Share

บทที่ 957

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ซูลันซืออึดอัดมาก ในการเจรจาวันนี้ เดิมทีเขาต้องการสร้างอานุภาพขู่ขวัญไว้ก่อน เอาเรื่องเอาความอีกฝ่าย เสนอข้อแม้ที่พวกเขาทำไม่ได้ จากนั้นประกาศว่าการเจรจาล้มเหลวและกลับประเทศเพื่อประกาศทำสงคราม

ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่การเจรจายังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งไปหว่านั้นยังถูกองค์หญิง หลานสาวของตนเองดูถูก เขารู้สึหงุดหงิดอย่างยิ่ง

เสนาบดีมู่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นฉากเปิดงานแบบนี้ จิตใจของเขาก็สงบลง

คงจะดีถ้าพวกเขาสามารถเจรจาอย่างสันติเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองลู่เปินเอ่อร์ มันคือความผิดของทางแคว้นซาง แคว้นซางยินดีที่จะขอโทษและชดเชยให้ แต่จำเป็นต้องมีโอกาสในการเจรจาอย่างสันติ

ทางซีจิงได้แจกจ่ายเอกสารบันทึกคดีของเหตุการณ์เมืองลู่เปินเอ่อร์ให้กับพวกเขา เอกสารชุดนั้นประกอบด้วยบันทึกปากเปล่ามากมาย พวกทหารที่ถูกจับพร้อมกับรัชทายาทซีจิง และมีโอกาสได้รอดชีวิตมาได้จึงได้เล่าสถานการณ์ที่แท้จริงในตอนนั้นให้

ไม่ใช่ทุกคนในหมู่บ้านถูกสังหารอย่างน่าอนาถไปหมด มีบางคนที่หลบหนีได้ และผู้ที่หลบหนีก็ได้เห็นฉากโหดร้ายบางส่วนเช่นกัน

ในเอกสารบันทึกคดี ทหารตัวน้อยคนนั้นถูกเรียกชื่อว่าโหย่วห
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 958

    องค์หญิงใหญ่พูดก่อน นางคิดว่าทางแคว้นซางไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศที่จะไม่ทำร้ายพลเรือนหรือฆ่านักโทษก่อน สังหารพลเรือนและทรมารผู้ถูกจับในช่วงเวลาทำสงคราม เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สายลับซีจิงสังหารทั้งตระกูลซ่งก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นกัน"หากเราต้องการเจรจาอย่างสันติ ทั้งสองฝ่ายจะต้องเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงนี้ เราสามารถทำการเจรจาอย่างสันติระหว่างทั้งสองประเทศได้โดยอิงตามข้อเท็จจริงนี้"หลังจากล่ามแปลเสร็จแล้ว เซี่ยหลูโม่และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการเจรจาจากแคว้นซางต่างก็ตกลงกันอย่างเป็นเอกฉันท์จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการทางซีจิงเสนอเงื่อนไขห้าประการ ประการแรก แคว้นซางขอโทษกับประชาชนซีจิงที่โดนสังหารอย่างเป็นทางการประการที่สอง ค่าชดเชยคือทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงประการที่สาม จำเป็นต้องชดเชยธัญพืชสามแสนสือ และทางแคว้นซางจัดส่งไปที่เมืองซีจิงประการที่สี่ สนธิสัญญาสันติภาพที่ตกลงกันในเมืองลู่เปินเอ่อร์นั้นไร้ผล ซึ่งหมายความว่ายังคงต้องกำหนดเส้นเขตแดนเหมือนก่อนสนธิสัญญาสันติภาพประการที่ห้า จ้านเป่ยว่าง ยี่ฝางและเซียวเฉิงจะต้องถูกส่งมอบให้กับซีจิงจัดการเอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 959

    หลังจากที่นักการทูตซีจิงออกจากสำนักหงลู่และกลับมาที่หอฮุยตง ผู้รับผิดชอบการเจรจาจากแคว้นซางยังไม่ได้จากไป ยังอยู่ที่สำนักหงลู่เพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาครั้งต่อไปต่อเสนาบดีมู่ยังได้ร่วมอภิปรายด้วยว่า "หากจำเป็นต้องชดเชยธัญพืช ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชดเชยมากขนาดนั้น ปีที่แล้วพวกเขาไม่ได้เกี่ยวธัญพืชอะไรมากนัก มีอาหารที่กองทัพไม่พอกิน หากเราชดเชยไปให้พวกเขาสามแสนซือ เทียบเท่ากับให้กำลังพวกเขาทำสงคราม ดังนั้นเรื่องธัญพืชนี้เราต้องไม่ปล่อย ชดเชยให้ได้ แต่ต้องไม่เกินสามหมื่นซือ"หลังจากหยุดชั่วคราว เสนาบดีมู่ก็พูดต่อ "อีกอย่าง ฝ่าบาทบอกว่าเราไม่สามารถยอมเรื่องเขตชายแดนด้วย"หลังจากพูดสองประโยคนี้แล้ว เขาก็จากไป เมื่อเห็นจังหวะการเจรจาของเป่ยหมิงอ๋อง เขาก็รู้สึกโล่งใจที่กรมราชทัณฑ์ จ้านเป่ยว่างต้องการไปพบหลี่ลี่หลังจากพูดคุยกับยี่ฝางเมื่อคืนนี้ ที่ยี่ฝางบอกว่าเขามีวิธีที่ทำให้ซีจิงพาตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้ ซึ่งทำให้เขากังวลมาก แต่เมื่อเขากลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็คิดไม่ออกเลยว่ายี่ฝางสามารถทำให้ซีจิงพาแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอพบหลี่ลี่"นางพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?" ห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 960

    เมื่อไปตามหานางจีที่จวนป๋อผิงซี นางจีพูดเพียงประโยคเดียวว่า "มันเกี่ยวข้องกับแม่ทัพใหญ่เซียว ไม่สามารถล่าช้าได้ ข้าจะไปเกี๋ยวนี้"หวังชิงหลูเริ่มกระสับกระส่ายตั้งแต่จ้านเป่ยว่างถูกนำตัวไปที่กรมราชทัณฑ์ นางยังได้กลับไปบ้านพ่อแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยหวังว่าพวกเขาจะช่วยจ้านเป่ยว่าง แต่ถูกนางจีปฏิเสธนี่เป็นเหตุการณ์สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้หญิงอย่างนางจะช่วยเขาได้อย่างไร?แต่นางจีก็ส่งคนไปสืบข่าว โดยบอกว่าแม้ว่าจ้านเป่ยว่างจะถูกควบคุมตัวในกรมราชทัณฑ์ แต่เขาก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษและไม่ได้รับความทุกข์ยากใดๆหลังจากสืบข่าวแล้ว นางก็บอกทุกอย่างให้กับหวังชิงหลู และหวังชิงหลูก็บ่นต่อหน้านาง โดยบอกว่ากว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการขององครักษ์ซวนเท่ ตอนนี้ต้องถูกจำคุกเพราะยี่ฝาง นางโทษมู่ฮูหยินจัดการแต่งงานนี้ให้นาง และโทษที่ท่านแม่รับปากกับงานแต่งงานนี้ด้วยนางจียังตำหนินาง และบอกนางไม่ใช่พอเจอกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาแต่บ่น นางเองควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้เมื่อเห็นพี่สะใภ้โกรธขึ้นมา หวังชิงหลูไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปก็กลับไปที่จวนแม่ทัพ แต่หากนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปล่อยให่จ้านจี้ซึ่งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 961

    หลิงหลงรู้ว่าพี่สะใภ้ของฮูหยินมาสอบสวนคนรับใช้ แต่นางไม่รู้ว่าจะต้องสอบสวนอะไร ดังนั้นตอนที่นำตัวมานั้นนางมีสีหน้าสับสนจนกระทั่งนางจีถามนางว่า นางไปดื่มกับเพื่อนในวันก่อนงานศพฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงมีสติกลับมาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "ฮูหยิน คนที่ดื่มชากับข้าน้อยในวันนั้น เป็นเพื่อนของข้าน้อย นางเป็นสาวรับใช้ที่ตระกูลหลิน เพราะนางบอกว่าจะกลับบ้านเกิดจึงมาถามข้าน้อยว่ามีคำพูดอะไรจะให้ฝากกับครอบครัวหรือไม่ และยังชวนข้าน้อยออกไปซื้อของขวัญด้วย…"นางจีรู้สึกเหนื่อยหลังจากถามคำถามมาเป็นเวลานาน จึงขัดจังหวะนาง และถามโดยตรงว่า "วันนั้นนางมีอะไรให้เจ้าพูดกับยี่ฝางบ้างไหม"หลิงหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มีเจ้าค่ะ นางให้ข้าน้อยบอกยี่ฮูหยิน บอกว่านางหลินจะไปงานศพของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย""นางให้เจ้านำอะไรไปให้ยี่ฝางหรือเปล่า""มีเจ้าค่ะ มันเป็นยาสมุนไพรห่อหนึ่ง""ยาจีนอะไร?""ข้าน้อยจำได้ว่ามันคือโกฐขี้แมวเจ้าค่ะ""ข้างในโกฐขี้แมวได้ยัดกระดาษอะไรอยู่หรือเปล่า?"หลิงหลงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าน้อยไม่รู้ หลังจากที่ ข้าน้อยแค่บอกเรื่องนี้ให้ จากนั้นยี่ฮูหยินก็ให้ข้าน้อยออกไปข้างนอกแล้ว"หลังจากที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 962

    หลังจากส่งนางจีออกไปแล้ว ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็กลับไปที่ห้องประชุมในอดีตมักจะคุยเรื่องกันในห้องหนังสือขนาดใหญ่ แต่หลังจากที่ศิษย์อามาแล้ว เขาบอกว่าหากมีเรื่องสำคัญอะไรก็ไปรายงานที่ห้องประชุม เขาจะนั่งอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้าจรดค่ำเซี่ยหลูโม่ยังไม่ได้กลับมา แต่การเจรจาสิ้นสุดลงนานแล้ว และตอนนี้คงกำลังหารือเกี่ยวกับการเจรจาในวันพรุ่งนี้กับกลุ่มงานเจรจาหลังจากที่ซ่งซีซีรายงานการสอบสวนในวันนี้ให้ศิษย์อาฟัง ศิษย์อาก็ได้ข้อสรุปว่าที่ทุกคนรู้ดีว่า "ฆ่าปิดปาก เบาะแสไม่มีแล้ว"เสิ่นชิงเหอกล่าวว่า "ศิษย์อา เป็นไปได้ไหมที่ยี่ฝางไม่จำเป็นต้องติดต่อกับชาวซีจิงเลย มีคนได้ติดต่อกับทางเมืองซีจิงแล้ว และต้องการให้ร้ายแม่ทัพใหญ่เซียว"ซ่งซีซีกล่าวว่า "แต่ว่าอ๋องฮวยหนีไปแล้ว ดังนั้นซูลันซือจะไม่เชื่อเขา"เสิ่นชิงเหอมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย "ถ้าหากไม่ใช่อ๋องฮวยกับซูลันซือเล่า มองจากแง่ที่อ๋องฮวยและซูลันซือร่วมหัวกันพวกเขาได้มุ่งเป้าเจ้า แต่คนนั้นวางแผนมานาน เห็นๆ แยู่ว่าเป็นคนรอบคอบมีความคิดละเอียด เป็นไปได้ไหมที่เขามีเส้นทางอื่นแอบแฝง และเส้นทางนี้ก็มุ่งเป้าที่แม่ทัพใหญ่เซียว”ศิษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 963

    เซี่ยหลูโม่เหลือบมองศิษย์พี่ใหญ่ แล้วเดินเข้าไป “อาจารย์ ทำไมให้ศิษย์พี่แบกถังน้ำอีกเล่า ตอนนี้เกิดเรื่องมากมาย ยังต้องการให้ศิษย์พี่ช่วยอะไรสักอย่างอยู่นะ ท่านเอาแต่ลงโทษเขาแบบนี้ เขาเอาเวลาไปรับโทษก็ไม่มีเวลาช่วยข้าแล้วนะ”อูโซเว่ยกว่าช้าๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ยกโทษให้"เสิ่นชิงเหอและผิงหวูจูงที่อยู่ข้างนอกดูเหมือนพวกเขาพบผู้หนุนหลังให้แล้วผิงหวูจูงเข้ามารายงานว่า "เรียนศิษย์อา ข้าได้เปลี่ยนทองคำและของมีค่าของอ๋องฮวยเรียบร้อยแล้ว บัดนี้กล่องต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยก้อนหิน"“อืม แล้วพวกเขารู้เรื่องนี้หรือยัง?”ผิงหวูจูงกล่าวว่า "พวกเขาโดนเราวางยาจนหมดสติตอนที่พักผ่อนอยู่ในป่า อาจไปตรวจดูหลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาและคงจะรู้เรื่องแล้ว"“ได้ส่งคนไปติดตามอยู่หรือเปล่า”ผิงหวูจูงต้องการพูดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องส่งคนไปแล้วสิ นางมิใช่อยู่ในโลกกานต่อสู้เป็นวันแรกเสียหน่อย นางเป็นคนก่อตั้งร้านอวี๋นยี่นะแต่เมื่อกี้ศิษย์พี่ยังคงแบกถังอยู่ข้างนอก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอะไรเกินเลย และพูดด้วยความเคารพ "ศิษย์อาวางใจได้ ได้ส่งคนติดตามอยู่เจ้าค่ะ"เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 964

    เซี่ยหลูโม่ทานอาหารร้อนๆ แล้วเล่าเรื่องการเจรจาในวันนี้ซ่งซีซีนั่งอยู่ข้างๆ เขา มีท่าท่างวางมาดเพราะมีคนหนุนหลังอยู่ข้างๆ อย่างน้อยตอนที่พูดอะไรไม่ถูกใจศิษย์อาก็ไม่โดนดูหมิ่น เพราะพวกเขาก็นั่งติดๆ กันอยู่เลยอาจารย์หยูถามว่า "ฝ่าบาททราบเงื่อนไขที่พวกเสนอหรือไม่ เขาว่าอย่างไร""หลี่เต๋อฮวยเข้าวังไปรายงานแล้ว เมื่อเขากลับมาสำนักหงลู่ก็ได้ถ่ายทอดความปรารถนาของฝ่าบาทด้วย เรื่องเขตชายแดนไม่มีทางอ่อนข้อให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เราพิจารณาเอง แต่ไม่ยึดติดกับเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอ เรายังให้ค่าชดเชยอื่นๆ ได้อีกด้วย นี่คือความหมายของ ฝ่าบาท"อูโซเว่ยครุ่นคิด "ถ้าเราไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องเส้นเขตแดน งั้นก็บังคับให้ทางซีจิงยอมรับว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นมีผลบังคับใช้ หากตัดสินว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นไม่มีผลบังคับใช้ งั้นเส้นเขตแดนก็ใช้ของอันเก่า แต่เส้นเขตแดนนี้ต้องแย่งชิงมาหลายปีแล้ว อีกอย่างพวก้ขาบุกโจมตีเราในขณะที่แคว้นซางของเราตกอยู่ในความวุ่นวาย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "นี่คือประเด็นที่เรากำลังหารือกันในสำนักหงลู่คืนนี้ ต้องการใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 965

    แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว และอากาศก็อุ่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยเมื่อนั่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มีอะไรกั้นไว้ห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูของหอฮุยตงสามารถให้พวกเขาใช้งานได้ มีเตาถ่านอยู่ในนั้นสามารถชงชา เมื่อเห็นว่าเสิ่นว่านจือสวมเสื้อผ้าไม่มากพอ ซ่งซีซีจึงพานางเข้าไปในห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูเพื่อนั่งดื่มชา"คืนนี้จะค้างคืนที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า" ซ่งซีซีรินน้ำชาให้นางเสิ่นว่านจือเป่าโฟมบนชาแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่กับเจ้า จะได้ให้พวกหงเซียวได้พักผ่อนให้ดีๆ ข้ามาจับตาดูเอาเอง"พวกนางได้ส่งพวกหงเซียวแอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวซีจิง เพื่อดูว่าพวกเขาได้ไปที่ไหนและติดต่อกับผู้ใดบ้างโดยธรรมชาติแล้ว ทั้งองค์หญิงใหญ่และพวกขุนนางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็มีลุกน้องมากมายอยู่ บวกกับข้อมูลที่จ้านเป่ยว่างและฮูหยินป๋อผิงซีสืบออกมานั้น หากมีเส้นสายจริงๆ จะต้องติดด่อกันแน่ๆ"ใช่แล้ว ตอนที่ข้าออกมา ได้ยินอาจารย์หยูพูดว่า" เสิ่นว่านจือเหลือบมองซ่งซีซี "ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะไปกรมราชทัณฑ์เพื่อพบกับจ้านเป่ยว่าง"ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้ารู้""จำเป็นต้

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status