บทที่ 13
อากาศยามเช้าของตำบลเล็ก ๆ ริมชายฝั่งอ่าวไทยในหน้าฝนที่โปรยปรายมาตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าจึงหยุด ร่างของสาวน้อยสมส่วนหากแต่ยังติดผอมบางยืนนิ่งมองออกไปยังชายทะเลอันเป็นฟาร์มหอยนางรมของบ้าน
ร่างเล็กยืนนิ่งไม่ไหวติงทั้งที่ภายในรวดร้าวแสนสาหัส วันนี้เธอกำลังเข้าพิธีหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อสองเดือนก่อน เสี่ยรังสรรวัยสามสิบนิด ๆ
“ถ้ามึงไม่แต่ง กูจะขายอีพรพิศไปทำงานที่มาเลเซีย”
เสียงตะโกนกร้าวยังดังก้องอยู่ในหู ใบหน้าดำคล้ำถมึงทึงชะโงกง้ำร่างเล็กขณะที่เธอนั่งคว่ำหน้าอยู่บนพื้น หลังจากที่พ่อทิ้งฝ่ามือไปบนใบหน้าของเธอสองครั้ง
มือเรียวบางเผลอยกขึ้นกุมพวงแก้มที่ตอบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ความเจ็บร้าวของวันนั้นยังไม่เท่ากับวันที่พี่แทนหายไป
จากความสงสัยไม่เข้าใจในวันนั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักพักความคิดของเธอกลับทะลุแจ่มแจ้งดั่งฟ้าในวันที่ไร้เมฆ พสุธาหายไปเพราะพ่อของเธอ นายหัวบัญชร เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอจึงทำได้แค่รออยู่ที่บ้านหลังนี้กับป้าพรพิศ
เสียงคนในบ้านอึกทึกครึมโครมเพราะนายหัวเกณฑ์คนมาจำนวนมากจัดงานหมั้นใหญ่โต กำหนดงานแต่งมีขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า
ในที่สุดเธอก็เลือกเรียนต่อแค่ประกาศนียบัตรชั้นสูงในเมืองสาขาคหกรรม เพราะต้องการอยู่บ้าน เธอจากเมืองนี้ไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะพลาดวันที่พี่แทนกลับบ้าน
แต่เขาไม่เคยกลับ ตลอดระยะเวลาสามปีที่เขาหายไป จนเธอหยุดร้องไห้ในปีที่สองเมื่อป้าพรพิศพูดว่าพี่แทนคงไม่สบายใจถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงกลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
ปทุมวดีเดินเข้ามาในห้อง มองเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวยืนนิ่งข้างหน้าต่าง คนเป็นแม่ทำได้เพียงสะท้อนใจกับเรื่องราวในอดีตที่คล้ายคลึงกับเธอหวนกลับมา วันที่เธอเองต้องจำใจแต่งงานกับนายหัวบัญชรเช่นกัน
ใบหน้าหวานเอี้ยวหน้ากลับมามองมารดา พรางยิ้มอ่อนระโหย บุษยาผละออกมาจากข้างหน้าต่างนั่งลงบนเตียง
“ค่ะแม่ ต้องแต่งตัวเลยเหรอคะ”
“ใช่จ๊ะ ช่างแต่งหน้ามาแล้ว ให้เขาเข้ามาแต่งหน้าเลยนะลูก”
บุษยาพยักหน้าแล้วลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้หน้ากระจก เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับช่างแต่งหน้าสองสามคนเดินเข้ามา
“คู่หมั้นเสี่ยรังสรรสวยจังเลยนะฮะ โชคดีของน้องนะฮะ เสี่ยรวยมากก”
เสียงสาวประเภทสองช่างแต่งหน้ามือหลักเอ่ยขึ้นขณะใส่ที่ครอบผม เธอทำเพียงยิ้มอ่อนไม่เอ่ยตอบอะไร
“เห็นว่าเสี่ยจะย้ายมาอยู่จังหวัดนี้”
คำถามจากช่างแต่งหน้าเอ่ยชวนคุยแต่เธอไม่อยากตอบ จึงส่งเสียงเรียบเฉยออกไป
“ไม่ทราบสิคะ”
นั่นถึงทำให้ทั้งหมดเงียบเสียงลงได้และทำงานของตัวเองไปอย่างเงียบเชียบ บุษยาไม่สนใจว่าเสี่ยจะเป็นใครหรือรวยแค่ไหน เพราะเสี่ยรังสรรไม่ใช่พี่แทนของเธอ
เสียงอึกทึกครึกโครมจากเครื่องเสียงดังกระหึ่มไปทั่วลานบ้าน บุษยามองไปยังโต๊ะจีนราวห้าสิบโต๊ะในลานบ้านพร้อมอาหารจานแรกสำหรับแขกที่เริ่มทยอยออกมาาจากในครัว
“ได้ฤกษ์แล้วลูก”
เสียงปทุมวดีดังขึ้นทางด้านหลัง บุษยาจึงเดินลงเท้าแผ่วเบาตามแม่ออกไป สาวน้อยร่างบางแต่อวบอิ่มด้วยชุดไทยประยุกต์สำหรับงานหมั้น ผมดำยาวดกหนารวบขึ้นสูงด้านบนประดับด้วยดอกไม้ ดวงตาคมรีแต่งแต้มให้คมเข้มกว่าเดิม ริมฝีปากกว้างทาลิปสติกสีชมพูดอกบัวอ่อนหวาน
นัยน์ตาหวานคมลอบมองว่าที่คู่หมั้น วันนี้ชายหนุ่มดูดีกว่าครั้งที่แล้ว คงเพราะชุดไทยที่สวมอยู่บนร่างอ้วนเตี้ย ใบหน้าแดงจัดเมื่อมองมาทางเธอจนบุษยาขยะแขยง
“ไปลูก ไปไหว้พี่เขา”
เสียงแม่เอ่ยเตือนจนเธอจำต้องเดินไปใกล้แล้วนั่งลงที่พื้นตรงโซฟาตัวยาว ยกมือไหว้เสี่ยรังสรร แต่ยังไม่ทันที่เอามือลง มืออวบอูมของเสี่ยพลันประกบมือของเธอไว้ทั้งจับทั้งลูบ ส่งยิ้มที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้
“ไม่ต้องไหว้พี่หรอกน้องบัว อีกหน่อยเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว”
บุษยารูดมือออกอย่างรังเกียจแต่ยังทำหน้าเฉยชา วางมือของตัวเองไว้บนตัก
“เอา ๆ ได้ฤกษ์แล้ว แต่จะให้เสี่ยนั่งพื้นคงไม่เหมาะนัก ให้เสี่ยนั่งที่โซฟานี่ก็แล้วกัน ส่วนบัวก็นั่งนั่นแล่ะ อีกหน่อยแต่งงานไปจะได้เชื่อฟังเสี่ย”
ร่างเล็กนั่งนิ่งเงียบ ก้มหน้ามองแต่มือบนตักของตัวเอง ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเสี่ยและพ่อ
“บัว ยื่นมือออกมา”
สาวน้อยนิ่งไปชั่วอึดใจจนคนรอบข้างใจหาย ก่อนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อบุษยายื่นมือซ้ายออกไปให้เสี่ยหนุ่มสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่
มืออวบอูมของเสี่ยยังลูบฝ่ามือของเธอเล่นแม้ว่าสวมแหวนเรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้อาการคลื่นเหียนตีขึ้นมากกว่าเดิม เธอทำได้แต่อดทนรีบหยิบแหวนที่แม่ยื่นมาให้สวมบนนิ้วอ้วนของเสี่ย
“ไหว้พี่เขาอีกครั้งสิลูก”
บุษยาไหว้อย่างขอไปทีแล้วรีบลุกทันทีเอ่ยขอตัว วิ่งไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด เสียงโอ้กอ้ากดังลอดออกมาจนใบหน้าของเสี่ยเปลี่ยนสี
“บัวเขาไม่สบายน่ะ ไม่มีอะไรหรอกเสี่ย ไป ลุกไปข้างนอกกัน เสร็จแล้วให้ยายบัวตามออกไปด้วยล่ะ”
นายหัวบัญชรรีบพูดขึ้นพรางตบหลังเสี่ยเพื่อหันเหความสนใจ จากนั้นจึงพาเสี่ยเดินลงบันไดบ้าน สวัสดีแขกเหรื่อที่มากันมากมาย โดยมีแขไขและบุหลันเดินตามติด
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“หนูขยะแขยงเสี่ยเหลือเกินค่ะแม่”
ปทุมวดีลูบหลังลูกสาวที่ก้มหน้าอยู่ที่อ่างล้างมือ ใบหน้าแดงก่ำจากแรงอาเจียน เธอหยิบกระดาษขึ้นซับหน้าให้ลูกสาว
“ถ้าลูกไม่อยากแต่ง ลูกก็ไม่ต้องแต่งนะลูก แม่พร้อมที่จะหนีไปกับลูก”
บุษยามองหน้ามารดาในกระจก ใบหน้างามยังสวยแม้วัยจะล่วงเลยเกือบห้าสิบปี เธอส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้แล้วจับมือแม่ขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่กับป้าพิศจะได้อยู่ที่นี่ต่อไป ลูกให้สัญญาค่ะว่าจะไม่มีอะไรมาทำร้ายพวกเราได้ ส่วนเสี่ย ลูกจะขออนุญาตเสี่ยมาเยี่ยมแม่ทุกอาทิตย์ ลูกคิดว่าเสี่ยคงยินยอมค่ะ”
ปทุมวดีสบตาคมรีของบุษยา แม้ว่าลูกสาวของเธอดูภายนอกบอบบางและอ่อนแอ แต่เธอมองเห็นความเข้มแข็งบางอย่างที่เริ่มปรากฎนับตั้งแต่วันที่เด็กหนุ่มในฟาร์มหอยคนนั้นหายตัวไป
ไหล่ผอมบางของเธอสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้วเหมือนใครคนหนึ่งที่เธอเคยรู้จัก
“เราควรออกไปได้แล้วบัว ไม่อย่างนั้นพ่อคงอารมณ์เสีย”
“ค่ะแม่”
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง