Share

4

last update Huling Na-update: 2025-07-17 14:45:02

“นอนไม่หลับเหรอหงส์” ท่านพลิกตัวขยับขึ้นมานั่งมองลูกสาวคนโตด้วยสายตาเปี่ยมรัก ไม่มีแววง่วงงุนแม้สักนิด

“แม่ยังไม่หลับอีกเหรอจ๊ะ”

“แม่จะนอนหลับได้ยังไงในเมื่อลูกสาวของแม่เอาแต่นอนถอนหายใจอยู่แบบนี้”

“หงส์ถอนใจด้วยเหรอแม่” เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอถอนหายใจดังจนรบกวนการนอนของมารดา “หงส์ขอโทษนะจ๊ะแม่ หงส์เครียดเรื่องงานนิดหน่อยก็เลยเผลอถอนหายใจแรงไปนิด แม่นอนเถอะจ้ะ หงส์จะไม่รบกวนแม่แล้ว”

“เครียดเรื่องเงินหรือเปล่า ถ้าใช่ก็บอกแม่ได้นะ” ท่านรู้ว่าช่วงนี้ลูกสาวต้องใช้เงินเยอะเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน จึงยินดีที่จะให้เธอหยิบยืมเงินไปใช้หมุนเวียนก่อนอย่างเต็มใจ “แม่ไม่บอกเตี่ยเขาหรอก”

“เปล่าหรอกจ้ะแม่ หงส์ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินหรอกจ้ะ หงส์กำลังเครียดกับการปรับเปลี่ยนตารางเรียนพิเศษต่างหาก”

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นแม่ก็คงช่วยอะไรลูกไม่ได้หรอกนะเพราะแม่ไม่เก่งเหมือนลูก”

“ใครว่าแม่ของหงส์ไม่เก่ง แม่ของหงส์เลี้ยงลูกมาตั้งหกคน แต่ละคนก็เรียนจบสูงๆ กันทั้งนั้น แบบนี้จะเรียกว่าไม่เก่งได้ยังไงจ๊ะแม่” ขณะที่เธอกำลังออดอ้อนกับมารดาอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ร้องดังขึ้นมาพอดี “แม่นอนไปก่อนนะ หงส์ขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งก่อน” เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไปขณะเดินออกไปจากห้องนอนของบุพการี.. และไม่ได้กลับมานอนในห้องอีกเลย

พอรุ่งเช้าก็รีบขับรถกลับไปที่สามพราน ตรงดิ่งไปยังห้องพักของคนรัก

ก๊อกๆๆ

ธนายุทธมาเปิดประตูให้เธอในอาการงัวเงีย เขาเบิกตาโตเล็กน้อยพร้อมกับตั้งคำถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่โทรมาบอกผมก่อนล่ะครับว่าจะมา ผมจะได้ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้”

“หงส์ไม่ได้มาเพื่อจะทานอาหารเช้ากับติ๊กหรอกนะ แต่หงส์มาเพราะอยากแวะมาหาติ๊กเท่านั้น” เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บความอยากรู้เอาไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ ยอมเดินเข้าไปในห้องของเขาตามแรงจูงของมือใหญ่ “อย่า”

“ทำไมล่ะ หงส์ไม่ได้คิดถึงแบบนี้เหรอครับ” ธนายุทธซุกปลายจมูกลงบนลำคอระหงที่พยายามหลบหลีก

“วันนี้หงส์ไม่มีอารมณ์หรอกติ๊ก อย่าทำแบบนี้กับหงส์” เธอผลักเขาออกสุดแรงแล้วจ้องเขาเขม็งอย่างลืมตัว

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงดูหงุดหงิดนักล่ะครับ”

“หงส์ขอโทษ หงส์อารมณ์ไม่ดี หงส์แค่อยากจะแวะมาบอกว่าพรุ่งนี้เรามีนัดถ่ายรูปแต่งงานอย่าลืมซะล่ะ” คนอย่างเธอไม่ชอบแหวกหญ้าให้งูตื่น และไม่เคยสนใจคำพูดของใครมากกว่าความคิดของตัวเอง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคนที่พูดคือคนในครอบครัวของเธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอรักและเชื่อใจมากที่สุด ถึงจะไม่เห็นกับตาแต่ก็เชื่อไปแล้วเก้าในสิบส่วน อีกส่วนก็คือตามหาความจริง

‘ถ้านกไม่เห็นติ๊กกับนักศึกษาคนนั้นเดินกอดเอวกันไป นกก็คงไม่คิดลึกหรอกพี่หงส์ ท่าทางแบบนั้นมันไม่ใช่ลักษณะของคนรู้จักแน่ๆ จะว่าเป็นน้องสาวก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะติ๊กเขามีแต่พี่น้องผู้ชายไม่ใช่เหรอพี่หงส์’

คำพูดของน้องสาวคนที่สองยังดังก้องอยู่ในสมองอันน้อยนิดของเธอ

“ไม่ลืมหรอกครับ เมื่อคืนเราก็คุยเรื่องนี้กันแล้วนี่ครับ” เขารั้งเธอมากอดเอาใจ แต่เธอกลับฝืนกายถอยหนี

“หงส์กลับก่อนนะ พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงเราจะเจอกันที่สตูเลยหรือว่าติ๊กจะแวะไปรับหงส์ที่บ้าน” บ้านของเธอในครั้งนี้ก็หมายถึงอาคารพาณิชย์สี่ชั้นสองคูหา ที่เปิดเป็นฟิตเนสสองชั้นและใช้สอนพิเศษหนึ่งชั้น ส่วนชั้นที่สี่ทำเป็นห้องชุดสำหรับอยู่อาศัยและใช้เป็นห้องหอ “เจอกันที่สตูเลยก็ได้ติ๊ก เสร็จแล้วหงส์จะได้กลับบ้านแพ้วเลย”

“ทำไมช่วงนี้คุณกลับบ้านบ่อยจัง”

“ก็เตี่ยไม่อยู่นี่”

“แล้ววันนี้ล่ะ”

“วันนี้หงส์ก็ต้องกลับไปนอนกับแม่เหมือนกัน หงส์แวะมาบอกแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวสิครับหงส์” ธนายุทธดึงแขนเรียวของคนรักเอาไว้ ส่งยิ้มหวานตะล่อมใจให้เธอ “คุณลืมอะไรหรือเปล่าครับ”

เธอไม่ลืมการกอดลาพร้อมกับจูบหวานๆ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนแยกจากกัน แต่สำหรับวันนี้เธอไม่มีอารมณ์ที่จะทำมันสักนิด และเธอก็ไม่ใช่ประเภทชอบทำอะไรฝืนใจตัวเองซะด้วยสิ

“อะไรหรือคะ”

“ติ๊กว่าหงส์ต้องงอนอะไรติ๊กแน่ๆ เลย”

“นี่คงเป็นข้อดีของคุณสินะ รู้ใจหงส์ดียิ่งกว่ารู้ใจตัวเองเสียอีก” ถึงแม้จะพยายามระงับอารมณ์เอาไว้แล้ว แต่ก็อดประชดใส่เขาไม่ได้

“คุณงอนผมจริงๆ ด้วย” เขารั้งเธอเข้ามาหาแต่เธอก็ฝืนเอาไว้ จึงขยับเข้าไปและโอบกอดอย่างอ่อนโยน “โอ๋ๆๆ ไม่งอนนะครับคนดีของติ๊ก ติ๊กทำอะไรไม่ถูกใจบอกมาสิครับ ติ๊กจะได้ปรับปรุงตัวเอง”

“ปล่อยนะ” เธอดิ้นรนออกจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนั้นด้วยหัวใจที่อ่อนแอลงไปบ้าง “ยังไม่ต้องรู้หรอกว่าเรื่องอะไร  แต่ที่ฉันอยากรู้ก็คือคุณรักฉันจริงไหม”

“ทำไมถึงถามคำถามโง่ๆ แบบนี้ล่ะครับหงส์ ถ้าติ๊กไม่รักหงส์แล้วติ๊กจะแต่งงานกับหงส์ทำไม”

“หงส์ดีใจที่ได้ยินแบบนี้”

“มีใครทำให้คุณไม่สบายใจหรือเปล่า ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นหงส์เป็นแบบนี้” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มคล้ายหนุ่มอาหรับ ตั้งคำถามด้วยท่าทางซีเรียส รอฟังคำตอบด้วยหัวใจจดจ่อ

“ไม่มีหรอก หงส์ก็แค่อ่อนไหวเพราะเป็นวันนั้นของเดือน หงส์กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

“ขับรถดีๆ นะครับ”  ธนายุทธยืนส่งคนรักด้วยสายตาจนเธอหายไป จึงปิดประตูห้องและกลับไปนอนต่อ เพราะเขาเพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อตอนตีสี่นี้เอง

วันต่อมา

รนิดากับธนายุทธเดินออกมาจากสตูดิโอ หลังจากถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม

“คุณดูเหนื่อยๆ นะหงส์ ให้ผมขับรถไปส่งไหม”

“ไม่ต้องหรอก ติ๊กไปธุระของติ๊กเถอะ นัดเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอ” หลายชั่วโมงที่ง่วนอยู่กับการถ่ายภาพ เขามีสายเข้ามาไม่ต่ำกว่าสิบสาย พอถามก็บอกว่าเพื่อน แต่ลักษณะการแอบคุยของเขาบอกให้เธออย่าเชื่อคำพูดนั้น

มันแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยสักนิด เมื่อก่อนเขาก็มีท่าทางแบบนี้อยู่บ่อยๆ เวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เธอกลับไม่ติดใจสงสัยจนกระทั่งได้ยินคำพูดของน้องสาว มันทำให้เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องและพบว่าเขาเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว

“แต่ติ๊กอยากไปส่งคุณก่อนนี่นา ติ๊กเป็นห่วงคุณนะ”

“หงส์ไม่เป็นอะไรหรอก ติ๊กรีบไปเถอะ”

“แน่ใจนะ”

“แน่สิ หงส์ไปก่อนนะ”

“โอเคครับ ขับรถดีๆ นะ ถึงแล้วโทรมาบอกผมด้วยล่ะ” ธนายุทธยืนส่งคนรักขับรถจากไปแล้วเดินไปที่รถของตัวเอง ขับรถออกไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าถูกสะกดรอยตามจากคนที่เพิ่งกล่าวลา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สลักรักอ๋องนักรบ   30

    วันต่อมา วันต่อมา และวันต่อมาที่โต๊ะอาหารเช้าภายในจวนใต้เท้าเฟิ่งจะมีแขกพิเศษมาร่วมด้วยทุกวัน และคนที่ฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจมากที่สุดก็คือเฟิ่งต้าชวี่ เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาไม้นี้เมื่อสี่วันก่อนหลังจากที่นางยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่กลับไปกับเขา เขาก็ยอมเดินออกจากจวนของนางไปอย่างสงบ นางก็คิดว่าทุกอย่างจะจบแล้ว แต่นางคิดผิดถนัด เพราะนางจะถูกปลุกให้ตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิมเป็นเวลาสามวันติดกันแล้ววันนี้เป็นวันที่นางโมโหมากที่สุด เพราะถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ยามเหม่า ต้องตื่นก่อนพระอาทิตย์เริ่มทำงานเสียอีก ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือสาวใช้ตัวแสบจะปิดประตูขังนางไว้กับเขาเพียงสองต่อสองทุกวันจนถึงเวลาอาหาร และนางก็ต้องเสียจูบให้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า“ถ้าวันนี้เจ้าไม่กลับไปกับท่านอ๋อง ข้ากับแม่ของเจ้าจะไปส่งเจ้าด้วยตนเอง” ใต้เท้าเฟิ่งบอกกับธิดาหัวแก้วหัวแหวนที่ไม่รู้ไปเอาความดื้อรั้นแบบนี้มาจากไหน“ท่านพ่อกำลังไล่ลูกหรือเจ้าคะ” ฝ่ายลูกสาวถามบิดาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเฟิ่งเจิงจงปวดใจกับคำตัดพ้อของธิดายิ่งนัก แต่ก็ไม่ยอ

