“บอกแล้วว่าอย่าท้าทาย เพราะคุณอาจจะตายเพราะถูกจูบจนหายใจไม่ทันแบบนี้ไง!”
หน้าสวยสะบัดจนหลุดจากปลายนิ้วแกร่ง ภิณไลย์ญาอยากกรีดร้องด้วยความเจ็บความอายจนแทบแทรกแผ่นดิน คนตัวโตไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ เขาอยู่เหนือเธอ ร่างกายหนักอึ้งนั้นทำให้หญิงสาวร้อนผ่าวจนเนื้อตัวเป็นสีชมพูเข้ม อุ้งมือแกร่งอีกข้างยังกดข้อมือทั้งสองของเธอไว้เหนือศีรษะ หน้าคร้ามเข้มก้มลงไปหา อีกนิดเดียวที่ปลายจมูกโด่งเกือบชนแก้มเนียนสีกุหลาบ นิโคลัสยกยิ้มอย่างผู้ชนะเหมือนเคยแต่ในส่วนลึกเขากลับไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงหายใจหอบหนักของเธอ ได้ยินเสียงกระแอมออกมาเล็กน้อย เมื่อครู่ถ้าเขาเผลอออกแรงกดลำคอระหง ภิณไลย์ญาอาจตายคามือเขาเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็เป็นได้
เขาเกลียดชังเธอได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ...มันยังเป็นคำถามที่วนเวียนในใจ เขาคลายข้อมือบางในที่สุด แต่ก่อนจะขยับตัวลงจากร่างเล็กชายหนุ่มเผลอมองความผุดผาดบนเรือนร่างอ้อนแอ้น ภิณไลย์ญาตัวเล็กกว่าเขามากก็จริงแต่กลับเต็มไปด้วยสัดส่วนเย้ายวน นิโคลัสไม่ได้ตั้งใจหากทว่าทุกตารางความเป็นหญิงอวดเนื้อนวลเปล่งปลั่งราวกลีบดอกไม้กลางสายฝน
“คริสต์โทรมาหาคุณกี่ครั้งแล้ว”
เขาตั้งคำถามขณะผละจากร่างน้อยและเลื่อนตัวไปนั่งหันหลังให้ที่ขอบเตียง เขาบังคับตัวเองไม่ให้ใส่ใจ ขณะเดียวกันภิณไลย์ญาก็รีบคว้าผ้านวมมาปกปิดเรือนร่างเปล่าเปลือย หญิงสาวเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นมา เธอไม่เคยอับอายกับอะไรมากขนาดนี้มาก่อน
“ว่าไง! ผมถามว่าคริสต์โทรหาคุณกี่ครั้งแล้ว”
เขาถามเสียงดุดันโดยไม่ยอมหันกลับมามอง หญิงสาวนึกอยากเอาผ้าคลุมโปงแล้วทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นแต่ก็ต้องตอบกลับไปเสียงแข็ง
“หลายครั้งแล้ว...แต่ฉันไม่เคยรับโทรศัพท์ของเขา”
“ท่าทางมันจะหลงคุณเอามาก ๆ เลยนะ”
คราวนี้เขาหันกลับมาและจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดชัง ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าถูกนิโคลัสเฆี่ยนตีด้วยท่าทีหมิ่นแคลนของเขา
“หึ! จะไม่ให้มันหลงคุณถึงขนาดนี้ได้ยังไง ก็ในเมื่อคุณมันน่า...”
“อย่ามาคิดอะไรบ้าๆ นะ!” ภิณไลย์ญาแหวกลับ “คุณมันก็ไม่ต่างจากพวกมีเงินที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น”
“ก็ถ้าผู้หญิงแบบคุณไม่เสนอตัวให้ไอ้เศรษฐีพวกนั้นเล่นมันจะพาคุณไปเล่นมั๊ย”
“ฉันไม่เคยขายตัวให้ใคร”
“แต่ผมก็ซื้อคุณได้”
“ฉันถูกบังคับ!” ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ภิณไลย์ญาสะกดตัวเองไม่ให้น้ำตาไหล เธอจ้องหน้าเขาไม่ยอมลงให้
“นิโคลัส...คนอย่างคุณไม่เคยเห็นหัวใคร ฉันได้แต่บอกตัวเองว่าคุณมันคนไม่มีหัวใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดูถูกและใช้เงินซื้อชีวิตคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้”
“ผมซื้อทุกอย่างที่อยากซื้อ หรือคุณคิดว่าเงินซื้อไม่ได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ชีวิตน้องชายของคุณ...อ้อ...คุณคงยังไม่รู้ความคืบหน้าเรื่องการรักษาน้องชายสินะ หมอแจ้งมาว่าอาการทางสมองของเขาดีขึ้นมาก จะไม่ขอบคุณผมสักคำเลยหรือสำหรับน้ำใจที่อุตส่าห์หยิบยื่นให้ เพราะดู ๆ แล้วผู้หญิงอย่างคุณคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า...เอาตัวเข้าแลกเงิน”
น้ำเสียงเยาะหยันเหมือนคมมีดกรีดซ้ำลงบนความเจ็บปวดของหญิงสาว ภิณไลย์ญานิ่งไปชั่วลมหายใจก่อนเค้นเสียงผ่านลำคอแห้งผาก
“ขอบ...คุณ”
จบคำนั้นใบหน้างามก็ผินไปทางอื่น นิโคลัสแสดงสีหน้าเหมือนว่าพอใจก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร หน้าคร้ามเข้มยังถมึงทึงและบรรยากาศรอบ ๆ ตึงเครียด ไม่ว่าอย่างไรความรู้สึกระหว่างภิณไลย์ญาและพี่ชายของคริสต์ก็ยังคงขมวดแน่นเหมือนเกลียวเชือกที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งรัดแน่นจนคลายไม่ออก ร่างสูงระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
“อีกไม่กี่วันคริสต์จะหมั้นกับลาริสา หวังว่าคุณคงจะไม่อัดอั้นจนต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่เสียก่อน และผมต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าสำหรับความคาดหวังที่คุณคงอยากเป็นคู่หมั้นของคริสต์มากกว่าจะแค่มาเป็น...ผู้หญิงของผม”
นิโคลัสทิ้งท้ายด้วยคำเหน็บแนมก่อนเดินออกไป ภิณไลย์ญาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่หล่นแตกกระจายบนพื้นเพราะฝีมือของจอมอสูรร้าย เธอได้แต่ข่มใจและอดทน คิดว่าเมื่อทุกอย่างผ่านไปเธอก็จะได้เป็นอิสระเสียที
ภิณไลย์ญาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ทั้งที่หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน เธอยังไม่ชินกับเสียงคลื่นทะเลที่สาดซัด แม้จะชอบทะเลมากแต่เมื่อต้องมานอนในบ้านใกล้ชายฝั่งกลับต้องนอนฟังเสียงคลื่นตลอดทั้งคืน ไหนยังจะเรื่องที่คิดไม่ตก เธอเป็นกังวลเรื่องครอบครัว แม่และน้องชาย และเรื่องที่เธอยังอดคิดถึงไม่ได้คือเรื่องของคริสต์
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั