3
แฟนคลับสายเปย์
ณ ห้องควบคุม ฐานทัพ CX178
ห้องโถงขนาดใหญ่สูงสองชั้น หนึ่งในสี่ของผนังถูกปกคลุมไปด้วยจอภาพจำนวนมากที่ฉายภาพของอวกาศในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป ในห้องเต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ปฏิบัติงานที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยในการสั่งการ และรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ พร้อมส่งต่อไปยังผู้มีอำนาจได้ทุกเมื่อ
ห้องควบคุมนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดหนึ่งในสามแห่งของกองทัพ มีไว้ใช้สำหรับสังเกตการณ์ และสั่งการเหล่าทหารที่ออกไปรบในแนวหน้า รวมถึงทหารที่คอยออกไปบรรเทาและป้องกันภัยพิบัติทางอวกาศ
แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ด้วยความที่หน่วยป้องกันภัยพิบัติแทบจะไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงเกิดการสร้างและโยกย้ายกำลังพลไปยังหน่วยใหม่ที่เรียกว่า หน่วยต่อสู้ในโลกเสมือนจริง
“แนวหน้าเป็นยังไงบ้าง”
“เงียบสงบดีครับท่านผู้พัน”
“อืม”
เอสเธอร์ ชายหนุ่มอายุสามสิบปีที่ถูกเรียกว่า ‘ผู้พัน’ เพียงพยักหน้ารับการรายงาน เขามีใบหน้าคมเข้ม กรามเป็นสันรับกับลำคอแกร่งและแขนล่ำเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่โผล่พ้นเครื่องแบบชุดทหารกึ่งทางการที่ประดับยศพันเอกไว้บนบ่า ถึงไม่มีเหรียญตรามากมายที่เขาได้จากการรบประดับไว้ แต่ใครๆ ย่อมรู้ว่ายศและตำแหน่งของเขาได้มาจากผลงานการรบในแนวหน้าอันน่าประทับใจ
ทั้งพลังความสามารถในการต่อสู้อันน่าทึ่ง ไหวพริบ ความกล้าได้กล้าเสีย และการตัดสินใจของเขา ต่างมีส่วนช่วยให้เขาสามารถก้าวกระโดดมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้
...จุดที่เป็นผู้บัญชาการฐานทัพ CX178 อยู่ภายใต้การสั่งการของผู้นำเหล่าทัพทั้งกาแล็กซีเพียงคนเดียวเท่านั้น
นอกจากผลงานที่เคยทำไว้ยามรบในสงครามอวกาศครั้งล่าสุดจนถูกเผยแพร่ไปทั่วสตาร์เน็ต และถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนแล้ว ความที่ผู้พันเอสเธอร์มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวคล้ำจากการฝึกฝน รูปร่างใหญ่โตเต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดกำลังพอดี และมีกลิ่นอายของชายชาติทหาร ย่อมทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งจักรวาล
หลังจากเดินสังเกตการทำงานของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาในห้องควบคุมเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินไปนั่งยังโต๊ะทำงาน หยิบรายงานดิจิทัลมาตรวจดูตามปกติ
รายงานส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นรายงานประจำวันของพื้นที่ที่เขาคอยดูแลอยู่
มีรายงานของหน่วยอื่นและเรื่องยิบย่อยภายในกองทัพที่ต้องจัดการบ้าง แต่งานส่วนใหญ่ถูกแบ่งให้รองผู้บัญชาการเป็นคนดูแล
ขณะที่กำลังอ่านข้อมูลจากหน้าจอโฮโลแกรมที่แสดงผลให้เขาเห็นได้เพียงคนเดียวอยู่นั้น จู่ๆ ชิปบรรจุข้อมูลขนาดเท่ากับหัวแม่มือก็กระเด็นตกลงมาที่พื้นข้างเขา
“ขอโทษครับ ผู้พัน”
เอสเธอร์หยิบชิปนั้นขึ้นมา ไม่สนใจลูกน้องที่ยืนตัวตรงแน่วอย่างเกร็งๆ “บรรจุอะไรไว้ล่ะ?”
“เป็นรายงานข้อมูลที่น่าสนใจจากแพลตฟอร์มสตาร์บอร์ดน่ะครับ”
“อืม ขอฉันดูหน่อยก็แล้วกัน”
“แต่มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ดู” ผู้พันโบกมือเป็นสัญญาณไล่ให้ทหารหนุ่มกลับไปทำงาน
ถึงแม้จะดูเคร่งขรึมเข้าถึงยากแบบนี้ แต่เมื่ออยู่ในสนามรบ เอสเธอร์กลับเป็นกันเอง และเข้ากับทหารทุกคนได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า รบเคียงบ่าเคียงไหล่จนรู้ไส้รู้พุงกันหมด
แต่พอมาประจำการอยู่ที่ตึกบัญชาการของฐานทัพ ก็ต้องคีปลุกวางมาดไว้นิดหนึ่ง มีเพียงเหล่าลูกน้องไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่า พันเอกคนนี้นั้น แท้จริงแล้วขี้เบื่อและคุยเก่งเพียงใด
เพราะความเบื่อหน่ายนี่แหละ เขาเลยหยิบข้อมูลเกี่ยวกับการไลฟ์สดมาอ่านเล่นๆ
“ห้ะ”
มีคนบ้าแบบนี้ด้วยเหรอ!?
เอสเธอร์เกือบจะตกเก้าอี้ เมื่อเห็นข้อมูลแปลกๆ ปรากฏอยู่
เขารีบลุกจากโต๊ะทำงาน เดินไปยังห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่ติดกับห้องควบคุมทันที
“เปิดแพลตฟอร์มสตาร์บอร์ด ค้นหาช่องของยิงให้ไส้แตก”
สั่งการเอไอประจำตัวเสร็จ ภาพช่องของสตรีมเมอร์ที่เขาค้นหาก็ปรากฏขึ้น และดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เจ้าของช่องกำลังไลฟ์สดอยู่
เขากดคลิกเข้าไปในห้องไลฟ์สด
ภาพที่ปรากฏอยู่เป็นภาพอวตารของนักแม่นปืนที่มีผมยาวสีเงิน ตาสีฟ้าอ่อน ใส่ผ้าปิดปาก เสื้อคลุมยาว และสนับมือ กำลังใช้ปืนยาวยิงไปยังศัตรูสองตัวที่อยู่ห่างออกไป
ด่านที่ห้าสิบสินะ
เพียงมองปราดเดียว ผู้พันก็รู้ได้ทันทีว่า เป็นด่านที่เท่าไร เพราะด่านนี้มีศัตรูเป็นกิ้งกือยักษ์ที่มีขานับพันขยับไปมาชวนน่าขยะแขยง
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่ากลับเป็นข้อความแชตสดที่เด้งขึ้นมาไม่หยุดของเหล่าผู้ชม
[เฮ้ ยิงไม่โดนก็ถอยไป ให้เพื่อนร่วมทีมช่วยสิ]
[เจ้าของช่องถอดผ้าปิดปากมาพูดกับพวกเราหน่อย]
[ยิงแบบนั้นเมื่อไหร่มันจะตายเล่าโว้ย]
[กลับไปเล่นเกมยิงเพชรเหมือนเดิมเถอะ]
[นี่เขาเล่นเกมเดียวกับที่เราเล่นกันอยู่จริงเหรอเนี่ย มันมีเกมเวอร์ชันอื่นหรือเปล่า]
[คุณน้าเมื่อไหร่จะไลฟ์เกมยิงเพชรอีกคร้าบบบ]
ช่างเป็นช่องที่มีความหลากหลายของเนื้อหาในคอมเมนต์สูงมากจริงๆ แต่น่าแปลกที่ทุกคนกลับมีอารมณ์ร่วมแบบเดียวกันหมด... อารมณ์หงุดหงิด
ยิ่งมองสิ่งที่ปรากฏขึ้นในจอสลับกับอ่านช่องแชต ก็ยิ่งสนับสนุนความถูกต้องของรายงานที่เขาเพิ่งได้อ่านมา
เป็นช่องไลฟ์สดที่แปลกจริงๆ
มันจะมีคนบ้าที่ไหนกล้าโชว์ความกากของตัวเองออกสื่อให้คนอื่นด่าได้ซะขนาดนี้ แถมยังไม่โกรธไม่ด่ากลับอีก
ไม่รู้ว่ามีจิตใจเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง แข็งแกร่งดั่งหินผา หรือปิดช่องแชตไว้ ไม่ยอมอ่านกันแน่
เหตุที่ช่องไลฟ์สดนี้ถูกบรรจุลงในรายงานก็เพราะมันแปลกแบบนี้นี่แหละ ทหารของเขาจึงใส่ไว้ เผื่อผู้บังคับบัญชาจะเห็นประเด็นอันน่าสงสัย แล้วสั่งให้ตรวจสอบ
ผู้พันเอสเธอร์เริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในใจ
ดูจากทักษะการใช้ปืนแล้ว ท่วงท่าถูกต้อง ขึ้นลำถูก แต่ไม่ใช้ศูนย์เล็งเป้า
นั่นๆๆ กำลังชมว่าท่วงท่าถูกต้องอยู่ดีๆ กลับแกว่งปืนไปมาแบบนั้น ไม่แปลกเลยที่คนดูจะรู้สึกหงุดหงิดใจ นี่ไงล่ะคือสาเหตุที่ทำให้ยิงไม่โดนศัตรูสักที
แล้วเพื่อนร่วมทีมที่เล่นอาชีพนักสู้นี่อะไรกัน แวบไปแวบมา คอยระวังหลังให้ แต่บางทีก็ไปยืนบังวิธีกระสุนเสียหมด
แล้วนั่น!
