ในเมื่อเป็นอย่างนี้หว่านล้อมอย่างไรก็ไม่คงสำเร็จ ยกเม็ดเงินมาอ้างก็แล้ว ยกเหตุผลมาอ้างก็แล้ว ฉางกังจึงไม่อยากโต้แย้งกับคุณย่าอีก เขาจำใจยอมฟังคำคุณย่าเพราะกลัวว่าโรคประจำตัวคุณย่าจะกำเริบ อีกอย่างตัวเขาเองก็ไม่เหลือใครอีกแล้วในชีวิตนี้ หากต้องเสียคุณย่าไปอีกคนโลกใบนี้ก็คงจะกลายเป็นนรกบนดินดี ๆ นี่เอง
ฉางกังเลือกที่จะไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ คุณย่าสังเกตอาการหลานชายพอจะเข้าใจความคิดเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง จึงพูดปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงชุ่มเย็น
“คนที่นั่นมีน้ำใจกับย่าทุกครั้งที่ไปเยือน ต้นตระกูลของเราเคยอาศัยในบ้านหลังคามุงฟางเล็ก ๆ หลังเขาวั้งซานกู่ พอค้าขายกิจการรุ่งเรืองก็ขยับขยายออกมา แต่ผู้คนที่หลานเห็นว่ายังอาศัยที่เขาวั้งซานกู่พวกเขาไม่ได้โชคดีเหมือนตระกูลลู่ พวกเขายากจนและไม่สามารถตั้งหลักปักฐานในที่ดี ๆ กว่านั้นได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหยิบจับสิ่งใดแล้วประสบผลสำเร็จไปเสียหมดนะอากัง เราเองยังไม่ได้ขัดสนเงินทองถึงขนาดจะต้องขายที่กิน คนเราควรอยู่กันด้วยความเมตตา หากวันหนึ่งอากังไม่มีย่าคอยให้คำปรึกษาแล้วหลานก็ยังมีพวกเขาที่ยังคงจงรักภักดีกับตระกูลลู่อยู่ พวกเขาจะต้องตอบแทนน้ำใจตระกูลลู่แน่นอน ย่าเชื่ออย่างนั้น”
มือเหี่ยวย่นเอื้อมมาลูบหัวของฉางกังเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยนและความรักเต็มเปี่ยม ทำให้ชายหนุ่มยอมเห็นด้วยแม้ว่าจะไม่เต็มร้อยก็ตาม แต่นี่ก็มากพอจะเป็นหลักค้ำประกันได้แล้วว่าเขาจะไม่ขับไล่คนเหล่านั้นออกไปจากที่พักพิง
...หรืออาจจะขับไล่ในภายหลังใครจะรู้ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน คุณย่าไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ส่วนเขาก็หาใช่นักบวชใจบุญเสียเมื่อไร
หลังจากอาหารมื้อเย็นจบลง ฉางกังก็ไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมเข้านอน น้ำอุ่น ๆ จากฝักบัวไหลลงมาชโลมร่างกายที่ปวดร้าวในทุกอณูส่วนของกล้ามเนื้อ ความเครียดของวันค่อย ๆ จางหายไปกับหยดน้ำที่กระทบลงมาบนเรือนร่าง ตอนนี้คนที่เขาคิดถึงที่สุดคือลี่อิน ป่านนี้ไม่รู้ว่าแฟนสาวจะกลับถึงบ้านหรือยัง ดึกขนาดนี้แล้วเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
...และที่สำคัญเธอจะหายโกรธเขาหรือไม่
อาบน้ำเสร็จชายหนุ่มก็รีบใส่เสื้อผ้าพร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หาแฟนสาว เขาหวังจะง้อให้เธอหายโกรธ ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเขานั้นรักลี่อินมากเพียงใด ที่พูดทำร้ายจิตใจเธอล้วนเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น เขาไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยแม้แต่คำเดียว
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ...
เสียงสัญญาณมือถือดังติดกันหลายครั้ง เขารอคอยจะได้ยินการตอบรับของอีกคนด้วยใจจดจ่อ
ติ๊ด!
แต่แล้ว...เสียงสัญญาณก็สิ้นสุดลงเพราะอีกฝ่ายกดทิ้งไม่รับสาย และนั่นก็หมายความว่าลี่อินยังไม่หายโกรธ แม้อยากจะโทร.ซ้ำแค่ไหนเขาก็สงวนท่าทีไม่ทำตามใจตนเพราะกลัวเสียหน้า ฉางกังไม่ชอบความรู้สึกที่ตนต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตาม ชายหนุ่มวางมือถือไว้ที่หัวเตียงแล้วพยายามจะข่มตาให้หลับแต่เหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากเหลือเกิน...
เขานอนมองเพดานอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปหลายชั่วยามในความรู้สึก ตอนนี้เวลาล่วงเลยเข้าเที่ยงคืนเห็นจะได้ ด้วยความคิดอะไรบางอย่างฉางกังเลือกที่จะลุกจากเตียง เดินไปหยิบกุญแจตู้เซฟแล้วเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเสียบลูกกุญแจ หมุนรหัสไม่นานประตูเซฟก็เปิดออก ภายในตู้เซฟเก็บของมีค่าไว้มากมาย อาทิเช่น เงินสด ทองคำแท่ง เครื่องเพชร และโฉนดที่ดิน
มือขาวเอื้อมไปหยิบซองเอกสาร ซึ่งภายในคือโฉนดที่ดินหลังเขาวั้งซานกู่ออกมา ดวงตาคมกวาดดูข้อความที่ถูกพิมพ์และเขียนไว้บนนั้นจนครบถ้วนไม่ข้ามแม้เพียงตัวอักษรเดียว
ก็ถูกนี่...โฉนดที่ดินผืนงามนี้ลงนามชื่อของเขาเป็นผู้ถือครอง
แล้วอย่างไร? พับผ่าเถอะ! ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
"เฮ้อ..."
ขณะที่มือของชายหนุ่มกำลังจะวางซองเอกสารนั้นไว้ที่เดิมกลับเหลือบไปเห็นกล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ ลักษณะทำขึ้นมาจากไม้ฉลุลวดลายโบราณบุปผาแย้มกลีบ ให้เรียกว่าหีบไม้ขนาดเล็กน่าจะเหมาะกว่า ฉางกังจำได้เลือนรางว่าเจ้าหีบไม้โบราณนี้คุณย่าของเขาหวงแหนเป็นหนักหนา ถึงขั้นที่ว่าไม่ยอมให้ผู้ใดได้แตะต้องสัมผัสมันเลย
แต่ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นตามอุปนิสัยเดิมของเจ้าตัวแล้วนั้น เขารีบเก็บเอกสารโฉนดที่ดินไว้ตามเดิมแล้วเพ่งความสนใจไปยังกล่องไม้อันเล็กกะทัดรัด
"ข้างในต้องมีของมีค่ามากแน่ ๆ คุณย่าถึงได้หวงนัก"
ชายหนุ่มหมุนหีบไม้ลายบุปผาแรกแย้มนั้นไปมา พลางจินตนาการว่าสิ่งที่อยู่ภายในจะเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดคุณย่าถึงหวงหีบนี้กว่าสมบัติชิ้นอื่น ๆ ตอนนี้อาจเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้รู้ว่าสิ่งของด้านในคือสิ่งใด เพราะคุณย่าหลับไปแล้วจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกดุด่าตำหนิ
ฉางกังค่อย ๆ จับที่ฝาหีบออกแรงเป็นอย่างมากเพื่อที่จะเปิดมันออก จู่ ๆ บังเกิดความรู้สึกหนึ่ง ดูเหมือนว่าบางอย่างสั่งให้เขาล้มเลิกความคิดนั้น
...แต่แล้วสัญชาตญาณความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะได้ทุกสิ่ง เขามุ่งมั่นใช้กำลังที่มีพยายามเปิดฝากล่องออกอย่างตั้งใจดูใหม่ ปากก็บ่นพึมพำไม่หยุด
“ทำไมเปิดยากขนาดนี้กันนะ โอ๊ะ!”
เขาเปิดหีบโบราณออกสำเร็จ ทว่ายังไม่ทันจะได้รู้เลยว่าสิ่งของข้างในคืออะไรกันแน่ รอบตัวเขาก็มีแสงสว่างจ้าจนทำให้ดวงตาบอดแสงไปชั่วขณะ ในหัวโคลงเคลงเหมือนบ้านหมุน ฉับพลันทุกอย่างมืดมิดกะทันหัน ตามมาด้วยเสียงหวีดหวิวในหูดังคล้ายคลื่นความถี่...
ตะวันบ่ายคล้อย แสงแดดเบื้องบนแรงกล้าทว่ากลับส่องไม่ถึงยังพื้นดิน เนื่องจากต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นหนาแน่นบดบังแสงแดดจนมิด ทำให้อากาศใต้ร่มเงาของต้นไม้ไม่ถึงขั้นร้อนจัด เข่อซิงเหนื่อยจนคอแห้งเป็นผงรีบหยิบเอาน้ำพกที่เหน็บอยู่เอวมายื่นให้เจ้านายหนึ่งขวด ส่วนอีกขวดที่พกมาเขาดื่มเอง ฉางกังรับน้ำมาแล้วก็ดื่มเข้าไปหนึ่งอึกใหญ่“เดินมาตั้งนานแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเจอเลยนะครับ หรือว่าจะไม่มี” เข่อซิงพูดไปมือก็ปิดฝาขวดไป“ฉันคงคิดไปเองสินะ ความฝันก็ยังเป็นความฝันวันยังค่ำ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น”คำนี้เป็นเขาเองที่เคยพูดกับฉางเกอ ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น แต่วันนี้กลับมีเพียงเขาที่ไม่ยอมตื่นเสียที ฉางกังคิดแล้วก็ทำหน้าเศร้า ระหว่างที่กำลังถอดใจผู้ดูแลหยางเปียวก็ได้พูดขึ้น“เป็นไปได้ไหมครับว่าต้นเทียนไถเอ่อร์ลี่ที่ประธานลู่ตามหาจะตายไปแล้ว”"ตายงั้นเหรอ”“ขอรับ ที่วั้งซานกู่มีซากต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายต้นหนึ่ง ขนาดของมันใหญ่หลายคนโอบแต่ตอนนี้เหลือแต่ตอ”“รีบพาไปดูเร็วเข้า”หยางเปียวพยักหน้ารับแล้วเดินนำสองคนไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้ว มันเหลือแต่ตออย่างที่เขาบอกจริง ๆ แต่เป็นตอที่มีความสูงอยู่ระดับอก เส
นอกจากเข่อซิงกับฉางกังแล้วยังมีหลิวเซียงฉินที่ติดตามมาด้วยอีกคน อีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเข้าเขตเขาวั้งซานกู่แล้ว จู่ ๆ ฉางกังก็ได้พูดบางอย่างขึ้นมาจนทำให้ทุกคนที่นั่งในรถเพ่งความสนใจมาที่เขา“คุณย่าครับ ช่วงที่ผมหลับไปหลายวันผมฝัน”“ฝันว่าอะไร” ย่าหลิวถามกลับอย่างใส่ใจ ฉางกังคว้ามือเหี่ยวย่นมากุมไว้แล้วพูดต่อ“มันเป็นฝันดีตื่นหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาหัวใจของผมก็แตกสลายไปหมดแล้ว”บรรยากาศในรถเงียบสนิท ทุกคนต่างอึ้งไปตาม ๆ กันและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉางกังกันแน่ ฉางกังหัวเราะเบา ๆ เพื่อให้ความตึงเครียดของคนในรถลดลง “ผมฝันว่าได้กอดคุณแม่ ฝันว่าคุณพ่อแบกผมขึ้นหลัง…แล้วผมก็ฝันว่าลู่เกอร้องไห้งอแงกอดขาผม”ใบหน้าของหลิวเซียงฉินกระตุบวูบหนึ่ง ความลับที่ปกปิดเอาไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ฉางกังคงถึงเวลาต้องพังทลายลงแล้ว ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่าไม่อาจปิดบังเขาได้ชั่วชีวิต แต่นางก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ ฉางกังจะจดจำได้เอง คนเราทุกคนต่างมีความทุกข์เป็นของตนเอง ในความทุกข์นั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีความสุขปนอยู่ อย่างน้อย ๆ ฉางกังก็ยังยิ้มได้ นั่นแสดงว่าเขาคงทำใจยอมรับได้บ้างแล้ว“ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้วนะครับ”“…อากัง ย่าขอ
“คุณย่าครับ ผมขอคุยบางอย่างกับลี่อินลำพังหน่อยสิ”เข่อซิงพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ ประคองคุณย่าหลิวออกไป หลังจากอยู่กันสองต่อสองแล้วลี่อินพยายามจะเอ่ยคำขอโทษแต่ฉางกังยกมือขึ้นมาปรามไว้ก่อน“อย่ารู้สึกผิดและอย่าโทษตัวเอง คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะผมทำตัวเองทั้งนั้น”“ฉัน…”“ลี่อิน อันที่จริงมันก็ถึงเวลาที่เราต้องปล่อยมือจากกันตั้งนานแล้ว แต่เป็นผมเองที่ยังรั้งคุณเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว นับจากนี้ไปเราจงหันหลังให้กันในฐานะคนรัก และหันหน้าให้กันในฐานะเพื่อนเถอะ อย่าฝืนทนกันอีกต่อไปเลย คุณรักไปเหนื่อยไป ส่วนผมก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นมาได้ วันนี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าเรื่องระหว่างเรามันถึงจุดที่ควรพอ ถึงวันข้างหน้าเราอาจไม่ใช่คนรักกันแล้ว แต่ผมอยากให้รู้ว่าคุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ผมอยากขอโทษคุณจากใจจริงจางลี่อิน คำขอโทษครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผมสำนึกผิด ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำและไม่ใช่สถานะที่เราเป็น…ผมขอโทษ”ลี่อินสะอื้นเบา ๆ เธอยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา ฉางกังเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน เรื่องของลี่อินและเข่อซิงเป็นเรื่องที่ไม่อาจบอกได้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพียง
ฉางกังไม่อยากให้ทุกคนลืมเขาไปเลยจริง ๆ และยังอยากฝังตนเองให้อยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดกาล เสียอย่างเดียวที่ไม่อาจหลีกหนีโชคชะตาได้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ…เพราะการจากลามันเจ็บปวดเกินไป หากทุกคนจำได้ว่ามีฉางกังอยู่ก็อาจจะเจ็บปวดจากการจากไปของเขา“สักวันพวกเราคงพบเจอกันใหม่ที่ไหนสักที่หนึ่ง…ข้าขอลา”สิ้นคำอำลาฉางกังค่อย ๆ เปิดฝากล่องไม้ออก ครั้งนี้มันเปิดออกง่ายดายเสียจนไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเหมือนทุกครั้ง หยาดน้ำตาใส ๆ หล่นแหมะลงไปที่ก้นกล่องไม้ พลันบังเกิดแสงสว่างวาบเหมือนสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็อันตรธานหายไปจากตรงนั้น เหลือไว้เพียงความทรงจำที่ทุกคนลืมเลือนไป……..ติ๊ด…..ติ๊ด….ติ๊ด….ติ๊ดเสียงที่ทำให้รู้สึกรำคาญหูปลุกเขาตื่นจากการหลับใหล เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นเสียงเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ตรวจสอบชีพจรซึ่งมันตั้งอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วย วินาทีแรกที่ฉางกังลืมตาขึ้นมาเขาได้มองไปรอบกาย ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของในยุคปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ สามารถประเมินได้ทันทีว่าเขาอยู่ที่ใด สถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในนครฉงเทียน คนในตระกูลลู่มาใช้บริการเป็นประจำเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เขาก
