ホーム / รักโบราณ / หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า / บทที่ 4 คำลวงหวาน ไฟแค้นเก่า

共有

บทที่ 4 คำลวงหวาน ไฟแค้นเก่า

作者: Mu lingxi
last update 最終更新日: 2025-09-19 08:18:49

ตอนที่ 4

แต่เมื่อสายตาบังเอิญสบกับใบหน้าโง่งม

ดวงตากลมใสไร้เดียงสาที่เต็มไปด้วย ความคาดหวังของอีกฝ่าย ความโกรธที่ลุกโชนกลับเหมือนถูกตบด้วยความอับอาย

นางแทบระเบิดสมองตายตรงนั้นเอง หลินอวี้ซิงข่มอารมณ์ที่เดือดพล่าน พ่นลมหายใจฮึดฮัดออกมาอย่างแรง “เหอะ!”

นางถลึงตาใส่ ก่อนหมุนตัวเดินออกจากเรือนด้วยฝีเท้าหนักหน่วง ประตูบานเก่าถูกลมปะทะปิดลงเสียงดัง

ปัง! ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่กดดันจนบรรยากาศหนักอึ้ง

ทันทีที่เงาร่างของนางลับตา ใบหน้าของหลินเยว่ซินก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเค้าของหญิงโง่เขลาหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย แทนที่ด้วยสีหน้าคมกริบเฉียบเย็น

ดวงตาทอแสงเจิดจ้าราวกับเปลวเพลิงที่ถูกกักเก็บไว้

ราวกับเมื่อครู่…ไม่ใช่นาง แต่เป็นเพียงภาพลวงตาที่หลอกคนเขลาจนสิ้นท่า

เสี่ยวถิงที่ยืนข้างเตียง อ้าปากค้างจนแทบพูดไม่ออกดวงตากลมเบิกกว้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด พึมพำเสียงสั่น

“คุณหนู…ท่าน…ท่านช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน…”

หลินเยว่ซินเหลือบตามอง พลางกลอกตาเล็กน้อย น้ำเสียงเรียบเย็น ราวกับไม่เห็นคุณค่าแม้แต่น้อย

“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่หมากตัวเล็กที่โง่เขลาเท่านั้นเอง”

แววตาของเสี่ยวถิงพราวระยับ เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

“แต่ท่านหลอกนางได้สนิทใจเสียขนาดนั้น…ยังจะกล้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเจ้าคะ!”

หลินเยว่ซินกระตุกมุมปากอย่างเย็นชา

“นั่นไม่ใช่การหลอก แต่เป็นการ ‘ปั่นหัว’ จนอีกฝ่ายเชื่อเองต่างหาก”

เสี่ยวถิงกลืนน้ำลาย ฝ่ามือเย็นเฉียบ แต่หัวใจกลับเต้นแรงรัว

คุณหนูของนาง…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังมาจากนอกเรือน

ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเปิดออกแรง จนบานไม้แทบหลุด

หลินอวี้ซิงโผล่เข้ามา ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

ในมือกอดหอบกล่องอาหารหลายชั้นแน่น

เสียง โครม! ดังสนั่น

เมื่อกล่องอาหารถูกกระแทกใส่โต๊ะจนสะเทือน

นางตวาดออกมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“นี่! อาหารที่เจ้าสั่ง! ข้าไปหามาให้จนหมดแล้ว!

คราวนี้อย่าคิดเล่นลิ้นกับข้าอีกแม้แต่คำเดียว

รีบคายความจริงออกมา!

ไม่อย่างนั้น ข้าจะจับเจ้าลากไปตายตรงนี้เดี๋ยวนี้!” นางยืนกอดอก ถลึงตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

หลินเยว่ซินกลับเพียงยกยิ้มบางๆ สีหน้าโง่งมไร้พิษสง

“ข้าไหนเลยจะบังอาจหลอกพี่รองได้

คนโง่ต่ำต้อยอย่างข้า จะมีปัญญาตลบหลังคนเฉลียวฉลาดเช่นท่านได้หรือ”

นางยกมือลูบท้องแบนราบของตนเบาๆ น้ำเสียงอ่อนแรงสั่นพร่า แฝงแววอ้อนวอนน่าสมเพช

“เพียงแต่ตอนนี้ ข้าหิวจนลมหายใจแทบจะขาดอยู่แล้ว

หากไม่ยอมให้กินสักนิด ข้าอาจสิ้นใจไปต่อหน้าพี่รอง…

ท่านจะปล่อยให้ข้าตายเน่าไปตรงนี้จริงๆหรือ”

แววตาของหลินอวี้ซิงฉายแสงหงุดหงิดจนแทบปะทุก “กินๆ ไปเถอะ! อย่ามาร่ำไรให้ข้ารำคาญหู!”

เมื่อกล่องอาหารถูกเปิดออก กลิ่นหอมร้อนแรงตลบฟุ้งไปทั่วห้อง ทุกจานที่สั่งไว้ครบถ้วน ทั้งยังอุ่นร้อนเหมือนเพิ่งออกจากครัว อาหารหรูหราตระการตา ที่ต่างกับเศษซากเละเทะ ที่นางเคยถูกยัดใส่ปากราวกับสุนัขต่ำต้อย

หลินเยว่ซินไม่รอช้า คีบเกี๊ยวกุ้งใสเข้าปากทันที รสชาติสดใหม่หอมหวานแทรกความมัน กลืนลงคอช่างลื่นราวสวรรค์

เสี่ยวถิงรีบวุ่นวายจัดโต๊ะ มือไม้สั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก ระหว่างที่กิน นางก็เอ่ยปากแต่งคำลวง

ถ้อยคำที่กลั่นออกมาทั้งเนียนและราวกับความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ

“พี่อี้เฉิน เขาบอกข้าเอง… ว่าเหตุที่เขาเหยียบเข้ามาในจวน

ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่เพราะข้า แต่เพราะเขาอยากได้เห็นหน้า

‘พี่รอง’ อย่างชัดถนัดตา…”

คำพูดที่โปรยออกมาช้าๆ แฝงความโง่งม แต่แท้จริงกลับคมยิ่งกว่ามีดกรีดหัวใจ เกี๊ยวกุ้งใสเคี้ยวกรุบละลายในปาก ซี่โครงหมูตุ๋น เกาลัดชุ่มฉ่ำ หอมหวานละลายเป็นเนื้อเดียว รสชาติหรูหราอันคุ้นเคย… ยิ่งทำให้ริมฝีปากของนางยกยิ้มเหี้ยมเกรียมในใจ

รสชาติถูกปากเช่นนี้…ยิ่งเล่าก็ยิ่งลื่นไหล!

“แต่ว่า ทำไมเขาไม่เคยเอ่ยปากเลยล่ะ ทั้งที่โอกาสก็มีตั้งมากมายทำไมเขาไม่เคยพูดกับข้าเลย…

หรือว่าแท้จริงแล้ว คนที่เขารักมาตลอดก็คือข้า?” เสียงของหลินอวี้ซิงสั่นเครือด้วยความตื่นเต้น จนแทบกลั้นลมหายใจไม่อยู่

เฮอะ… ขนมถั่วแดงนี่หวานละมุนกำลังดี ไม่เลี่ยนสักนิด สมกับเป็นของเลิศรสที่คู่ควรกับข้า!

หลินเยว่ซินคีบขนมเข้าปาก ดวงตาเป็นประกายจางๆ ขณะโกหกอย่างนิ่มนวล

“เขาเคยบอกข้าว่า… แท้จริงแล้วเขาอยากสารภาพกับพี่รองทุกครั้งที่ได้พบ

แต่เพราะพี่ใหญ่เองก็มีใจต่อเขา… เขาจึงไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดได้ หากพูดไปก็เท่ากับทำลายสายใยระหว่างพี่น้อง

เขาเลยเก็บทุกอย่างไว้ในใจ…จนถึงตอนนี้”

ถ้อยคำนุ่มละมุนไหลลื่นออกมาพร้อมรสหวานของขนม กลายเป็น “คำโกหกหรูหรา” ที่รื่นหูไม่ต่างกับรสลิ้น

“จริงด้วย! ทุกครั้งที่ท่านพี่อี้เฉินมองข้า…

สายตานั้นมันราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนกลับลงไปทุกที… ที่แท้มันเป็นเพราะแบบนี้เองสินะ!

โอ้ย !! ทำไมข้าถึงโง่เขลาขนาดนี้ ทำไมถึงไม่รู้เร็วกว่านี้!”

หลินอวี้ซิงถึงกับกระทืบเท้าดังปัง ใบหน้าทั้งแดงทั้งร้อนจากความเสียดายและโกรธขัดใจ

แต่หลินเยว่ซินกลับไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เพียงก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงรสชาติที่อยู่ในปากของนาง

“นี่! เจ้าอย่ามัวแต่กินสิ!

รีบบอกมาเถอะ ท่านพี่อี้เฉินพูดอะไรกับเจ้าอีกบ้าง!?”

เสียงของหลินอวี้ซิงรีบเร่งเต็มไปด้วยความกระหาย

ใบหน้าที่แดงจัดฉายแววของหญิงสาว ผู้กำลังจมดิ่งอยู่ในความรักจนเสียสิ้นสติ

แม้แต่เสี่ยวถิงที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ ‘คุณหนูรอง… ท่านนี่ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน’

หลินเยว่ซินวางตะเกียบลงชั่วครู่

แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ในลำคอ อยากได้คำหวานนักใช่ไหม?

หึ ได้สิ เรื่องแบบนี้ง่ายดายยิ่งนัก

สำหรับเธอ การโกหกให้คนเชื่อจนหมดใจ

ไม่ต่างอะไรกับการปลอกเปลือกผลไม้ ง่ายเสียจนแทบไม่ต้องลงแรง!

หลินอวี้ซิงยังไม่วายลังเล จึงจ้องเขม็งแล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง

“เดี๋ยวก่อน… หรือว่าเจ้า! กำลังคิดหลอกข้าอยู่รึ!”

แววตาของนางเต็มไปด้วยความระแวง

แม้จะใจร้อนและหลงเชื่ออะไรง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่คนเขลาจนไม่ทันเกมเสมอไป

หลินเยว่ซินเงยหน้าขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มโง่งม น้ำเสียงใสซื่อเหมือนเด็กไร้เดียงสา

“หลอกได้อย่างไรกันล่ะ เขาเป็นคนบอกข้าเอง…

วันนั้นตอนที่เขาส่งหนังสือหย่าให้ข้า เขาโมโหมาก

จนพูดออกมาตรงๆ ว่า ถึงข้าจะตายก็ไม่แต่งกับเจ้า!

เพราะคนที่เขาอยากแต่งด้วยมาตั้งแต่แรก

มีเพียงท่านพี่รอง… เท่านั้น!”

คำพูดพรั่งพรูออกมาอย่างราบรื่น

พอดีกับจังหวะที่นางคายก้างปลาออกมา เสียงแหลมเล็กของกระดูกปลากระทบจานดังกริ๊ก ราวกับตอกย้ำความแนบเนียน

หลินอวี้ซิงชะงักไปชั่วขณะ…

ในอกเริ่มก่อคลื่นสงสัยปนหวั่นใจ

ทำไมวันนี้นางถึงดูพูดจาฉะฉานเช่นนี้?

ไม่เหมือนคนโง่ที่เคยเห็นเลยสักนิด แต่พอหันกลับมามองอีกครั้ง ภาพที่เห็นกลับเป็นหญิงสาวผอมบาง ก้มหน้าก้มตากินซี่โครงหมูจนมือเปื้อนมันเงา หัวเราะโง่งมเหมือนเคย นางจึงสะบัดหัว ปัดความคิดบ้าๆ ออกไปทันที

“เป็นไปไม่ได้…ยังไงเจ้านี่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยันค่ำ!” เมื่อหลินอวี้ซิงเดินจากไป

เสี่ยวถิงที่ยืนมองอยู่ถึงกับตะลึงงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา

โอ้สวรรค์! คุณหนูของนาง ราวกับกลายเป็นคนละคนไปเลย!

เมื่อครู่…ทั้งที่เป็นการโกหกครั้งแรก

กลับพูดออกมาได้คล่องแคล่วราวกับชำนาญมานับพันครั้ง

ไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย ยังมีเล่ห์เหลี่ยมบิดพลิ้วตลบตะแลงอย่างแนบเนียน ทำให้คนอย่างคุณหนูรองเชื่อสนิทใจราวกับโดนสะกด!

เสี่ยวถิงถึงกับลอบนับถืออยู่ลึกๆในใจ

ความสามารถเช่นนี้ ช่างน่ากลัว และน่าทึ่งยิ่งนัก!

แต่หลินเยว่ซินเพียงปรายตามอง สีหน้าเรียบเฉยดั่งสายน้ำ

เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ยังจะยืนอึ้งอยู่อีกหรือ มากินข้าวได้แล้ว”

เสี่ยวถิงสะดุ้งโหยง รีบพยักหน้าหงึกๆ

“หากคุณหนูกินไม่หมด…เหลือไว้กินตอนเย็นก็ได้นะเจ้าคะ…”

ทว่าคำพูดยังไม่ทันจบ เสี่ยวถิงก็ต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

เมื่อเห็นใบหน้าของคุณหนูค่อยๆ แข็งเย็นลง

ดวงตาคมดุฉายแววเย็นเฉียบ

น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยแม้ราบเรียบ แต่กลับเย็นยะเยือกจนหัวใจสั่นสะท้าน “ไม่กินก็ไสหัวไป ข้าไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์”

เสี่ยวถิงหน้าถอดสี รีบคว้าชามมานั่งลง ก้มหน้ากินแทบไม่กล้าหายใจแรง บรรยากาศรอบกายอึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจ

จนกระทั่งเวลาผ่านไป ความเงียบสงบกลับคืนมา

นางถึงกล้าถอนหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอก

‘พระเจ้า! ตั้งแต่เมื่อไร คุณหนูถึงได้มีรัศมีเย็นชา น่าเกรงขาม และน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!’

หลินเยว่ซินเพียงยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ริมฝีปากคลี่ยิ้มพึงใจอย่างเย็นเยียบ สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด

คือคนที่ไม่เชื่อฟัง

เสี่ยวถิง… อาจอยู่ข้างกายนางมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็จริง

แต่ประสบการณ์ในอดีตชาติที่ถูกทรยศหักหลังมาสอนนางแล้ว

ว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่คู่ควรแก่ความไว้วางใจอีกต่อไป

แม้เสี่ยวถิงจะยังไม่เผยท่าทีอันน่าสงสัยในตอนนี้

แต่หลินเยว่ซินก็ยังไม่อาจไว้วางใจ นางตั้งใจจะทดสอบต่อไปอีกสักพักหนึ่ง

เพราะครั้งนี้… นางจะไม่มีวันเปิดโอกาสให้ตัวเองถูกหักหลังซ้ำเป็นครั้งที่สอง!

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 77 เสียงสุดท้าย ก่อนวิญญาณดับสูญ

    บทที่ 77หลินเยว่ซินหัวเราะเบาๆในลำคอ นางยกมือขวาขึ้นอย่างเชื่องช้าปลายนิ้วขาวซีด เรียวยาวราวหยกสลัก เผยฝ่ามือที่แบออกในมือนั้น คือเข็มทองสองเล่ม สิ่งที่เขารู้จักดียิ่งกว่าผู้ใดในใต้หล้า ดวงตาดำสนิทของเขาฉายแววบางอย่างวูบไหว แต่ยังแสร้งยิ้มบางประหนึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว “เข็มทองรึ…หน้าตาก็แปลกดี” เสแสร้งหรือ? หลินเยว่ซินเพียงยิ้มเล็กน้อยอย่างรู้ทัน แต่หาได้เอ่ยวาจาเปิดโปงหรือกดดันใดๆ นางเพียงหยิบเข็มเล่มหนึ่งขึ้นมาช้าๆ หมุนปลายเรียวอย่างแผ่วเบาในระหว่างนิ้ว “งั้นหรือ… ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” เสียงของนางเยียบเย็นดุจหิมะตกกลางฤดูร้อน แฝงรอยประชดประชันที่คมกริบเกินกว่าจะถูกจับผิดได้ “ของบางอย่าง ต่อให้ภายนอกงดงามเพียงใด ก็อาจซ่อนพิษร้ายในทุกเสี้ยวของเนื้อแท้” กล่าวจบ นางก้าวขึ้นอีกก้าว ยืนประจันหน้ากับเขาในระยะประชิดใกล้เสียจนได้ยินแม้เสียงลมหายใจ หลินเยว่ซินมองเขานิ่งๆ ในใจกลับยกย่องอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ บุรุษผู้นี้… ไม่สิ เด็กหนุ่มผู้นี้ กลับมีจิตใจลึกซึ้งเกินวัย ราวกับเคยผ่านศึกหนักนับร้อยสนาม ชั้นเชิงของเขา… ไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนหนึ่งควรมี หากแต่ลึกล้ำประหนึ่งสืบทอดจากบรรพชน

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 76 คนที่ขัดใจ ก็ฆ่าปิดปาก คนที่พูดตรง ก็กำจัดให้สิ้น

    บทที่ 76คิ้วเรียวของหลินอวี้เฉิงขมวดแน่นเล็กน้อย ก่อนจะถอดผ้าคลุมไหล่ออกแล้วค่อยๆ คลี่มันออกด้วยมืออันอ่อนโยน โอบคลุมร่างที่สั่นไหวของมารดาไว้แน่น แววตาที่ทอดมองเต็มไปด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด มีเพียงความเงียบงันที่อ่อนโยนปกคลุมอยู่รอบตัวทันใดนั้น เสียงทรงอำนาจก็ดังขึ้น“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”หลินเทียนหยู่ตวาดลั่น แววตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่แทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ ความขุ่นเคืองในอกพลันพุ่งพล่านราวอยากทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้พินาศในขณะที่บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด เสียงหัวเราะเบาๆ พลันดังขึ้นหลินเยว่ซินก้าวเข้ามาอย่างสงบนิ่ง แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนไหล่ของหลินเทียนเฟิงด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก แม้จะเผชิญหน้ากับบิดาโดยตรง แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไม่เหลือบมองแม้แต่น้อยนางยกมือขึ้นช้าๆ ปลายนิ้วเรียวยาวลูบไล้เล็บสีแดงที่แต้มไว้อย่างประณีต ท่าทางเหมือนไม่พอใจนัก แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากกลับแทงใจผู้เป็นบิดาเข้าอย่างจัง“ฝีมือของท่านพ่อ… พวกเราลูกๆ ล้วนได้ประจักษ์กับตาแล้วเจ้าค่ะ”เสียงของหลินเยว่ซินเยียบเย็นดุจน้ำค้างยามเหมันต์ ล่องลอยอยู่กลางอากาศ เงียบงันราวกับคมดาบกรีดลงกลางอ

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 75 บทเรียนของอวี้หรง

    บทที่ 75ขณะนั้นเอง ขุนนางวัยกลางคนผู้หนึ่งเบียดฝูงชนเข้ามา ชุดขุนนางของเขาเบียดเสียดกับแขนเสื้อผู้อื่นอย่างไม่เกรงใจในมือมีห่อเอกสารถูกพับอย่างดี“ฮ่ะฮ่าๆ! มาแล้ว มาแล้ว ทุกท่านทั้งหลาย พวกท่านอยากรู้เรื่องนี้มากใช่หรือไม่ เช่นนั้น ดูสิ! ดูสิ่งนี้คืออะไร!”ผู้คนแย่งกันไปหยิบอ่าน พอเพียงกวาดตาไปไม่กี่บรรทัดก็พากันหัวเราะเสียงดังไม่หยุดทุกสายตา หันขวับไปยังชายผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อม โดยไร้ซึ่งความเข้าใจใดๆสายตาเหล่านั้นเจือทั้งความเวทนา เสียดสี และความสะใจ…ปะปนกันจนยากแยกแยะหลินเทียนหยู่คิ้วกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงขึ้น สัญชาตญาณของแม่ทัพผู้ผ่านศึกนับไม่ถ้วนกำลังกระซิบบอกเขาว่า…ในเอกสารนั้น ต้องมีเรื่องอัปยศเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอนเขาพุ่งมือไปคว้ากระดาษแผ่นหนึ่ง ดวงตาคมกริบไล่กวาดตัวอักษรทีละบรรทัด…“ภรรยาคนแรกของท่านกั๋วกงตระกูลหลิน คือแม่นางสกุลโหว หลินเทียนหยู่รักนางดั่งชีวิต แต่ไม่ได้ใส่ใจสกุลหลี่แม้เพียงน้อยหลี่อวี้หรงเฝ้าเรือนอย่างเดียวดาย อกอัดตันใจจนต้องระบายกับคนรับใช้ในจวนจากนั้น…ไม่นาน นางก็ตั้งครรภ์ และให้กำเนิดหลินอวี้ซิง…”ราวกับฟ้าผ่าลงตรงกล

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 74 ถูกใส่ร้าย โดยไม่ได้กระทำ

    บทที่ 74 “ท่านแม่รอง…” เสียงของหลินเยว่ซินอ่อนลง พลางยกมือลูบหว่างคิ้วด้วยท่าทีปวดหัว “ขอเถิด…วันหนึ่งจะปล่อยให้ข้าอยู่อย่างสงบบ้างไม่ได้หรือ?” คำพูดที่ทั้งเฉื่อยชาและรำคาญนั้น เล่นเอาหลี่อวี้หรงถึงกับจุกอก พูดไม่ออกสักคำ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ แทบจะสำลักโลหิตออกมา! นางผู้นี้…ยังจะกล้าแสร้งไม่รู้เรื่อง อยู่อีกหรือ! หลี่อวี้หรงกัดฟันแน่น พยายามข่มกลั้นโทสะที่แทบปะทุขึ้นมาท่วมอก นางจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวตรงหน้าอย่างโกรธเคือง “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะถามให้ชัด!” “เมื่อคืน…มีคนเห็นสาวใช้ของเจ้าลอบออกไปข้างนอก แล้วกลับมาช้ามาก! จากนั้น เช้าวันนี้ ใบปลิวก็ว่อนเมือง! เรื่องเมื่อคืนกับเรื่องฐานะบุตรสาวข้าก็ถูกพูดกันให้ทั่ว! เจ้ายังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าแม้แต่น้อย!” หลินเยว่ซินยกมุมปากนิดๆ เอ่ยเสียงเนิบไม่ทุกข์ร้อน “เมื่อวาน…ท่านแม่รองเพิ่งกล่าวหาว่าข้าเป็นลูกนอกสมรสไม่ใช่หรือ? วันนี้…ก็รีบร้อนมาแต่เช้าเพื่อด่าข้าว่าปล่อยข่าวลือใส่พี่รอง ท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ หรือว่าหากวันใดไม่ได้หาเรื่องข้า ท่านจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับเสียกระมัง” “เจ้า…!” “ท่านนี่สมกับเป็นมารด

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 72 ข่าวลือปลิวว่อนทั้งเมือง

    บทที่ 72 ณ เรือนเยว่หยวน หลังจากเสี่ยวถิงจัดเตียงของคุณหนูเรียบร้อยแล้ว นางก็ลอบม้วนตัวกลับไปยังเรือนข้างอย่างเงียบงัน เพื่อพักผ่อน ในห้องที่เงียบมืดสนิท หลินเยว่ซินขยับนิ้วเพียงน้อยร่างของนาง ก็เลือนหายเข้าสู่มิติลับในพริบตา ภายในบ่อน้ำแห่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไออุ่นลอยคลุ้งบางเบา ปกคลุมทั่วผืนอากาศ สตรีนางหนึ่งนั่งพิงแผ่นหินใหญ่ด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน ร่างเปลือยเปล่าแช่อยู่ในน้ำอย่างไม่ไยดี ริมฝีปากโค้งรอยยิ้มจางคล้ายเบื่อหน่าย มือหนึ่งของนาง ลูบไล้ไข่อสูรเบาๆ ไข่ใบนั้นมีขนาดใหญ่เกือบเท่าเด็กวัยห้าขวบ เนื้อไข่โปร่งแสงบางส่วน แผ่พลังหม่นลึกลับที่หมุนวนอยู่ภายในอย่างแผ่วพลิ้ว พลังนั้น…เหมือนมีชีวิตของตน “เจ้านี่…โตช้าชะมัด โตช้าจนข้าเริ่มรำคาญแล้วนะ” เสียงบ่นของนางเบาแผ่ว ทว่าแฝงด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม คล้ายตำหนิของเล่นไร้ประโยชน์ที่ยังไม่ยอมเผยบทบาทสำคัญ ดวงตาสีม่วงเฉียบคมเหลือบมองไข่ใบนั้น ประกายหยอกล้อผสานแววเยาะหยันฉายชัดในดวงตาคู่งามหมั่นไส้ปนเอ็นดู… น้ำและดินในมิติแห่งนี้…หาใช่สิ่งของธรรมดาที่พบเห็นในโลกภายนอกไม่แต่กลับอวลไปด้วยพลังแห่งฟ้าดินอันมิอาจลบล้างได้ง่ายแ

  • หมอพิษคืนชีพ ล้างแค้นใต้หล้า    บทที่ 71 ข้าออกจะน่ารัก จะไปทำเรื่องเลวได้อย่างไร~

    บทที่ 71สายตาคมกริบดั่งคมของหนานกงเยี่ยนหลัว จับจ้องไปยังอ่างปลาทรงประหลาดใบหนึ่ง สิ่งเดียวที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศเรียบสงบภายในเรือนในน้ำนิ่งใสสะอาดเรียบเย็น…เศษหยกโลหิตนั้น ที่แตกละเอียดก่อนหน้านี้ กำลังค่อยๆรวมตัวกลับเป็นรูปลักษณะเดิมอย่างเชื่องช้า ทว่า ดูลี้ลับยิ่งนัก เขาขมวดคิ้วเบาๆ เบิกตากว้างอย่างอดใจไม่ไหว“นี่มัน… อะไรกันแน่?”เสียงหัวเราะแผ่วเบาๆดังขึ้นจากข้างกายหลินเยว่ซิน หญิงสาวผู้สงบนิ่งคล้ายไม่แยแสสิ่งใด มือขาวเรียวเอื้อมไปหยิบหยกโลหิตขึ้นจากอ่างน้ำ ก่อนกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ ดูคล้ายเรื่องไร้สาระ“ก็แค่ หยกโลหิต อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จัก”นางพลิกหยกโลหิตไปมาในมือราวกับของเล่น แสงจากโคมไฟสาดกระทบผิวหยกจนสะท้อนประกายสีเลือดงดงาม กลับดูไร้รอยตำหนิ งดงามยิ่งกว่าก่อนจะแตกเสียอีก“ดูเหมือนว่า สายน้ำในมิติของข้า จะมีคุณวิเศษเกินคาด” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงรอยขบขัน ขณะมองชายหนุ่มที่เริ่มทำหน้าเคร่งเครียดเขารู้จักหยกโลหิต แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจที่สุด กลับไม่ใช่หยก เขายกมือชี้ไปยังอ่างปลาทรงประหลาดนั้นทันที “ข้าหมายถึง เจ้านั่นต่างหาก!”นางปรายตามองตามนิ้ว ก่อนจะหัวเราะ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status