Home / โรแมนติก / สายลมรักเมขลา / ตอนที่ 4 ห้วงนิทราของอดีต

Share

ตอนที่ 4 ห้วงนิทราของอดีต

last update Last Updated: 2025-12-16 21:18:43

"เมาอะไรขนาดนี้ ใครอุ้มไปไหนจะรู้ไหม... เด็กดื้อเอ๊ย" เขาบ่นเบา ๆ อย่างเอ็นดู ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น...

<หมับ!>

"ลม!... อยู่กับเมย์ก่อนสิ อย่าเพิ่งไป" แขนเรียวคว้าคอแกร่ง ดึงโน้มร่างเขาลงมาประทับจูบอย่างจู่โจม...

วายุเบิกตากว้าง รีบกระชากผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโซฟา "เมย์! เราเมามากนะ รู้ตัวไหม!"

เมขลาค่อย ๆ ลืมตาที่ปรือปรอย "ทำไม! ทีกับคนอื่นพี่ทำไมทำได้... กับเมย์ทำไม ๆ" เสียงเธออ้อแอ้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

"เมย์... นี่พี่วา...เองนะ พี่ชายหมายเลขสองของน้องเมย์ไง ตั้งสติหน่อย!"

"ทำไม... คิดว่าเมย์เมาจนจำหน้าพี่ไม่ได้เหรอ!"

"เมย์! พักผ่อนก่อนนะ สร่างเมาแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน" เขาพูดพร้อมกับจะลุกอีกครั้ง

<หมับ!>

มือเล็กดึงขอบกางเกงรอบเอวของชายหนุ่ม กระชากเขากลับมาจนร่างเขามาพิงตรงโซฟา เธอรีบคุกเข่าคร่อมเอวแกร่งของเขาไว้ทันที แขนเรียวโอบคอแกร่งล็อกไว้ให้สบตากัน

"ไหน... ขอดูหน้าชัด ๆ ซิ... อืออออ... ก็ใช่นี่... ใช่แล้วไม่ผิดอย่างแน่นอน"

"อะไร!... เมย์! ตั้งสติหน่อยสิ" เสียงวายุเริ่มแหบพร่าเมื่อถูกล็อกในระยะประชิด

"ทำไมคะ... กับคนอื่นพี่ยังกะล่อนใส่... เมย์อยากให้พี่กะล่อนใส่เมย์บ้างหนิ"

พูดจบ เธอก็กระชากคอเสื้อเขาเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและหนักหน่วง

สัญชาตญาณนักล่าที่โดนจู่โจม มีหรือเขาจะไม่โต้ตอบกลับ มือหนาเริ่มลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างเผลอตัว ปากหยักถอนจูบจากริมฝีปากเปลี่ยนมาเป็นไซ้ที่ซอกคอ จมูกโด่งเริ่มสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นของเธออย่างหื่นกระหาย

มือเล็กของเธอเอื้อมไปค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า มันยิ่งกระตุ้นให้ภายในร้อนรุ่ม เขาเริ่มซับจูบที่ไหล่เนียนที่เปลือยเปล่าจากชุดเกาะอก ไล่ต่ำลงมาใกล้เนินอกอวบขาว...

ร่างแกร่งโน้มตัวค่อย ๆ ก้มลง จนริมฝีปากหยักกำลังจะแตะสัมผัสเนินอกที่ซ่อนอยู่ใต้ชุด...

<...!...>

<โอ้ก... แหวะ>

แผงอกแกร่งก็มีของเหลวอุ่น ๆ เปรอะเปื้อนทันที ฤทธิ์แอลกอฮอล์และอาการเมาทำให้เมขลาอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงเต็มอกเขาทันที

 

หลายชั่วโมงต่อมา...

เมย์สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดศีรษะตุบ ๆ ความมึนเมาที่หนักหน่วงเมื่อครู่ได้สลายไปเกือบหมดแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงความรุ่มร้อนบนใบหน้าและความรู้สึกกระด้างในลำคอ เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นสบายจากโซฟาหนังที่นอนอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองสำรวจรอบห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหราซึ่งเธอไม่คุ้นเคย

"อื้อหือ... เมาหนักจริง ๆ ... นี่เราฝันบ้าอะไรเนี่ย" เธอพึมพำกับตัวเองพลางลูบหน้าผาก

ภาพเหตุการณ์วาบผ่านเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็รีบปัดทิ้งไปทันที ตีความมันว่าเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อจากพิษแอลกอฮอล์

"ยัยจี๊ด!... อยู่โรงพยาบาลนี่นา! ต้องรีบไปดูนางแล้ว" สติที่กลับมาทำให้เธอคิดถึงเพื่อนทันที

"ว่าแต่เราขึ้นมานอนที่นี่ได้ยังไงนะ... ช่างเถอะ คงเป็นพี่วายุที่พาขึ้นมาส่งแหละ"

ขณะที่เธอกำลังจะลุกออกจากโซฟาหนัง พลันสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างบนโต๊ะข้างโซฟา... มันคือนามบัตรสีเข้มดูดีที่วางอยู่เดี่ยว ๆ ชื่อบนนั้นชัดเจนว่า วายุ เพชรพิพัฒน์ เจ้าของคลับแห่งนี้

รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดูขี้เล่นผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว เธอหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาหนึ่งใบ แล้วเก็บมันไว้ในกระเป๋าเหมือนเป็นของสำคัญ ก่อนจะกระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงซุกซน

"ขอเก็บไว้ซักใบนะคะ 'พี่ชายหมายเลขสอง'

 

กลับมาปัจจุบัน

ในที่สุด ทั้งวายุและเมย์ก็หมดสติไปพร้อมกันท่ามกลางความมืดมิดและเงียบสงัดของผืนป่า มีเพียงร่องรอยฟกช้ำตามตัวเท่านั้นที่บ่งบอกถึงสิ่งที่พวกเขาเพิ่งประสบมา...

 

ห้วงแห่งนิทรา

ความรู้สึกหนักอึ้งและความหนาวเหน็บก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นคุ้นเคย เสียงที่ห่างหายไปนานในความทรงจำกำลังดังขึ้น

เมขลาพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของบ้านหลังหนึ่งที่เธอคุ้นเคย ทุกอย่างสว่างไสวและเต็มไปด้วยสีสัน เสียงหัวเราะดังระงม... เธออยู่ในความฝันวัยเด็ก

ที่มุมห้อง... เด็กชายสามคนกำลังนั่งล้อมวงกันอย่างจริงจัง ตรงกลางมีเครื่องเล่นเกมสุดฮิตของยุคนั้นตั้งอยู่

เมฆินทร์ ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น กำลังกดจอยเกมส์อย่างเมามัน ใบหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ธนา ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็กำลังจดจ่อกับการออกคำสั่งในเกมส์อย่างไม่ลดละ

และวายุ กำลังนั่งหัวเราะอย่างร่าเริงเมื่อเห็นเพื่อน ๆ เล่นผิดพลาด

เด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อเมย์ (อายุประมาณ 7-8 ขวบ) วิ่งเข้าไปหาพวกเขาอย่างตื่นเต้น

“พี่!...เมย์ขอเล่นด้วยคนสิ!” เมย์น้อยเงยหน้ามองพี่ชายและเพื่อน ๆ ของเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

เมฆินทร์ที่กำลังแพ้เกมอยู่หันมาทำหน้ายุ่งใส่ทันที

“ไม่ได้! เมย์อย่ามากวน! นี่มันเกมผู้ชาย!” เมฆินทร์ผลักหัวน้องสาวเบา ๆ “ไปเล่นตุ๊กตาที่ห้องอื่นเลยไป๊!”

