แชร์

บทที่ 4 ต้อนรับ

ผู้เขียน: Somoon
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-23 16:34:16

เมื่อมารดาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับสา สาวรับใช้คนสนิทของเธอ ฉัตรเกล้าจึงหันมาคุยกับคนที่เหลือ

“ในเมื่อเขาจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา ก็ต้องต้อนรับและปฏิบัติกับเขาให้ดี ไหมกับพลับพลึงไปเตรียมห้องให้ฟ้าครามเขาเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเอ่ยเสียงเป็นจริงเป็นจัง

“…ค่ะคุณฉัตร” ไหมและพลับพลึงโค้งกายรับคำ นางทั้งสองลอบมองคนงานใหม่ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และหน่วยก้านดีไม่น้อย แม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สันกรามคมชัดที่ไม่ได้โดนผมเผ้าปิดบังนั่นก็พอจะเดาออกว่าคงหล่อใช่ย่อย

ชื่นชมบุรุษก่อนจะพากันหัวเราะคิกเดินออกไปทำตามคำสั่ง

ชื่อฟ้าครามใช่ไหมนะ ชื่อเพราะเหลือเกิน

“ทุกคนแยกย้ายได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกกฎระเบียบของที่นี่ให้เขาทราบเอง” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของเจ้าหล่อนทั้งสองชัดเจน คิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะขมวด สาวใช้คนอื่นที่อยู่ในวัยละอ่อนก็พลอยลอบมองฟ้าครามไปด้วย

เขาจึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป

เมื่อเหลือกันอยู่สองคน ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณภายในบ้านจนแทบได้ยินเสียงหายใจ ฉัตรเกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ก่อนจะยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เดินตาม

“เชิญทางนี้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปทางห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ตัวเขานั่งลงที่โซฟาเนื้อนุ่มก่อนจึงค่อยชวนอีกคนให้นั่งด้วยกัน

ตอนแรกเขายืนนิ่งไม่ไหวติง หากแต่ฉัตรเกล้าก็ส่งสายตาตื้อไปให้

“…” เขาจึงนั่งลงไม่ได้พูดอะไร แต่เว้นระยะห่างพอสมควร

เป็นฉัตรเกล้าเองที่ขยับเข้าไปหา ลดช่องว่างระหว่างกันลง

“ทำไมคุณถึง…” ประโยคแรกที่อยากเอ่ยถาม

เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ในเรือนจำ ทว่าระยะเวลาแค่นั้น คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ในบ้านของเขา

แม้จะยินดีแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย

“ไม่สิ...พ้นโทษออกมาแล้วหรือครับ” ฉัตรเกล้าถามโดยเลือกใช้คำพูดที่ดูสุภาพที่สุด แม้จะดูเสียมารยาทอยู่ดีก็ตาม

อดีตนักโทษแดนสิบเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สบตากันตรง ๆ ที่แทบจะเป็นครั้งแรกของทั้งคู่

ดวงตาคมกล้ามีประกายบางอย่างที่ฉัตรเกล้ามองไม่ออก ในขณะเดียวกันในตัวบุตรชายคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่ก็มีอะไรบางอย่างที่ฟ้าครามแปลกใจเช่นกัน

กลิ่นเลือดคละคลุ้งและกลิ่นหอมหวนแปลกประหลาดดึงดูดจนแทบคลั่ง ภายในกายรู้สึกรุ่มร้อน เขาจึงต้องคอยห้ามความคิดบางอย่างเอาไว้

“ลองถามพ่อคุณหนูดูสิ” พูดเสียงนิ่งโดยไม่ละสายตาไปไหน

ฉัตรเกล้าตาโตขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกขาน

คุณหนูหรือ?

จริงสิ ตอนนี้ฟ้าครามเข้ามาอยู่ในบ้านเขาด้วยฐานะคนงาน จะเรียกเขาว่าคุณหนูก็คงไม่แปลกอะไร เพียงแต่มันออกจะแตกต่างกับคนอื่นอยู่บ้าง

ก็ส่วนใหญ่คนงานที่บ้านเรียกเขาว่าคุณฉัตร ไม่ก็คุณชาย มีเพียงป้าสาย ป้านิด น้าสาและลุงบุญที่เรียกเขาว่าคุณหนู แต่หากฟ้าครามจะเป็นอีกคนที่เรียกแบบนั้น เขาก็ยินดี

“คุณฟ้าครามอายุเท่าไหร่หรือครับ?” ฉัตรเกล้าถาม โดยลืมคิดไปเลยว่าประโยคของร่างสูงมีความนัยอะไรบางอย่าง

“…สามสิบห้า” ติดคุกตอนอายุยี่สิบห้า ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในคุกมาสิบปี และถูกปล่อยตัวออกมาเร็วกว่าที่คาดคิดไว้หลายสิบปีเลยทีเดียว

“อ้อ งั้นผมเรียกคุณว่าพี่นะครับ ถ้าไม่ว่าอะไร” คนพูดยิ้มละไมบนหน้า สายตาจ้องมองใบหน้าคมด้านข้างของฟ้าครามอย่างอ่อนโยนแต่ทว่าแน่วแน่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง

“…”

“พี่คราม”

เจ้าของชื่อหันไปหาเจ้าของเสียง ทั้งคู่จึงสบตากันอีกครั้งผ่านเส้นผมที่ปิดบังอยู่รำไร ดวงตาที่มีประกายเจิดจ้าแม้ใบหน้าจะมีเพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของฉัตรเกล้าจ้องลึกเข้าไป ไม่เห็นและสัมผัสอะไรไม่ได้นอกจากความดำมืดไร้ก้นบึ้ง

ฟ้าครามเป็นฝ่ายหันหน้าไปทางอื่นก่อนเช่นทุกครั้ง

“…เรามาคุยเรื่องกฎกันดีกว่าครับ” ฉัตรเกล้าพูดขึ้น

“…”

“หลัก ๆ เลยจะมีไม่กี่ข้อครับแต่เป็นข้อที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามลักขโมยของ ห้ามทะเลาะวิวาท ห้ามเป็นชู้ผิดผัวผิดเมีย ห้ามเมาจนทำลายข้าวของ ห้ามเอาเรื่องในเรือนไปเปิดเผยภายนอก ข้อทั้งหมดที่ผมพูดไปมีโทษไล่ออกและบางอย่างถึงขั้นดำเนินคดี”

“ครับ” เสียงทุ้มตอบกลับในลำคอ

ฉัตรเกล้าชะงัก

เพียงคำว่าครับ ทำให้ใจของฉัตรเกล้าสั่นอย่างง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ อันตรายเหลือเกิน

“…อ่า คือ อ้อ ที่เหลือก็เป็นกฎทั่วไปอย่างหลังสามทุ่มไม่อนุญาตให้เข้ามาในบ้านใหญ่ยกเว้นมีเหตุฉุกเฉิน อย่าทำเสียงดังในยามวิกาล ประมาณนี้ครับ”

“…”

“สงสัยตรงไหนหรือเปล่าครับ ถามผมได้เลยนะ”

“ไม่มีครับคุณหนู” ฟ้าครามตอบกลับ หันมาสบตากลม

คำพูดธรรมดาแต่มนตราพยัคฆ์สำแดงเดช ปลุกเสกให้คนฟังหลงใหล

“ดะดีมาก…ป่านนี้สาว ๆ คงเตรียมห้องหับให้พี่ครามเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ ผมจะพาไปดูห้อง”

“อืม”

ใจหนอใจ สั่นไหวได้ง่ายดายเพียงนี้

ฉัตรเกล้าเดินนำหน้าฟ้าครามไปทางด้านข้างของคฤหาสน์หลังใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่ปูด้วยหญ้านำสมัย ทับด้วยแผ่นหินเรียงกันสวยงาม

“ด้านนี้เป็นเรือนของคนงานครับ จะแยกเป็นเรือนของคนงานผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้ไกลกันมาก ตรงนั้นเป็นสวนผักของป้าสายครับ อยากทานอะไรก็สามารถไปเอาได้เลย” เดินอยู่ก็ถือโอกาสแนะนำที่ต่าง ๆ ในรั้วบ้านให้คนมาใหม่ นิ้วเรียวสวยชี้ไปข้างเรือนของคนงานหญิงตอนที่เดินผ่าน ฟ้าครามมองตาม เห็นสวนผักนานาชนิดรอบล้อมด้วยรั้วตาข่ายอย่างดี

“เรือนของผู้ชายจะอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยครับ” พูดบอกคนที่เดินตามมาเงียบ ๆ

“อืม” ฟ้าครามมองรอบด้านอย่างเงียบเชียบและไม่ลืมตอบรับฉัตรเกล้าเสมอทุกประโยค

ส่วนฉัตรเกล้าที่ไม่ได้ยินคำว่าครับจากร่างสูงแล้วก็แอบเม้มปาก พี่เขาจะรู้ทันว่าตัวเองเสียอาการกับคำนั้นหรือเปล่า ก็เลยเลือกจะไม่พูด?

อดีตมหาโจรเก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนิสัย

ทั้งสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้

‘กรี๊ดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องแสนเจ็บปวดดังออกมาจากดงป่าริมรั้วถัดจากแปลงผักไม่มาก เงาร่างสีดำผลุบโผล่ ทำท่าจะพุ่งเข้ามาแต่ข้อเท้าเล็กดันถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้

ด้วยผิวขาวซีด ใส่ชุดสีดำยาว ปากสีดำมีเลือดไหลไม่ขาดสาย ใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความงามของสตรี มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวพยายามจะไขว่คว้าบางอย่าง

‘...กะแก ตะต้องตาย กรี๊ดดดดดด’ พลันโซ่ที่ตรึงขาเจ้าหล่อขาดสะบั้นออก เงาร่างน่าสยดสยองจึงพุ่งเข้ามาหาฟ้าครามรวดเร็ว

ชายหนุ่มชำเลืองมองเพียงนิด ก่อนที่มันจะพุ่งชนเขาหญิงสาวในชุดขาวก็ออกมาขวางทางไว้ก่อน ทำให้ร่างเงาสีดำกระเด็นออกไปไกลแทนเสียเอง

‘กรี๊ดดดดดดด’ หญิงสาวร้องโหยหวนปวดแสบปวดร้อน ด้วยใบบัวหนึ่งในบริวารของฟ้าครามมีบารมีอิทธิฤทธิ์มากกว่า เงาร่างสีดำจึงไม่อาจแตะต้องเจ้านายของเธอได้ ซ้ำไม่อาจสู้ใบบัวได้เลย

‘คิก คิก’ ใบบัวที่ปกติจะนิ่งเงียบในยามนี้หัวเราะคิกคัก ดวงตาแดงฉาน ปากบางฉีกยิ้มกว้าง นิ้วเรียวปรากฏเล็บยาวแหลมคม

สองวิญญาณร้ายไล่ห้ำหั่นกันอย่างจะเอาให้ตายอีกรอบหรือเรียกได้ว่าเป็นใบบัวมากกว่าที่ไม่คิดปล่อยให้วิญญาณชั้นต่ำหนีพ้น

ฟ้าครามหันไปมองบริวารของตน ในใจกำลังเอ่ยเรียกใบบัวให้กลับมา เอาไว้เขาหาจังหวะได้ค่อยย้อนกลับมาคุยกับวิญญาณสาวตนนั้น ดูท่านางคงตายทรมานไม่น้อยเขาจึงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวและความแค้นแรงกล้า

‘ใบบัว...‘

“จริงสิ ลืมเสียได้ อ๊ะ…” ขณะเดียวกัน ฉัตรเกล้าที่พึ่งนึกอะไรบางอย่างได้หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มหันหลังไปหาร่างสูงเดี๋ยวนั้นจนชนเข้ากับอกกว้าง เขาเสียการทรงตัวร่างกายเอนเอียงหงายหลัง

ฟุบ

ฟ้าครามยังไม่ทันได้บริกรรมคาถาในใจให้จบสักท่อน เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างชนเข้าที่ตัวของเขา ใบหน้าคมเข้มจึงหันกลับมา มือข้างหนึ่งคว้าข้อแขนเล็กของฉัตรเกล้าได้ทันก่อนจะร่วงกระแทกพื้น ออกแรงดึงเข้าหาตัว มืออีกข้างคว้าที่เอวหมับ

ตึกตัก ตึกตัก

จังหวะหัวใจของใครบางคนเต้นระรัวกว่าปกติจนกลัวอีกคนจะรู้สึกได้ เพราะความแนบชิดไปเสียแทบทุกส่วนนี้ ฉัตรเกล้าตะลึงงัน ตาเรียวสวยค้างไปกับกรอบหน้าคม

ฟ้าครามก้มมองเขาครู่หนึ่งยังไม่ทันได้ผละออก คิ้วเข้มขมวดมุ่นหากัน สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ด้านหลังของคุณชายเล็ก

หญ้าราคาแพงที่ทั้งสองข้างทางปูด้วยแผ่นหินเป็นทางเดินทอดยาวไกลออกไป พึ่งจะพ้นเรือนสาวใช้มาไม่ไกล หางตายังมองเห็นหลังคาเรือน หากแต่ข้างหน้ากลับปรากฏร่างโงนเงนผอมโซค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้

‘...อะ แอะ แฮะ แอออ’ เสียงที่ได้ยินไม่ได้ศัพท์เพราะปากของมันฉีกออกจากกันไม่อาจหุบได้ ทั้งดวงตายังกลวงโบ๋ ขาทั้งสองข้างลีบแบนเหมือนจะหักเสียให้ได้

ฟ้าครามมองนิ่งที่อีกหนึ่งวิญญาณร้ายประจำถิ่น มันคงสัมผัสได้กระมังว่าเขามีของและตัวมันเองคงเก่งกล้าไม่น้อยถึงได้ปรากฏตัวออกมาเผชิญหน้ากับเขาได้

หากไม่อยากท้าทายก็คงต้องการความช่วยเหลือ

ร่างผอมโซของมันไหม้เกรียมเดาได้ไม่ยากว่าตายอย่างไร

“ขะขอบคุณครับ...พี่คราม?” ฉัตรเกล้าที่ดึงสติของตนคืนมาได้ ไม่ได้รู้เห็นหรือสัมผัสในสิ่งที่เสือครามเห็นสักนิด ร่างโปร่งในอ้อมแขนของชายหนุ่มตัวใหญ่เอ่ยขอบคุณอย่างเขินอาย แต่ก็ต้องงงงวยเมื่อเห็นคนที่กอดตนอยู่นิ่งไป และทันทีที่เอ่ยเรียก มือที่กอบกุมเอวบางไว้ก็กระชับแน่นขึ้น

“คุณหนูอยู่นิ่ง ๆ ก่อน” เสียงทุ้มแผ่วเบาราวกระซิบข้างหู ชวนให้ฉัตรเกล้าขนลุกอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพียงแค่ได้ยินเขาสั่ง

ฟ้าครามเลื่อนมือข้างที่ประคองเอวฉัตรเกล้าเปลี่ยนมาคว้าเข้าที่ลำคอสวยก่อนจะออกแรงกด ส่งผลให้ใบหน้าของเล็กจมไปกับช่วงอกกว้าง มืออีกข้างละออกจากข้อมือขาวยกขึ้นมากำไว้จรดปากของตน พร้อมบริกรรมคาถา

‘อะ แอ แออออ’ ร่างเกรียมสีดำราวมีเขม่าควันลอยทั่วทั้งตัวหยุดนิ่ง แขนสองข้างของมันเหยียดตรงไปข้างหน้า ในขณะที่ใบหน้ามันก้มต่ำ

ใบบัวกลับมาอยู่ข้างกายเจ้านาย หญิงสาวเอียงคอมองร่างที่แทบจะเหลือแต่กระดูก ยังไม่มีคำสั่งใดจากฟ้าครามและยังไม่มีอันตรายใดเช่นกัน นางจึงอยู่เงียบ ๆ รอ

‘แฮร่รรรรรรร’ ร่างที่หยุดนิ่งก่อนหน้าจากที่ค่อยเดินโงนเงนกลับเงยหน้าขึ้นรวดเร็วและแรงจนคอมันหักไปด้านหลัง ขาลีบทั้งสองขยับเร็ว ๆ เข้ามาใกล้ฟ้าครามที่จดจ้องมันอยู่ก่อนแล้ว

“โอม สุวรรณโย กุมาระตัง มะหาภูโต ทองดำ” เสียงทุ้มบริกรรมคาถาก่อนจะเป่าออกไป เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็ปรากฏกายออกมาทันที

ทองดำไม่ใช่เด็กชายอีกต่อไป ด้วยรูปกายสูงใหญ่และผิวมะเมื่อม ได้คาถาจากพ่อมันทำให้ร่างที่ควรจะเป็นแค่เด็กน้อยกลับกลายเป็นชายหนุ่มสูงเกือบสองเมตร กุมารใต้อาณัติหลับตาครู่เดียวก่อนจะลืมขึ้นพอดีกับร่างผอมโซเข้ามาใกล้

ฝ่ามือใหญ่ของทองดำจับเข้าที่คอผอม ก่อนจะทุ่มร่างนั้นลงพื้นอย่างแรงจนแทบแหลกเหลวจมธรณี

‘กรี๊ดดดดดด ฮือออออะอย่า’ เสียงร้องระงมดังมาจากด้านข้าง เงาร่างสีดำก่อนหน้าเผยตัวออกมาแต่นางไม่อาจเข้ามาใกล้ได้แล้วด้วยโซ่เส้นเดิมรั้งข้อเท้าเอาไว้

นางดูร้อนรนและทุรนทุรายไม่น้อย

ฟ้าครามคิดอะไรได้บางอย่าง จึงเรียกให้ทองดำกลับมา ร่างไหม้เกรียมที่แทบจะเหลือแต่กระดูกราวกำลังจะตายอีกครั้งนอนแน่นิ่งบนพื้นส่งเสียงครางโอดโอย

อดีตโจรชื่อดังบริกรรมคาถา พลันร่างที่นอนอยู่แปรเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าต่อหน้าด้วยรูปลักษณ์ก่อนกลายเป็นวิญญาณร้าย

ใบหน้าที่คล้ายจะเคยเห็นที่ไหนสักที่ของชายหนุ่มอายุราวห้าสิบกว่า ๆ ดวงตาบอบช้ำคลอน้ำ ปากมีรอยเย็บติดกันอย่างลวก ๆ มันยกมือพนมไหว้ฟ้าครามราวกำลังขอความเมตตา

‘อย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง’ เสียงเย็นสูงวัยลอยตามลมระบุทิศทางไม่ได้ จับไม่ได้ว่าเป็นเสียงของเพศใดดังเข้ามาในหัว และดูท่าการที่ผีสองตัวเข้าโจมตีฟ้าครามก็คงจะได้รับคำสั่งเอาไว้

พ่อพยัคฆ์ใหญ่ยังคงยืนนิ่ง มองร่างตรงหน้าเลือนหายไปพร้อมกับเงาร่างสีดำของหญิงสาวก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน

เขาจึงปล่อยมือจากฉัตรเกล้าและถอยออกมาก้าวหนึ่ง

“เมื่อกี้…” ร่างโปร่งที่ถูกผละออกจากความอบอุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัวเอ่ยเสียงเบา

“งูน่ะครับ” และฟ้าครามก็ตอบกลับในทันที

“หือ งูหรือ…แต่ว่าเหมือนผมได้ยินพี่ครามพูดภาษาอะไรบางอย่างด้วยนะ” ฉัตรเกล้านึกไปถึงคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าอีกฝ่ายมีวิชาอาคม เด็กนักเรียนนอกอย่างเขาไม่เคยคิดจะเชื่อออะไรพวกนี้สักนิด

หากแต่ไม่รู้ทำไม ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ เขาพร้อมที่จะเชื่อแม้ถูกมองว่างมงายหรือบ้าก็ตาม

ฉัตรเกล้าก้าวเท้าเข้าไปหาฟ้าครามหนึ่งก้าวราวตื่นเต้นกับภาษาแปลก ๆ ที่ได้ยิน ปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มไปถึงดวงตาราวจะทำให้คนที่มองอยู่ยิ้มตาม

ฟ้าครามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ปากของเขาขยับเล็กน้อย จังหวะหนึ่งก็ยกมือของตนแตะเข้าที่กลางหน้าผากของเจ้านายแล้วผละออก

คล้ายมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้า ราวเวลาหยุดเดิน ติดค้างอยู่กลางอากาศ

“เมื่อกี้คุณหนูว่าอะไรนะ” เขาถามฉัตรเกล้าที่ยืนนิ่งไปด้วยมนต์สะกดของตน

“…จริงสิ ลืมเสียได้” และครู่เดียวก็พูดขึ้นมา ด้วยรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย ราวตัวเขาหลงลืมอะไรบางอย่างไป

“ลืม?” ฟ้าครามทวนคำ

“ผมยังไม่ได้แนะนำคนงานให้พี่ครามรู้จักเลย” ฉัตรเกล้าเลิกสนใจความรู้สึกตงิดเล็ก ๆ ในใจ หันมากล่าวกับร่างสูง

“…”

“คนงานที่บ้านเรามีหลายคนหน่อยนะครับ แต่ถึงจะเยอะก็แบ่งส่วนชัดเจน ส่วนแรกเป็นงานครัวก็จะมีป้าสายเป็นหัวหน้าแม่ครัว น้าสาที่เป็นคนสนิทของคุณแม่ก็อยู่ส่วนนี้ แล้วยังมีมะลิ บัว ศรีแพรด้วย ส่วนของงานบ้านจะเป็นป้านิดที่เป็นหัวหน้า ป้าวัน พลับพลึง ไหมที่ช่วย ๆ กันดูแล ส่วนหัวหน้าคนงานผู้ชายจะเป็นลุงบุญชู นายไม้เป็นรองหัวหน้า คนในสายงานก็มีสิน จั่น ใบ เกา เล้งแล้วก็พี่คราม แล้วก็ยังมีลุงหมายคนขับรถอีกหนึ่ง เอาไว้ไปรู้จักกันอีกที” ฉัตรเกล้าบอกโดยละเอียด

คนงานไม่น้อย อย่างน้อยก็ให้เขารู้คร่าว ๆ ไปก่อน อยู่ไปคงรู้จักทุกคนเอง

“อืม เข้าใจแล้ว” ฟ้าครามรับคำ คุณหนูเล็กของบ้านจึงได้พยักหน้ารับและหันกลับไปเดินต่อ

ดูท่าบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ จะไม่ธรรมดาจริง ๆ

TBC

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 7 ลงทัณฑ์

    เมื่อคืนจบที่ฟ้าครามเดินไปส่งฉัตรเกล้าถึงประตูด้านหลังของบ้านใหญ่ เขากลับมาที่ห้อง จัดการอาบน้ำและเข้านอนทันทีอย่างคนไม่มีอะไรให้ทำตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง จัดการตัวเองเรียบร้อยก็ออกมาพร้อมผ้าขนหนูพันช่วงล่างเอาไว้ ทั่วตัวมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่ราคาแพงที่ฉัตรเกล้าซื้อมาให้เมื่อวาน ร่างสูงสง่ายืนอยู่หน้ากระจก สายตามองร่างกายแข็งแกร่งของตนเองที่เต็มไปด้วยรอยสักเพราะเมื่อวานใส่เสื้อแขนยาว ลายสักอักขระมากมายทั่วร่างจึงไม่ปรากฏสู่สายตาของผู้ใด‘พ่อจ้ะ’ เสียงของเด็กชายตัวเล็กเรียก เด็กคนนั้นปรากฏกายขึ้นบนเตียง สะท้อนในกระจกให้เขาเห็น ฟ้าครามเหลือบสายตามองทองดีในขณะที่เขาก็จัดการใส่เสื้อผ้าให้ตัวเอง‘ที่พ่อให้ฉันไปสืบ พอจะได้ความมาอยู่บ้างจ้ะ‘“อืม”‘นังผีผู้หญิงคนนั้นมันชื่อหวานจ้ะ พึ่งตายไปเมื่อปีก่อน ส่วนอีกคนก็พ่อมันนั่นแหละชื่อว่าโชค เหมือนว่ามันจะมีปัญหากับคนในบ้านมั้งจ้ะ เลยโดนเขาฆ่าทิ้ง’ ทองดีนั่งห้อยขาลงกับเตียง พูดเจื้อยแจ้วตามที่ได้ไปไล่ตามผีเจ้าที่ นางไม้ หรือแม้กระทั่งสัมภเวสีก็ไม่เว้นโดนเขาไล่ถามแต่ข้อมูลที่ได้มีเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น พวกเขาดูหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงอย่างสังเกตได้

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 6 สั่งสอน

    “คุณพ่อเรียกหาฉัตรหรือครับ” ฉัตรเกล้าเดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดา ภายในมีแม่ของเขานั่งอยู่ด้านขวามือของพ่อและพี่ปกเกล้ายืนกอดอกพิงตู้เก็บใบประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัลต่าง ๆ ของครอบครัวอยู่คุณชนาละมือที่กอดเอวภรรยาออก ตบพื้นที่ข้างตัวสองสามที“ใช่ มานั่งข้างพ่อสิลูก” เอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กเสียงนุ่มปกเกล้าอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เสียงอ่อนโยนนั่นล่าสุดที่ใช้คุยกับเขาก็เกือบสิบปีได้แล้วกระมัง มองแก้วตาผู้เป็นมารดาเคียงข้างชนาราวหงส์คู่มังกรยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อึดอัดในอกแทบจะระเบิดออกมา“อยู่พร้อมหน้าเชียว มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉัตรเกล้าเดินไปนั่งข้างบิดาก่อนจะเอ่ยปากถาม“ก็แค่อยากคุยกับลูกน่ะ ว่าจะเอายังไงหลังเรียนจบ”“พ่อเขาไม่ได้จะรบเร้าหรือรีบเร่งอะไรนะฉัตร เรามีความเห็นตรงกันอยากให้ลูกพักก่อน” คุณหญิงแก้วตาว่ายิ้ม ๆ“ความจริงแล้วก็ว่าจะพักสักเดือนน่ะครับ แล้วค่อยทำงาน”“เดือนเดียวจะไปพออะไรเล่า พักปีนึงเลย เที่ยวสนุกให้เต็มที่ หลังจากนั้นค่อยมาช่วยงานเอกสารให้พ่อ หรือจะลองมาเป็นเลขาพ่อก็ได้ พ่อจะให้ทิวาสอนงาน”“เป็นเลขาหรือครับ” ฉัตรเกล้าเลิกคิ้ว“ไม่สนงั้นหรือ”“…”“ถ้าอยากทำก็ค่อยทำ เรี

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 5 ที่ของคนสวน

    บ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางหน้าบ้านหันไปทางถนน เปิดรั้วเข้ามาจะพบกับสวนสวยงามทั้งสองข้างทาง น้ำพุใหญ่ตกแต่งตามยุโรปนิยม สวนของคุณหญิงแก้วตายาวไปถึงข้างบ้านทางขวามือจรดศาลาริมน้ำ มีแปลงดอกกุหลาบสูงเท่าเอวส่งกลิ่นหอมฟุ้งทางซ้ายของบ้านเป็นลานหญ้า เดินเรื่อยเข้าไปถึงส่วนหลังบ้านใหญ่เป็นราวตากผ้าสำหรับเจ้านาย สวนของคุณหญิงแก้วตาก็หยุดอยู่ส่วนนี้ เดินอีกครู่จะเห็นหลังคาของเรือนพักสาวใช้ หน้าเรือนมีเตียงไม้หลังหนึ่งเอาไว้นั่งเล่น มีแปลงคุณนายตื่นสายประดับบริเวณ เยื้องขึ้นมาหน่อยเป็นรั้วตาข่ายกั้นบรรดาพืชสวนครัว ถัดจากเรือนสาวใช้เป็นเพียงลานเล็กที่เอาไว้ตากผ้าเดินลึกเข้าไปผ่านต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงสามฤดู ที่อยู่ทางขวามือและกอต้นกล้วยทางซ้ายมือจะพบกับเรือนไม้ชั้นเดียวทอดยาวแบ่งห้องเป็นสัดส่วน“ถึงแล้วครับ…พี่ครามพออยู่ได้ไหม” ฉัตรเกล้าหยุดเท้าที่หน้าเรือนไม้ หันไปถามฟ้าครามอย่างระมัดระวังพอสมควรเจ้าของชื่อหันมองรอบด้านเล็กน้อย ลมเอื่อย ๆ พัดผ่านทำเส้นผมดำสนิทปลิวไสว คุณหนูคนเล็กของบ้านมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย มุมหน้าด้านข้างที่แสนสมบูรณ์แบบข

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 4 ต้อนรับ

    เมื่อมารดาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับสา สาวรับใช้คนสนิทของเธอ ฉัตรเกล้าจึงหันมาคุยกับคนที่เหลือ“ในเมื่อเขาจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา ก็ต้องต้อนรับและปฏิบัติกับเขาให้ดี ไหมกับพลับพลึงไปเตรียมห้องให้ฟ้าครามเขาเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเอ่ยเสียงเป็นจริงเป็นจัง“…ค่ะคุณฉัตร” ไหมและพลับพลึงโค้งกายรับคำ นางทั้งสองลอบมองคนงานใหม่ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และหน่วยก้านดีไม่น้อย แม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สันกรามคมชัดที่ไม่ได้โดนผมเผ้าปิดบังนั่นก็พอจะเดาออกว่าคงหล่อใช่ย่อยชื่นชมบุรุษก่อนจะพากันหัวเราะคิกเดินออกไปทำตามคำสั่งชื่อฟ้าครามใช่ไหมนะ ชื่อเพราะเหลือเกิน“ทุกคนแยกย้ายได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกกฎระเบียบของที่นี่ให้เขาทราบเอง” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของเจ้าหล่อนทั้งสองชัดเจน คิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะขมวด สาวใช้คนอื่นที่อยู่ในวัยละอ่อนก็พลอยลอบมองฟ้าครามไปด้วยเขาจึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป เมื่อเหลือกันอยู่สองคน ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณภายในบ้านจนแทบได้ยินเสียงหายใจ ฉัตรเกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ก่อนจะยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เดินตาม“เชิญทางนี้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปทางห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ตัวเขานั่งลงที่โซฟาเนื้อน

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 3 เปลี่ยนสถานะ

    เมื่อพักรักษาตัวร่วมเดือนฉัตรเกล้ามีอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ ยกเว้นเพียงอาการวิงเวียนศีรษะและไร้เรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนเนื่องด้วยคุณหญิงแก้วตาขอเอาไว้ หรือหากมีเรื่องต้องออกก็ต้องมีคนของคุณพ่อติดตามไปด้วยราวกับเงากริ๊ง กริ๊งเสียงโทรศัพท์ยกหูที่ตั้งอยู่ส่วนห้องโถงใหญ่ดังขึ้นฉัตรเกล้ากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่โซฟาผ้ากำมะหยี่ลุกขึ้นไปรับก่อนหน้าพลับพลึง สาวใช้คนหนึ่งจะเดินมาถึง ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งห้ามหล่อนไว้ เจ้าหล่อนจึงโค้งกายให้แล้วเดินถอยไปทำอย่างอื่น“สวัสดีครับ บ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ ฉัตรเกล้าพูดสายครับ” ฉัตรเกล้ากล่าวเสียงเรียบร้อยน่าฟัง[ดีครับคุณชาย] ได้ยินน้ำเสียงของบุรุษทะเล้นไม่น้อยยามตอบกลับ รู้ได้ทันทีว่าปลายสายคือใคร“เป็นอย่างไร ที่ฉันฝากถามไปน่ะ” เขามองข้ามน้ำเสียงกวน ๆ ของเพื่อนสนิทและถามในเรื่องที่อยากรู้มากที่สุดไปแทน[รับสายเพื่อนก็เข้าประเด็นเชียว รีบเสียจริง] บ่นอุบอิบด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกลับมา“ค่าโทรไม่ใช่ถูกนะพิเชษฐ์” ฉัตรเกล้าเอ่ยดุเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาแต่เล็กพิเชษฐ์ ยศฐกาล ลูกของนายตำรวจใหญ่แห่งกองปราบปรามในสำนักง

  • หลงมนต์พยัคฆ์ (Mpreg)    บทที่ 2 ดึงดูดอัปสร

    บทที่ ๒ : ดึงดูดอัปสรตลอดทั้งสามวันฉัตรเกล้าใช้เวลาช่วงเช้าจนถึงเย็นอยู่ที่โรงอาหารของเรือนจำแห่งเดิมไม่คิดไปไหน สองวันแรกนักโทษจากแดนสิบมากินข้าวที่โรงอาหารเพียงช่วงเที่ยงเท่านั้น แต่วันสุดท้ายพวกเขามาช่วงเย็นด้วยวันนี้ฉัตรเกล้าจึงได้เห็นหน้าเขาคนนั้นก่อนจะต้องจากกันความรู้สึกวูบวาบไร้ที่มาที่ไปยังคงเกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้พบร่างสูงใหญ่“ขอบใจ” คำพูดที่เอื้อนเอ่ยให้ได้ยินเป็นประจำยามรับอาหารจากเขาตึก ตึก ตึกและเสียงหัวใจเต้นระรัวแทบทะลุออกจากอกของตนฉัตรเกล้า ไพศาลภิรมย์รักษ์ ไม่ใช่คนตัวเล็กบอบบางแม้ร่างกายจะแตกต่างจากเพศชายทั่วไป ด้วยส่วนสูง 175 เซนติเมตร ไม่ได้ผอมแห้งแบนราบ แต่ไม่ได้เจ้าเนื้อแต่อย่างใด เขาเป็นชายงามที่มีรูปร่างสมส่วนเลยทีเดียว หากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านักโทษแดนสิบคนนั้นกลับดูตัวเล็กไปถนัดตา คิดคร่าว ๆ คงสูงไม่ต่ำกว่า 190 เป็นแน่“เป็นอย่างไรบ้างตาฉัตร” เสียงทุ้มดูใจดีเอ่ยทักจากด้านหลัง“คุณพ่อ?” ฉัตรเกล้าละสายตาออกจากคนนั่งทานข้าวเงียบ ๆ หันไปมองตามเสียงของบิดาอย่างแปลกใจ“ดูทำหน้าเข้า ตกใจอะไรกัน” คุณชนายังคงมีรอยยิ้มใจดีประดับที่มุมปาก“มาได้อย่างไรครับ”“พ่อมาทำ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status