ที่โพรงต้นไม้ใหญ่ปากทางเข้าบ้านตระกูลลู่ ฉางกังมุดเข้าไปเอาถุงที่บรรจุตั๋วเงินออกมา ผลปรากฏว่าไม่มีอะไรเสียหายเลย พืชกันแมลงที่ใส่เข้าไปนั้นออกฤทธิ์ดีเยี่ยม ฉางกังแบกเอาถุงผ้าเก่า ๆ ขึ้นบ่าเดินเข้าไปในตลาด ระหว่างที่เดินบนถนนอันหนาแน่นด้วยผู้คนบังเอิญเห็นเข่อซิงและลี่อินเดินเคียงคู่กันมา ฉางกังหยุดมองแล้วยิ้มบาง ๆ แต่คนทั้งสองได้เดินผ่านเลยไปเหมือนไม่รู้จักกัน ยามนี้ฉางกังจึงเริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ครอบครัวที่จดจำเขาไม่ได้ แต่เป็นคนในมิตินี้ทั้งหมดเลยต่างหากเขาเดินมาหยุดยังสถานที่แห่งหนึ่ง วางถุงใส่ตั๋วเงินอันหนักอึ้งลงพื้นเสียงดังตุบ คนในร้านต่างหันกลับมามองเป็นตาเดียว“เถ้าแก่อยู่ไหม”“อยู่ ข้านี่แหละเถ้าแก่ร้านนี้”“ข้าขอซื้อร้านค้าร้านนี้”เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเสียงแง้มประตูให้เปิดออก ตามมาด้วยร่างของหญิงชรานางหนึ่ง ยามนี้เป็นเวลาเช้าตรู่อากาศจึงหนาวเย็นยะเยือก หยาดน้ำค้างเกาะอยู่ตามยอดหลิวแลดูอ่อนละมุนยิ่ง กลิ่นควันจากการเผาไหม้จาง ๆ ลอยมาเตะจมูก พลันดวงตาพร่ามัวก็สะดุดเข้ากับวัตถุบางอย่างที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ หญิงชราเดินเชื่องช้าไปยังแคร่ไม้ไผ่ตัวนั้น เมื่อได้เข้ามาดูใกล้ ๆ ก็พ
“เอาความทรงจำของพวกเขามาแลก คนที่เจ้ารักจะลืมเลือนเจ้าจนหมดสิ้น แล้วเจ้าก็จะกลายเป็นคนอื่นสำหรับพวกเขา ความเจ็บปวดที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่การลืมแต่เป็นการจดจำ เช่นนี้ถึงจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ…ว่าอย่างไรลู่ฉางกัง!”“ตะ ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ…" เด็กชายจุกในอกจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมา "ได้ ข้ายอมแลก ต่อให้ข้าจะหายไปจากความทรงจำของพวกเขาก็ยังอยากขอให้ฉางเกอได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง ได้โปรดช่วยน้องชายข้าด้วยเถอะ"ฉางกังรับข้อเสนอด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ต่อให้สิ่งแลกเปลี่ยนคราวนี้จะมีค่ามหาศาลเพียงใดเขายอมแลกได้ทั้งนั้น แม้แต่ชีวิตฉางกังยังยินดีมอบให้ได้ แล้วนับประสาอะไรแค่การหายไปจากใจพวกเขาตลอดกาล…...เขากัดริมฝีปากตนเองจนขึ้นสีขาวซีด แล้วปิดเปลือกตาลงช้า ๆ“…ข้าพร้อมแล้ว”สิ้นคำจำยอมก็เกิดแสงสว่างวูบใหญ่เหมือนสายฟ้าฟาด ที่เบื้องหน้าฉางกังปรากฏกล่องไม้โบราณลอยอยู่ในอากาศ แล้วเสียงปริศนาดังขึ้นว่า“เมื่อเจ้าเปิดกล่องใบนี้อีกครั้ง เจ้าจะได้กลับไปที่ที่เจ้าจากมา”“…เข้าใจแล้ว ขอบคุณ ข้าขอบคุณ”ในก้าวแรกที่เขาผละตัวออกมา พลันภาพทั้งหลายก็หมุนกรอย้อนกลับเป