เข้าสู่ระบบตอนที่
15
โอกาสที่ยังไม่พร้อม
เมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งอคิณและพราวตะวันก็นำอาหารไปที่โรงพยาบาล กลิ่นยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ ยังคงคละคลุ้งในอากาศภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ บรรยากาศที่เงียบสงบถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น พราวตะวันและอคิณเดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารในมือ
เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาก็เจอกับอรัญญาที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องกำลังนั่งอ่านหนังสือ ส่วนสุริยะก็กำลังนอนดูทีวีอยู่บนเตียงคนไข้ พราวตะวันก็เดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอทันที ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเศร้าที่เคยบดบังดวงตาคู่สวยจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น ทำให้คุณอรัญญาถึงกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“คุณพ่อ คุณแม่คะ นี่โจ๊กเพื่อสุขภาพที่พราวทำกับพี่อคิณค่ะ” พราวตะวันเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง เธอยื่นกล่องอาหารให้กับอรัญญาอย่างตั้งใจ
อรัญญาเอื้อมมือไปรับกล่องโจ๊กมาไว้ในมือ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านกล่องใบเล็กๆ นั้น
“ขอบคุณนะพราว อคิณด้วย จริงๆ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะ” เธอมองลูกสาวและลูกเชยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับคุณอา” อคิณตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “ผมอยากให้คุณอาได้ทานอาหารมีประโยชน์และที่สำคัญเราสองคนทำมาจากใจครับ”
สุริยะมองพราวตะวันด้วยสายตาที่เปี่ยมสุข เขาหันไปกระซิบกับภรรยาของเขาเบาๆ
“ฉันสบายใจขึ้นมากเลยนะที่เห็นพราวเขายิ้มได้”
อรัญญาพยักหน้าเบาๆ “ฉันก็เหมือนกันค่ะ เห็นลูกยิ้มได้ก็มีความสุขมากแล้ว”
ในขณะที่ทุกคนกำลังยิ้มแย้มกันอยู่นั้น พราวฟ้าและอคินัยที่บังเอิญเจอกันที่หน้าห้อง พราวฟ้าที่รีบเดินชนเข้ากับอคินัยอย่างจัง
“โอ๊ย!!! คุณนี่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง” พราวฟ้าโวยวายออกมาด้วยความตกใจ
“พราวฟ้า!!!” อคินัยร้องทักด้วยน้ำเสียงขบขัน “ไม่เจอกันนานยังดุเหมือนเดิมเลยนะครับ”
พราวฟ้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วถอดอกมองเขาอย่างไม่พอใจ “คุณต่างหาก!!! ทำไมถึงไม่รู้จักอยู่เฉยๆ คนอื่นเขาจะได้ไม่ต้องชน”
อคินัยหัวเราะเบาๆ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
พราวฟ้าทำหน้าบึ้งตึงแล้วรีบเดินหนีเข้าไปในห้องพราวฟ้าเดินตรงไปหาพี่สาวของเธอ ใบหน้าของเธอยังคงแดงก่ำเล็กน้อยจากความหงุดหงิดที่ได้เจออคินัย
พราวตะวันมองน้องสาวด้วยสายตาที่เอ็นดู “อ้าว พราวฟ้าทำไมทำหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เจอคนซวยๆ แต่เช้าน่ะสิ” พราวฟ้าหันไปมองอคินัยที่เดินตามหลังเธอเข้ามาในห้อง ซึ่งพราวตะวันก็พอเข้าใจน้องสาว
“พี่คินน์” อคินัยเรียกพี่ชายเสียงเบา “พราวตะวันดูมีความสุขมากขึ้นมากเลยนะครับ”
อคิณหันมามองน้องชายแล้วยิ้มบางๆ “ก็เพิ่งจะวันนี้แหละ”
“แต่ก็ดีแล้วนะ” อคินัยยิ้มกว้างขึ้น “ว่าแต่พี่พอจะรู้หรือเปล่าว่าสาวน้อยพราวฟ้ามีแฟนหรือยัง”
อคิณส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “เลิกนิสัยเจ้าชู้ได้แล้วน่าไอ้นัย”
“โธ่พี่!!! ผมแค่อยากจะดูว่าพอจะมีลู่ทางบ้างหรือเปล่า” อคินัยตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“คนอย่างแกคงไม่มีลู่ทางอะไรหรอก” อคิณพูดตัดบททันที ก่อนจะเดินไปหาพราวตะวันและครอบครัวของเธอ
อคินัยยืนมองพี่ชายที่เดินห่างออกไปแล้วยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆ อรัญญาพลางยิ้มทักทายอย่างมีอารมณ์ดี อรัญญาจึงชวนอคินัยคุยเรื่องต่างๆ ส่วนพราวฟ้าก็ยังคงทำหน้าบึ้งตึง แต่ในใจกลับแอบมองอคินัยอยู่เป็นพักๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข อคิณก็หันไปมองพราวตะวัน “พราวครับ ผมอยากจะชวนทุกคนไปพักผ่อนกันที่บ้านพักตากอากาศของผมที่หัวหินครับ”
“แต่พ่อจะได้ออกโรงพยาบาลตอนไหนยังไม่รู้เลย” พราวตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าลงเล็กน้อย
ในจังหวะนั้นเอง นายแพทย์ธีระก็เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ได้ไปแน่นอนครับ” นายแพทย์ธีระกล่าวพลางหันไปมองสุริยะที่นอนอยู่บนเตียง “พรุ่งนี้หมอก็จะให้สุริยะกลับบ้านได้แล้ว”
พราวตะวัน และพราวฟ้าหันไปมองพ่อ อรัญญาเองก็หันไปมองสามีด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณหมอธีระ” อรัญญาพูดพร้อมกับยกมือไหว้นายแพทย์ธีระด้วยความซาบซึ้งใจ
นายแพทย์ธีระยิ้มแล้วกล่าวอย่างใจดี “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ นี่ก็เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
พราวตะวันมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของทุกคนแล้วก็ใจกระตุกวูบ ภาพในอดีตฉายชัดขึ้นมาในความคิดที่เธอต้องเซ็นสัญญาแต่งงานกับอคิณเพื่อแลกกับลมหายใจของพ่อ เงินสิบล้านและชีวิตที่เปลี่ยนไปของเธอ พราวตะวันวันกัดริมฝีปากแน่น แม้ว่าอคิณจะดีหรืออ่อนโยนกับเธออย่างไรแต่เขาและพ่อของเขาก็บังคับให้เธอแต่งงานและทำให้พราวตะวันฉุกคิดขึ้นมาว่าบางทีที่ฟิล์มนอกใจเธอก็อาจจะมาจากเรื่องนี้แต่ทั้งที่จริงแล้วฟิล์มนอกใจเธอมาโดยตลอด
เธอมองอคิณด้วยแววตาที่สับสน พ่อของเขาเป็นคนช่วยพ่อของเธอไว้ แต่ก็เป็นคนที่ทำให้เธอต้องเจอกับความเจ็บปวดมากมาย เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเขาดี
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างแล้วพวกเราสองครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันนะครับ” อคิณพูดขึ้นมาอย่างดีใจที่จะได้พาทั้งสองครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน
หลังจากได้รับข่าวดีจากคุณหมอธีระ ทุกคนก็เดินทางออกจากโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่สดใสและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข อคิณขับรถกลับมาที่บ้าน บรรยากาศในรถเงียบสงบมีเพียงเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ คลอตลอดทาง
เมื่อมาถึงที่บ้าน อคิณเดินนำหน้าพราวตะวันเข้ามาในตัวบ้าน เขาเปิดไฟในห้องนั่งเล่นแล้วหันมามองเธอ “นั่งพักก่อนไหม”
พราวตะวันพยักหน้าเบาๆ เธอเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาว อคิณเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วออกมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว เขาเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ แล้วยื่นแก้วน้ำให้พราวตะวันรับมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ
อคิณมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย “ผมรู้ว่าคุณคงจะเหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
พราวตะวันก้มหน้าลงเล็กน้อย “ก็นิดหน่อยค่ะ”
อคิณวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของเธอไว้เบาๆ “คุณไม่รักผมก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยให้โอกาสผมดูแลคุณในฐานะสามีภรรยาได้ไหม”
พราวตะวันรู้สึกตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยประหลาดใจ หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้
“ก็แค่สามีภรรยาตามหน้าที่แต่ไม่ได้มาจากหัวใจ” พราวตะวันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย
อคิณมองสบตาเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมอาจจะให้คุณไม่พอใจ แต่ผมอยากจะชดเชยให้คุณทุกอย่าง”
พราวตะวันก้มหน้าลงอีกครั้ง เธอพยายามรวบรวมสติก่อนจะตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา “ขอโทษนะคะ หัวใจของพราวยังไม่พร้อมที่จะมีใครในตอนนี้ค่ะ”
อคิณเงียบไปพักหนึ่ง เขายังจับมือเธอไว้แน่น “พราวไม่ต้องรีบก็ได้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ผมยังยืนยันคำเดิม ผมจะรอให้คุณพร้อม แล้ววันนั้นผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจ”
พราวตะวันไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก หัวใจของเธอยังคงสับสนและเต็มไปด้วยความรู้ที่ยุ่งเหยิง เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เจอผู้ชายคนนี้
หลังจากนั้น อคิณก็ปล่อยมือเธอ เขาผายมือไปทางบันได “พักผ่อนเถอะครับ”
พราวตะวันเดินขึ้นบันไดช้าๆ โดยมีอคิณมองตามหลังของเธอ แต่ทันใดนั้นอคิณก็ตัดสินใจเดินตามหลังเธอไปแล้วกอดเธอจากด้านหลัง
“อุ้ย!!!” พราวตะวันอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจที่อยู่ๆ เขาก็เดินมากอดเธอ
“ขอผมกอดคุณสักพักได้ไหม ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้เสมอนะครับ” เขากระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของเธอ พราวตะวันรู้สึกตกใจ แต่เธอไม่ได้ขัดขืน เธอได้แต่ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้เขากอดเธอไว้แบบนั้น ความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคยค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาในหัวใจที่เย็นชาของเธอช้าๆ
“คุณขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวผมต้องกลับไปประชุมต่อ” อคิณคลายอ้อมกอดออกช้าๆ ก่อนจะเดินกลับไป ปล่อยให้พราวตะวันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ตอนที่17เมื่อใจเริ่มสับสน เช้าตรู่วันเดินทางไปหัวหิน บ้านของวรวิชญ์ที่ปกติจะเงียบสงบกลับวุ่นวายราวกับพายุเข้า พราวตะวันยืนพิงกรอบประตูห้องโถงมองความโกลาหลตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เธอเห็นพราวฟ้ากำลังโวยวายกับอคินัยเรื่องกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่หนักเกินไปท่ามกลางเสียงบ่นของพราวฟ้า อคินัยก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับราวกับหูทวนลม “คุณเอาอะไรมาเนี่ย กระเป๋าจะหนักไปไหน” พราวฟ้าบ่นพร้อมขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าสวยบึ้งตึงด้วยความหงุดหงิด เธอพยายามยกกระเป๋าแต่ก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย “ก็ของจำเป็น หนักยังไงคุณไม่มีแรงหรือเปล่า” อคินัยตอบเรียบๆ น้ำเสียงกวนประสาทเล็กน้อยพร้อมกับพยายามยัดกระเป๋าขึ้นรถด้วยท่าทางที่ดูไม่สนใจนัก จู่ๆ กล่องแก้วคริสตัลขนาดเล็กที่วางอยู่บนกระเป๋าเดินทางของพราวฟ้าก็ร่วงหล่นลงมา กล่องกระแทกพื้นจนแตกกระจาย เสียงดังเพล้ง!!! ทำลายความเงียบสงบในบ้านไปจนหมดสิ้น เศษแก้วคมกริบกระเด็นไปทั่วพื้น บางส่วนบาดลึกเข้าที่หลังมือของอคินัยจนเลือดไหลซึมเป็นทางยาว พราวฟ้าชะงักไปชั่วขณะ หัวใจของเธอหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ความหงุดหงิดและความโกรธที่เคยมีหายไปในพริบตา ถู
ตอนที่16ผู้พิทักษ์คนใหม่ หลังจากกลับจากโรงพยาบาล พราวฟ้าได้แต่เก็บความอัดอั้นและความรู้สึกไร้ประโยชน์ไว้ภายในใจที่ไม่เคยช่วยเหลือพี่สาวกับแม่ได้เลย จนเธอต้องหาทางระบายออกด้วยการรับคำชวนของเพื่อนไปเที่ยวที่บาร์ เพื่อปล่อยความเครียดที่สะสมมาให้ละลายหายไปกับแสงสีและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม พราวฟ้าในชุดเสื้อครอปสีดำโชว์หน้าท้องแบนราบกับกางเกงยีนส์เอวสูงตัวโปรด ก้าวเข้าไปภานในร้านด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ แต่ในใจของเธอ กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นที่ยากจะระบายออกมา เสียงเบสที่ดังกระหึ่มจากลำโพงทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ แสงไฟนีออนสีแดงและสีม่วงสาดส่องไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่ปลุกเร้าให้ผู้คนรอบข้างหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงที่แสนจะคุ้นเคย พราวฟ้าเลือกที่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะที่อยู่มุมร้านเพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากพอทีจะพูดคุยกับเพื่อนๆ ของเธอได้อย่างาสบายใจ “พราว แกเงียบไปนะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยทัก “ไม่สนุกเหรอ” พราวฟ้าส่ายหน้า “เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหนื่อยๆ นิดหน่อย” “ฉันเข้าใจนะ” เพื่อนอีกคนพูด “แกลอ
ตอนที่15โอกาสที่ยังไม่พร้อม เมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งอคิณและพราวตะวันก็นำอาหารไปที่โรงพยาบาล กลิ่นยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ ยังคงคละคลุ้งในอากาศภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ บรรยากาศที่เงียบสงบถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น พราวตะวันและอคิณเดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารในมือ เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาก็เจอกับอรัญญาที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องกำลังนั่งอ่านหนังสือ ส่วนสุริยะก็กำลังนอนดูทีวีอยู่บนเตียงคนไข้ พราวตะวันก็เดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอทันที ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเศร้าที่เคยบดบังดวงตาคู่สวยจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น ทำให้คุณอรัญญาถึงกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “คุณพ่อ คุณแม่คะ นี่โจ๊กเพื่อสุขภาพที่พราวทำกับพี่อคิณค่ะ” พราวตะวันเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง เธอยื่นกล่องอาหารให้กับอรัญญาอย่างตั้งใจ อรัญญาเอื้อมมือไปรับกล่องโจ๊กมาไว้ในมือ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านกล่องใบเล็กๆ นั้น“ขอบคุณนะพราว อคิณด้วย จริงๆ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะ” เธอมองลูกสาวและลูกเชยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ไม่เป็นไรครับคุณอา” อคิณตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “ผมอยากให้คุ
ตอนที่14ความห่วงใยของอคิณ พราวตะวันยังคงจมอยู่กับความเศร้า เธอเอาแต่นอนเศร้าไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น อคิณชวนเธอไปไหนก็ไม่ไป เขาจึงเดินเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างเงียบๆ พราวตะวันหันหลังให้เขาและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง “พราว...” อคิณเรียกพราวตะวันขึ้นมาแต่เธอก็ยังไม่ยอมเอาตัวออกมาจากผ้าห่ม “พราวตะวัน...” อคิณเรียกเธออีกครั้งแต่เธอก็เอาแต่นอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น “ผมเข้าใจเลยว่าคุณเสียใจ แต่การจมอยู่กับมันแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ” พราวตะวันไม่ตอบ เธอซุกหน้าเข้ากับหมอนแน่นขึ้น “การอยู่กับความเศร้าในห้องสี่เหลี่ยมนี้จะยิ่งทำให้คุณแย่ลง” อคิณพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “การได้ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น” พราวตะวันยังคงนิ่งเงียบ อคิณจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ “ผมไม่ได้จะบังคับคุณ แต่มันไม่มีใครสามารถมีความสุขได้ถ้าต้องทนทุกข์อยู่ตลอดเวลา ผมอยากให้คุณออกมาจากตรงนี้เพื่อตัวคุณเองนะครับ ผมพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ”หลังจากที่อคิณพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้พราวตะวันนอนอย
ตอนที่ 13บทเรียนจากน้ำตา อคิณยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของพราวตะวัน เขานั่งลงพิงบานประตูอย่างเงียบๆ นานหลายนาที เขารู้ว่าความเจ็บปวดที่พราวตะวันได้รับในตอนนี้มันหนักหนาแค่ไหน และการปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียวกับความรู้สึกนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่เขาก็ทำใจที่จะเดินจากไปไม่ได้ เขานั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับจะคอยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่กำลังถาโถมเข้ามา ภายในห้อง พราวตะวันนอนร้องไห้จนตัวโยนอยู่บนเตียง เธอรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในทะเลที่มืดมิดและไร้ซึ่งทางออก ความเจ็บปวดในใจของเธอรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเจอมาในชีวิต เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุดจะทำร้ายเธอได้ขนาดนี้ ทุกคำพูดที่ฟิล์มเคยบอกรัก ทุกสัญญาที่เคยให้กันมันกลับกลายเป็นสิ่งที่หลอกลวงทั้งสิ้น เธอโง่เขลาที่เชื่อคำพูดเหล่านั้นมาตลอด “ฉันมันโง่...” พราวตะวันพึมพำกับตัวเอง เสียงสะอื้นที่ดังออกมาเบาๆ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนกระทั่งหมดแรงและผล็อยหลับไปในที่สุด เมื่อพราวตะวันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงแดดอ่อนๆ ก็ส่องเข้ามาในห้องแล้ว เธอรู้สึกปวดตาและเจ็บปวดไปทั้ง
ตอนที่ 12 ยิ่งพยายามใกล้ยิ่งห่างไกล อคิณกลับเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าอ่อนล้าจากการประชุมที่ยาวนานกว่าที่คิด เขามองไปที่พราวตะวันที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าของเธอหันออกไปมองทิวทัศน์ข้างนอก แต่แววตาของเธอกลับว่างเปล่า ราวกับว่าความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปในที่ไกลแสนไกลอคิณเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ เขารู้สึกผิดที่บังคับเธอให้มารอเขาประชุม“ผมขอโทษนะครับพราว ที่ทำให้คุณต้องรอนาน” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พราวตะวันไม่ตอบอะไร เธอยังคงนิ่งราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องกับเธอ ราวกับว่าการมีตัวตนของเขาไม่มีผลอะไรต่อเธอเลยแม้แต่น้อยอคิณถอนหายใจเบาๆ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้เบาๆ“ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่ผมขอโทษได้ไหม” พราวสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันรำคาญที่ต้องอยู่ใกล้ๆ คุณอย่างนี้และยิ่งตอนนี้ฉันก็ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ”“ผมรู้ว่าคุณรำคาญผมแต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้อยากทำให้คุณอึดอัด” อคิณบอกกับเธออคิณเงียบไปชั่วขณะ เขามองพราวตะวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และตัดพ้อ“พราวคุณไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมหวังดีกับ







