LOGINพายุฝนโหมกระหน่ำลงมาอย่างหนักตั้งแต่หัวค่ำ เสียงฟ้าร้องครืนครืนตามมาด้วยแสงฟ้าผ่าแปลบปลาบ ทำให้บ้านทั้งหลังมืดสนิทในพริบตา เมื่อกระแสไฟฟ้าดับลงอย่างกะทันหัน
พราวตะวันที่กำลังเดินอยู่ในห้องโถงกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เธอเป็นคนกลัวความมืดและเสียงฟ้าฝนที่กระหน่ำลงมายิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
ทันใดนั้นเองมือหนาก็เอื้อมมาคว้าแขนของเธอไว้ อคิณจุดเทียนไขหลายเล่มที่วางเตรียมไว้ทั่วบ้าน ทำให้บ้านแสงสลัวของเปลวเทียนเป็นสิ่งเดียวที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด เขาเห็นใบหน้าของพราวตะวันที่ซีดเผือดและดวงตาที่ฉายแววหวาดกลัวอย่างชัดเจน
“คุณกลัวความมืดเหรอพราว” อคิณถามเสียงนุ่มน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
พราวตะวันสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา เธอไม่ชอบให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเอง
“เปล่า ฉันไม่ได้กลัว” เธอตอบเสียงแข็ง พยายามซ่อนความสั่นเทาในน้ำเสียง
“แค่ตกใจนิดหน่อย”
อคิณไม่ได้เซ้าซี้อะไร เขาจูงมือเธอให้เดินตามเขาไปยังห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาตัวใหญ่และผิงไฟที่ยังคงให้ความอบอุ่น
เขาจุดเทียนเพิ่มอีกสองสามเล่ม เพื่อให้ห้องสว่างขึ้นเล็กน้อย พราวตะวันนั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ในขณะที่อคิณนั่งลงบนโซฟาอีกตัวตรงข้ามกับเธอ
บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงฝนที่ตกกระทบหน้าต่างและเสียงฟืนที่ลุกไหม้ในเตาผิง
“เรามาคุยกันจริงจังหน่อยได้ไหมครับพราว” อคิณเริ่มบทสนทนา
“ผมรู้ว่าคุณอึดอัด และผมก็อยากเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง”
พราวตะวันเมินหน้าหนี “ฉันไม่เห็นมีอะไรต้องคุย”
อคิณถอนหายใจเบา ๆ เขาขยับตัวมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเธอแต่รักษาระยะห่างไว้พอสมควร
“คุณเกลียดผมมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ” อคิณถามตรง ๆ แววตาของเขามีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ลึก ๆ
พราวตะวันหันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาแข็งกร้าว เธอจงใจใช้คำพูดที่บาดใจ เพื่อหวังให้เขาเจ็บปวดและยอมแพ้
“ใช่ค่ะ ฉันเกลียดคุณ เกลียดมาก ฉันเกลียดทุกอย่างที่เป็นคุณ เกลียดที่ต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์บ้า ๆ แบบนี้ เกลียดที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณ”
อคิณนิ่งไปชั่วขณะ รับฟังทุกคำพูดที่เธอระบายออกมาอย่างอดทน
“คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไงครับ” อคิณถามกลับ เสียงของเขาเรียบเฉยจนพราวตะวันรู้สึกหงุดหงิด
“คุณก็แค่เสือผู้หญิงคนหนึ่งที่หลงตัวเอง คิดว่าผู้หญิงทุกคนจะวิ่งเข้าหา” พราวตะวันตอกกลับด้วยความรังเกียจที่เสแสร้งขึ้นมา
“คุณคงสนุกมากสินะคะกับการที่ได้เห็นฉันดิ้นรนแบบนี้ คุณคงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากที่ได้ช่วยครอบครัวฉันไว้ แล้วก็มาบีบบังคับฉันแบบนี้”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น” อคิณตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมช่วยครอบครัวคุณเพราะพ่อของคุณคือเพื่อนของพ่อผมและเพราะผมอยากให้คุณปลอดภัย”
“ตลกสิ้นดี” พราวตะวันแค่นหัวเราะ
“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดสวยหรูของคนเจ้าชู้แบบคุณเหรอคะ คนอย่างคุณน่ะมันน่ารังเกียจที่สุด”
คำพูดของพราวตะวันเสียดแทงหัวใจของอคิณอย่างจัง แต่เขาก็ยังคงควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ความอดทนของเขาทำให้พราวตะวันยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เธอต้องการให้เขาโกรธ ต้องการให้เขาตะคอกกลับมา ไม่ใช่ความใจเย็นแบบนี้
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรง พร้อมกับแสงฟ้าผ่าที่สว่างวาบเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ห้องมืดมิดลงชั่วขณะ พราวตะวันสะดุ้งสุดตัว ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว เธอเบียดตัวเข้ามุมโซฟา พยายามซ่อนใบหน้าที่ซีดเผือด
อคิณเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของเธอ แม้เธอจะพยายามปกปิดเพียงใด แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีแข็งกระด้าง
“ไม่ต้องกลัวนะครับ” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปโอบกอดเธอไว้แน่น ดึงร่างของเธอเข้ามาชิดกับเขา
พราวตะวันตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิด เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนทันที
“ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องฉัน”
แต่ยิ่งเธอผลักไสมากเท่าไหร่ อคิณก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นเท่านั้น อ้อมกอดของเขาอบอุ่นและมั่นคงอย่างน่าประหลาด เขากระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่เป็นไรครับพราวผมอยู่ตรงนี้คุณปลอดภัยแล้ว”
พราวตะวันหยุดดิ้นรนเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของอคิณที่แผ่ซ่านเข้ามาในความมืดมิดมันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่ได้รับจากใครมานานแสนนาน ความกลัวที่เธอมีต่อพายุและฟ้าผ่าค่อย ๆ คลี่คลายลงช้า ๆ ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกประหลาดที่ยากจะอธิบาย
พราวตะวันยังคงอยู่ในอ้อมกอดของอคิณ แม้เธอจะพยายามผลักไสเขาในตอนแรกแต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ขัดขืนอีกต่อไป เธอซบหน้าลงกับแผงอกกว้างของเขา กลิ่นกายสะอาดผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของเขาโชยมาแตะจมูกเธออย่างจังหัวใจของเธอเต้นระรัวผิดจังหวะอีกครั้ง
อคิณลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำมีเพียงเสียงฝนและเสียงลมหายใจของทั้งคู่ ในอ้อมกอดของเขา
พราวตะวันรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาดใจ ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้ความหนาวเหน็บในใจเธอเริ่มคลี่คลายลงทีละน้อย
เมื่อเสียงฝนเริ่มซาลงและฟ้าผ่าเริ่มห่างออกไป อคิณค่อย ๆ คลายอ้อมกอดออกช้า ๆ
พราวตะวันรีบผละออกจากเขาแทบจะทันทีใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความรู้สึกอายและความสับสนเธอโกรธตัวเองที่เผลอไผลไปกับสัมผัสของเขา
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เธอพึมพำเสียงแผ่วพยายามทำตัวให้ดูปกติที่สุด
อคิณมองเธอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก แววตาของเขาอบอุ่นและอ่อนโยน ราวกับจะบอกว่าเขารับรู้ถึงความอ่อนแอของเธอและเขาก็ไม่ได้ตัดสินเธอ พราวตะวันลุกขึ้นยืนทันที
“ฉันไปนอนดีกว่า” เธอเดินกลับไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองเขาอีก อคิณมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ของเธอที่หายลับไปในความมืด เขาถอนหายใจเบา ๆ พลางยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารู้ว่ากำแพงที่พราวตะวันสร้างไว้เริ่มมีรอยร้าวแล้ว
ในห้องนอนพราวตะวันทิ้งตัวลงบนเตียง เธอยังคงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของอคิณ เธอโกรธตัวเองที่เผลอแสดงความอ่อนแอ และเผลอหวั่นไหวไปกับเขา เธอจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ เธอจะต้องทำให้เขาเกลียดเธอให้ได้ เธอต้องไม่แพ้
ตอนที่99ข่าวลือ หลังจากการปรากฏตัวของแพทย์หญิงมณีรัตน์ ในฐานะแพทย์หัวใจคนใหม่ของโรงพยาบาล บรรยากาศในการทำงานของอคิณก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด มณีรัตน์ไม่ได้มาแค่ทำงาน เธอมาพร้อมความตั้วใจที่จะทวงคืนความสนใจจากรุ่นพี่ที่เธอคิดว่ายังคงมีใจให้เธออยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอเชื่อมั่นในสายตาที่เขาเคยแอบมองเธอเมื่อก่อน และมั่นใจว่าเมื่อความห่างไกลหายไป ความสัมพันธ์ย่อมพัฒนาได้ไม่ยาก มณีรัตน์มักจะหาโอกาสเข้าใกล้อคิณอยู่เสมอ เธอใช้ความเชี่ยวชาญของตนเองเป็นข้ออ้างในการติดต่อสื่อสารที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอกสารสำคัญเกี่ยวแผนกหัวใจเข้าพบที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยตัวเองทุกครั้ง ทั้งที่สามารถสั่งการผ่านเลขานุการได้ หรือการเข้าปรึกษาเรื่องคนไข้ที่ต้องผ่าตัดอย่างละเอียดเกินความจำเป็นในยามวิกาล “ท่านผู้อำนวยการคะ เคสนี้ละเอียดอ่อนมากค่ะ มณีรัตน์อยากปรึกษาเรื่องการเลือกใช้อุปกรณ์ผ่าตัดหัวใจโดยเฉพาะเลยค่ะ” มณีรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานของอคิณ เธอตั้งใจให้ร่างกายของเธออยู่ใกล้เขาในระยะที่สัมผัสได้ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ใช้ก็ส่งกลิ่นอ่อน
ตอนที่98คนใหม่ใกล้หัวใจ บรรยากาศที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านไร่ ในช่วงสายของวันยังคงคึกคักไปด้วยลูกค้าประจำและนักท่องเที่ยวที่ตามรอยอินฟลูเอนเซอร์มา พราวตะวันที่ท้องแก่ 6 เดือน เริ่มมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ท้องของเธอนูนโตออกมาอย่างเห็นได้ชัด พราวตะวันยังคงยืนลวกเส้นและตักเครื่องก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างนั้น อยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้จะไม่ได้ว่องไวเหมือนก่อน แต่ทุกดารเคลื่อนไหวของเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจและพิถีพิถัน ความเหนื่อยล้าเริ่มแสดงออกทางสีหน้าของเธอมากขึ้น บางครั้งเธอต้องใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอวเพื่อพยุงตัว และหายใจถี่ขึ้นเมื่อต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน ธามไม่เคยปล่อยให้พราวตะวันต้องแบกรับภาระหนักเกินไป เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้าน ธามเป็นคนคอยเดินเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะ และดูแลความเรียบร้อยทั้งหมด เขาคอยสังเกตพราวตะวันอยู่เสมอ และจะรีบเข้ามาช่วยทุกครั้งที่เห็นเธอเริ่มหอบหรือแสดงอาการเหนื่อยออกมา ธามที่ตั้งใจมาอยู่บ้านยาวๆ พักผ่อนก่อนจะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศแต่เหมือนว่าตอนนี้ธามคงไม่ไปแล้วแน่ๆ “พราวไปนั่งพักก่อนเถอะครับ” ธามเดินมาที่เคาน
ตอนที่97แพทย์หญิงคนใหม่ดูหน้าคุ้นๆ พราวตะวันชะงักไปเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองมีนาอย่างรวดเร็วแต่ก็รีบก้มลงทันที ใบหน้าของเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาเพียงเสี้ยววินาที เธอปฏิเสธทันทีอย่างสุภาพแต่หนักแน่น“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ชอบ แต่ฉันขอปฏิเสธการสัมภาษณ์ค่ะ” พราวตะวันกล่าวขึ้นมา“แต่คุณสามารถถ่ายภาพอาหารและถ่ายบรรยากาศในร้านได้เต็มที่เลยนะคะ แต่ขอควากรุณา ห้ามถ่ายติดภาพฉันในวิดีโอเด็ดขาดค่ะ และพราวขอไม่เปิดเผยใบหน้าหรือตัวตนในสื่อสาธารณะทุกช่องทางค่ะ” ธามที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสงสัย “พราวครับทำไมไม่ให้สัมภาษณ์ล่ะครับ นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยนะครับ ร้านจะได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” พราวตะวันมองหน้าธามและจำต้องหาคำตอบเพื่อปกปิดความลับของเธอ “พราวแค่ไม่ชอบออกกล้องเท่านั้นค่ะพี่ธาม” พราวตะวันตอบด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเล็กน้อย “พราวอยากใช้ชีวิตสงบๆ ที่นี่ค่ะ ไม่อยากเป็นที่รู้จักหรือตกเป็นเป้าสายตาของใคร” ธามแม้จะไม่ค่อยเชื่อใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตาม มีนาจึงตัดสินใจรีวิวอาหารและบรรยากาศร้านอย่างละเอียด โดยทำตามคำขอของเจ้าของร้านอย่างเคร่งค
ตอนที่96ก๋วยเตี๋ยวโบราณแสนกลมกล่อม ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชวินกับกานต์ และอคินัยกับพราวฟ้านัดเจอกันเพื่อหาทางช่วยอคิณที่กำลังท้อแท้กับการตามหาพราวตะวัน “ฉันสงสารพี่คินน์นะ แต่ก็คิดถึงพราวมากเหมือนกัน” กานต์พูดด้วยความเป็นห่วงอคิณและความคิดถึงพราวตะวัน” “ใช่กานต์ผมเองก็ไม่ต่างกัน” อคินัยกล่าวขึ้นมาอีกคน “พี่คินน์บอกให้ผมไปจัดการเรื่องคดีของฟิล์มต่อ แต่เรื่องตามหาพี่พราวพี่เขาบอกจะหาเอง แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมาอย่างหมดหวัง ชวินที่นั่งเงียบฟังอยู่นานก็วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะด้วยเสียงดังเล็กน้อย เป็นการส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาสนใจ “เราจะมานั่งเศร้ากันอยู่ไมได้นะ” “แต่เราจะทำยังไงคะพี่ชวิน” พราวฟ้าถามด้วยความเครียด “ไม่มีรู้เบาะแสของพราวเลยจริงๆ” “มันต้องมีแหละสักทาง แต่ตอนนี้ในเมื่อทำอะไรไม่ได้เราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกัน ไว้เราค่อยหาทางไปเรื่อยๆ แม้จะน้อยนิดก็เถอะ แต่ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก” ชวินเอ่ยขึ้นมาอย่างหนักใจ ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาตัดสินใจพักเรื่องหนักๆ
ตอนที่95บทพิสูจน์ความรัก ที่บ้านของอคิณ บรรยากาศยังคงเงียบสงบและหนักอึ้งหลังจากที่เขาได้ฟังการสารภาพที่โหดร้ายของฟิล์ม อคิณนั่งอยู่ที่ขอบเตียงอย่างอ่อนล้า มือยังคงกุมกรอบรูปของพราวตะวันที่วางข้างหมอน ความจริงที่ว่าภรรยาของเขาจากไปเพราะถูกจัดฉากและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ความโกรธแค้นของเขายิ่งทวีคูณ เขาได้มอบหมายให้ทนายจัดการเรื่องคดีของณิชาและฟิล์มอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่เรื่องคดีความไม่ได้ทำให้หัวใจเขาหายเจ็บปวดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการตามหาพราวตะวันและลูกของเขา อคิณลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปในความมืดมิดของค่ำคืน ความท้อแท้เข้าจู่โจมเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ฟิล์มก็ไม่รู้ว่าพราวอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ไม่รู้” อคิณพยายามนึกถึงสถานที่ที่พราวตะวันเคยพูดถึง หรือทุกความสัมพันธ์ที่เธอเคยมี แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนไม่มีทางให้เขาเดิน พราวตะวันเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกและโลกส่วนตัวสูง เมื่อเธอตัดสินใจหนี เธอย่อมไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ “พี่จะตามหาพราวทที่ไหน ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปถ่ายของพราวตะวั
ตอนที่94ลูกชายป้าดี “ผมธามครับ ลูกชายป้าดี แล้วก็เป็นเจ้าของบ้านที่คุณพราวเช่าอยู่ครับ” ธามแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ผมเพิ่งกลับมาถึงครับ แม่บอกว่าคุณกำลังเตรียมของอยู่ ตรงไหนที่ต้องยกหรือจัดให้เข้าที่ บอกผมได้เลยนะครับ ผมเป็นช่างซ่อมจำเป็นให้ได้ทุกเมื่อนะคะ” การปรากฏตัวและคำพูดที่จริงใจของธามทำให้พราวตะวันรู้สึกโล่งใจและอบอุ่นอย่างประหลาด ความมั่นคงที่แผ่ออกมาจากธามทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเพื่อนเพิ่มเข้ามาอีกคน “ขอบคุณมากนะคะ” พราวตะวันตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่มาจากใจจริง “แต่ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ค่ะ เรียกพราวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คุณธาม” “ถ้าอย่างนั้นพราวก็เรียกผมว่าพี่ธามไม่ต้องเรียกคุณหรอก” พราวตะวันเงยหน้ามองธามด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง “ก็ได้ค่ะ พี่ธาม ยังไงก็รบกวนอยู่ที่นี่ไปสักพักนะคะ” การที่เธอเรียกเขาว่าพี่ ทำให้ธามรู้สึกดีอย่างประหลาด ราวกับได้รับรางวัลชิ้นใหญ่ที่รอคอยมานาน “ไม่รบกวนเลยครับ เต็มใจมากๆ มีอะไรต้องการให้ช่วยบอกได้เลยครับ” ธามรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ความเขินอายของเขาจะแสดงออกมา “ไหนครับ มีอะไรที่ต้องช่วยยกหรือเ







