ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความคิด ความอ่าน และการวางแผนในอนาคตด้วยกันก่อนหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแบบในตอนนี้ ก่อนหน้านั้นทั้งเทวทิณณ์และมัชชุพรคิดว่า พวกเขาต่างก็มองเห็นอนาคตร่วมกันไม่ใช่หรือถึงได้ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ว่ากันว่าเจ็ดปีอันตราย มีคู่รักหลายคู่ที่ต้องจำใจเอ่ยลาในระยะเวลานี้ แต่สำหรับมัชชุพรระยะเวลาเพียงสองปีกลับทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่สั่นคลอนถึงเพียงนี้
ในส่วนของมัชชุพรหล่อนแค่ต้องการสามีคนเดิม คนที่ใส่ใจดูแล คนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยถามสารทุกข์สุกดิบแม้งานจะยุ่งมากแค่ไหน ขอแค่ส่งข้อความมาบอกให้เธอได้รับรู้บ้างก็เท่านั้น หลายครั้งที่มัชชุพรทำอาหารไว้เอาใจสามีจนเต็มโต๊ะ ความตั้งใจที่มี ความคาดหวังที่จะได้ใช้เวลาทานข้าวด้วยกันเพียงสามสิบนาทีในหนึ่งวันเป็นอันต้องสูญเปล่าหลายครั้ง แรก ๆ ก็ยังพอเข้าใจ แต่หลาย ๆ ครั้งเหมือนถูกสามีละเลย ยิ่งไปกว่านั้นก็เสียความรู้สึกหิ้วท้องรอสามีมาทานข้าวด้วยกัน แต่อีกฝ่ายไม่เพียงส่งข้อความมาบอกกล่าวยังพูดหน้าตายว่าทานมาจากข้างนอกแล้ว เสียความรู้สึกเป็นที่สุด แต่เพราะอยากจะรักษาความสัมพันธ์ให้ยืดยาว มัชชุพรเลยไม่พูดออกไป เก็บไว้นานวันเข้าก็ถึงเวลาระเบิด
ส่วนเทวทิณณ์เพราะคิดว่าเขาคือหัวหน้าครอบครัว ไม่เพียงต้องก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่ต้องก้าวหน้าในกำลังทรัพย์ด้วย เขาวางแผนไว้หลายอย่างไว้ในหัว หากไม่มีสามีอย่างเขา มัชชุพรจะต้องอยู่ได้ และอยู่ได้ดีด้วย กลัวว่าคนรักจะลำบากเลยพยายามก่อร่างสร้างตัวจนลืมใครบางคนไว้ข้างหลัง เมื่อเขาวิ่งมาถึงเส้นชัยกลับมองไม่เห็นมัชชุพร ไม่รู้ว่าเขาละเลยภรรยาไปตั้งแต่ตอนไหนและเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ เทวทิณณ์กระหายความสำเร็จจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจไปจนสุดกำลัง อีกทั้งเขายังดำรงตำแหน่งประธานชี้นิ้วสั่งลูกน้องเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ พอกลับมาถึงบ้านกลายเป็นว่าสามีอย่างเขาสลัดหัวโขนนั้นไม่ออก ไม่ได้เป็นสามีที่น่ารักของมัชชุพรคนก่อนอีกต่อไป เขาเอาแต่ตำหนิอีกฝ่ายเพื่อให้เป็นดั่งใจหวัง ตั้งตัวเป็นประมุขของบ้านที่ว่าภรรยาต้องทำตาม ด้วยเพราะเหตุนี้บรรยากาศคู่รักที่รักกันชื่นมื่นก่อนหน้าเป็นอันจืดจาง เพราะเขาไม่สามารถควบคุมมัชชุพรให้เป็นดั่งใจนึก นึกถึงตอนที่เขาบริภาษภรรยาที่ออกไปเที่ยวผับตอนกลางคืนโดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“เฮ้อ” เทวทิณณ์ถอนหายใจไม่รู้กี่สิบครั้งของวัน แฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะที่รอให้เขาอ่านและอนุมัติตั้งเรียงรายอยู่อย่างนั้นตั้งแต่เช้า ก่อนจะกดอินเตอร์โฟนสอบถามเลขาถึงกำหนดการช่วงบ่ายและวันต่อ ๆ ไป เขาโหมงานหนักเกินไปจริง ๆ จนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หายใจเข้าออกเป็นงาน อีกทั้งยังหาคนที่จะเข้ามาช่วยสานต่อหรือไว้วางใจให้ทำหน้าที่แทน การเป็นประธานบริษัทนั้นภายนอกดูภูมิฐานโอ่อ่าแต่ว่าความจริงนั้นกลับต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย เขาไม่ได้กินปากเดียว มีลูกน้องและพนักงานรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาต่างก็เป็นฟันเฟืองให้บริษัทเดินหน้าต่อไป เพราะฉะนั้น…แต่ละก้าวในการลงทุนจะต้องระมัดระวัง เจรจาต่อรองเพื่อให้ตัวเองเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด ไหนจะต้องผูกสัมพันธ์กับผู้ใหญ่และแวดวงนักธุรกิจด้วยกัน เพื่อหาพาร์ทเนอร์และเส้นสายในการลงทุนอื่น ๆ ต่อไป กว่าบริษัทจะเป็นรูปเป็นร่างมั่นคงมาได้ขนาดนี้เขาทุ่มเทและแทบจะลงไปกำกับเองทุกขั้นตอน
ตัวเขาในวัยสามสิบหกย่างสามสิบเจ็ดปี กระหายในความสำเร็จ ไหลไปตามกระแสว่าอายุเท่านั้นเท่านี้ควรมีอะไร อย่างบ้านคันโต รถคันใหญ่ ต้องประสบความสำเร็จแบบนั้นแบบนี้ แล้วยิ่งได้ใจเมื่อเห็นตัวเองเป็นที่กล่าวถึงในหน้าหนังสือพิมพ์ ‘นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงแห่งปี’ เขาหลงไปกับชื่อเสียงและความสำเร็จ กระหายที่จะไปให้ถึงเส้นชัยให้เร็วที่สุด สุดท้ายพอเขาบรรลุเป้าหมายแล้วกลับไม่มีใครอยู่เคียงข้างในวันที่เขาประสบผลสำเร็จ เขาเอาแต่วิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเอาเป็นเอาตายจนลืมใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะครอบครัว พ่อแม่ ไม่เว้นแม้แต่ภรรยาที่บ้าน นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาต่างก็ไม่ได้ทานข้าวร่วมกัน เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบ หัวเราะให้กัน ระยะเวลาสองปีจะว่าสั้นก็ไม่สั้น จะว่ายาวก็ไม่ยาว เขาลืมไปว่ามนุษย์เราสังขารร่วงโรยไปตามเวลา อีกทั้งไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้บุคคลเหล่านั้นจะยังอยู่หรือไม่
บางทีความสำเร็จที่แลกมาอาจไม่คุ้มค่า
จะดีกว่าไหมถ้าค่อย ๆ วิ่งก้าวเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน คอยเก็บเกี่ยวความสุขไปตามทาง เหนื่อยก็พักอย่างน้อยก็มีมือหลายคู่ที่คอยช่วยพยุงกันไป ดีกว่าไปตัวคนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว หากไม่มีบุคคลเหล่านั้นเทวทิณณ์ก็ไม่รู้จะฉลองความสำเร็จนั้นกับใคร
วันนี้ธิชาและเพื่อนรักอย่างมัชชุพร ทั้งสองครอบครัวนัดกันมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเลแห่งหนึ่งในภาคใต้มิตรภาพที่ยาวนานร่วมสิบปีของสองสาว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นภาพนี้ด้วยกัน รวมไปถึงสองหนุ่มเพื่อนสนิทอย่างเทวทิณณ์และพิภพ ที่ต่างก็มองภรรยาและลูกน้อยก่อปราสาททรายกันอย่างสนุกสนาน“ถ้ารู้ว่ามีครอบครัวแล้วมีความสุขอย่างนี้ กูมีไปนานแล้ว ไม่น่าไปฟังไอ้พวกนั้นที่เอาแต่บ่นกระปอดกระแปด” เทวทิณณ์ยกเบียร์กระป๋องในมือขึ้นมาจิบก่อนจะยักไหล่ “ก็ไอ้พวกนั้นไม่ได้มีเมียเหมือนมัช และไม่ได้ใจกว้างเหมือนธิชา” เทวทิณณ์ได้ทีเอ่ยชมภรรยาไม่ขาดปาก“ก็จริง ชาเค้าไม่เคยทำตัวแบบว่าเมียใหญ่สุด หรือกูต้องทำตัวเป็นพ่อบ้านใจกล้า ไอ้พวกนั้นทำยังกะว่าเรื่องแต่งเมียเหมือนขายของหรือไง”“ก็โดนคลุมถุงชน เป็นกูก็ไม่อยากกลับบ้านเปล่าวะ”“ดีที่ชาเค้ายังกลับมาหากู ไม่งั้นกูคงไม่ได้เห็นภาพนี้ หรือไม่ก็ไม่มีภาพนี้ในหัวเลย” เทวทิณณ์ตบบ่าเพื่อนรักเพื่อให้กำลังใจ“รักษาเค้าให้ดี ๆ ไม่ใช่ละเลยทำตัวเสเพลเหมือนเดิมอีกนะมึง ลูกเต้าก็มีแล้วทำตัวให้สมกับที่เป็นพ่อคน”“ครับ” พิภพหันมาพนมมือไหว้เพื่อนรัก ที่สั่งสอนยังกะพ่อ ตั้งแต่แต่งงาน
คู่แต่งงานใหม่ก็พากันมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไกลถึงต่างประเทศ ธิชาและพิภพต่างก็กกกอดกันอย่างแนบแน่นทุกเช้าค่ำระหว่างท่องเที่ยวฮันนีมูนในโรงแรมแห่งหนึ่ง “อื้อ สะ สามี เบาหน่อย”ตั้งแต่งานแต่งงาน พวกเขาทั้งสองต่างก็เหนื่อยลากเลือดกันทั้งคู่ ไม่มีเวลามาจู๋จี๋ตามประสาข้าวใหม่ปลามันกันสักเท่าไหร่ สรรพนามที่เอ่ยเรียกกันก็เปลี่ยนไป“ชาจ๋า ชาของพี่หวานที่สุด”“อื้อ”สองเต้าที่ถูกมือใหญ่บีบเคล้น อีกทั้งยังถูกดูดอย่างกระหายอย่างนี้ทำเอาธิชาถึงกับกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ เห็นแต่ผมดกดำที่ขยับอยู่ตรงหน้าอกของเธออยู่นานสองนาน เขาทั้งขบกัด หยอกล้อกับเม็ดบัวทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว ร่างบางสั่นระริกด้วยความเสียว อีกทั้งช่องทางสวาทยังหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาจนต้นขาด้านในเฉอะแฉะไปหมด สองขาถูไถกับเตียงกว้างจนผ้าปูที่นอนยับย่น ข้อมือได้แต่กำมุมหมอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาทำเอาเธอเกือบจะเสร็จสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง“อ๊ะ”พิภพจูบลูบไล้ร่างกายที่สะโอดสะอง เอวคอดสะโพกผาย ธิชามีรูปร่างเหมือนนาฬิกาทราย ผู้ชายอย่างพิภพไม่รู้ว่าร่างกายที่ผอมเพรียวของเธอแบกเต้าทรงโต และเข่าที่แบกสสะโพกผายได้ยังไง ไม่ว
“ไม่ต้องร้องแล้วนะคะคนดี” พิภพเอ่ยปลอบพลางก้มลงจูบหน้าผากเนียนด้วยความรักใคร่ กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากยิ่งขึ้น พอเห็นเพื่อนรักแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุข มันก็กระตุ้นความปรารถนาของพิภพให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น เขาประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว แต่ชีวิตคู่กลับตรงกันข้าม เขาจินตนาการการมีครอบครัว แต่งงานมีลูกกับใครสักคนไม่ออก หากตอนแรกเขาไม่เลิกกับธิชาก็คงยังมองภาพนั้นไม่ออก แต่พอได้เลิกรากับอีกฝ่ายไป ภาพที่เคยเลือนรางและคิดว่าไม่มีอยู่จริงกลับมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เขาวาดภาพบ้านและครอบครัวของตัวเองออกมาหลายภาพ และมองเห็นอนาคตที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนไปจนแก่เฒ่า และคนคนนั้นก็คือธิชา…หญิงสาวตรงหน้าหากไม่เคยสูญเสียก็ไม่รู้คุณค่าของมันวันนี้เขารู้ซึ้งแล้ว และจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือเป็นครั้งที่สองงานแต่งงานของธิชาและพิภพจัดขึ้นที่ริมทะเลจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ บรรยากาศเรียบง่ายแต่อบอุ่น มีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนสนิทเพียงเท่านั้น มัชชุพรและเทวทิณณ์พร้อมยัยหนูมัชฌิมาในวัยแปดเดือน สวมชุดกระโปรงน่ารักพร้อมผ้าคาดหัว บนแท่นเวทีบ่าวสาวกำลังเอ่ยคำสาบาน‘ข้าพเจ้านายพิภพ รับ นางสาวธิ
ไม่รู้ว่าสถานะนี้คืออะไร แต่ต่างฝ่ายต่างสบายใจที่จะไปมาหาสู่กันอย่างนี้ บางทีเวลาก็ช่วยเยียวยาและตกตะกอนความคิดต่าง ๆ ให้ผู้คนต่างก็เติบโตและไม่จมกับความผิดพลาดในอดีต อีกทั้งตอนนี้พวกเขาต่างก็เดินหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้แล้วว่ากว่าจะเจอรักดี ๆ คนรักดี ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแตกสลายและเสียน้ำตามากมายไปไม่รู้เท่าไหร่กว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง พูดคุยและหัวเราะด้วยกันอีกครั้งแบบนี้ โดยเฉพาะอดีตคาสโนว่าอย่างพิภพ ที่เหมือนจะถูกถอดเขี้ยวเล็บไปจนหมด ตอนนี้กลายเป็นคนที่เจอตัวยากพอ ๆ กับเทวทิณณ์ อย่างเทวทิณณ์ที่กำลังจะเป็นพ่อคนอยู่ติดบ้านก็ไม่แปลก แต่คนที่มักจะออกท่องราตรีเป็นประจำอย่างพิภพกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยู่ติดบ้าน ออกสังสรรค์บ้างแต่ก็นับครั้งได้ ธิชาเองก็ไม่เคยกะเกณฑ์หรือพูดขอร้องอะไร เธอไม่เคยพูดให้เขาเปลี่ยน เพราะหากเขาไม่เปลี่ยน ใครก็คิดที่จะเปลี่ยนเขาไม่ได้ อีกทั้งธิชาก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามครรลอง ถ้าถามถึงความรู้สึก…เธอก็ยังรักตัวเองมากกว่าจะรักใครคนอื่นหลังจากดูหนังจนจบ พิภพก็พาหญิงสาวมาทานอาหารดาดฟ้าโรงแรมดัง “นี่หรือเปล่าคะที่ย้ำนัก
ตั้งแต่วันนั้นธิชากับพิภพก็ไม่ได้เจอกันอีกจนงาน Baby Shower ของยัยมัชที่จัดงานที่บ้านสวนที่อยุธยาบ้านของพี่ทิณ เรียกได้ว่าเป็นงานรวมกัลยาณมิตรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เพื่อนฝูง ต่างก็มากันเกือบครบหมด ว่าที่คุณแม่ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่ใช่แค่แขกในงานที่ลุ้นเพศ สามีอย่างเทวทิณณ์เองก็ลุ้นจนตัวโก่งเหมือนกัน มีแต่มัชชุพรที่รู้ ลูกโป่งสีสวยบรรจุแผ่นกระดาษไว้ภายใน สีฟ้าลูกชาย สีชมพูลูกสาว เพื่อน ๆ ต่างก็พนันกันอย่างสนุกสนาน ธิชาเองก็เหมือนกัน ลูบท้องยัยมัชออกจะบ่อย ท้องแหลมแบบนี้โบราณเขาว่าจะได้ลูกสาว งานปาร์ตี้เล็ก ๆ แต่ทว่ากลับอบอุ่น ตอนนี้เองพิภพก็เดินมาหาเธอ พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเคอะเขิน พูดคุยทักทายกันอย่างออกรสตามประสาคนรู้จัก“ชาว่าไอ้ทิณจะได้ลูกชายหรือลูกสาว”“ต้องลูกสาวอยู่แล้วค่ะ”“ถ้าลูกชายล่ะ?”“งั้นมาพนันกันไหมละคะ” ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งคู่มัชชุพรถือลูกโป่งยักษ์สีขาวไว้ในมือ เพื่อน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์ฝั่งเพื่อนชายก็ส่งเสียง BOY/ ส่วนฝั่งผู้หญิงก็ GIRL ต่างไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้เด็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ ต่างขนมาให้กองพะเนินจนคุณย่าอย่างสาวิตรีอดที่จะหัวเราะกับคนห
หลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทเองก็ไม่ได้ใจดำกับลูกน้อง ทางหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็เอ่ยปากให้ธิชาลาพักได้อีกสักสองสามวัน เพราะเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ และคดีความ แต่ธิชาปฏิเสธอีกทั้งงานตรงหน้าทำให้สมองของเธอหยุดคิดเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ขณะหนึ่ง เพื่อนร่วมงานก็ต่างชวนคุย ดีกว่านั่งอุดอู้อยู่ที่โรงแรมเป็นไหน ๆ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทางพิภพเองก็บอกว่ารอให้หาคอนโดได้ใหม่จะส่งมาให้ เธอเองก็เห็นว่าไม่เสียหายอะไร จึงเอาตามนั้น แต่ระหว่างนี้ก็ไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก แม้จะพักอยู่ห้องเดียวกันก็ตามธิชาเองก็รู้สึกปลอดภัยที่อีกฝ่ายมาอยู่เป็นเพื่อน หากสภาพจิตใจดีมากกว่านี้อีกสักหน่อยคงต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม…แต่เธอเองก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว พยายามหาห้องใหม่ให้เร็วที่สุด ทางอิทธิเองก็เอ่ยปากช่วยหาห้องใหม่ให้ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานหญิงโสดหลายคนก็แนะนำให้อยู่บ้าง แต่เธอต้องขบคิดสักเล็กน้อย ห้องที่ดี ความปลอดภัยสูงราคาก็แพงตาม ลำพังพนักงานออฟฟิศเงินเดือนไม่มากเท่าไหร่ จะให้หารูมเมทก็ไม่ชอบ เฮ้อ!ธิชากลับโรงแรมที่พักด้วยสภาพอิดโรย หลังเลิกงานต้องตระเวนหาที่อยู่ใหม่อีก “ชา กลับมาแล้วเหรอ ทานอะไรหรือย