีแล้วภาพในความทรงจำของหยูไป๋ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แต่แม่ในความทรงจำของนางยังสาวอยู่ เป็นคนแข็งแกร่ง ตอนที่ดุนาง ขนาดเพื่อนข้างบ้านก็สามารถได้ยิน เวลานี้กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดคุยเสิ่นว่านจือและซ่งซีซีซ่อนตัวอยู่ข้างนอกและเฝ้าดูโดยเช็ดน้ำตาไปด้วยฟังพวกเขาร้องไห้พลางพูดคุยเกี่ยวกับอดีต ทั้งสองคนก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน รู้สึกทั้งตื้นตันใจและอึดอัดด้วยปรากฎว่าอาจารย์หยูเป็นคนอบอุ่นตั้งแต่เด็ก และเอ็นดูน้องสาวมากเช่นนั้น ที่แท้นางหยูเคยเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ที่แท้หยูไป๋เคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ จอมซน คล้ายกับตอนที่พวกนางอยู่ใน ภูเขาเหม่ยชานซ่งซีซียังเจียดเว

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status