  • สลักรักอ๋องนักรบ   29

    อ๋องใหญ่เกาหรงซานกระตุกยิ้มมุมปากแทบจะมองไม่เห็น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนวิ่งแว่วมาแต่ไกล ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกวิทยายุทธ์ และมีพลังลมปราณที่แข็งแกร่งจะก็ไม่รู้สึกได้เร็วแบบเขารับรู้ถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นที่คุ้นจมูกใกล้เข้ามาเต็มที จึงลุกขึ้นยืนรอท่าเฟิ่งต้าชวี่หยุดนิ่งที่ด้านหน้าของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง จ้องเขาตาไม่กะพริบ“เจ้าคงดีใจที่ได้เห็นหน้าข้า” แม้แต่กระเซ้านางเล่นหน้าตาก็ยังดุดันไม่แสดงอารมณ์“ใช่ ข้าดีใจมาก” พูดจบนางก็รัวกำปั้นใส่แผ่นอกหนากว้างของเขาไม่ยั้ง ดับอารมณ์โกรธแค้นที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย แต่ทั้งหมดก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุแม่ทัพผู้เกรียงไกรปล่อยให้นางที่อยู่ในดวงใจตลอดหลายสิบวันลงมือทำร้ายจนเรี่ยวแรงของกำปั้นน้อยๆ นั้นเริ่มแผ่วลง เขายอมนางเพราะคิดว่านางโกรธแค้นที่ไม่เคยเอาใจใส่มาตลอดสองปีกว่าที่ได้แต่งงานกัน หลังจากนั้นจึงรวบร่างระหงเอาไว้กับอก อยากจะฝังปลายจมูกลงไปที่ไหล่กลมกลึงกับไหปลาร้างามได้รูป แต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้“เจ้าโกรธข้าหรือ”“ข้าเกลีย

  • สลักรักอ๋องนักรบ   28

    เรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งสะดุดตาหายลงไปในน้ำอีกครั้งเหลือเพียงแต่ศีรษะ คำพูดเงียบไปชั่วเวลาครึ่งเค่อ มีแต่เสียงหายใจของเจ้านายกับบ่าวเท่านั้น ตลอดระยะเวลานั้นต้าชวี่คิดทบทวนคำพูดของสาวใช้คู่ใจอย่างรอบคอบ และสรุปกับตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนางจะยอมรับชะตากรรมทุกอย่างแต่โดยดี แต่นางจะไม่ยอมยกโทษให้เขาคนนั้นง่ายๆ เหมือนที่ใครอีกคนเคยเป็น ถ้าต้องกลับไปอยู่ด้วยกันจริงๆ นางจะสั่งสอนให้เขารู้ว่านางไม่ใช่ของตาย นางก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหมือนที่เขามีต้าชวี่ลุกขึ้นแล้วยื่นแขนให้หลี่ประคองออกจากอ่างอาบน้ำ จากนั้นกางแขนให้นางช่วยซับตัวจนแห้ง แล้วจึงสวมเสื้อคลุมเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือประทินโฉมให้ตัวเอง เพราะไม่ชอบการแต่งหน้าที่เหมือนงิ้วของสาวใช้“เจ้าทำอะไรของเจ้า” ผู้เป็นนายถามสาวใช้ที่เริ่มเกล้าผมขึ้นกลางศีรษะ“วันนี้คุณหนูจะมวยผมง่ายๆ เหมือนเดิมไม่ได้นะ คุณหนูต้องมวยผมแบบสตรีที่ออกเรือนแล้วเจ้าค่ะ”“พอเลย เจ้าไม่ต้องทำให้ข้าแล้ว ข้าจะทำของข้าเอง” พูดจบนางก็แย่งหวีจากมือสาวใช้ ใช้มือสางผมให้สยายแล้วค่อยเ

  • สลักรักอ๋องนักรบ   27

    ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนแข็งกระด้าง แววตาไม่เคยสื่อความรู้สึกใดๆ สามารถฆ่าคนได้ในพริบตา แต่จิตใจข้างในนั้นมีแต่ความห่วงใยและความจงรักภักดี ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ยอมอยู่อย่างสุขสบายเช่นองค์ชายองค์อื่นๆ เป็นพี่ชายที่ไม่เคยมีความอิจฉาริษยามีแต่ความรักและเอาใจใส่ให้พระองค์มาตลอด พระองค์จึงรักและเคารพในตัวพี่ชายคนนี้มาก“เข้าใจก็ควรรีบปราม อย่าปล่อยให้นางหลงระเริงจนลืมตัวมากไปกว่านี้”“ข้าจะบอกกับพี่สาวของนางให้ตักเตือน เช่นนี้พี่ใหญ่พอใจหรือยัง”“พี่กับน้องก็ไม่ต่างกันหรอก” เกาหรงซานตำหนิผู้เป็นพระมเหสีต่อหน้าพระสวามีของนาง“เรื่องนั้นข้าก็รู้พี่ใหญ่ แต่นางคงไม่กล้าให้ท้ายน้องสาวของนางจนออกนอกหน้าหรอกพี่ใหญ่ อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของตำหนักฝ่ายใน ข้าไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายมากนัก” โอรสสวรรค์บอกเหตุผลแก่พี่ชาย เพราะกลัวเขาจะคิดว่าพระองค์ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“ข้าเตือนเพราะกลัวพระองค์จะลืมว่าพวกนางเป็นพี่น้องกัน แต่ในเมื่อพระองค์มั่นใจว่าพระมเหสีจะจัดการอย่างเป็นธรรมข้าก็พอใจ ข้าจะกลับล

  • สลักรักอ๋องนักรบ   26

    “ทำไมพี่สะใภ้ถึงดุนักล่ะพี่ใหญ่” องค์หญิงสามที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ด้วยความบังเอิญ กระซิบถามบุรุษที่อำพรางกายเพื่อชมเหตุการณ์อยู่หลังพุ่มไม้“นางไม่ได้ดุหรอก นางแค่ปกป้องเกียรติของนางเท่านั้น เจ้าก็เห็นอย่างที่ข้าเห็นมิใช่หรือ” เขาตั้งใจมาดักพบนางตรงนี้ เพราะรู้ว่าเส้นทางนี้คือเส้นทางหลัก ที่ทุกคนต้องไปยังที่จอดรถม้าก่อนออกจากกำแพงวังหลวงแต่ขณะที่นางกำลังจะเดินมาถึงทางแยกแห่งนี้ หมินหมิ่นก็ตามมาหาเรื่องนางเสียก่อน ตอนที่เห็นนางถูกตบเขาแทบจะออกไปฆ่าหญิงสาวคนนั้นด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อเห็นนางสวนกลับไปทันควันอย่างไม่น้อยหน้า เขาจึงหักห้ามใจเอาไว้ แล้วน้องสาวคนนี้ก็เดินเข้ามาสะกิดถามว่าทำอะไรอยู่ตรงนี้ เขาจึงบอกให้นางเงียบๆ และชวนให้ดูด้วยกัน“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าหมินหมิ่นจะร้ายได้ขนาดนี้ ที่แท้นางแสร้งทำเป็นอ่อนโยนหรือเพราะว่านางโมโหกันแน่พี่ใหญ่”“เจ้าเป็นผู้หญิงเหมือนกันเจ้าดูไม่ออกหรือ” นางก็เหมือนกับพี่สาวของนางนั่นแหละ ต่อหน้าพระสวามีผู้เป็นโอรสสวรรค์ก็แสร้งทำเป็นจิตใจงดงามอ่อนโยนต่อพระสนมองค์อื่น แต่พอล

  • สลักรักอ๋องนักรบ   25

    หลี่รีบวิ่งไปหาคุณหนูของตนพร้อมรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นนางเดินลงมาจากศาลาวิหคเหิน“งานเลี้ยงสนุกไหมเจ้าคะ.. คุณหนูได้กำไลเป็นรางวัลหรือเจ้าคะ” คำถามของนางเปลี่ยนไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองเห็นกำไลหยกขาวที่ข้อมือซ้ายของเจ้านาย“อือ” ตอบสั้นๆ แล้วดึงสาวใช้ไปยังมุมหนึ่งของสวนหย่อม “เจ้าจำแม่ทัพใหญ่เกาหรงซานได้หรือไม่”ใบหน้าที่คลี่ยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพยายามคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน“ทำไมหรือเจ้าคะ”“เขาแต่งงานแล้วหรือยัง”“แต่ง.. แต่งแล้วๆ เจ้าค่ะ คุณหนูรู้อะไรมาหรือเจ้าคะ” หรือว่านางจำได้แล้วว่าชื่อเกาหรงซานที่คุ้นหูนักคุ้นหูหนานั้นชื่อเหมือนสามีของตัวเอง และเขาคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือสามีของนาง“แล้วฮูหยินของเขามาร่วมงานวันนี้ด้วยหรือไม่”“ไม่.. ไม่นี่เจ้าคะ ข้าไม่เห็นนางเลย เรารีบกลับจวนกันเถอะเจ้าค่ะ หิมะเริ่มตกแล้ว เสื้อคลุมก็ไม่ได้หยิบลงมาจากรถม้า เดี๋ยวคุณหนูจะไม่สบายเอานะเจ้าคะ” หลี่รีบบอกปัดเพื่อไม่ให้นางสนใจคนผู้นั้นมากไปกว่านี้ ไม่ได้รู้เลยว่าคนผู้นั้นทำให้คุณหนูของนางใจเต้นไม่เป็นจังหวะไปหลายรอบแล้วตอนที่อยู่บนศาลาวิหคเหินจิตใจของต้าชวี่เหี่ยวเฉาลงไปเล็กน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status