Share

๑๑ แผนการอำมหิต

last update Last Updated: 2025-10-17 22:20:36

ช่วงปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่เข้าไปทุกขณะ บรรยากาศในเมืองเริ่มคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้คน สำหรับหลี่ชิงอีแล้วนี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนางเลยเชียวล่ะ

ชีวิตของนางในตอนนี้เปรียบได้กับภาพวาดที่งดงาม ทุก ๆ สองสามวัน นางจะได้รับเชิญให้ไปยังจวนรับรองเพื่อเป็นเพื่อนคุยและร่ำเรียนวิชาปักผ้าชั้นสูงกับฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียว ฮูหยินผู้เฒ่ามักจะปฏิบัติต่อนางด้วยความรักและความเอ็นดูราวกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ คอยสอนสั่งทั้งเรื่องงานฝีมือและเรื่องการใช้ชีวิต ความอบอุ่นที่นางได้รับนั้นค่อย ๆ เยียวยาบาดแผลในหัวใจที่เคยมีมาในอดีตจนเกือบจะหายสนิท

ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวจิ่นเหยียนก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังคงไว้ซึ่งท่าทีที่สำรวม แต่สายตาที่พวกเขามองกันและกันนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ทุกครั้งที่นางไปที่จวนเขามักจะหาเรื่องเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วยเสมอ บางครั้งก็นำตำราสมุนไพรหายากมาให้นางอ่าน บางครั้งก็เล่าเรื่องราวแปลก ๆ จากแดนไกลให้ฟัง เป็นความสุขสงบเรียบง่ายที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

เรือนสกุลสวี่ในยามนี้เงียบเหงาราวกับบ้านร้าง ข้าวของเครื่องใช้เริ่มทรุดโทรมลงเพราะขาดการดูแล โม่หงชวนต้องทำงานบ้านจนมือไม้หยาบกร้าน ส่วนสวี่จื่อเหวินก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากสุนัขจรจัด เขาไม่กล้าออกไปพบปะสังสรรค์กับสหายบัณฑิตอีกเพราะไม่มีเงินไปจ่ายค่าสุรา ทั้งยังต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากเจ้าหนี้ที่ตามราวีไม่เลิกรา สภาพของพวกเขาช่างน่าสมเพชเวทนา แต่แทนที่จะสำนึกผิด พวกเขากลับยิ่งสุมไฟแห่งความเกลียดชังที่มีต่อหลี่ชิงอีให้ลุกโชนยิ่งขึ้น

เย็นวันหนึ่ง สวี่จื่อเหวินที่กำลังเดินเตร็ดเตร่อย่างสิ้นหวังอยู่ข้างถนน ก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ความอิจฉาริษยาในใจของเขาระเบิดออกมาจนแทบกระอักเลือด

รถม้าคันหรูหราที่ประดับตราของทางราชการได้มาจอดอยู่ไม่ไกลจากท้ายตลาด ก่อนที่หลี่ชิงอีจะก้าวลงมาจากรถม้าในอาภรณ์ชุดใหม่ที่ดูสะอาดสะอ้าน แม้จะไม่ใช่ผ้าไหมราคาแพง แต่ก็ดูดีกว่าเสื้อผ้าเก่า ๆ ของนางในอดีตลิบลับ ทหารองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยยังโค้งคำนับให้นางอย่างนอบน้อม

ภาพนั้นบาดตาบาดใจของเขาอย่างรุนแรง สตรีที่เขาเคยเหยียบย่ำราวกับเป็นผักปลา บัดนี้กลับกำลังจะกลายเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ไปเสียแล้ว ในขณะที่เขา บัณฑิตผู้สูงส่งกลับต้องมาตกอับราวกับขอทาน

“มันไม่ยุติธรรม!” เขาทึ้งผมตัวเองด้วยความคลุ้มคลั่ง “นางสารเลว! นางต้องแย่งชิงโชคชะตาของข้าไปแน่ ๆ! ข้าไม่ยอม! ข้าไม่มีวันยอม!”

สวี่จื่อเหวินวิ่งกลับบ้านราวกับคนเสียสติ เขาระบายความโกรธแค้นทั้งหมดให้มารดาฟัง โม่หงชวนเมื่อได้ยินเรื่องราวก็ถึงกับทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจไม่แพ้กัน

“นางงูพิษ! เลี้ยงไม่เชื่อง! เราอุตส่าห์ให้ที่ซุกหัวนอนแก่นางมาตั้งสามปี พอนางสลัดเราทิ้งไปได้ ก็รีบไปเกาะคนใหญ่คนโตทันที!” นางกรีดร้องออกมา

“ท่านแม่! เราจะปล่อยให้นางมีความสุขอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะขอรับ!!!” สวี่จื่อเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อำมหิต “เราต้องทำอะไรสักอย่าง! ต้องทำลายมันให้ย่อยยับจนไม่สามารถผุดขึ้นมาได้อีก!”

“แล้วจะทำอะไรได้เล่า!” โม่หงชวนถอนใจ “ตอนนี้มันมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอยู่ เราจะไปทำอะไรนางได้”

“คนใหญ่คนโตก็ต้องอยู่ใต้กฎหมายของแผ่นดิน!” แววตาของสวี่จื่อเหวินฉายประกายชั่วร้ายขึ้นมา “หากนางทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นอาญาแผ่นดิน ต่อให้เป็นใครก็ช่วยนางไม่ได้!”

สองแม่ลูกมองสบตากัน ในที่สุดความคิดอันชั่วร้ายก็ตกผลึกเป็นหนึ่งเดียว โม่หงชวนผู้เป็นแม่ ไม่เพียงไม่ห้ามปราม แต่ยังช่วยยุให้รำตำให้รั่ว ส่งเสริมแผนการของบุตรชายอย่างเต็มที่

“แล้วเจ้ามีแผนอะไร?”

สวี่จื่อเหวินแสยะยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงและน่าสังเวชในเวลาเดียวกัน “ข้ามีแผนแล้ว เป็นแผนการที่จะส่งนางลงไปในนรกขุมที่ลึกที่สุดเลยล่ะ!”

ทว่านับจากวันนั้นเป็นต้นมา สวี่จื่อเหวินก็เริ่มลงมือทำตามแผนการของตนเอง

เขาลอบสะกดรอยตามรถม้าคันนั้นไปหลายครั้ง จนกระทั่งสืบทราบแน่ชัดว่าหลี่ชิงอีนั้นสนิทสนมกับคนในจวนรับรองของทางการ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับจวนที่ทำการของนายอำเภอ เขาใช้เวลาหลายวันเฝ้าสังเกตการณ์กิจวัตรประจำวันของคนในจวนทั้งสองแห่ง ศึกษารูปแบบการเดินยามของทหาร และมองหาช่องโหว่ที่จะสามารถลอบเข้าไปได้

ในที่สุด โอกาสของเขาก็มาถึง...

ในคืนเดือนดับของปลายเดือนสิบสอง ท้องฟ้ามืดสนิทไร้ซึ่งแสงจันทร์และดวงดาว มีเพียงลมหนาวที่พัดหวีดหวิวราวกับเสียงคร่ำครวญของภูตผี สวี่จื่อเหวินในชุดสีดำสนิทลอบปีนกำแพงด้านหลังของจวนนายอำเภออย่างทุลักทุเล เขาไม่ใช่มืออาชีพ หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัว แต่ความแค้นที่สุมแน่นอยู่ในอกนั้นมีพลังมากกว่า

เขาเคลื่อนที่ไปตามเงามืดอย่างเงียบเชียบ หลบหลีกสายตาของยามที่เดินตรวจตราไปได้อย่างหวุดหวิด ในที่สุดเขาก็มาถึงห้องทำงานของท่านนายอำเภอ เขาใช้เหล็กเส้นเล็ก ๆ ที่เตรียมมางัดแงะสลักหน้าต่างเข้าไปได้สำเร็จ

ภายในห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นหมึกและกระดาษ บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่มีเอกสารกองอยู่มากมาย แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่สิ่งของเหล่านั้น สายตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หีบไม้ชั้นดีใบหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นวางของติดผนัง เป็นที่เก็บตราหยกประจำตำแหน่ง!

เขาค่อย ๆ ย่องเข้าไปเปิดฝาหีบออกอย่างแผ่วเบา และแล้วสิ่งที่เขาต้องการก็ปรากฏสู่สายตา

ตราหยกสีเขียวมรกตเนื้อดี สลักเป็นรูปสิงโตคาบแก้วอย่างวิจิตรบรรจง ประดุจดังสัญลักษณ์แห่งอำนาจของทางการ เป็นตัวแทนของราชสำนักในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ การลักขโมยของชิ้นนี้มีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต

สวี่จื่อเหวินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือที่สั่นเทาของเขาเอื้อมไปหยิบตราหยกที่เย็นเฉียบและหนักอึ้งนั้นขึ้นมา แล้วรีบห่อด้วยผ้าสีดำก่อนจะยัดเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นก็รีบหลบหนีออกจากจวนนายอำเภอทางเดิมราวกับหนูสกปรกที่หลบหนีออกจากยุ้งฉาง

ภารกิจขั้นต่อไปคือการสร้างหลักฐานเท็จ...

เขาลอบมายังห้องเช่าท้ายตลาดของหลี่ชิงอี หัวใจของเขายังคงเต้นไม่เป็นส่ำ แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เปี่ยมสุขของนาง ความลังเลทั้งหมดก็มลายหายไปสิ้น เขางัดหน้าต่างห้องของนางเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย บนโต๊ะยังมีด้ายและผ้าที่เตรียมไว้สำหรับทำงานวางอยู่

เขากวาดสายตามองหาที่ซ่อนที่เหมาะสม แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่กล่องไม้ใบเล็กอันเป็นที่เก็บอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยของนาง

เขายิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม ไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว!

เขาวางตราหยกที่เย็นเฉียบลงไปในกล่องนั้น ยัดมันไว้ใต้กองด้ายหลากสีอย่างแนบเนียน ก่อนจะปิดฝากล่องและจัดวางทุกอย่างให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม แล้วรีบหลบหนีออกไปในความมืด ทิ้งของขวัญชิ้นนี้ไว้ให้แก่อดีตภรรยาของตนเอง

รุ่งเช้าของอีกวัน สวี่จื่อเหวินบรรจงเขียนจดหมายร้องเรียนฉบับหนึ่งด้วยลายมือที่ดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าเดิม เนื้อความในจดหมายกล่าวอ้างว่าตนเป็นพลเมืองดีที่บังเอิญไปได้ยินเรื่องราวการลักขโมยตราหยกของหลวงมา และทราบมาว่าคนร้ายเป็นหญิงสาวที่เพิ่งย้ายมาอาศัยอยู่ท้ายตลาด มีพฤติกรรมน่าสงสัยและอาจจะซุกซ่อนของกลางไว้ในห้องพักของนาง

เขาพับจดหมายฉบับนั้นอย่างดี ก่อนจะลอบนำไปหย่อนไว้ในกล่องรับเรื่องร้องเรียนของทางการในตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

สวี่จื่อเหวินกลับไปที่เรือนด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ เขาเพียงนั่งรอคอยอย่างใจเย็น รอคอยที่จะได้เห็นชีวิตของหลี่ชิงอีพังพินาศลงต่อหน้าต่อตา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๕ เรือนปักผ้าโอสถ

    กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไปอีกคราหนึ่ง...หนึ่งปีต่อมา ณ ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่หก ภายในจวนแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวงอันโอ่อ่าและสง่างาม แทนที่จะมีเพียงความเงียบสงบและระเบียบวินัยแบบทหาร กลับมีมุมหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเหล่าสตรีดังแว่วออกมาไม่ขาดสายที่นี่คือเรือนปักผ้าโอสถ กิจการที่หลี่ชิงอีก่อตั้งขึ้นด้วยสองมือของนางเองหลี่ชิงอีในฐานะฮูหยินแม่ทัพ ไม่ได้เลือกใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่เพียงหลังบ้าน นางกลับทูลขอพื้นที่ส่วนหนึ่งในจวนจากสามี เพื่อดัดแปลงให้กลายเป็นโรงทำงานขนาดใหญ่ ที่นี่นางได้รวบรวมเหล่าสตรีผู้ตกยาก ไม่ว่าจะเป็นหญิงม่ายที่ไร้ที่พึ่ง ภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้ง หรือหญิงสาวที่เคยมีชีวิตตกต่ำ ผู้หญิงที่สังคมตราหน้าว่าไร้ค่า เฉกเช่นที่นางเคยโดนมาก่อนชิงอีจึงตัดสินใจมอบโอกาสครั้งที่สองให้แก่พวกนาง มอบวิชาความรู้ มอบอาชีพ และที่สำคัญที่สุดคือมอบครอบครัวและศักดิ์ศรีที่พวกนางไม่เคยได้รับกลับคืนมา“ฮูหยินเจ้าขา ด้ายเส้นนี้ของข้าขาดอีกแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้ นางเป็นอดีตนางโลมที่หลี่ชิงอ

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๔ คำมั่นสัญญา

    เสียงโหยหวนคร่ำครวญของสองแม่ลูกตระกูลสวี่ดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่กลับไม่มีใครในที่นั้นรู้สึกสงสารหรือเห็นใจแม้แต่น้อย ทุกคนต่างมองดูภาพอันน่าสมเพชนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา เพราะนี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาก่อขึ้นเอง เพียงแต่กรรมตามสนองที่มาถึงเร็วกว่าที่คาดคิดเซียวจิ่นเหยียนมองดูสองชีวิตที่กำลังกอดขาตนเองอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับมองดูฝุ่นผงที่ไร้ค่า สำหรับเขาแล้ว คนที่บังอาจทำร้ายสตรีที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ไม่สมควรได้รับความปรานีใด ๆ ทั้งสิ้นเขาหันไปทางท่านนายอำเภอหลิวที่ยังคงคุกเข่าตัวสั่นอยู่“นายอำเภอหลิว ในฐานะเจ้าเมือง ท่านปล่อยให้มีการลักขโมยของหลวงในเขตปกครองของตนเอง นับเป็นความผิดฐานละเลยต่อหน้าที่ แต่ในครั้งนี้ข้าจะถือว่าท่านเองก็ถูกหลอกใช้เช่นกัน ข้าจะยังไม่เอาความผิดท่าน แต่จงกลับไปปรับปรุงการป้องกันจวนของท่านให้ดีขึ้นกว่านี้!”“ขะ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา! ข้าน้อยจะจดจำคำสอนของท่านไว้ใส่ใจ!” นายอำเภอหลิวโขกศีรษะคำนับด้วยความโล่งอกจากนั้น สายตาเย็นเยียบก็หวนกลับมาจับจ้องที่ร่างของสองแม่ลูกตระกูลสวี่อีกครั้ง“สำหรับคนทั้งสอง...” น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งความ

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๓ ทวงคืนความยุติธรรม

    ณ ตรอกท้ายตลาดในยามนั้น เวลาดูราวกับจะหยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหนาวที่พัดหวีดหวิวผ่านไป ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุรุษในชุดเกราะเงินผู้เปรียบประดุจเทพเจ้าสงครามที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ความกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูของอากาศจนทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจหลี่ชิงอียืนนิ่งงันอยู่กลางวงล้อมความโกลาหลนั้น น้ำตาของนางเหือดแห้งไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกตื่นตะลึงและสับสนจนทำอะไรไม่ถูก นางมองดูแผ่นหลังที่กว้างและองอาจของเซียวจิ่นเหยียน บุรุษที่นางรู้จักในฐานะลูกค้าผู้เงียบขรึม บัดนี้กลับกลายเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้เขาลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม เสียงเกราะที่กระทบกันดังกังวานน่าเกรงขาม แต่แทนที่จะเดินตรงไปยังท่านนายอำเภอที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่ เขากลับเดินตรงมาหานาง...เซียวจิ่นเหยียนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลี่ชิงอี เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่ยกมือที่สวมถุงมือเกราะขึ้น ปัดปอยผมที่เปียกชื้นจากน้ำตาให้พ้นจากใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นแม้จะผ่านเกราะหนา แต่กลับอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด“ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเข

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๒ ลูบคมพยัคฆ์

    รุ่งอรุณของวันถัดมา เวลายามเฉิน[1] ในที่สุดหิมะก็หยุดตก ทิ้งไว้เพียงปุยขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง อากาศยามเช้าสดชื่นและบริสุทธิ์ หลี่ชิงอีกำลังนั่งอยู่ในห้องเช่าอันอบอุ่นของนางอย่างมีความสุข นางกำลังบรรจงปักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ลายดอกกุ้ยฮวา เพื่อเตรียมจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียวนางฮัมเพลงเบา ๆ อย่างสบายใจ ชีวิตที่เคยมืดแปดด้านของนาง บัดนี้กลับสว่างไสวและเต็มไปด้วยความหวัง นางมีกิจการเล็ก ๆ เป็นของตนเอง มีผู้ใหญ่ที่เคารพรักและเอ็นดูนาง และมีบุรุษผู้หนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้พบเจอตึง!ประตูห้องที่ทำจากไม้แผ่นบาง ๆ ถูกถีบเปิดออกอย่างแรงจนบานพับแทบหลุดกระเด็นกลุ่มทหารในเครื่องแบบเต็มยศราวห้าหกนายกรูเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ของนางอย่างพร้อมเพรียง นำโดยหัวหน้าทหารผู้มีใบหน้าถมึงทึง และท่านนายอำเภอหลิวซึ่งมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด“นะ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ?!” หลี่ชิงอีตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน ทำเข็มในมือหล่นลงบนพื้นเสียงดัง แกร๊ง“เจ้าคือหลี่ชิงอีใช่หรือไม่!” หัวหน้าทหารตวาดถามเสียงกร้าว“ใช่เจ้าค่ะ แต่...”“ไม่ต้องพูดมาก!” เขาตัดบทอย่างไม่ไยด

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๑ แผนการอำมหิต

    ช่วงปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่เข้าไปทุกขณะ บรรยากาศในเมืองเริ่มคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้คน สำหรับหลี่ชิงอีแล้วนี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนางเลยเชียวล่ะชีวิตของนางในตอนนี้เปรียบได้กับภาพวาดที่งดงาม ทุก ๆ สองสามวัน นางจะได้รับเชิญให้ไปยังจวนรับรองเพื่อเป็นเพื่อนคุยและร่ำเรียนวิชาปักผ้าชั้นสูงกับฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียว ฮูหยินผู้เฒ่ามักจะปฏิบัติต่อนางด้วยความรักและความเอ็นดูราวกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ คอยสอนสั่งทั้งเรื่องงานฝีมือและเรื่องการใช้ชีวิต ความอบอุ่นที่นางได้รับนั้นค่อย ๆ เยียวยาบาดแผลในหัวใจที่เคยมีมาในอดีตจนเกือบจะหายสนิทความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวจิ่นเหยียนก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังคงไว้ซึ่งท่าทีที่สำรวม แต่สายตาที่พวกเขามองกันและกันนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ทุกครั้งที่นางไปที่จวนเขามักจะหาเรื่องเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วยเสมอ บางครั้งก็นำตำราสมุนไพรหายากมาให้นางอ่าน บางครั้งก็เล่าเรื่องราวแปลก ๆ จากแดนไกลให้ฟัง เป็นความสุขสงบเรียบง่ายที่นางไม่เคยได้สัมผั

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๐ เจอสมบัติล้ำค่า

    หลายวันต่อมา ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า อากาศยิ่งทวีความหนาวเหน็บ หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกของปี ปกคลุมหลังคาบ้านเรือนจนขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง แต่ความหนาวเย็นภายนอกกลับไม่อาจทำอะไรกิจการเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีได้อีก แผงของนางกลายเป็นจุดแวะพักที่อบอุ่นใจสำหรับลูกค้าหลาย ๆ คนที่ไม่เพียงมาซื้อของ แต่ยังมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกับแม่ค้าสาวผู้มีน้ำใจงามผู้นี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน ผ้าเช็ดหน้าลายกิ่งไผ่ผืนนั้นได้กลายเป็นสะพานเชื่อมใจที่มองไม่เห็น ทำให้กำแพงระหว่างคนทั้งสองค่อย ๆ ทลายลง แม้บทสนทนาจะยังคงสั้นกระชับเช่นเคย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาของพวกเขากลับชัดเจนยิ่งกว่าถ้อยคำนับพันคำหลี่ชิงอีไม่เคยคาดคิดเลยว่าโชคชะตาที่พลิกผันกำลังจะนำพาความอบอุ่นในรูปแบบที่นางโหยหามาตลอดชีวิตมามอบให้...ณ จวนรับรองส่วนตัวที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในอีกฟากหนึ่งของเมือง เซียวจิ่นเหยียนกำลังขมวดคิ้วมุ่นขณะอ่านรายงานทางการทหารที่ถูกส่งมาอย่างลับ ๆ อาการบาดเจ็บภายในของเขาค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status