บททั้งหมดของ สามีลูกสุนัขเช่นเจ้า ข้าไม่เอาอีกแล้ว!: บทที่ 1 - บทที่ 10

15

๐๑ ชีวิตมืดมนในสกุลสวี่

ยามเหม่า[1] ของปลายเดือนสิบเอ็ดในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ม่านหมอกยามรัตติกาลยังคงทอดตัวยาวเหยียด ปกคลุมทั่วทั้งผืนเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้ด้วยความหนาวเหน็บเยือกเย็น อากาศคมกริบดุจใบมีดบาดลึกเข้าสู่ผิวเนื้อ ลมหนาวหอบหนึ่งพัดหวีดหวิวผ่านช่องหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท ปลุก ‘หลี่ชิงอี’ ให้ตื่นจากนิทราอันแสนสั้นและไม่เคยเต็มอิ่มนางหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงไม้แข็งกระด้างนั้นอย่างเงียบเชียบ ร่างกายบอบบางสวมใส่เพียงเสื้อผ้าผ้าป่านเนื้อหยาบที่ผ่านการปะชุนมานับครั้งไม่ถ้วน ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าจับกระดูกทุกข้อต่อ แต่นางไม่มีเวลาแม้แต่จะสั่นเทา วันใหม่ของนางในฐานะสะใภ้ตระกูลสวี่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมาตลอดสามปีเต็มเสียงไก่ยังไม่ทันขัน แสงตะวันยังหลบเร้นอยู่หลังทิวเขา แต่ร่างของหลี่ชิงอีกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วราวกับเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว นางรีบเดินไปยังท้ายครัว พลางคว้าถังไม้สองใบขึ้นบ่าแล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำท้ายหมู่บ้าน คานหาบกดทับลงบนบ่าเล็กจนเกิดรอยแดงช้ำ น้ำหนักของน้ำที่เต็มเปี่ยมถังทำให้ทุกย่างก้าวของชิงอีหนักอึ้งราวกับเหยียบอยู่บนภูเขาไท่ซาน นางหาบน้ำไปกลับอย
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๒ ไม่สำนึกบุญคุณ

อีกสามวันถัดมา ณ ยามเซิน[1] ในที่สุดหลี่ชิงอีก็ปักเข็มสุดท้ายลงบนภาพกิเลนหมื่นมงคลของตนเองจนเสร็จสมบูรณ์ นางใช้กรรไกรเล่มเล็กตัดปลายด้ายเส้นสุดท้ายออกอย่างประณีตบรรจง ลมหายใจที่กลั้นไว้ถูกผ่อนออกมาอย่างโล่งอก ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดครึ่งปีดูจะมลายหายไปในบัดดลนางยกสะดึงขึ้นชมผลงานชิ้นเอกของตนเองภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่าง กิเลนบนผืนผ้าไหมสีแดงสดดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ เกล็ดสีทองสะท้อนแสงเป็นประกายวาววับราวกับทองคำบริสุทธิ์ แววตาเปี่ยมบารมีของมันจ้องมองกลับมายังนาง คล้ายจะมอบพรอันเป็นมงคลให้สมกับชื่อภาพหัวใจของหลี่ชิงอีพองโตด้วยความภาคภูมิใจ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ผ้าปัก แต่เป็นหยาดเหงื่อ แรงกาย และจิตวิญญาณของนางที่หลอมรวมกัน นางค่อย ๆ ถอดผ้าไหมออกจากสะดึง พลางบรรจงพับมันอย่างเรียบร้อยแล้วห่อด้วยผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในหีบไม้ใบเก่าที่มุมห้อง อันเป็นที่เก็บสมบัติเพียงไม่กี่ชิ้นของนางหลังจากทำงานบ้านช่วงบ่ายจนเสร็จสิ้น นางก็ตั้งใจว่าจะนำภาพปักออกมาเชยชมอีกครั้งเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเอง นางเดินกลับมาที่ห้องเก็บของซอมซ่อของตนด้วยฝีเท้
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๓ เขียนด้วยเลือด ตัดด้วยใจ

ความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวเข้าครอบงำห้องโถงของตระกูลสวี่ สวี่จื่อเหวินยังคงยืนหอบหายใจอย่างเกรี้ยวกราด จ้องมองภรรยาที่ทรุดกายอยู่บนพื้นด้วยแววตาเหยียดหยาม ส่วนโม่หงชวนนั้นยกยิ้มอย่างผู้มีชัย ชัยชนะที่ได้มาจากการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสตรีอีกผู้หนึ่งทว่า หลี่ชิงอีกลับไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวังนางไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้กรีดร้องทึ้งผมตัวเอง ไม่ได้แม้แต่จะส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าใด ๆ ออกมา ความเจ็บปวดบนใบหน้ายังคงแผ่ซ่าน แต่หัวใจของนางกลับนิ่งสงบราวกับผิวน้ำในบ่อยามไร้ลม ความรู้สึกทั้งมวลที่เคยมี ทั้งความรัก ความอดทน ความหวัง ได้ถูกฝ่ามือนั้นตบจนสลายไปหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่านางค่อย ๆ พยุงกายลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง เสื้อผ้าที่เคยดูซอมซ่อ บัดนี้กลับไม่อาจบดบังแผ่นหลังที่ตั้งตรงดุจต้นสนท้าลมหนาวของนางได้ นางไม่แม้แต่จะปรายตามองบุรุษผู้เป็นสามีและสตรีผู้เป็นแม่สามีอีก ราวกับว่าคนทั้งสองเป็นเพียงธาตุอากาศที่ไร้ตัวตนหลี่ชิงอีหมุนกายและเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ ทุกย่างก้าวของนางหนักแน่นและมั่นคง ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของความลังเลใจ การกระทำอันแปลกประหลาดของนางทำให้สองแม่ลูกตระกูลสวี่ถึงกับ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๔ ความหวัง

หลี่ชิงอีเดินกลับไปยังเรือนตระกูลสวี่เป็นครั้งสุดท้าย นางไม่ได้กลับไปเพื่ออาลัยอาวรณ์ แต่กลับไปเพื่อเก็บสัมภาระเพียงน้อยนิดของตนเอง การกระทำของนางเป็นไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดราวกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่เปิดโอกาสให้สองแม่ลูกตระกูลสวี่ได้กล่าววาจาถากถางใด ๆ เพิ่มเติมโม่หงชวนโยนห่อผ้าที่ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ของนางออกมาให้ที่หน้าประตูอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ “เอาของของเจ้าไป! แล้วไสหัวไปให้พ้นจากบ้านข้าบัดนี้!”หลี่ชิงอีรับห่อผ้านั้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของนางไม่ได้มองไปที่อดีตแม่สามีหรืออดีตสามีที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังแม้แต่น้อย นางเพียงหันหลังให้ประตูไม้ที่คุ้นเคยบานนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ประตูที่นางเคยเดินผ่านเข้ามาเมื่อสามปีก่อนด้วยความหวังเต็มเปี่ยม และบัดนี้ นางกำลังเดินจากไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกสลายแต่ก็เป็นอิสระนางเดินออกมาจากตรอกตระกูลสวี่ ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นและเสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้านที่ยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของนางไม่เลิกรา บางสายตาสมเพชเวทนา บางสายตาดูแคลน แต่สำหรับหลี่ชิงอีในยามนี้ นางไม่รับรู้หรือไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้นน
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๕ ยืนหยัดด้วยตนเอง

รุ่งอรุณของวันใหม่ในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้ามาเยือนพร้อมกับความหนาวเหน็บที่เสียดแทงกระดูก หลี่ชิงอีลืมตาตื่นขึ้นในซอกหลืบหลังศาลเจ้าเก่าแห่งหนึ่ง ร่างกายของนางปวดเมื่อยไปทุกส่วนจากการนอนขดตัวบนพื้นดินที่เย็นเฉียบตลอดทั้งคืน ความหิวโหยบิดเกร็งอยู่ในช่องท้องจนแสบร้อน นี่คือเช้าวันแรกของอิสรภาพที่ต้องแลกมาด้วยความอ้างว้างและยากลำบากอย่างแสนสาหัสนางอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่าสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง แต่ในแววตาที่อิดโรยนั้นกลับไม่มีความท้อแท้สิ้นหวังแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าการมัวแต่สมเพชเวทนาในโชคชะตาของตนเองนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สิ่งเดียวที่นางต้องทำในตอนนี้คือการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดนางล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลือติดตัวออกมา มันคือปิ่นปักผมเงินอันเล็ก ๆ สลักลายดอกเหมยอย่างเรียบง่าย เป็นของดูต่างหน้าชิ้นเดียวที่มารดามอบให้ก่อนสิ้นใจ นางลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นจากความทรงจำในวัยเยาว์หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจชั่วขณะ ก่อนที่นางจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้านางเดินไปยังโรงรับจำนำที่ใหญ่ที่สุดในตลาด บรรยากาศข้างในช่างดูหดหู่และเต็มไปด้วยความสิ้น
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๖ ลูกค้าประจำ