“ใช่ ๆ เมย์คนเก่ง ไปเล่นที่อื่นก่อนนะ พวกพี่กำลังจะบุกบอสอยู่” ธนาพูดเสริมโดยที่ตาไม่ละไปจากหน้าจอ

คำพูดของพี่ชายและพี่ธนาทำให้ใบหน้าของเมย์น้อยหงอยลงทันที ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน... น้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลอาบแก้ม

“ฮึก... เมย์อยากเล่นด้วย ฮือออ...”

ขณะที่เมฆินทร์กำลังจะอ้าปากดุน้องสาวอีกครั้ง...

วายุที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็ยื่นจอยเกมของตัวเองไปให้เมย์ทันที

“เอาไปสิเมย์! มาเล่นกับพี่วา” วายุส่งยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยนให้เธอ “มา! พี่จะสอนเมย์จับจอยนะ ไม่ต้องไปสนใจไอ้เมฆหรอก มันก็แค่อิจฉาที่เมย์ได้เล่นก่อน”

“วายุ! มึงจะบ้าเหรอ! นี่ตากูนะเว้ย!” เมฆินทร์โวยวาย

“เอาน่าไอ้เมฆ! เกมง่าย ๆ ใครเล่นก็ได้... พี่จะเล่นเป็นเพื่อนเมย์เอง” วายุไม่สนใจเสียงบ่นของเพื่อน เขาหันมาสนใจเด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังหยุดร้องไห้แล้วจ้องมองจอยเกมส์ด้วยความสงสัย

เมย์น้อยรับจอยเกมส์มาอย่างลังเล “จริงเหรอคะ... พี่วาจะเล่นกับเมย์จริง ๆ เหรอ?”

“จริงสิ! มานี่เลย มานั่งข้างพี่ พี่จะสอนวิธีเตะต่อยในเกมนี้ให้” วายุเลื่อนตัวไปนั่งชิดกับเมย์น้อย แล้วใช้มือใหญ่ของตัวเองจับมือเล็ก ๆ ของเด็กหญิงเพื่อสอนวิธีควบคุม

ภาพตรงหน้าคือวายุที่ยอมสละตาเล่นเกมที่เขารอคอย เพื่อที่จะมานั่งเล่นเกมส์แบบง่าย ๆ เป็นเพื่อนกับน้องสาวที่กำลังร้องไห้

วายุเป็นลูกชายคนเดียวเขาอยากมีน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เขาเลยชอบเมย์มาก และมักจะยอมเมย์ทุกเรื่องตั้งแต่เมย์จำความได้

“พี่วาคะ... วันหลังเมย์จะซื้อไอติมมาให้เยอะ ๆ เลยนะ” เมย์น้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมย์จะเป็นคนปกป้องพี่วาเอง! จะไม่มีใครมาแกล้งพี่ได้!”

วายุหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินคำประกาศอันกล้าหาญนั้น

“โอ้โห! น้องเมย์ของพี่เก่งจังเลย! พี่จะต้องพึ่งเมย์ซะแล้วสิเนี่ยะ”

เขายิ้มอย่างเอ็นดู และปล่อยให้เมย์น้อยเข้าใจว่าเธอเป็นผู้ปกป้องที่แข็งแกร่ง ทั้งที่ความจริงแล้ว...

...เขาก็แค่แกล้งยอมให้เมย์น้อยชนะเสมอ... เพียงเพราะอยากเห็นรอยยิ้มของเด็กหญิงที่เขาเอ็นดูเท่านั้นเอง

ภาพในความฝันเริ่มเลือนราง... เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ หายไป... เหลือเพียงความอบอุ่นสุดท้ายที่ทำให้เมย์รู้สึกว่า... ไม่เป็นไร... พี่วายุจะปลอดภัย...

 

ตื่นจากห้วงนิทรา

ความมืดมิดกัดกินความรู้สึกไปจนเกือบหมดสิ้น แต่แล้ว... แสงสลัว ๆ ของรุ่งอรุณก็เริ่มลอดผ่านเรือนยอดไม้เข้ามาทีละน้อย

<เจี๊ยบ ๆ ...>

เสียงนกร้องยามเช้าและละอองน้ำค้างเย็น ๆ ที่สัมผัสผิวหน้าทำให้เมย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างกระทันหัน

เธอพยายามตั้งสติ... ภาพสุดท้ายคือเสียงฝีเท้าและคำตะโกนเกรี้ยวกราดของผู้ชายคนนั้น เมขลารู้สึกโล่งใจที่พวกเขาไม่ได้มาถึงที่นี่ในตอนกลางคืน

เธอรีบก้มมองวายุทันที เขายังคงหายใจอยู่ แต่ริมฝีปากแห้งผากและสีหน้ายังคงซีดเผือด

เธอขยับตัวอย่างระมัดระวัง พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มี... ดึงร่างใหญ่ที่หนักอึ้งของวายุให้เข้ามาแนบชิด แล้วจัดท่านั่งของเขาให้พิงกับลำต้นไม้และใช้ร่างของเธอเองบังเขาไว้ด้านหน้าตามสัญชาตญาณ

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม... เธอจะต้องปกป้องเขาไว้ก่อน

<แคร่ก... แคร่ก...>

ทันใดนั้น... เสียงฝีเท้า และเสียงการย่ำบนใบไม้แห้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังมาจากทางด้านขวาของพวกเขา

เมขลาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเธอเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก! "มันกลับมาแล้ว!"

เธอรีบกอดร่างวายุไว้แน่น ปิดปากตัวเองและเขาไว้ไม่ให้มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา สายตากวาดจ้องมองไปยังทิศทางของเสียงด้วยความหวาดกลัว...

 

“ทางนี้เหรอพ่อ? เมื่อคืนแม่ว่าได้ยินเสียงอะไรดังโคครมม”

“น่าจะสัตว์ป่าแหละน่า! เดินดี ๆ อย่าให้ของป่ามันช้ำ”

เสียงนั้นไม่ใช่เสียงตะโกนเกรี้ยวกราด... แต่มันเป็นเสียงพูดคุยที่ฟังดูเป็นมิตร

ชายหญิงคู่หนึ่งในชุดชาวเขาพื้นเมือง พร้อมกับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่สะพายตะกร้าใบใหญ่กำลังเดินลัดเลาะเข้ามาในบริเวณที่พวกเขาล้มอยู่ ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกว่ากำลังตั้งใจมองหาบางสิ่งบางอย่าง... พวกเขากำลังหาของป่า

ความโล่งใจเข้าจู่โจมเมขลาอย่างรุนแรงจนน้ำตาเกือบไหล!

เธอรีบปล่อยมือจากวายุ แล้วตะโกนออกไปเสียงแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะกลัวเสียงจะสั่น

“ค... คุณคะ! ช่วยด้วยค่ะ!”

ชาวบ้านทั้งสามคนชะงักฝีเท้าทันที หันมามองเมขลาที่อยู่ในสภาพมอมแมมและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนอย่างตกใจ

“ว้าย! ใครน่ะ!” หญิงชาวเขาอุทาน

“พวกเราถูกทำร้ายค่ะ! พี่ชายหนูบาดเจ็บหนักมาก! ช่วยพวกเราด้วยนะคะ!” เมขลาร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพยายามเดินไปหาพวกเขา

สามีภรรยาชาวเขามองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อเห็นสภาพของวายุที่พิงต้นไม้และมีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาดูทันที

“พ่อ! ดูสิ! เลือดออกเยอะเลย!” เด็กชายตัวเล็ก ๆ ชี้ไปที่แขนของวายุด้วยความตื่นตระหนก

“เขาโดนยิง... พวกเราถูกทำร้ายค่ะ! พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่!” เมขลารีบพูดอย่างรวดเร็ว “พวกคุณช่วยเขาได้ไหมคะ!?”

ชายชาวเขาที่มีร่างกายแข็งแรงก้มลงตรวจดูอาการของวายุอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสีหน้าจริงจังและให้ความช่วยเหลือโดยให้ภรรยากลับไปตามผู้ชายในหมู่บ้านมาช่วยแบกคนตัวโตที่ไม่ได้สติอยู่

 

ไม่นานคำปองก็กลับมาพร้อม อี้ฝาน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในวัย 19 ปี ที่มีเครื่องมือเดินป่าครบมือและมีแววตาที่สงบนิ่งผิดจากวัย

ทันทีที่เห็นสภาพของวายุที่ทรุดอยู่ อี้ฝานก็ไม่รอช้า เขาคุกเข่าลงข้าง ๆ วายุอย่างรวดเร็ว แล้วใช้มีดพับตัดผ้าพันแผลของเมขลาออกอย่างระมัดระวัง เขาประเมินบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นแขนของวายุอย่างใจเย็น แล้วหันไปหาจ๋าย

“มีเลือดออกซึมเพิ่มครับพ่อจ๋าย... ต้องรีบปิดปากแผลก่อน”

อี้ฝานไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารีบนำสมุนไพรสดในย่ามที่เตรียมมาบดอย่างรวดเร็ว แล้วโปะลงบนแผลเพื่อหยุดเลือด ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดของตัวเองพันรัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยทักษะที่ดูเป็นมืออาชีพ

จ๋ายและอี้ฝานมองหน้ากันโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ทั้งสองใช้ไม้ไผ่ที่เตรียมมาอย่างรวดเร็ว ผูกกับผ้าขาวม้าผืนหนาของจ๋ายทำเป็นเปลหามชั่วคราวอย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้ว่าวายุจะมีรูปร่างใหญ่ แต้อี้ฝานใช้ความแข็งแรงและเทคนิคที่สั่งสมจากการเดินป่าอย่างชำนาญ พยุงร่างของวายุขึ้นวางบนเปลอย่างมั่นคง...

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สายลมรักเมขลา   ตอนที่ 5 ไปปฏิบัติธรรม

    หมู่บ้านชนเผ่า ในความเงียบสงบที่เหลืออยู่ มีเพียงเสียงลมพัดกระทบหน้าต่างไม้เบา ๆ เมขลาจัดการจัดท่านอนให้วายุอย่างสบายที่สุด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างฟูก เธอถือถ้วยยาต้มสีดำเข้มที่หมอจัดเตรียมไว้ ความหอมฉุนของสมุนไพรทำเอาใจคอไม่ดี “พี่วายุ... ลืมตาหน่อยนะคะ... ถึงเวลาต้องกินยาแล้ว” “ทำยังไงดี! ไม่ได้สติแบบนี้...จะกินยาได้ยังไง ถ้าเป็นพล๊อตนิยายหรือในซีรีย์จีน...นางเอกต้องยกถ้วยยาซด แล้วก็...หยี...ไม่ได้ ๆ สิ เราไม่ใช่นางเอกหนิ” เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะนั้นวายุพยายามลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่ยังคงพร่ามัวมองมาที่เมขลา ใบหน้าของเขาตอนนี้ซีดเซียวและอ่อนแรงกว่าที่เธอเคยเห็น แต่แววตาที่มองกลับมานั้นกลับจริงจังอย่างน่าประหลาด เขาพยายามจะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พี่...ฟื้นแล้ว! ทานยาหน่อยนะคะ” เมขลาน้ำเสียงรู้สึกโล่งใจ “อื้อ!...ขมชะมัด... ไม่มีลูกอมแก้ขมบ้างเหรอ?” เขาเอ่ยเสียงออดอ้อนติดแหบพร่าคล้ายเด็กน้อยที่ไม่อยากกินยา หัวใจของเมขลาเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เธอวางช้อนลงชั่วครู่ ยกศีรษะของวายุขึ้นอย่างระมัดระวังที่สุด แล้วใช้ช้อนตักยาค่อย ๆ ป้อนเข้าสู่

  • สายลมรักเมขลา   ตอนที่ 4 ห้วงนิทราของอดีต

    "เมาอะไรขนาดนี้ ใครอุ้มไปไหนจะรู้ไหม... เด็กดื้อเอ๊ย" เขาบ่นเบา ๆ อย่างเอ็นดู ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น... "ลม!... อยู่กับเมย์ก่อนสิ อย่าเพิ่งไป" แขนเรียวคว้าคอแกร่ง ดึงโน้มร่างเขาลงมาประทับจูบอย่างจู่โจม... วายุเบิกตากว้าง รีบกระชากผลักหญิงสาวให้นอนราบลงบนโซฟา "เมย์! เราเมามากนะ รู้ตัวไหม!" เมขลาค่อย ๆ ลืมตาที่ปรือปรอย "ทำไม! ทีกับคนอื่นพี่ทำไมทำได้... กับเมย์ทำไม ๆ" เสียงเธออ้อแอ้เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เมย์... นี่พี่วา...เองนะ พี่ชายหมายเลขสองของน้องเมย์ไง ตั้งสติหน่อย!" "ทำไม... คิดว่าเมย์เมาจนจำหน้าพี่ไม่ได้เหรอ!" "เมย์! พักผ่อนก่อนนะ สร่างเมาแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน" เขาพูดพร้อมกับจะลุกอีกครั้ง มือเล็กดึงขอบกางเกงรอบเอวของชายหนุ่ม กระชากเขากลับมาจนร่างเขามาพิงตรงโซฟา เธอรีบคุกเข่าคร่อมเอวแกร่งของเขาไว้ทันที แขนเรียวโอบคอแกร่งล็อกไว้ให้สบตากัน "ไหน... ขอดูหน้าชัด ๆ ซิ... อืออออ... ก็ใช่นี่... ใช่แล้วไม่ผิดอย่างแน่นอน" "อะไร!... เมย์! ตั้งสติหน่อยสิ" เสียงวายุเริ่มแหบพร่าเมื่อถูกล็อกในระยะประชิด "ทำไมคะ... กับคนอื่นพี่ยังกะล่อนใส่... เมย์อยากให้พี่กะล่อนใส่

  • สายลมรักเมขลา   ตอนที่ 3 กระต่ายสาว

    “พี่... ตอนนั้นพี่ไม่รู้จะคิดยังไงดี” วายุสารภาพ “ทุกอย่างมันดูเหมือนจริงไปหมด ทั้งคำพูดของไอ้กรณ์ ทั้งที่พี่ก็เห็นพวกน้องสนิทกันขนาดไหน...” “เอาสมองส่วนไหนคิดคะ ถามจริง!...” ทันใดนั้น... ว้ายย...! เมขลากรีดร้องออกมาขณะที่เท้าของเธอเหยียบพลาดบนก้อนหินขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้แห้ง ด้วยน้ำหนักที่กำลังแบกรับร่างของวายุอยู่ ทำให้แรงเหวี่ยงเสียศูนย์ไปอย่างรวดเร็ว วายุที่แม้จะบาดเจ็บและอ่อนแรง แต่สัญชาตญาณก็ทำงานทันทีที่รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะตกลงไป เขารีบออกแรงกอดเมย์ไว้แน่นสุดกำลัง พลิกตัวให้ร่างของเขาทับอยู่ด้านบนเพื่อรับแรงกระแทกทั้งหมด ทั้งคู่กลิ้งลงไปตามทางลาดชันของไหล่เขาอีกครั้ง ร่างกายปะทะกับพุ่มไม้ ก้อนหิน และรากไม้ที่ยื่นออกมาอย่างจัง วายุได้ยินเสียงเมขลาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพียงแวบเดียว ก่อนที่เขาจะใช้ความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อเป็นเกราะกำบังให้เธออย่างเต็มที่ เขากอดศีรษะเธอซบเข้ากับหน้าอกของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของเธอไปกระแทกกับโขดหินที่ขรุขระ การกลิ้งตกลงเป็นไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง... จนกระทั่งเสียงทุกอย่างเงียบลง พวกเขามาห

  • สายลมรักเมขลา   ตอนที่ 2 ไล่ล่า

    วายุและเมขลาขับรถลงมาจากยอดดอยได้สักพักแล้ว บรรยากาศภายในรถเริ่มเงียบลงหลังจากที่ทั้งคู่แลกเปลี่ยนบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจในการกลับมาคืนดีกันของเมฆินทร์และจารวี แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงความมืดมิดของหุบเขาที่คืบคลานเข้ามาพร้อมความเงียบสงัด “พี่วายุ... เราทิ้งพวกเขาไว้แบบนี้จะดีเหรอคะ” เมขลาถามขึ้นอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าวายุทำไปเพื่อพี่ชายและเพื่อนรัก แต่ในใจเธอก็ยังกังวล “ดีกว่าเยอะ” วายุตอบพร้อมกับหันมายักคิ้วให้ “ปล่อยให้เขาได้คุยกันบ้างเถอะน่า ตั้งหลายเดือน กว่าพวกนั้นจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ซักที เมย์ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นหรอกน่า... มาอยู่กับพี่แล้วต้องผ่อนคลายสิครับ” เธอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับความกะล่อนของเขา แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีความคิดมากอย่างเห็นได้ชัด “เมย์ไม่ได้เครียดเรื่องนั้นค่ะ เมย์คิดเรื่องที่พี่เมฆเล่าเรื่องชายชุดดำต่างหาก พี่เมฆบอกว่ามันพูดกับจี๊ดว่า ‘จำฉันไม่ได้เหรอ’ ถ้าเป็นพวกโรคจิตตามติดผลงานจะพูดแบบนี้เหรอคะ” วายุเปลี่ยนสีหน้าให้จริงจังขึ้นเล็กน้อย “พี่ก็ว่าไอ้เมฆคิดถูกนะ ลักษณะการจู่โจมมันไม่เหมือนพวกคลั่งไคล้ แต่มันเหมือนคนที่

  • สายลมรักเมขลา   ตอนที่ 1 ความเดิมตอนที่แล้ว

    เรื่องราวเลวร้ายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อววายุและเมขลาตามเมฆินทร์ไปช่วยเหลือจารวี คนรักของเมฆินทร์และเป็นเพื่อนสนิทของเมขลาที่เกาะล้าน (จากเรื่อง พลาดรักเมฆินททร์) เบียร์ที่เป็นผู้ที่ทำการทำร้ายจารวีจนหมดสติบนเตียง เมื่อเมฆินทร์เห็นเหตุการณ์ ก็โกรธแค้นจนขาดสติ พุ่งเข้ากระชากและทำร้ายเบียร์อย่างบ้าคลั่งไม่ยั้งมือ ปล่อยให้เบียร์นอนแน่นิ่งหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องอย่างน่าสมเพช ก่อนออกจากห้อง เมขลาที่ทนเห็นเพื่อนรักถูกทำร้ายไม่ได้ ได้รวบรวมความแค้นทั้งหมด เตะเสยปลายคางของเบียร์ เข้าอย่างจัง ทำให้เบียร์ฟุบหลับไปพร้อมกับศีรษะที่กระแทกพื้น นี่คือสิ่งที่คนร้ายจดจำและกลายเป็น ปมแค้นที่่พุ่งเป้าไปที่เมฆินทร์เป็นหลัก การแก้แค้นครั้งแรกที่ไม่สำเร็จ หลังจากที่เบียร์หลบหนีการจับกุมไปได้ เขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะ "ชายชุดดำ" เพื่อตามทำร้ายจารวีที่หน้าคอนโด ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเมฆินทร์ ชายชุดดำได้พูดกับจารวีว่า "จำฉันไม่ได้เหรอ!" ซึ่งเมฆินทร์ตั้งข้อสังเกตว่านี่ไม่ใช่คำพูดของสตอล์กเกอร์ แต่เหมือนการทวงความจำหรือความแค้นในอดีต เมฆินทร์ตามมาช่วยจารวีได้ทันเวลา พยายามดึงหมวกเพื่อเปิดเผยใบหน้าคนร้าย แต่ชาย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status