Mag-log inตอนที่
14
ความห่วงใยของอคิณ
พราวตะวันยังคงจมอยู่กับความเศร้า เธอเอาแต่นอนเศร้าไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น อคิณชวนเธอไปไหนก็ไม่ไป เขาจึงเดินเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างเงียบๆ พราวตะวันหันหลังให้เขาและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง
“พราว...” อคิณเรียกพราวตะวันขึ้นมาแต่เธอก็ยังไม่ยอมเอาตัวออกมาจากผ้าห่ม
“พราวตะวัน...” อคิณเรียกเธออีกครั้งแต่เธอก็เอาแต่นอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น
“ผมเข้าใจเลยว่าคุณเสียใจ แต่การจมอยู่กับมันแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ”
พราวตะวันไม่ตอบ เธอซุกหน้าเข้ากับหมอนแน่นขึ้น “การอยู่กับความเศร้าในห้องสี่เหลี่ยมนี้จะยิ่งทำให้คุณแย่ลง” อคิณพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “การได้ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
พราวตะวันยังคงนิ่งเงียบ อคิณจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ “ผมไม่ได้จะบังคับคุณ แต่มันไม่มีใครสามารถมีความสุขได้ถ้าต้องทนทุกข์อยู่ตลอดเวลา ผมอยากให้คุณออกมาจากตรงนี้เพื่อตัวคุณเองนะครับ ผมพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ”
หลังจากที่อคิณพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้พราวตะวันนอนอยู่บนเตียงอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง แต่คำพูดของอคิณยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธออย่างชัดเจน
ในที่สุดพราวตะวันก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง คำพูดของอคิณยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ เธอเดินลงมาชั้นล่างและเห็นอคิณกำลังนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเขาเห็นเธอเขาก็ลุกขึ้นแล้วยิ้มบางๆ
“ไปทำอะไรแก้เบื่อกันดีไหมพราว” อคิณกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปให้เธอ
พราวตะวันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย “ทำอะไรคะ”
“ไปทำอาหารเพื่อสุขภาพกันครับ ผมอยากให้ทำให้คุณอาสุริยะและคุณอาอรัญญาได้ทาน อีกไม่กี่วันคุณอาก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ” อคิณตอบพร้อมกับส่งยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดให้กับเธอ
พราวตะวันไม่ได้ปฏิเสธ เธอต้องการที่จะหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องคิดถึงเรื่องที่เจ็บปวดอีกต่อไป ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องครัว อคิณหยิบวัตถุดิบต่างๆ ออกมาวางบนโต๊ะ พราวตะวันมองเขาอย่างงงๆ
“คุณทำอาหารเป็นเหรอ”
“ก็พอได้ครับ” อคิณตอบเธอแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่ผมคิดว่าถ้ามีคุณช่วย ผมคงจะทำได้ดีกว่านี้”
พราวตะวันยิ้มบางๆ แล้วเริ่มลงมือหั่นผักตามที่อคิณบอก อคิณมองดูเธอด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขอย่างแท้จริง เขาไม่เคยคิดว่าการได้ทำอาหารกับใครสักคนจะมีความสุขได้มากขนาดนี้
ในขณะที่พราวตะวันกำลังหั่นแครอทอยู่นั้น เธอก็ทำมีดบาดนิ้วตัวเอง เธอร้อง “โอ๊ย!!!” เบาๆ อคิณเห็นดังนั้นก็รีบวางมีดในมือลงแล้วเดินเข้ามาหาเธอทันที เขาจับมือของเธอขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด ใบหน้าหล่อคม ของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“เป็นอะไรหรือเปล่า” อคิณถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนจนพราวตะวันรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเขา เขาค่อยๆ พลิกนิ้วของเธอขึ้นมาดูรอยแผลเล็กๆ ที่มีเลือดซึมออกมา
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ” พราวตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “แค่โดนมีดบาดนิดหน่อยเอง”
อคิณส่ายหน้าเบาๆ แล้วรีบพาเธอไปที่อ่างล้างจานอย่างอ่อนโยน เขารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาแล้วก็ทำแผลให้เธออย่างเบามือที่สุด เขาไม่อยากให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้
“ต่อไปต้องระวังกว่านี้นะ เข้าใจนะ” อคิณกระซิบเบาๆ ขณะที่เขาก้มลงทำแผลให้เธอ ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนพราวตะวันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา พราวตะวันมองใบหน้าของเขาด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้
หลังจากทำแผลเสร็จ ทั้งสองคนก็กลับมาทำอาหารต่อ พราวตะวันพยายามหั่นผักให้ละเอียดมากขึ้น แต่อคิณก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆ และคอยสังเกตเธออยู่ตลอดเวลา จนพราวตะวันรู้สึกอึดอัด
“คุณจะยืนเฝ้าฉันทำไมคะ”
“ก็กลัวคุณจะทำมีดบาดมืออีก” อคิณตอบพร้อมกับยื่นมือมาจับมือของเธอไว้
“ผมหั่นเองดีกว่า คุณไปทำอย่างอื่นที่ไม่ได้ใช้มีดดีกว่าผมเป็นห่วง แล้วก็อย่าไปใกล้หม้อมันร้อน เอาเป็นว่าคุณเตรียมกล่องใส่อาหารดีกว่า” อคิณพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงพราวตะวัน
“นี่คุณ สรุปฉันก็ไม่ได้ทำอะไรสิ!!!” พราวตะวันโวยวายออกมาเล็กน้อย เธอหันไปทำหน้ามุ่ยใส่อคิณอย่างไม่พอใจที่เขาพูดราวกับว่าเธอเป็นเด็กสามขวบที่ต้องดูแลทุกฝีก้าว
อคิณหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเกือบจะชนกัน เขามองใบหน้าบึ้งตึงของพราวตะวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ก็ใช่ไงครับ หน้าที่ของคุณคือยืนสวยๆ อยู่ข้างๆ ผมก็พอ”
พราวตะวันรู้สึกเหมือนเลือดในกายสูบฉีดไปทั่วทั้งใบหน้าของเธอ เธอรีบหันหน้าหนีพร้อมกับดันตัวของอคิณออกไปห่างๆ
“บ้าบอ ใครอยากจะยืนเฉยๆ กันเล่า คุณชวนฉันมาทำอาหาร ฉันก็ต้องทำอาหารสิ”
“แต่ผมไม่อยากเห็นคุณเจ็บจากอะไรอีกแล้ว” อคิณตอบกลับอย่างทันควัน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนจนพราวตะวันต้องหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง เธอเห็นแววตาที่จริงจังของเขา และหัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง
“เอาอย่างนี้นะครับ” อคิณเดินไปหยิบกะละมังขนาดกลางออกมาจากตู้แล้ววางไว้ตรงหน้าพราวตะวัน “คุณช่วยล้างผักพวกนี้ให้ผมหน่อยได้ไหม ส่วนผักที่ต้องใช้มีดเดี๋ยวผมจัดการเอง”
พราวตะวันพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอเดินไปล้างผักอย่างเงียบๆ อคิณที่เห็นเธอดูตั้งใจก็แอบยิ้มออกมา เขาหันไปจัดการกับมีดและแครอทอย่างคล่องแคล่ว สายตาของเขาแอบชำเลืองมองพราวตะวันเป็นระยะๆ เธอที่กำลังก้มหน้าก้มตาหั่นผักอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว สายตาของทั้งสองคนประสานกัน พราวตะวันรีบก้มหน้าลงทันทีด้วยความเขินอาย
“นี่คุณ...” พราวตะวันเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “ทำไมต้องมองฉันแบบนั้น”
“แบบไหนครับ” อคิณถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็...แบบที่เหมือนจะกินฉันได้อยู่แล้วน่ะ” พราวตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
“คุณคิดมากไปแล้วครับ” อคิณหัวเราะเบาๆ “ผมแค่อยากจะให้แน่ใจว่าคุณปลอดภัยก็เท่านั้นเอง”
คำพูดของอคิณทำให้พราวตะวันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้งแล้วยิ้มบางๆ มันเป็นรอยยิ้มแรกที่เธอส่งให้เขาหลังจากที่เธอรู้เรื่องของฟิล์ม อคิณเห็นดังนั้นก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“คุณยิ้มแล้วน่ารักดีนะครับ” อคิณเอ่ยชมออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
พราวตะวันหน้าแดงก่ำ เธอหันหน้าไปทางอื่นเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเอง “หยุดพูดเถอะ”
ทั้งสองคนยังคงทำอาหารไปเรื่อยๆ บรรยากาศในครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทั้งสองคน มันเป็นครั้งแรกที่พราวตะวันรู้สึกว่าความเศร้าที่เคยมีมันค่อยๆ จางหายไปจากใจของเธออย่างช้าๆ มันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่อคิณได้มอบให้
หลังจากใช้เวลาทำอาหารร่วมกันได้สักพัก โจ๊กเพื่อสุขภาพก็เสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนช่วยกันตักโจ๊กใส่กล่องอย่างตั้งใจและบรรจง พราวตะวันมองดูโจ๊กในกล่องด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“แครอทรูปหัวใจน่ารักจังเลย” เธอพูดพลางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
อคิณที่เห็นเธอมีความสุขก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังบวกจากเธอเช่นกัน “ใช่ไหมครับ” เขาตอบพร้อมกับยื่นมือไปเชยคางของเธอขึ้นมา
“แต่ก็ยังไม่น่ารักเท่าคุณหรอกนะ”
พราวตะวันไม่ได้ตอบอะไร เธอได้แต่มองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยความรู้สึกที่สับสนและประหลาดใจ หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนที่100พังทลายในรุ่งอรุณ เช้าตรู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ อากาศยังคงเย็นสบายและชื้นเล็กน้อยจากน้ำค้างยามดึก แสงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องลงกระทบหลังคาจากที่มุงอย่างเรียบง่าย พราวตะวันในชุดคลุมท้องกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยหลังเคาน์เตอร์ไม้เก่าๆ ที่เธอใช้เป็นพื้นที่เตรียมงาน เธอพยายามใช้เวลาช่วงเช้าที่เงียบสงบนี่คัดพักและเตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา แม้ท้องจะแก่ขึ้นเรื่อยๆ จนอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้ว แต่เธอก็ยังคงสนุกกับกิจวัตรเหล่านี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเช็กดูเรื่องราวต่างๆ เธอแทบไม่ค่อยได้ใช้โซเชียลเลยนับตั้งแต่หนีมาอยู่ที่นี่ เพราะกลัวว่าการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกจะทำให้อคิณตามหาเธอเจอ แต่บางครั้งเธอกก็อดไม่ได้ที่จะเปิดดูความเคลื่อนไหวบ้าง นิ้วเรียวเลื่อนผ่านหน้าจอไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ในที่สุด ดวงตาของเธอก็สะดุดเข้ากับรูปภาพและพาดหัวข่าวจากเพจซุบซิบนินทาชื่อดัง ที่เพื่อนคนหนึ่งได้แชร์ไว้ในหน้าฟีดสาธารณะ หัวใจของเธอพลันหยุดเต้นทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้น เพราะเขาคืออคิณ
ตอนที่99ข่าวลือ หลังจากการปรากฏตัวของแพทย์หญิงมณีรัตน์ ในฐานะแพทย์หัวใจคนใหม่ของโรงพยาบาล บรรยากาศในการทำงานของอคิณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มณีรัตน์ไม่ได้มาแค่ทำงาน เธอมาพร้อมความตั้วใจที่จะทวงคืนความสนใจจากรุ่นพี่ที่เธอคิดว่ายังคงมีใจให้เธออยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอเชื่อมั่นในสายตาที่เขาเคยแอบมองเธอเมื่อก่อน และมั่นใจว่าเมื่อความห่างไกลหายไป ความสัมพันธ์ย่อมพัฒนาได้ไม่ยาก มณีรัตน์มักจะหาโอกาสเข้าใกล้อคิณอยู่เสมอ เธอใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นข้ออ้างในการติดต่อสื่อสารที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอกสารสำคัญเกี่ยวแผนกหัวใจเข้าพบที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยตัวเองทุกครั้ง ทั้งที่สามารถสั่งการผ่านเลขานุการได้ หรือการเข้าปรึกษาเรื่องคนไข้ที่ต้องผ่าตัดอย่างละเอียดเกินความจำเป็นในยามวิกาล “ท่านผู้อำนวยการคะ เคสนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ มณีรัตน์อยากปรึกษาเรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์ผ่าตัดหัวใจโดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของอคิณ เธอตั้งใจให้ร่างกายของเธออยู่ใกล้เขาในระยะที่สัมผัสได้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ใช้ก็ส่งกลิ่นอ่อน
ตอนที่98คนใหม่ใกล้หัวใจ บรรยากาศที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ ในช่วงสายของวันยังคงคึกคักไปด้วยลูกค้าประจำและนักท่องเที่ยวที่ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์มา พราวตะวันที่ท้องแก่ 6 เดือน เริ่มมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ท้องของเธอนูนโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด พราวตะวันยังคงยืนลวกเส้นและตักเครื่องก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างนั้น อยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้จะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อน แต่ทุกดารเคลื่อนไหวของเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและพิถีพิถัน ความเหนื่อยล้าเริ่มแสดงออกทางสีหน้าของเธอมากขึ้น บางครั้งเธอต้องใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเพื่อพยุงตัว และหายใจถี่ขึ้นเมื่อต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน ธามไม่เคยปล่อยให้พราวตะวันต้องแบกรับภาระหนักเกินไป เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้าน ธามเป็นคนคอยเดินเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะ และดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด เขาคอยสังเกตพราวตะวันอยู่เสมอ และจะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งที่เห็นเธอเริ่มหอบหรือแสดงอาการเหนื่อยออกมา ธามที่ตั้งใจมาอยู่บ้านยาวๆ พักผ่อนก่อนจะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศแต่เหมือนว่าตอนนี้ธามคงไม่ไปแล้วแน่ๆ “พราวไปนั่งพักก่อนเถอะครับ” ธามเดินมาที่เคาน
ตอนที่97แพทย์หญิงคนใหม่ดูหน้าคุ้นๆ พราวตะวันชะงักไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองมีนาอย่างรวดเร็วแต่ก็รีบก้มลงทันที ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพแต่หนักแน่น“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ชอบ แต่ฉันขอปฏิเสธการสัมภาษณ์ค่ะ” พราวตะวันกล่าวขึ้นมา“แต่คุณสามารถถ่ายภาพอาหารและถ่ายบรรยากาศในร้านได้เต็มที่เลยนะคะ แต่ขอควากรุณา ห้ามถ่ายติดภาพฉันในวิดีโอเด็ดขาดค่ะ และพราวขอไม่เปิดเผยใบหน้าหรือตัวตนในสื่อสาธารณะทุกช่องทางค่ะ” ธามที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสงสัย “พราวครับทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ล่ะครับ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยนะครับ ร้านจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” พราวตะวันมองหน้าธามและจำต้องหาคำตอบเพื่อปกปิดความลับของเธอ “พราวแค่ไม่ชอบออกกล้องเท่านั้นค่ะพี่ธาม” พราวตะวันตอบด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย “พราวอยากใช้ชีวิตสงบๆ ที่นี่ค่ะ ไม่อยากเป็นที่รู้จักหรือตกเป็นเป้าสายตาของใคร” ธามแม้จะไม่ค่อยเชื่อใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตาม มีนาจึงตัดสินใจรีวิวอาหารและบรรยากาศร้านอย่างละเอียด โดยทำตามคำขอของเจ้าของร้านอย่างเคร่งค
ตอนที่96ก๋วยเตี๋ยวโบราณแสนกลมกล่อม ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชวินกับกานต์ และอคินัยกับพราวฟ้านัดเจอกันเพื่อหาทางช่วยอคิณที่กำลังท้อแท้กับการตามหาพราวตะวัน “ฉันสงสารพี่คินน์นะ แต่ก็คิดถึงพราวมากเหมือนกัน” กานต์พูดด้วยความเป็นห่วงอคิณและความคิดถึงพราวตะวัน” “ใช่กานต์ผมเองก็ไม่ต่างกัน” อคินัยกล่าวขึ้นมาอีกคน “พี่คินน์บอกให้ผมไปจัดการเรื่องคดีของฟิล์มต่อ แต่เรื่องตามหาพี่พราวพี่เขาบอกจะหาเอง แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมาอย่างหมดหวัง ชวินที่นั่งเงียบฟังอยู่นานก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยเสียงดังเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาสนใจ “เราจะมานั่งเศร้ากันอยู่ไมได้นะ” “แต่เราจะทำยังไงคะพี่ชวิน” พราวฟ้าถามด้วยความเครียด “ไม่มีรู้เบาะแสของพราวเลยจริงๆ” “มันต้องมีแหละสักทาง แต่ตอนนี้ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกัน ไว้เราค่อยหาทางไปเรื่อยๆ แม้จะน้อยนิดก็เถอะ แต่ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก” ชวินเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักใจ ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาตัดสินใจพักเรื่องหนักๆ
ตอนที่95บทพิสูจน์ความรัก ที่บ้านของอคิณ บรรยากาศยังคงเงียบสงบและหนักอึ้งหลังจากที่เขาได้ฟังการสารภาพที่โหดร้ายของฟิล์ม อคิณนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างอ่อนล้า มือยังคงกุมกรอบรูปของพราวตะวันที่วางข้างหมอน ความจริงที่ว่าภรรยาของเขาจากไปเพราะถูกจัดฉากและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความโกรธแค้นของเขายิ่งทวีคูณ เขาได้มอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องคดีของณิชาและฟิล์มอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่เรื่องคดีความไม่ได้ทำให้หัวใจเขาหายเจ็บปวดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพราวตะวันและลูกของเขา อคิณลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปในความมืดมิดของค่ำคืน ความท้อแท้เข้าจู่โจมเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฟิล์มก็ไม่รู้ว่าพราวอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ไม่รู้” อคิณพยายามนึกถึงสถานที่ที่พราวตะวันเคยพูดถึง หรือทุกความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนไม่มีทางให้เขาเดิน พราวตะวันเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกและโลกส่วนตัวสูง เมื่อเธอตัดสินใจหนี เธอย่อมไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ “พี่จะตามหาพราวทที่ไหน ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายของพราวตะวั