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวราวกับโกหก เผลอครู่เดียวก็ย่างเข้าสู่ต้นเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ลมหนาวระลอกใหม่พัดพาเอาความเยือกเย็นมาปกคลุมทั่วทั้งเมือง แต่สำหรับหลี่ชิงอีแล้ว ในใจของนางกลับอบอุ่นกว่าครั้งไหน ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาชีวิตของนางในตอนนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย ทุกเช้านางจะตื่นขึ้นมาในห้องเช่าเล็ก ๆ ที่เป็นของตนเอง หุงหาอาหารกินอย่างพอเพียง ก่อนจะลงมือประดิษฐ์ผลงานปักผ้าของนางด้วยความใส่ใจ กิจการเล็ก ๆ ของนางยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี จากการบอกเล่าปากต่อปากนั้นช่วยทำให้ตอนนี้นางมีลูกค้าประจำอยู่หลายราย ส่วนใหญ่เป็นเหล่าแม่บ้านและผู้สูงอายุในละแวกนั้น เงินที่หามาได้ในแต่ละวันนั้นแม้จะไม่ได้มากมาย แต่ก็เพียงพอให้นางมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ต้องแบมือขอใครกินอีกนางยังคงตั้งแผงเล็ก ๆ ที่มุมเดิมของตลาดเช่นทุกวัน ความขยันขันแข็งและความซื่อสัตย์ของนางเริ่มเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของพ่อค้าแม่ขายในบริเวณใกล้เคียง จากที่เคยถูกมองด้วยสายตาแปลกแยก ตอนนี้หลายคนเริ่มส่งยิ้มและทักทายนางอย่างเป็นมิตร ชีวิตที่เคยต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอย่างโดดเดี่ยว บัดนี้เริ่มมีส
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๗ อดีตตามราวี

ในขณะที่ชีวิตของหลี่ชิงอีกำลังผลิบานขึ้นใหม่อย่างช้า ๆ ชีวิตในเรือนตระกูลสวี่กลับกำลังร่วงโรยลงทุกขณะ บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงตวาดด่าและเสียงประจบประแจง บัดนี้กลับอึมครึมและเต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจนับตั้งแต่ไร้หลี่ชิงอีผู้เป็นดั่งวัวม้าให้ใช้งาน โม่หงชวนก็จำต้องลงมือทำงานบ้านด้วยตนเองเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ความเหนื่อยยากทำให้โทสะของนางยิ่งเพิ่มพูน ส่วนสวี่จื่อเหวินนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า เมื่อไม่มีเงินที่ได้จากงานปักผ้าของภรรยามาเจือจุน เขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตเสเพลร่ำสุรากับสหายได้เช่นเคย ทั้งยังถูกเจ้าหนี้บ่อนพนันตามทวงหนี้ที่เหลือไม่เว้นวัน สองแม่ลูกที่เคยสุขสบายอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น บัดนี้กำลังลิ้มรสความลำบากเป็นครั้งแรกยามบ่ายของกลางเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า ขณะที่โม่หงชวนกำลังนั่งบ่นอุบอิบถึงชะตาชีวิตของตนเองอยู่นั้น สตรีข้างบ้านผู้หนึ่งซึ่งขึ้นชื่อเรื่องปากหอยปากปูก็แวะเวียนเข้ามาหาที่เรือน“แม่เสี่ยวสวี่ ข้ามีเรื่องน่าประหลาดใจจะมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เมื่อวานข้าน่ะไปตลาดมา ทายสิว่าข้าเจอใครมา ก็นางหนูหลี่ชิงอีอดีตสะใภ้ของเจ้า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๘ หากมีใครรังแกอีก ให้มาบอกข้า

ท่ามกลางวงล้อมของฝูงชนและความโกลาหล หลี่ชิงอีกำลังจะถึงขีดจำกัดของความอดทน นางกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความโกรธและความอัปยศอดสูที่ถูกหยามเกียติต่อหน้าธารกำนัลทำให้ร่างทั้งร่างของนางสั่นสะท้าน แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยคำพูดใด ๆ ออกไป...ชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่นั้นพลันแหวกออกเป็นทางอย่างเงียบเชียบ ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาบุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีเข้มก้าวเข้ามาในวงล้อมด้วยฝีเท้าที่มั่นคงและหนักแน่น เขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามใด ๆ เพียงแค่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ แผงค้าเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีอย่างสงบนิ่งเซียวจิ่นเหยียนเพิ่งเดินออกมาจากร้านยาที่อยู่ไม่ไกลนัก ในมือของเขายังคงถือห่อสมุนไพรสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายในอยู่ แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่คุ้นเคยดังมาจากทิศทางของตลาด ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง เขารีบเดินตรงมายังต้นเสียงทันที และภาพที่เขาเห็นก็ทำให้ดวงตาที่เคยสงบนิ่งของเขาพลันฉายแววเย็นเยียบขึ้นมาวูบหนึ่งสตรีที่เขาเฝ้ามองดูนางลุกขึ้นสู้และสร้างชีวิตใหม่ด้วยสองมือของตนเอง กำลังถูกคนพาลสองคนรุมรังแกและใส่ร้ายป้ายสีอย่างน่าร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๐๙ ของสมนาคุณ

นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนั้น บรรยากาศรอบตัวของหลี่ชิงอีก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คำกล่าวหาที่ไร้สาระของสองแม่ลูกตระกูลสวี่ไม่เพียงไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของนางได้ แต่กลับทำให้นางเป็นที่รู้จักและได้รับความเห็นใจจากผู้คนในตลาดมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการยืนยันคุณภาพสินค้าจากบุรุษลึกลับผู้องอาจผู้นั้น ยิ่งทำให้กิจการเล็ก ๆ ของนางเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างก้าวกระโดดลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย ส่วนลูกค้าเก่าก็ยังคงกลับมาซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้นางไม่ได้เป็นเพียงแม่นางถุงหอมที่โลกลืมอีกต่อไป แต่กลายเป็นช่างฝีมือที่ได้รับการยอมรับในฝีมือและความซื่อสัตย์แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด ดูท่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมผู้นั้นเขายังคงแวะเวียนมาที่แผงของนางทุกบ่ายเช่นเคย แต่บทสนทนาระหว่างพวกเขากลับลดน้อยลงไปอีก ราวกับว่ามีเรื่องราวมากมายที่สื่อถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่ในความเงียบนั้นเอง ที่ทำให้หลี่ชิงอีมีโอกาสได้สังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวเขามากขึ้นนางสังเกตเห
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม

๑๐ เจอสมบัติล้ำค่า

หลายวันต่อมา ปลายเดือนสิบสองในรัชศกจิ่งหยวนปีที่ห้า อากาศยิ่งทวีความหนาวเหน็บ หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกของปี ปกคลุมหลังคาบ้านเรือนจนขาวโพลนไปทั่วทั้งเมือง แต่ความหนาวเย็นภายนอกกลับไม่อาจทำอะไรกิจการเล็ก ๆ ของหลี่ชิงอีได้อีก แผงของนางกลายเป็นจุดแวะพักที่อบอุ่นใจสำหรับลูกค้าหลาย ๆ คนที่ไม่เพียงมาซื้อของ แต่ยังมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกับแม่ค้าสาวผู้มีน้ำใจงามผู้นี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลูกค้าประจำผู้เงียบขรึมก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน ผ้าเช็ดหน้าลายกิ่งไผ่ผืนนั้นได้กลายเป็นสะพานเชื่อมใจที่มองไม่เห็น ทำให้กำแพงระหว่างคนทั้งสองค่อย ๆ ทลายลง แม้บทสนทนาจะยังคงสั้นกระชับเช่นเคย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในแววตาของพวกเขากลับชัดเจนยิ่งกว่าถ้อยคำนับพันคำหลี่ชิงอีไม่เคยคาดคิดเลยว่าโชคชะตาที่พลิกผันกำลังจะนำพาความอบอุ่นในรูปแบบที่นางโหยหามาตลอดชีวิตมามอบให้...ณ จวนรับรองส่วนตัวที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบในอีกฟากหนึ่งของเมือง เซียวจิ่นเหยียนกำลังขมวดคิ้วมุ่นขณะอ่านรายงานทางการทหารที่ถูกส่งมาอย่างลับ ๆ อาการบาดเจ็บภายในของเขาค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ในช่วงหลายวันที่ผ่านม
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-17
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
12
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status