Share

๑๒ ลูบคมพยัคฆ์

last update Last Updated: 2025-10-17 22:20:46

รุ่งอรุณของวันถัดมา เวลายามเฉิน[1] ในที่สุดหิมะก็หยุดตก ทิ้งไว้เพียงปุยขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง อากาศยามเช้าสดชื่นและบริสุทธิ์ หลี่ชิงอีกำลังนั่งอยู่ในห้องเช่าอันอบอุ่นของนางอย่างมีความสุข นางกำลังบรรจงปักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ลายดอกกุ้ยฮวา เพื่อเตรียมจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียว

นางฮัมเพลงเบา ๆ อย่างสบายใจ ชีวิตที่เคยมืดแปดด้านของนาง บัดนี้กลับสว่างไสวและเต็มไปด้วยความหวัง นางมีกิจการเล็ก ๆ เป็นของตนเอง มีผู้ใหญ่ที่เคารพรักและเอ็นดูนาง และมีบุรุษผู้หนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้พบเจอ

ตึง!

ประตูห้องที่ทำจากไม้แผ่นบาง ๆ ถูกถีบเปิดออกอย่างแรงจนบานพับแทบหลุดกระเด็น

กลุ่มทหารในเครื่องแบบเต็มยศราวห้าหกนายกรูเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ของนางอย่างพร้อมเพรียง นำโดยหัวหน้าทหารผู้มีใบหน้าถมึงทึง และท่านนายอำเภอหลิวซึ่งมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

“นะ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ?!” หลี่ชิงอีตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน ทำเข็มในมือหล่นลงบนพื้นเสียงดัง แกร๊ง

“เจ้าคือหลี่ชิงอีใช่หรือไม่!” หัวหน้าทหารตวาดถามเสียงกร้าว

“ใช่เจ้าค่ะ แต่...”

“ไม่ต้องพูดมาก!” เขาตัดบทอย่างไม่ไยดี “เราได้รับแจ้งความว่าเจ้าคือคนร้ายที่ลักลอบขโมยทรัพย์สินของทางราชการ! ค้น!”

สิ้นเสียงคำสั่ง ทหารนายอื่น ๆ ก็เริ่มลงมือรื้อค้นห้องพักเล็ก ๆ ของนางอย่างไม่ปรานี ข้าวของที่นางจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบถูกโยนทิ้งกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันเกิดขึ้นรวดเร็วจนหลี่ชิงอีได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ มองดูข้าวของของนางถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตาด้วยความตกตะลึง

“ข้า... ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ!” นางพยายามปฏิเสธ แต่เสียงของนางกลับสั่นเครือและเบาหวิว

ท่านนายอำเภอหลิวเดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นกระดาษในมือ

“มีผู้หวังดีส่งจดหมายร้องเรียนมา ว่าเจ้ามีพฤติกรรมน่าสงสัยและอาจจะซุกซ่อนของกลางไว้ในห้องนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะให้เป็นกลางที่สุด

“ของกลางอะไรกัน! ข้าไม่เคยลักขโมยของผู้ใด!”

และแล้ว เสียงของทหารนายหนึ่งก็ดังขึ้น “เจอแล้วขอรับ!”

หัวใจของหลี่ชิงอีพลันหยุดเต้น...

ทหารนายนั้นเดินออกมาจากมุมห้อง ในมือของเขาถือกล่องไม้ใบเล็ก กล่องเก็บอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยของนาง เขาเปิดฝากล่องออก แล้วหยิบเอาวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา...

มันคือตราหยกสีเขียวมรกต สลักรูปสิงโตคาบแก้วอย่างวิจิตรบรรจง!

หลี่ชิงอีเบิกตากว้างจนสุดขีด ร่างทั้งร่างของนางเย็นเฉียบราวกับถูกสาดด้วยน้ำแข็ง นางไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อนในชีวิต แล้วมันจะมาอยู่ในกล่องของนางได้อย่างไร

“นี่คือตราหยกประจำตำแหน่งของข้า!” ท่านนายอำเภอหลิวชี้ไปที่ตราหยกด้วยมือที่สั่นเทา ความลำบากใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวทันที “ของกลางคาตาถึงเพียงนี้! เจ้ายังจะกล้าปฏิเสธอีกรึ!”

“ข้าไม่ได้ทำ! ข้าไม่รู้เรื่อง! มีคนใส่ร้ายข้า!” หลี่ชิงอีตะโกนออกมาสุดเสียง น้ำตาแห่งความหวาดกลัวและความสับสนไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางกลับรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก คำพูดของนางไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับหลักฐานที่มัดตัวแน่นหนาเช่นนี้

ข่าวการจับกุมโจรขโมยของหลวงแพร่กระจายไปทั่วตลาดอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูอยู่ที่หน้าห้องของนางด้วยความสนใจใคร่รู้ เสียงกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเซ็งแซ่ราวกับฝูงผึ้งแตกรัง

“ไม่น่าเชื่อเลยนะ หน้าตาดูซื่อ ๆ ไม่นึกว่าจะเป็นโจร!”

“คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ”

“น่าเสียดาย ข้ายังเคยอุดหนุนถุงหอมของนางอยู่เลย”

คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของนาง โลกที่นางเพิ่งสร้างขึ้นมาด้วยสองมือกำลังพังทลายลงในพริบตา

“จับตัวนางไป!” หัวหน้าทหารออกคำสั่ง

ทหารสองนายเดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องจองจำที่ทำจากไม้เนื้อหนัก เสมือนเครื่องหมายของอาชญากร เป็นตราบาปที่จะติดตัวนางไปตลอดชีวิต

หลี่ชิงอีถอยหลังกรูดจนแผ่นหลังชิดติดกับผนังห้องที่เย็นเฉียบ นางส่ายหน้าไปมาอย่างสิ้นหวัง

“ไม่ ข้าไม่ได้ทำ ได้โปรด... อย่าทำอย่างนี้”

ชั่วขณะนั้นเอง นางรู้สึกหมดสิ้นหนทางโดยสมบูรณ์ ความหวังทั้งหมดมลายหายไป เหลือเพียงความมืดมิดที่เข้าครอบงำจิตใจ นางนึกถึงใบหน้าอันเปี่ยมด้วยเมตตาของฮูหยินผู้เฒ่าเซียว นึกถึงสายตาที่ให้เกียรติของบุรุษผู้นั้นแล้วน้ำตาแห่งความอัปยศก็ไหลรินออกมา

แต่ขณะที่เครื่องจองจำกำลังจะถูกสวมลงบนข้อมือของนางนั่นเอง...

ครืน... ครืน... ครืน...

เสียงบางอย่างดังขึ้นจากที่ไกล ๆ เป็นเสียงทุ้มต่ำที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งพื้นดิน มันดังขึ้นเรื่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

นั่นคือเสียงกีบม้า ไม่ใช่หนึ่งแต่เป็นเสียงของกองทหารม้าจำนวนมากที่กำลังควบทะยานมาด้วยความเร็วสูงสุด

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างพากันแตกฮือด้วยความตกใจและหวาดกลัว ฝูงชนรีบแหวกออกเป็นทางอย่างรวดเร็ว และแล้วภาพที่ทุกคนจะได้จดจำไปตลอดชีวิตก็พลันปรากฏขึ้น

กองทหารม้าในชุดเกราะสีดำทมิฬราวสิบนายควบม้าศึกเข้ามาในตรอกท้ายตลาดอย่างพร้อมเพรียง ทุกนายล้วนมีรังสีฆ่าฟันแผ่ออกมาอย่างรุนแรงจนน่าขนลุก แต่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือบุรุษผู้นำ...

เซียวจิ่นเหยียน!

เขาไม่ได้อยู่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายธรรมดาอีกต่อไปแล้ว บัดนี้ เขาสวมชุดเกราะเงินเต็มยศที่สลักเสลาเป็นรูปหัวพยัคฆ์คำรามอย่างน่าเกรงขาม แสงแดดยามเช้าสะท้อนเกราะของเขาจนสว่างวาบราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามจุติลงมาดิน ผ้าคลุมสีแดงเลือดนกสะบัดพริ้วอยู่เบื้องหลังอย่างทรงพลัง เขานั่งอยู่บนหลังม้าศึกสีดำทมิฬที่สูงใหญ่กว่าม้าทั่วไปถึงสองเท่า ดวงตาที่เคยสงบนิ่ง บัดนี้กลับลุกโชนไปด้วยโทสะที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้

ท่านนายอำเภอและเหล่าทหารต่างยืนตะลึงงันไปกับภาพเบื้องหน้า พวกเขาไม่เคยเห็นกองทหารที่น่าเกรงขามถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต

ม้าศึกสีดำทมิฬมาหยุดยืนสงบนิ่งอยู่หน้าห้องเช่าเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีพอดิบพอดี เซียวจิ่นเหยียนกวาดสายตาเย็นชาไปทั่วบริเวณ ก่อนจะหยุดลงที่เครื่องจองจำในมือของทหารนายหนึ่ง

เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว...

เขาเพียงแค่ล้วงเข้าไปในเกราะอก หยิบเอาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ทำจากเหล็กดำสนิทขึ้นมา แล้วโยนมันลงบนพื้นเบื้องหน้าท่านนายอำเภอ

แคร๊ง!

เสียงโลหะกระทบพื้นดินแข็ง ๆ ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นถูกหลอมขึ้นจากเหล็กนิลกาฬ สลักเป็นรูปพยัคฆ์คำรามอย่างดุดัน มันแผ่รังสีแห่งอำนาจ การนองเลือด และความตายออกมาอย่างรุนแรง

ท่านนายอำเภอหลิวเบิกตากว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า เขาจำได้! ป้ายอาญาสิทธิ์ในตำนานอันนี้ ป้ายประจำตัวของแม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์ชายแดนเหนือ แม่ทัพใหญ่เซียวจิ่นเหยียน!

“ขะ ขอคารวะท่านแม่ทัพใหญ่เซียว!”

ท่านนายอำเภอทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างไม่คิดชีวิต ศีรษะของเขาโขกลงกับพื้นดินอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ปั้ก

เหล่าทหารที่เหลือเมื่อได้ยินตำแหน่งของเขาและเห็นท่าทีของนายอำเภอก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเป็นกระดาษ พวกเขารีบทิ้งอาวุธในมือและทรุดกายลงคุกเข่าตามกันเป็นแถว ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาบุรุษบนหลังม้าอีกต่อไป

ฝูงชนชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันแตกตื่นและรีบคุกเข่าก้มกราบลงกับพื้นจนหมดสิ้น!

ณ มุมหนึ่งของฝูงชน โม่หงชวนและสวี่จื่อเหวินที่แอบมาซุ่มดูผลงานของตนเองด้วยความสะใจ บัดนี้กลับมีสีหน้าไม่ต่างอะไรกับคนที่เห็นภูตผีปีศาจในยามกลางวันแสก ๆ รอยยิ้มเยาะเย้ยของพวกเขาแข็งค้างอยู่บนใบหน้า ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ

แม่ทัพใหญ่! บุรุษผู้นั้นคือแม่ทัพใหญ่เซียวจิ่นเหยียน!

พวกเขาไม่ได้กำลังใส่ร้ายสตรีที่ถูกหย่าร้างธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่กำลังลูบคมพยัคฆ์ สิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นช่างไม่ต่างอะไรกับการหาเหาใส่หัวเลยสักนิด ประหนึ่งกับการเหยียบย่ำสตรีของแม่ทัพผู้กุมอำนาจทางการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนเหนือ

ชั่วขณะนั้นเอง พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าชีวิตของพวกเขาจบสิ้นแล้ว!

°°°        °°°

[1] ยามเฉิน คือช่วงเวลา 07.00-08.59 น.

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๕ เรือนปักผ้าโอสถ

    กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ฤดูเหมันต์ผ่านพ้นไปอีกคราหนึ่ง...หนึ่งปีต่อมา ณ ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่หก ภายในจวนแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวงอันโอ่อ่าและสง่างาม แทนที่จะมีเพียงความเงียบสงบและระเบียบวินัยแบบทหาร กลับมีมุมหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเหล่าสตรีดังแว่วออกมาไม่ขาดสายที่นี่คือเรือนปักผ้าโอสถ กิจการที่หลี่ชิงอีก่อตั้งขึ้นด้วยสองมือของนางเองหลี่ชิงอีในฐานะฮูหยินแม่ทัพ ไม่ได้เลือกใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่เพียงหลังบ้าน นางกลับทูลขอพื้นที่ส่วนหนึ่งในจวนจากสามี เพื่อดัดแปลงให้กลายเป็นโรงทำงานขนาดใหญ่ ที่นี่นางได้รวบรวมเหล่าสตรีผู้ตกยาก ไม่ว่าจะเป็นหญิงม่ายที่ไร้ที่พึ่ง ภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้ง หรือหญิงสาวที่เคยมีชีวิตตกต่ำ ผู้หญิงที่สังคมตราหน้าว่าไร้ค่า เฉกเช่นที่นางเคยโดนมาก่อนชิงอีจึงตัดสินใจมอบโอกาสครั้งที่สองให้แก่พวกนาง มอบวิชาความรู้ มอบอาชีพ และที่สำคัญที่สุดคือมอบครอบครัวและศักดิ์ศรีที่พวกนางไม่เคยได้รับกลับคืนมา“ฮูหยินเจ้าขา ด้ายเส้นนี้ของข้าขาดอีกแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้ นางเป็นอดีตนางโลมที่หลี่ชิงอ

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๔ คำมั่นสัญญา

    เสียงโหยหวนคร่ำครวญของสองแม่ลูกตระกูลสวี่ดังก้องไปทั่วบริเวณ แต่กลับไม่มีใครในที่นั้นรู้สึกสงสารหรือเห็นใจแม้แต่น้อย ทุกคนต่างมองดูภาพอันน่าสมเพชนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา เพราะนี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาก่อขึ้นเอง เพียงแต่กรรมตามสนองที่มาถึงเร็วกว่าที่คาดคิดเซียวจิ่นเหยียนมองดูสองชีวิตที่กำลังกอดขาตนเองอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับมองดูฝุ่นผงที่ไร้ค่า สำหรับเขาแล้ว คนที่บังอาจทำร้ายสตรีที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ไม่สมควรได้รับความปรานีใด ๆ ทั้งสิ้นเขาหันไปทางท่านนายอำเภอหลิวที่ยังคงคุกเข่าตัวสั่นอยู่“นายอำเภอหลิว ในฐานะเจ้าเมือง ท่านปล่อยให้มีการลักขโมยของหลวงในเขตปกครองของตนเอง นับเป็นความผิดฐานละเลยต่อหน้าที่ แต่ในครั้งนี้ข้าจะถือว่าท่านเองก็ถูกหลอกใช้เช่นกัน ข้าจะยังไม่เอาความผิดท่าน แต่จงกลับไปปรับปรุงการป้องกันจวนของท่านให้ดีขึ้นกว่านี้!”“ขะ ขอบพระคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา! ข้าน้อยจะจดจำคำสอนของท่านไว้ใส่ใจ!” นายอำเภอหลิวโขกศีรษะคำนับด้วยความโล่งอกจากนั้น สายตาเย็นเยียบก็หวนกลับมาจับจ้องที่ร่างของสองแม่ลูกตระกูลสวี่อีกครั้ง“สำหรับคนทั้งสอง...” น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งความ

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๓ ทวงคืนความยุติธรรม

    ณ ตรอกท้ายตลาดในยามนั้น เวลาดูราวกับจะหยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหนาวที่พัดหวีดหวิวผ่านไป ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุรุษในชุดเกราะเงินผู้เปรียบประดุจเทพเจ้าสงครามที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ความกดดันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปทั่วทุกอณูของอากาศจนทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจหลี่ชิงอียืนนิ่งงันอยู่กลางวงล้อมความโกลาหลนั้น น้ำตาของนางเหือดแห้งไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกตื่นตะลึงและสับสนจนทำอะไรไม่ถูก นางมองดูแผ่นหลังที่กว้างและองอาจของเซียวจิ่นเหยียน บุรุษที่นางรู้จักในฐานะลูกค้าผู้เงียบขรึม บัดนี้กลับกลายเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้เขาลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม เสียงเกราะที่กระทบกันดังกังวานน่าเกรงขาม แต่แทนที่จะเดินตรงไปยังท่านนายอำเภอที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่ เขากลับเดินตรงมาหานาง...เซียวจิ่นเหยียนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลี่ชิงอี เขาไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่ยกมือที่สวมถุงมือเกราะขึ้น ปัดปอยผมที่เปียกชื้นจากน้ำตาให้พ้นจากใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นแม้จะผ่านเกราะหนา แต่กลับอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด“ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเข

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๒ ลูบคมพยัคฆ์

    รุ่งอรุณของวันถัดมา เวลายามเฉิน[1] ในที่สุดหิมะก็หยุดตก ทิ้งไว้เพียงปุยขาวโพลนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง อากาศยามเช้าสดชื่นและบริสุทธิ์ หลี่ชิงอีกำลังนั่งอยู่ในห้องเช่าอันอบอุ่นของนางอย่างมีความสุข นางกำลังบรรจงปักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ลายดอกกุ้ยฮวา เพื่อเตรียมจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียวนางฮัมเพลงเบา ๆ อย่างสบายใจ ชีวิตที่เคยมืดแปดด้านของนาง บัดนี้กลับสว่างไสวและเต็มไปด้วยความหวัง นางมีกิจการเล็ก ๆ เป็นของตนเอง มีผู้ใหญ่ที่เคารพรักและเอ็นดูนาง และมีบุรุษผู้หนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้พบเจอตึง!ประตูห้องที่ทำจากไม้แผ่นบาง ๆ ถูกถีบเปิดออกอย่างแรงจนบานพับแทบหลุดกระเด็นกลุ่มทหารในเครื่องแบบเต็มยศราวห้าหกนายกรูเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ของนางอย่างพร้อมเพรียง นำโดยหัวหน้าทหารผู้มีใบหน้าถมึงทึง และท่านนายอำเภอหลิวซึ่งมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด“นะ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ?!” หลี่ชิงอีตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน ทำเข็มในมือหล่นลงบนพื้นเสียงดัง แกร๊ง“เจ้าคือหลี่ชิงอีใช่หรือไม่!” หัวหน้าทหารตวาดถามเสียงกร้าว“ใช่เจ้าค่ะ แต่...”“ไม่ต้องพูดมาก!” เขาตัดบทอย่างไม่ไยด

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๑ แผนการอำมหิต

    ช่วงปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่เข้าไปทุกขณะ บรรยากาศในเมืองเริ่มคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้คน สำหรับหลี่ชิงอีแล้วนี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของนางเลยเชียวล่ะชีวิตของนางในตอนนี้เปรียบได้กับภาพวาดที่งดงาม ทุก ๆ สองสามวัน นางจะได้รับเชิญให้ไปยังจวนรับรองเพื่อเป็นเพื่อนคุยและร่ำเรียนวิชาปักผ้าชั้นสูงกับฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเซียว ฮูหยินผู้เฒ่ามักจะปฏิบัติต่อนางด้วยความรักและความเอ็นดูราวกับเป็นหลานสาวแท้ ๆ คอยสอนสั่งทั้งเรื่องงานฝีมือและเรื่องการใช้ชีวิต ความอบอุ่นที่นางได้รับนั้นค่อย ๆ เยียวยาบาดแผลในหัวใจที่เคยมีมาในอดีตจนเกือบจะหายสนิทความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวจิ่นเหยียนก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังคงไว้ซึ่งท่าทีที่สำรวม แต่สายตาที่พวกเขามองกันและกันนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ทุกครั้งที่นางไปที่จวนเขามักจะหาเรื่องเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วยเสมอ บางครั้งก็นำตำราสมุนไพรหายากมาให้นางอ่าน บางครั้งก็เล่าเรื่องราวแปลก ๆ จากแดนไกลให้ฟัง เป็นความสุขสงบเรียบง่ายที่นางไม่เคยได้สัมผั

  • สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!   ๑๐ เจอสมบัติล้ำค่า

    หลายวันต่อมา ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า อากาศยิ่งทวีความหนาวเหน็บ หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกของปี ปกคลุมหลังคาบ้านเรือนจนขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง แต่ความหนาวเย็นภายนอกกลับไม่อาจทำอะไรกิจการเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีได้อีก แผงของนางกลายเป็นจุดแวะพักที่อบอุ่นใจสำหรับลูกค้าหลาย ๆ คนที่ไม่เพียงมาซื้อของ แต่ยังมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกับแม่ค้าสาวผู้มีน้ำใจงามผู้นี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน ผ้าเช็ดหน้าลายกิ่งไผ่ผืนนั้นได้กลายเป็นสะพานเชื่อมใจที่มองไม่เห็น ทำให้กำแพงระหว่างคนทั้งสองค่อย ๆ ทลายลง แม้บทสนทนาจะยังคงสั้นกระชับเช่นเคย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาของพวกเขากลับชัดเจนยิ่งกว่าถ้อยคำนับพันคำหลี่ชิงอีไม่เคยคาดคิดเลยว่าโชคชะตาที่พลิกผันกำลังจะนำพาความอบอุ่นในรูปแบบที่นางโหยหามาตลอดชีวิตมามอบให้...ณ จวนรับรองส่วนตัวที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในอีกฟากหนึ่งของเมือง เซียวจิ่นเหยียนกำลังขมวดคิ้วมุ่นขณะอ่านรายงานทางการทหารที่ถูกส่งมาอย่างลับ ๆ อาการบาดเจ็บภายในของเขาค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status