[ผู้เชี่ยวชาญระเบิดติดเชื้อยิงมั่วจากสตรีมเมอร์เหรอ ปาระเบิดไปผิดทางแล้ว]
เอสเธอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยโดยไม่รู้ตัว
[เจ้าของช่องเปลี่ยนไปใช้ปืนอย่างอื่นบ้างสิ]
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเปลี่ยนไปใช้ปืนไฟแทนก็แล้วกัน”
[นึกว่าเจ้าของช่องจะไม่พูดอะไรซะแล้ว]
[เสียงดีมาก เหมือนหูจะท้องได้เลย]
[ไม่ใช่แค่เสียง หน้าตาก็ดีด้วย ลองไปดูไลฟ์ที่เขาเล่นเกมยิงเพชรสิ]
[สรุปช่องนี้ขายอะไรกันแน่? ไม่มีเทคนิคอะไรมาสอนก็ไม่ควรมาไลฟ์นะ]
[ใช่ๆ ไลฟ์ทำไม รกฐานข้อมูลของระบบ]
ทันใดนั้นกระแสของช่องแชตก็เริ่มเปลี่ยนไป จากตอนแรกที่มีคนด่าเพราะความหงุดหงิดอยู่เพียงประปรายก็เริ่มเดือดขึ้น เมื่อมีคนเปิดประเด็นไล่ให้เจ้าของช่องเลิกไลฟ์สด แถมยอดเข้าชมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบแปลกๆ
[พวกแอนตี้แฟน?]
[เจ้าของช่องยังมีผู้ติดตามแค่หลักสิบเอง จะมีแอนตี้แฟนได้ไง]
[ไปตายซะ! ไลฟ์ขยะ]
[พวกนายจะมาดูช่องขยะแบบนี้กันทำไม เสียเวลาเปล่าๆ]
[แต่พวกนายก็กำลังดูอยู่ไม่ใช่เหรอ?]
คราวนี้เป็นผู้พันที่อดใจไม่ไหว จนต้องพิมพ์ช่วยโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งดูไลฟ์ได้ไม่นาน แต่ก็เริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นและความกลมเกลียวในห้องไลฟ์สดนี้ จนไม่อยากให้บรรยากาศดีๆ ต้องสูญเสียไป
[555 หมัดฮุกนี้ ฉันให้ร้อยเต็มสิบเลย]
[ไม่ชอบ ก็อย่ามาดูสิ น่ารำคาญ]
[ทำดีๆ @Ester]
พอได้คำชมมากๆ เข้า รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม อย่างคนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำประโยชน์ให้กับทุกคนในที่แห่งนี้
Eter โดเนต ดอกไม้ไฟ
ทันใดนั้น ดอกไม้ไฟก็ปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอ แสดงให้เห็นว่ามีคนโดเนตเหรียญจำนวนห้าพันเหรียญให้กับสตรีมเมอร์
[น้อมรับคำชม]
ซึ่งคนคนนั้นก็คือผู้พันที่ส่งแชตข้างบนออกไป
[เอาละ พวกเราช่วยกันกดรีพอร์ตหน่อย]
หลังจากระดมพลช่วยกันกดรีพอร์ตแชตอันไม่พึงประสงค์จากเหล่านิรนามแล้ว ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีไอดีเหล่านั้นก็ถูกเด้งออกไปจากห้อง และแบนไม่ให้เข้ามาได้อีก
[เฮ้อ...ค่อยสบายตาหน่อย]
“ขอบคุณครับคุณอีเต้อ” ดูเหมือนออสการ์จะมีปฏิกิริยาตอบรับการโดเนตช้าไปสักหน่อย เพราะกว่าเขาจะเงยหน้าจากการพยายามเดินหลบๆ ซ่อนๆ หนีกิ้งกือยักษ์ ก็เลยช่วงที่เกิดเสียงระเบิดของดอกไม้ไฟขึ้นไปหลายนาทีแล้ว
คนถูกเรียกชื่อผิดไม่ได้หงุดหงิดแต่อย่างใด กลับกัน เขาคิดว่าอีกฝ่ายเลือกคำได้เท่ไม่หยอก เพราะอีเต้อคือที่ขุดดินจากยุคโบราณที่เขารู้สึกชื่นชมเป็นพิเศษ
และในวันนี้ เจ้าของช่องยิงให้ไส้แตกก็ได้แฟนคลับสายเปย์เพิ่มเข้ามาหนึ่งคน
ละครโรงเล็ก
ผู้พัน: ว่าจะเข้ามาตรวจสอบเฉยๆ ไหงเผลอกดโดเนตซะได้เนี่ย
ออสการ์: ขอบคุณครับคุณอีเต้อ
ผู้พัน: ชอบชื่อนี้จัง เรียกบ่อยๆ เลยนะ
ออสการ์: ... (ทำไมแฟนคลับผมมีแต่คนแปลกๆ)
ตอนพิเศษ 3เรื่องราวของสี่หนุ่ม Part 1: Ester “เจ้าหมอนั่นนี่ก็นะ” เอสเธอร์ทั้งหัวเสียทั้งรู้สึกขำไปในคราวเดียวกัน ไม่นึกว่าเคลย์ตันจะเอาทหารใต้บังคับบัญชาของเขาไปใช้ทำคะแนนเข้าซะได้ เสียรู้หมอนั่นซะแล้วสิ เขามารู้ข่าวเรื่องที่เกิดกับออสการ์เข้าก็เป็นตอนกลางคืนหลังจากกลับไปถึงฐานทัพที่ดาวนีออนแล้ว ทันทีที่เห็นข่าวที่แฟนคลับพูดคุยกันในบล็อกของยิงให้ไส้แตก เขาก็ติดต่อออสการ์ไปทันที แต่ปลายทางกลับขึ้นว่าห้ามรบกวนแทน แสดงว่าชายหนุ่มน่าจะนอนแล้ว เขาจึงเปลี่ยนไปติดต่อเคลย์ตัน “นายอยู่ที่ไหนกัน” ทันทีที่อีกฝั่งรับสาย สภาพห้องที่ไม่คุ้นเคย ก็ทำให้เอสเธอร์สงสัย “ลองเดาดูสิ” กล้องถูกแพนโดยอัตโนมัติไปทั่วห้องนั่งเล่น หนึ่งในภาพที่กล้องจับได้มีกรอบรูปดิจิทัลซึ่งมีภาพของออสการ์ในวัยเด็กกำลังนั่งตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ “นายอยู่ในห้องของออสการ์ได้ยังไงกัน หรือว่าออสการ์จะเป็นอะไรไป?” “ดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ คนสองคนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง นายคิดว่าต้องทำอะไรกันล่ะ?” “ประชุมมั้ง ไม่ก็คุยเล่น” ผู้พ
ตอนพิเศษ 2เขาคือเกมผู้พิทักษ์จักรวาล ในความคิดของออสการ์นั้น แอดคิงน่าจะถูกสอบสวนและควบคุมตัวอย่างหนักจากผู้มีอำนาจอย่างเคลย์ตัน แต่ความเป็นจริงแล้ว แอดคิงกลับถูกใช้งานหนักเสียยิ่งกว่าทาสรับใช้ สมัยอดหลับอดนอนสร้างเกมขึ้นมายังไม่รู้สึกทรมานมากขนาดนี้ เขายอมสร้างเกมอีกร้อยเกมเสียยังจะดีกว่าหาทางแก้สิ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะต้องแก้ยังไง! นี่มันยากเสียยิ่งกว่าสอบชิงอันดับหนึ่งของกาแล็กซีอีกนะ! “โอดิน นายมีไอเดียอะไรมั้ย” แอดคิงที่สภาพถุงใต้ตาดำคล้ำยิ่งกว่าหมีแพนด้า หัวฟูฟ่อง ผมแหว่งเป็นจุดๆ เพราะถูกดึงทึ้ง หันไปมองหน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายภาพห้องทำงานของผู้สร้างเกมอีกคนหนึ่งอย่างโอดิน สิ่งมีชีวิตจากกาแล็กซีโอบารอสซึ่งมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่มีหูแหลมและกระดูกเล็ก ทำให้ตัวดูผอมเล็กเหมือนเด็ก “ไม่มีหรอก ทำตามที่เจ้าเคลย์ตันต้องการเถอะ” โอดินตอบกลับมา ขณะที่สายตายังคงจ้องจอคอมอยู่ โปรแกรมแปลภาษาที่มีมามากกว่าร้อยปี ทำให้การสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตต่างกาแล็กซีนั้นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป “นี่นายแอบอู้เล่นเกมอีกแล้วใช่มั้ย”
ตอนพิเศษ 1แฟนมีตติ้ง ณ ดาวแดริโอ้ กาแล็กซีควินซ์ เหล่าแกนนำแฟนคลับที่ควรจะยุ่งหัวหมุนกับการจัดงานและคอยรันงานแฟนมีตติ้งกลับได้แต่นั่งนิ่ง งานแฟนมีตติ้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของออสการ์หลังจากที่เขาได้เดบิวต์เป็นสตรีมเมอร์ได้สามเดือน ถึงแม้ว่าออสการ์จะเป็นสตรีมเมอร์ที่สตรีมเกมเหมือนคนอื่นและไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาภายในระยะเวลาสองเดือน ล้วนแล้วแต่น่าจดจำ ทั้งการเอาชนะใจแฟนคลับเด็ก การคอลแลบกับคนดัง การเอาชนะด่านใหม่ของเกมผู้พิทักษ์จักรวาลได้ การดึงดูดแฟนคลับจากต่างกาแล็กซี การรู้วิธีทำอาหารของโลกโบราณ การเป็นคนที่ติดอยู่ในเกมแต่ดันโชคดีติดอยู่ด่านที่สี่สิบห้าเลยออกมาได้ก่อนคนอื่น หรือแม้แต่เรื่องที่น่าตื่นตกใจอย่างการที่แม่เลี้ยงและน้องชายต่างแม่วางแผนทำลายชื่อเสียงของออสการ์ หลังจากได้กินแตงเม็ดใหญ่ เหล่าแฟนคลับจึงอยากจะจัดงานแฟนมีตติ้งปลอบใจสตรีมเมอร์ของพวกเขาเสียหน่อย เมื่อระดมทุนกันได้ พวกเขาก็เริ่มกำหนดวันและจองสถานที่จัดงานทันที ส่วนเงินทุนนั้นมาจากแฟนคลับจากกาแล็กซีเมสันซะเป็นส่วนใหญ่ แ
32ต้องสู้กันต่อไป ก่อนหน้าที่เคลย์ตันจะนำกำลังทหารเข้าบุกคฤหาสน์ตระกูลเวอร์มอนต์นั้น ชายหนุ่มได้รับสัญญาณเตือนบนแท็บเล็ตอัจฉริยะ แจ้งว่าเครือข่าวสตาร์เน็ตที่บ้านของออสการ์มีปัญหา เพราะความปลอดภัยของคนที่มีคลื่นสมองพิเศษมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เคลย์ตันจึงคอยสอดส่องและติดตั้งระบบป้องกันการลักลอบเข้าแทรกแซงคลื่นสมองในทุกบ้านของผู้มีคลื่นสมองพิเศษ ไม่เพียงติดตั้งโปรแกรมสอดส่องการแทรกแซงในแคปซูลเท่านั้น แต่เขายังสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตได้ทุกอย่าง ทำให้ตรวจพบความผิดปกติและสกัดจับตัวแฮกเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว “เป็นอะไรไป” เอสเธอร์ถามเมื่อเห็นเพื่อนของตนเช็กข้อมูลบนแท็บเล็ตอัจฉริยะด้วยท่าทางเคร่งเครียด วันนี้เอสเธอร์มีประชุมที่ดาวแดริโอ้ ก็เลยถือโอกาสนัดเคลย์ตันกินข้าว เสียดายที่เขามีเวลากินข้าวเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็เลยไม่ว่างไปดูออสการ์ไลฟ์ ตั้งแต่ผู้คนเลิกเล่น ไม่สิ เล่นเกมในเครือสเปซน้อยลง งานของเอสเธอร์ก็ยุ่งมากขึ้น จนแทบไม่มีเวลาจะออกไปกินข้าวที่ไหน ตอนนี้เขาก็เลือกร้านอาหารที่อยู่ติดกับสถานีขนส่งอวกาศเพราะ
31ตัวการใหญ่ “เอาเป็นว่าผมขอตัวไปดูพี่ออสการ์ก่อนแล้วกันนะครับทุกคน ขอจบการไลฟ์เพียงเท่านี้” ออเดรย์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบหลังจากที่ปล่อยให้คนดูได้คุยแชตกันสักพัก พอเห็นว่าคนส่วนใหญ่รู้เรื่องที่ออสการ์อัปโหลดภาพหลุดลงในบล็อกของช่องตัวเองกันเยอะแล้ว เขาก็ได้จบการไลฟ์สดลง “เป็นยังไงบ้างครับ” เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีหันไปถามโรแรนด้าที่นั่งอ่านคอมเมนต์ในบล็อกของออสการ์อยู่ ดูจากรอยยิ้มและความสุขที่แผ่กระจายอยู่ทั่วใบหน้าสวยของคนเป็นแม่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผลตอบรับน่าจะดีตามคาด อะไรที่ทำให้แม่มีความสุข เขาก็ย่อมสนับสนุน ออเดรย์แทบจะจำไม่ได้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้ไม่ชอบหน้าพี่ชายของตนนัก ตอนที่ออสการ์กลับเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ออเดรย์ยังเด็กมาก เขาชอบที่ทุกคนเอาใจเขา เมื่อมีพี่ชายเพิ่มเข้ามา เขาก็คิดเพียงว่าจะมีคนเอาใจเขาเพิ่ม แต่ออสการ์กลับไม่ทำอย่างนั้น เขาดันไปเอาใจโรแรนด้าแทน ออเดรย์น้อยเลยไม่ชอบใจเสียเท่าไร รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแย่งของสำคัญไป โชคดีที่แม่ของเขารักเขาเป็นที่สุด จึงไม่ได้สนใจพี่ชาย ไม่เอาใจ ไม
30ความหวาดระแวง อาการแลคและล็อกเอาต์ไม่ได้ของเกมผู้พิทักษ์จักรวาลนั้นหายไปหลังจากผ่านไปได้สามชั่วโมง การกลับมาเป็นปกติในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความสามารถของเหล่าหัวกะทิทั่วจักรวาลหรือออสการ์แต่อย่างใด ...จู่ๆ เกมก็กลับมาเป็นปกติด้วยตัวของมันเอง ทว่าแม้จะไม่มีใครบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายใดๆ และได้รับการตรวจแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสมอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการต่อสู้กับภัยพิบัติอวกาศอยู่ดี ไม่มีพลเมืองคนใดกล้าที่จะเข้าไปเล่นเกมผู้พิทักษ์จักรวาลเพื่อสะสมแต้มลดภัยพิบัติอีกแล้ว เอาล่ะ ก็ยังมีคนอยากลองดีอยู่บ้างแหละ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่เล่นเกมมากกว่า โดยเฉพาะพลเมืองของกาแล็กซีควินซ์ที่ถูกบังคับให้เล่นเกมวันละสามชั่วโมงจนเริ่มเบื่อ ในที่สุดพวกเขาก็มีข้ออ้างในการนอนอยู่เฉยๆ ออกไปเที่ยว หรือออกไปสังสรรค์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเข้าเล่นเกมเสียที ทางรัฐสภาและผู้ปกครองของแต่ละกาแล็กซีเองก็ไม่กล้าที่จะบังคับให้คนกลับไปเล่นเกมอีก การต่อสู้กับภัยพิบัติอวกาศก็เลยกลับสู่จุดเดิม...เหมือนตอนที่ยังไม่มีเกมในเคร