บทที่ 12
3 ปีต่อมา
มันเป็นเช้าอีกวันที่เหนื่อยยากสาหัสสำหรับเขา เด็กหนุ่มวัยยี่สิบหกยืนบนกระโดงเรือมองท้องฟ้าสีครามลมทะเลแปรปรวน
“ไอ้แทน มึงมานี่”
เขากระโดดลงมายังพื้นเรือเดินเข้าไปในห้องกัปตัน มองใบหน้ากร้านชีวิตของชายวัยสามสิบปลาย
“ครับพี่ทัด”
“มาบังคับเรือ”
เขาแทรกร่างเข้าไปตรงกลางจับพวงมาลัยเรือไม่ใหญ่มากนัก แล้วนึกไปถึงพวกคนด้านล่างที่แออัดใต้ท้องเรือ ในยามกลางวันคนพวกนี้จะต้องอยู่แต่ข้างล่างห้ามขึ้นมา ส่วนเวลากลางคืนเป็นเวลาทำงาน แต่ในบางวันก็อาจต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเช่นกัน
พสุธาเหลือบตามองทัดทองชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หยิบม้วนยาสูบขึ้นมามวน พวกเขาอยู่ในท้องทะเลมาใกล้ครบสามปีแล้ว
“อีกไม่กี่อาทิตย์เราก็จะกลับเข้าฝั่งเมืองไทยกันสักทีไอ้แทน”
“พี่จะเลิกแล้วใช่ไหมครับ”
“เออ กูอยากกลับบ้านไปอยู่กับเมียแล้ว เบื่อจะต้องชักว่าวเองแล้วว่ะ ฮ่า ฮ่า”
ทัดทองอัดยาสูบมวนเข้าปอดแล้วถึงสังเกตถึงใบหน้าหล่อของไอ้หนุ่มตาสีฟ้าที่ถูกโยนลงเรือมาเมื่อสามปีก่อน
“แล้วมึงล่ะไอ้แทน”
พสุธาเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ผมอาจจะกลับบ้านหรืออาจจะไม่กลับ”
“มึงก็รู้ว่านายหัวเอามึงตายแน่ถ้ามึงกลับไปบ้าน”
“ผมไม่ห่วงตัวเองหรอกพี่ทัด”
ทัดทองมองไปยังท้องทะเล นึกถึงตอนที่เอาไอ้หมอนี่ขึ้นมาจากใต้ท้องเรือ เขานึกชอบมันทันทีจนตัวเองยังแปลกประหลาดใจ อาจเพราะบุคลิกนิ่งเฉยหรือเพราะนัยน์ตาสีฟ้าที่สะกดเขาอยู่หมัด
“ถ้ามึงยังไม่มีที่ไปก็ไปอยู่บ้านกูก่อน”
“ขอบคุณพี่มากครับ แล้วพวกใต้เรือ”
“ไอ้พวกนี้จะถูกส่งต่อไปอีกเรือ คงเป็นเรือของมาเลเซีย”
พสุธาไม่พูดอะไรมาก เขารู้ว่าการค้ามนุษย์เถื่อนเป็นเรื่องโหดร้ายและมันขัดต่อมนุษยธรรมที่ปล่อยให้คนหนึ่งคนต้องถูกขายหรือตาย แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขาเห็นคนตายมามากพอแล้ว เขาไม่อยากพูดมากแล้วถูกขายส่งต่อไปยังเรืออีกลำ
“พี่ว่าบนฝั่งจะมีอะไรเปลี่ยนไปมากไหมครับ”
“มันแน่อยู่แล้วไอ้แทน เวลากูออกเรือมาหลายปีแล้วกลับไปมักจำทางกลับบ้านแทบไม่ได้ ที่สำคัญสิ่งของน่ะเปลี่ยนได้ แต่มึงอย่าให้ใจคนเปลี่ยนก็แล้วกัน สิ่งนั้นมันเจ็บยิ่งกว่าสิ่งใด เจ็บลงไปถึงกระดูกเลยมึง”
ทัดทองเอี้ยวหน้ามองพสุธา ชายหนุ่มร่างสูงที่เมื่อแรกมายังเป็นกล้ามเนื้ออย่างเด็กหนุ่ม หากแต่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มร่างโตจากการทำงานหนัก ผิวสองสีอย่างลูกครึ่งผิวสีกลายเป็นดำคล้ำอย่างชาวเล
เขาชอบความทรหดอดทนของไอ้หมอนี่ ยามสัปดาห์แรกที่มันดื้อรั้นและโดนเขาเฆี่ยนด้วยเชือกยาวจนเป็นแผลเหวอะหวะ ถึงมันร้องอย่างเจ็บปวดแต่ไม่โหยหวนอย่างคนทั่วไป และแผลมันเสือกหายจนกลับมาทำงานได้ดั่งเดิม
เด็กหนุ่มเป็นคนเงียบขรึมเขายิ่งชอบ เลยให้มันขึ้นมาอยู่บนเรือคอยช่วยงานทั่วไปจนกระทั่งขึ้นมาเป็นผู้ช่วยทั้งขับเรือ ทั้งดูแลพวกแรงงานเถื่อนที่โดนจับมาใหม่ ๆ
ทัดทองมองลงไปยังพื้นเรือที่ไอ้ทรงนั่งเล่นไพ่คนเดียวอยู่บนพื้น แล้วพลันส่ายหน้า ไอ้หมอนั่นมีดีแค่แรง เขาไว้ช่วยงานเรื่องจับแรงงานเถื่อนหรือไว้เฆี่ยนคนงาน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสมองมันกลับห่วยแตกอย่างเด็กสามขวบ
“ผมตั้งใจว่าจะกลับบ้าน ผมมีคนที่รอผมอยู่ครับ”
จู่ ๆ พสุธาก็เอ่ยขึ้นจนทัดทองแปลกใจ เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังจะเล่าให้ฟังเพราะมันไม่เคยปริปากพูดเรื่องส่วนตัวเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะพสุธาคิดว่าในที่สุดจะได้กลับบ้านจึงยอมเผยเรื่องราว
“ผมมีแม่คนหนึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่บ้านนายหัวบัญชร”
“ตายห่า!! ไอ้แทน! มึงกลับบ้านไม่ได้นะ มึงก็รู้ว่านายหัวล่าหัวมึงอยู่ ที่มึงโดนตีหัวจับมาลงเรือนี่ก็เพราะนายหัว”
พสุธาเบือนใบหน้ากลับไปมองทัดทอง เด็กหนุ่มกว่าไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าเรียบเฉยจนทัดทองเองยังหวาดกลัว
“แต่ผมมีคน ๆ หนึ่งที่ต้องไปหา เธอกำลังรอผมอยู่และผมไม่อยากให้เธอคิดว่าผมทิ้งเธอไป”
ทัดทองส่งมวนยาสูบที่เขาดูดไม่หมดไปให้เด็กหนุ่ม ซึ่งพสุธารับไปดูดต่อแต่โดยดี เมื่อก่อนนี้เขาไม่เคยคิดลองพวกนี้มาก่อนแต่พอมาอยู่บนเรืออันโดดเดี่ยว ยาสูบก็กลายเป็นสวรรค์ขึ้นมาทันที
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“ลูกสาวของนายหัวบัญชร”
“ไอ้แทน!!”
ตอนนี้ทัดทองนั่งไม่ติดต้องลุกขึ้นเดินไปทางเด็กหนุ่ม ยืนจ้องหน้าเห็นดวงตาสีฟ้าล้ำลึกด้วยอารมณ์บางอย่างจนเขาเองก็นึกกลัว
“มันเสี่ยงเกินไป ถ้ามึงโผล่กลับไปครั้งนี้นายหัวคงเอามึงถึงตาย”
“ผมยอมเสี่ยง แล้วถ้ามันได้ผลผมจะพาเธอไปหาพี่ที่ประจวบ”
หนุ่มใหญ่ทอดถอนใจ เขาคงไม่อาจทัดทานไอ้เด็กหนุ่มนี้ได้แล้วหลังจากที่ฟังมันพูด ดูท่าพสุธาคงตัดสินใจมาแล้วสักพักว่าจะทำสิ่งใด บางอย่างในตัวเด็กหนุ่มทำให้เขาเคารพมันจนทำได้เพียงตบบ่า
“งั้นก็ตามใจมึง”
พสุธาผละออกจากพวงมาลัยบังคับเรือเมื่อทัดทองเบียดร่างเข้ามาแทนที่ เขาถือมวนยาสูบมวนใหม่ในมือนั่งลงที่ขอบไม้ด้านนอกของห้องเดินเรือ มองท้องฟ้ายามเย็นใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเปิดให้พวกใต้ท้องเรือขึ้นมากินข้าวและทำงาน
มือกำผ้าสีฟ้าที่เขาตัดออกมาจากเสื้อเชิ้ตตัวที่บุษยาซื้อให้วันเกิด อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดเขาอีกครั้ง ครบสามปีพอดีที่เขาอาศัยอยู่บนเรือลำนี้ เรือค้ามนุษย์ที่พ่อของหญิงที่เขารักจับเขาโยนลงมาให้พบกับความทรมาน
เขาหยิบผ้าสีฟ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงสีขุ่น สีฟ้ายังคมชัดเพราะเขาตัดมันออกมาจากเสื้อในสัปดาห์แรกที่ขึ้นเรือ เสื้อที่ขาดริ้วเพราะแส่เฆี่ยนลงกลางหลัง เขาจึงทำได้แค่ตัดเศษผ้าขนาดไม่ใหญ่มากคล้ายผ้าเช็ดหน้าออกมาเก็บไว้ในเกางเกง
ผ้าที่เคยนุ่มนวลดั่งผิวของบุษยา บัดนี้กลับหยาบกระด้างลงเช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่เริ่มชินชา จนเขากลัวว่าถ้าเขายังไม่ได้กลับขึ้นฝั่งในเวลาอันใกล้นี้ ใจของเขาคงไม่มีวันกลับมาอ่อนโยนได้ดั่งเดิม
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง