บทที่ 3 เคยชิน
"เอาตัวนางไปลงโทษตามคำสั่งของข้า ทำจนกว่านางจะยอมรับหากนางสลบนำน้ำเย็นสาดใส่หน้าให้นางฟื้นเค้นถามให้จงได้" สิ้นเสียงของสวี่หยางความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจากปลายเท้าถึงหนังศีรษะของผู้กำลังถูกลงโทษ
"ขอรับคุณหนูใหญ่"
บ่าวรับใช้น้อมรับคำสั่งผู้เป็นนายพาตัวสาวใช้ไปลงโทษตามคำสั่ง สาวใช้คุกเข่าลงหัวโขกพื้นสะอึกสะอื้นแต่ทว่าสวี่หยางกลับไม่แยแสเดินเชิดหน้าออกไปจากที่ตรงนั้นมีเพียงเจี่ยฟางที่ต้องมองสาวใช้ด้วยความสงสารก่อนจะเดินตามหลังสวี่หยางออกไป
"พี่หยางหากเรื่องนี้แพร่ออกไปนอกเรือนจะไม่เกิดผลดีต่อท่านนะเจ้าคะ โปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกรอบ"
ชื่อเสียงฉาวโฉ่ขจรขจายไปไกลของสวี่หยางนั้นยากที่จะทำให้ชื่อเสียงกลับมาดีได้นางไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผู้อื่นจะมองนางเช่นไร
"เหตุใดต้องเกรงกลัวเจ้าก็รู้ว่าข้าถูกชาวบ้านหรือแม้แต่สาวใช้ในเรือนตนขนานนามว่าเช่นไร"
"แต่ว่า...หากเรื่องนี้ถึงหูของสกุลเสิ่นจะดีต่อท่านพี่หรือเจ้าคะ" ใบหน้าของเจี่ยฟางสลดลงเล็กน้อยเป็นกังวลแทนผู้เป็นพี่
"เจ้าไม่ต้องมาใส่ใจ ข้ามิได้แต่งเข้าสกุลเสิ่นด้วยความรักที่ข้าทำทั้งหมดเพราะเป็นประสงค์ของทั้งสองตระกูล ว่าแต่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือไม่? "
"ข้าเห็นว่าอีกไม่กี่วันจะถึงงานมงคลของพี่หยางข้ายังไม่มีชุดที่เหมาะสำหรับงานมงคลหากวันนี้พี่หยางไม่ได้มีเรื่องอันใดต้องทำไปที่ตลาดช่วยข้าเลือกผ้าได้หรือไม่เจ้าคะ" เจี่ยฟางยิ้มกว้างกอดแขนสวี่หยางแน่นราวกับเด็กที่กำลังออดอ้อน
"เฮ้อ! เจ้านี่นะเมื่อไหร่จะโตเสียทีเช่นนี้หากข้าแต่งออกไปอยู่ที่เรือนสกุลเสิ่นเจ้าจะทำอย่างไร ผู้ใดจะมาปกป้องเจ้าได้แต่เอาเถอะข้าไปเป็นเพื่อนช่วยเลือกผ้าให้เจ้าก็ได้ "
"ท่านพี่ใจดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ ข้าขอตัวกลับไปที่ห้องเพื่อไปนำผ้าคุมก่อนนะเจ้าคะ " นางยิ้มกว้างก่อนจะปล่อยมือจากสวี่หยางเดินกลับไปที่ห้องของตนเพื่อนำผ้าคุม
สวี่หยางมองตามด้านหลังของเจี่ยฟางพลางส่ายหัวไปมา นางยังคงครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางอย่างสงสัย จี๋เสียงสาวใช้ที่อยู่ดูแลนางมาตั้งแต่เยาว์วัยเหตุใดถึงคิดที่จะฆ่านางกันแน่มีเหตุผลอันใดที่ทำให้นางลงมือทั้ง ๆ ที่นางเองแสนดีกับสวี่หยางมาโดยตลอด คอยดูแลปรนนิบัติแม้ยามที่นางตวาดหรือโมโหก็ไม่เคยหนีห่างกายนางไปที่ใด
หรือว่าเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลังคอยสั่งการแล้วทำไมนางถึงไม่เอ่ยปากบอกออกมา สวี่หยางยิ่งคิดยิ่งสงสัยความขุ่นมัวในใจเริ่มก่อตัว หากเป็นศัตรูจากนอกเรือนคงมิใช่เป็นแน่!
ครั้นจะคิดต่อเสียงสดใสร่าเริงของเจี่ยฟางได้ดังขึ้นเดินกลับมาพร้อมผ้าคุมกาย
"พี่หยางข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ "
"เช่นนั้นเราเดินทางกันเถิดข้าต้องกลับมาจัดการกับจี๋เสียงต่อ" หากไม่ได้ถลกหนังหักกระดูกย่อมนอนตายตาไม่หลับเป็นแน่
"เจ้าค่ะ "
สายตาของสวี่หยางมองสำรวจไปรอบหนึ่งเห็นเจี่ยฟางเผยสีหน้าซับซ้อนยากจะอ่านความราวกับนางรู้ตัวว่าถูกจ้องมองรีบคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้า
สวี่หยางขัดข้องใจสีหน้าของเจี่ยฟางแต่ทว่านางกลับส่ายหน้าไปมาเพราะคิดว่าตนเองคงคิดมากเกินไป เจี่ยฟางเป็นคนมีเมตตาคงนึกสงสารจี๋เสียงที่ถูกสวี่หยางลงโทษคงมิได้มีอันใดไปมากกว่านี้!
สวี่หยางเดินนำมุ่งหน้าไปยังตลาดเจี่ยฟางเกาะแขนสวี่หยางแน่นเดินทอดน่องอย่างเนิบช้า ตลาดยามนี้มีผู้คนสัญจรขวักไขว่ เสียงร้องเรียกลูกค้าปะปนกับเสียงต่อราคากังกันเซ้งแซ่ เจี่ยฟางตื่นตามองดูของสวยงามด้านหน้าด้วยความตื่นเต้น
ทุกย่างก้าวของสวี่หยางได้ยินเสียงของชาวบ้านที่พากันซุบซิบนินทาแม้ไม่อยากจะสนใจแต่กระแสเสียงที่ดังตามลมพร้อมกับสายตาจับจ้องดูแคล้นของชาวบ้านกึกก้องในหู
ครั้นนางจะอาละวาดต่อว่าแต่อาจจะทำให้เจี่ยฟางรู้สึกไม่ดีและเสียอารมณ์ได้ นางจึงหันกลับไปด้านหลังถลึงตาใส่ชาวบ้านที่ซุบซิบนินทานางอยู่นัยน์ตาแผ่รังสีอำมหิตต่างพากันหลบสายตาพร้อมพากันแยกย้าย
ตั้งแต่เด็กจนโตนางมักจะถูกเปรียบเทียบกับเจี่ยฟางมาโดยตลอด บุตรสาวคนโตของสกุลสวี่ราวกับเป็นบุตรของปีศาจที่ถูกส่งมาเกิดแตกต่างจากเจี่ยฟางน้องสาวราวกับเหล่าเทพนางฟ้าจุติลงมายังพื้นดิน แต่กระนั้นสวี่หยางไม่เคยคิดน้อยเนื้อต่ำใจและไม่เคยรักเจี่ยฟางน้อยลงเลยสักนิด
"พี่หยางชุดนี้เหมาะกับข้าหรือไม่เจ้าคะ" สวี่หยางหันกลับมาสนใจเจี่ยฟางที่ยืนเลือกผ้าอยู่ไม่ว่านางจะเลือกใส่ชุดใดล้วนเข้ากับนางทั้งนั้น
"ไม่ว่าเจ้าจะเลือกสวมใส่ชุดใดต่างเข้ากับเจ้าทั้งนั้น เจ้ามักจะงดงามในสายตาข้าเสมอเถ้าแก่ข้าจะเอาชุดนี้" สวี่หยางหยิบถุงเงินของตนยื่นให้แก่เถ้าแก่เพื่อจ่ายให้แก่เจี่ยฟาง
"ขอรับคุณหนูใหญ่สวี่โปรดรอสักครู่ข้าจะนำชุดนี้ไปห่อมาให้ขอรับ" เถ้าแก่รีบหยิบชุดที่เจี่ยฟางถืออยู่เข้าไปห่อมาให้นาง เจี่ยฟางยิ้มกริ่มขอบคุณสวี่หยางที่ซื้อชุดให้ตน
"ท่านพี่ใจดีกับข้าเหลือเกิน ชาตินี้ทั้งชาติข้าคงชดใช้ไม่หมดแน่ ๆ"
"เจี่ยฟางข้ามิเคยต้องการให้เจ้าตอบแทน หากสิ่งใดคือความสุขของเจ้าข้าย่อมให้เจ้าได้เสมอ จริงสิสาวใช้ข้างกายของเจ้าไม่ได้ตามมาด้วยหรือ? ข้าไม่เห็นตั้งแต่ก้าวเท้าออกมาจากเรือน"
"จู่ ๆ นางเจ็บท้องเจ้าค่ะ ข้ามากับพี่หยางต้องมีสิ่งใดให้กลัวกันเจ้าคะ"
"ไม่ได้การต่อให้ตนเองเจ็บเพียงใด แต่เป็นสาวใช้ต้องคอยดูแลผู้เป็นนายกลับไปข้าจะโบยให้หลังลาย"
"อย่าเลยเจ้าค่ะ นางจะตามมาแต่สีหน้าของนางซีดเผือกไร้เลือดฝาดแม้ตามมาได้ก็คงดูแลข้ามิได้"
"เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า แต่ว่าหากข้าออกเรือนไปเจ้าอย่าใจดีกับสาวใช้มิเช่นนั้นพวกนางจะไม่ยำเกรงกำเหริบไม่รู้จักบ่าวจักนาย"
สวี่หยางกล่าวกำชับสองสามคำก่อนจะเดินนำเจี่ยฟางมุ่งหน้ากลับเรือนไปสืบหาคนที่คิดจะวางยานาง
บทที่ 59 ข้าจะลิขิตเองน้ำเสียงจริงจังแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเสิ่นจิ้นทำให้สวี่หยางส่ายหัวไปมาลอบยิ้มหนึ่งคราก่อนจะตอบเขาไป“เรื่องนั้นอยู่ที่ฟ้าจะลิขิตแล้วเจ้าค่ะว่าท่านจะหาข้าพบหรือไม่? หากท่านหาข้าพบจริง ๆ ครานั้นข้าจะตอบคำถามนี้นะเจ้าคะ ตอนนี้ข้าต้องเดินทางก่อนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะถึงที่ที่ข้าจะไป ข้าหวังว่าท่านจะพบสตรีที่งดงามและท่านรักนางหมดใจจนล้มเลิกความคิดที่จะตามหาข้า ลาก่อนเจ้าค่ะ” สวี่หยางเอ่ยจบเดินจากเสิ่นจิ้นขึ้นรถม้าที่อยู่หน้าเรือนตามด้วยหลีลี่จื่อ นางเห็นเสิ่นจิ้นได้โค้งคำนับลงหนึ่งครั้งก่อนจะขึ้นรถม้าตามสวี่หยางออกเดินทางเสิ่นจิ้นยืนมองรถม้าเคลื่อนออกไปลมได้พัดผ่านความเย็นมาระลอกหนึ่งประหนึ่งคำกล่าวลาของสวี่หยาง เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะพึมพำเอ่ยตามหลังนาง“ผู้ใดว่าข้าจะให้สวรรค์ลิขิตกัน ข้าเสิ่นจิ้นขอลิขิตเองและสตรีที่ข้าหมายใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวสวี่หยางไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใดไกลพันลี้ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าจากข้าไปได้อีกต่อไปเตรียมรับมือจากข้าได้เลย” แววตาของเสิ่นจิ้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้จะใช้เวลานานก็ถือว่าเขาได้พ
บทที่ 58 จากลาเสิ่นเกาหลานเดินจากไปให้เสิ่นจิ้นที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามาหาสวี่หยางเพราะเห็นท่าทางของเสิ่นจิ้นแล้วเขาน่าจะอยากคุยกับนางมากกว่าเขาเสียอีกสวี่หยางหันไปมองหลุมป้ายชื่ออีกครั้งนางไม่คิดจะอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากพบเจอเสิ่นเกาหลานอีกแค่เห็นเขานางก็หวนคิดถึงเจี่ยฟางไม่จางหาย หากนางสะสางทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเดินทางไปหาท่านป้าที่ทิศเหนือไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้าอย่างเรียบง่าย หนีเรื่องวุ่นวายจะดีกว่า แม้ว่าไม่ทำงานอะไรสมบัติของท่านพ่อที่มีนางคงใช้ไม่หมดแน่ ๆ“ท่านตัดสินใจหย่ากับท่านพี่จริง ๆ หรือ”“จริงเจ้าค่ะ จริงสิข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย ท่านคอยเคียงข้างมาตลอดหากไม่มีท่านข้าก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกันเจ้าค่ะ ขอบคุณด้วยความจริงใจนะเจ้าคะ” สวี่หยางหันมาก้มโค้งลงอย่างนอบน้อมทราบซึ้งน้ำใจของเสิ่นจิ้น เขารีบประคองนางขึ้นมาไม่ให้นางต้องขอบคุณเขาเพราะที่เขาทำไปเพราะเขาอยากทำด้วยใจจริงเช่นกัน“ไม่เห็นต่องทำเช่นนี้เลยขอรับ ไม่ได้มากมายอันใดที่ข้าช่วยเหลือท่านเพียงเท่านี้เล็กน้อย”“คุณชายเป็นคนดี วันนี้ข้าจะขออวยพรในฐานะพี่สะใภ้ของท่าน ขอให้ท่านพบเจอความรักที่สวยงามแล
บทที่ 57 ทำทุกอย่างให้ถูกต้องหลังจากที่ปลอบใจของสวี่หยางอยู่ไม่นานบ่าวรับใช้กลับมาพร้อมผู้ตรวจการ ช่วยพากันนำรางของใต้เท้าสวี่ลงมาจากขื่อตรวจสอบดูในห้องไร้ร่องรอยการต่อสู้แน่ชัดแล้วว่าเขาตั้งใจปลิดชีพตนเองเพราะมีจดหมายที่เขียนด้วยฝีมือของเขาอยู่บนเตียงนอนสวี่หยางสงบสติอารมณ์แม้จะเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจแต่ยามนี้นางต้องตั้งสติเพื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย“สวี่หยางข้ารู้ว่าอีกไม่นานเจ้าคงมาหาข้าที่เรือน ครั้งก่อนข้าเห็นเจ้าเช่นกันเจ้าแอบมาหาข้า ครั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากลับไปที่เรือนเสิ่นเกาหลานข้าอยากไปพบหน้าเจ้าเหลือเกิน แต่ข้ากลับละอายใจข้าเป็นบิดาที่ไม่เอาไหน ไม่สามารถปกป้องเจ้าเพียงเพราะคิดว่าเจ้าเก่งสามารถปกป้องตนเองได้ ข้าจึงเอาแต่สนใจเจี่ยฟาง และข้ามีสิ่งหนึ่งจะบอกแก่เจ้าข้าปกปิดทุกคนมาตลอด เจี่ยฟางมิใช่น้องสาวที่คลานตามกันออกมาแต่เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าที่ทำให้ข้าพลาดพลั้งไปมีอะไรกับสาวใช้ จึงทำให้นางท้อง ข้าปิดบังไม่ให้มารดาของเจ้ารู้จึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ วันที่แม่ของเจ้าคลอดคือวันที่สาวใช้ผู้นั้นคลอดเช่นกัน และโชคร้ายที่น้องชายของเจ้าเ
บทที่ 56 ข้าเพียงฝันไปใช่มั้ยหลังพายุที่โหมกระหน่ำได้หยุดลงเวลานี้ก็สองยามแล้ว หลังจากที่เสิ่นจิ้นพาสวี่หยางกลับมารีบให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวท่านหมอมาตรวจดูอาหารหลีลี่จื่อเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้และเล่าเรื่องก่อนหน้าให้แก่เสิ่นจิ้นฟัง ส่วนซื่อจินหนีไม่รอดนางถูกทหารจับแต่ทว่าเมื่อจับตัวนางไปคุมขังนางกลับเลือกใช้ยาพิษกรอกปากของตนเพื่อจบชีวิตดีกว่าถูกทางการทรมานรุ่งเช้ามาเยือนแม้ว่าเจี่ยฟางจะหมดลมหายใจแต่ทว่าความผิดของนางครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักทำให้ทางการถอดถอนยศของใต้เท้าสวี่ให้เป็นเพียงคนสามัญชนธรรมดาเท่านั้น สวี่หยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นี่มันห้องของนางนี่น่าแล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายอยู่กับเจี่ยฟางที่หน้าผา จู่ ๆ สวี่หยางพรวดลุกขึ้นทันที“เจี่ยฟาง ข้าจะไปช่วยเจี่ยฟาง” หลีลี่จื่อที่อยู่เฝ้าอาการสวี่หยางทั้งคืนตื่นขึ้นจากเสียงร้องของสวี่หยาง“ฮูหยินฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ โชคดีเหลือเกินที่ท่านไม่เป็นอันใดมาก”“หลีลี่จื่อ เจี่ยฟางล่ะนางปลอดภัยดีหรือไม่?”“ฮูหยินเจ้าคะ นางทำร้ายสารพัดแต่ฮูหยินยังเป็นหวงนางอยู่หรือเจ้าคะ ยามนี้ร่างของนางถูกคุณชายเ
บทที่ 55 ยิ้มทั้งน้ำตาฝั่งด้านเสิ่นจิ้นเมื่อมาถึงเรือนของเสิ่นเกาหลานพบหลีลี่จื่อที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ นางกำลังจะจับตัวของซื่อจินตามคำสั่งของสวี่หยางจึงแอบซุ่มอยู่แต่เมื่อเห็นว่าซื่อจินรีบร้อนไปแจ้งเจี่ยฟาง นางจึงแอบตามไปจึงเห็นว่าสวี่หยางถูกเจี่ยฟางพาตัวหนีไปด้วย หากนางจะตามไปก็เกรงจะไม่มีผู้ใดแจ้งทางการเพราะไม่มีคนรู้เรื่องนี้เช่นนางสักคน“คุณชายเสิ่นจิ้นช่วยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้ารีบบอกข้ามา”“เรื่องมันยาวเจ้าค่ะ แต่ทว่ายามนี้คุณชายรีบตามไปที่หลังเรือนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยฟางกำลังพาฮูหยินหนีไปทางนั้น ส่วนซื่อจินกำลังไปอีกทางเจ้าค่ะ” เสิ่นเกาหลานตามมาทีหลังได้ยินถึงกับตกใจ รีบสั่งให้ทหารไปตามจับซื่อจินส่วนเขาจะไปช่วยสวี่หยางแต่เขาก็ช้ากว่าเสิ่นจิ้นหนึ่งก้าว เสิ่นจิ้นวิ่งนำไปก่อนแล้วฝนโปรยปรายลงมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สายลมกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง เจี่ยฟางเริ่มหวาดกลัวเสื้อผ้าของนางและสวี่หยางเริ่มเปียกปอน“มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ข้าแค่เพียงต้องการเป็นหนึ่งเดียวของท่านพี่เสิ่นเกาหลานเท่านั้น ข้าแค่หวังอยากอยู่ครองรักจนกว่าจะหมดลมหายใจเหตุใดมันต้องยุ่งยากเช่นนี้
บทที่ 54 ข้าเกลียดท่าน“เพราะข้าเกลียดท่าน ยิ่งท่านรักข้ามากเท่าไหร่ข้ายิ่งเกลียดท่าน ท่านมันจะไปรู้อะไรคนที่เกิดมาในตระกูลที่ดี มารดาเป็นคุณหนูต่างจากข้าที่มีมารดาเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น! ที่ข้าอยากจัดการท่านเพราะต้องการทุกอย่างที่ท่านมี ท่านพ่อไม่เคยรักข้าเลยมักจะต่อว่า ว่าข้าไม่ได้เรื่องอันใดไม่เหมือนท่าน ข้าพยายามมากมายที่จะเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมกิริยามารยาทงามเพื่อไม่ให้พ่อท่านต้องเป็นกังวลแต่ก็ไม่วายที่ท่านพ่อยังคงรักแต่ท่าน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเจี่ยฟางตวาดใส่สวี่หยางดังกึกก้อง แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบสวี่หยางรับฟังคำที่พรั่งพรู่ออกมาจากปากของนางทำให้นางเสียใจไม่น้อยจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ตบเข้าที่ใบหน้าของเจี่ยฟาง“เพี๊ยะ!!!!. แรงสั่งสะเทือนของน้ำมือสวี่หยางทำให้ร่างบางอย่างเจี่ยฟางถลาล้มไปกับพื้นจนล้มลง“เจ้าต่างหากที่โง่เขลา ข้าไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้ามิใช่น้องแท้ ๆ ของข้า ทั้งข้าทั้งท่านพ่อต่างรักเจ้ามากกว่าสิ่งใด เจ้ามันโง่งมที่ไม่เข้าใจความรักที่ข้ามอบให้ แต่กลับคิดร้ายว่าข้าสงสารเจ้าอย่างนั้นหรือ! เพราะใจอคติของเจ้าต่างหากที่ทำให้เจ้าหน้ามืดตามัวทำเรื่องเลวร้ายขึ้นมาทั้งหมด