LOGINเมื่อมารดาเดินเลี่ยงไปพร้อมกับสา สาวรับใช้คนสนิทของเธอ ฉัตรเกล้าจึงหันมาคุยกับคนที่เหลือ
“ในเมื่อเขาจะเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านเรา ก็ต้องต้อนรับและปฏิบัติกับเขาให้ดี ไหมกับพลับพลึงไปเตรียมห้องให้ฟ้าครามเขาเสียหน่อย” ฉัตรเกล้าเอ่ยเสียงเป็นจริงเป็นจัง “…ค่ะคุณฉัตร” ไหมและพลับพลึงโค้งกายรับคำ นางทั้งสองลอบมองคนงานใหม่ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และหน่วยก้านดีไม่น้อย แม้เห็นหน้าไม่ชัดแต่สันกรามคมชัดที่ไม่ได้โดนผมเผ้าปิดบังนั่นก็พอจะเดาออกว่าคงหล่อใช่ย่อย ชื่นชมบุรุษก่อนจะพากันหัวเราะคิกเดินออกไปทำตามคำสั่ง ชื่อฟ้าครามใช่ไหมนะ ชื่อเพราะเหลือเกิน “ทุกคนแยกย้ายได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมบอกกฎระเบียบของที่นี่ให้เขาทราบเอง” ฉัตรเกล้าเห็นท่าทางของเจ้าหล่อนทั้งสองชัดเจน คิ้วเรียวอดไม่ได้ที่จะขมวด สาวใช้คนอื่นที่อยู่ในวัยละอ่อนก็พลอยลอบมองฟ้าครามไปด้วย เขาจึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป เมื่อเหลือกันอยู่สองคน ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณภายในบ้านจนแทบได้ยินเสียงหายใจ ฉัตรเกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ก่อนจะยิ้มและผายมือเชื้อเชิญให้เดินตาม “เชิญทางนี้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินนำไปทางห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ตัวเขานั่งลงที่โซฟาเนื้อนุ่มก่อนจึงค่อยชวนอีกคนให้นั่งด้วยกัน ตอนแรกเขายืนนิ่งไม่ไหวติง หากแต่ฉัตรเกล้าก็ส่งสายตาตื้อไปให้ “…” เขาจึงนั่งลงไม่ได้พูดอะไร แต่เว้นระยะห่างพอสมควร เป็นฉัตรเกล้าเองที่ขยับเข้าไปหา ลดช่องว่างระหว่างกันลง “ทำไมคุณถึง…” ประโยคแรกที่อยากเอ่ยถาม เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ในเรือนจำ ทว่าระยะเวลาแค่นั้น คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ในบ้านของเขา แม้จะยินดีแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย “ไม่สิ...พ้นโทษออกมาแล้วหรือครับ” ฉัตรเกล้าถามโดยเลือกใช้คำพูดที่ดูสุภาพที่สุด แม้จะดูเสียมารยาทอยู่ดีก็ตาม อดีตนักโทษแดนสิบเงยหน้ามองเจ้าของคำถาม สบตากันตรง ๆ ที่แทบจะเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ดวงตาคมกล้ามีประกายบางอย่างที่ฉัตรเกล้ามองไม่ออก ในขณะเดียวกันในตัวบุตรชายคนเล็กของนักธุรกิจใหญ่ก็มีอะไรบางอย่างที่ฟ้าครามแปลกใจเช่นกัน กลิ่นเลือดคละคลุ้งและกลิ่นหอมหวนแปลกประหลาดดึงดูดจนแทบคลั่ง ภายในกายรู้สึกรุ่มร้อน เขาจึงต้องคอยห้ามความคิดบางอย่างเอาไว้ “ลองถามพ่อคุณหนูดูสิ” พูดเสียงนิ่งโดยไม่ละสายตาไปไหน ฉัตรเกล้าตาโตขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเรียกขาน คุณหนูหรือ? จริงสิ ตอนนี้ฟ้าครามเข้ามาอยู่ในบ้านเขาด้วยฐานะคนงาน จะเรียกเขาว่าคุณหนูก็คงไม่แปลกอะไร เพียงแต่มันออกจะแตกต่างกับคนอื่นอยู่บ้าง ก็ส่วนใหญ่คนงานที่บ้านเรียกเขาว่าคุณฉัตร ไม่ก็คุณชาย มีเพียงป้าสาย ป้านิด น้าสาและลุงบุญที่เรียกเขาว่าคุณหนู แต่หากฟ้าครามจะเป็นอีกคนที่เรียกแบบนั้น เขาก็ยินดี “คุณฟ้าครามอายุเท่าไหร่หรือครับ?” ฉัตรเกล้าถาม โดยลืมคิดไปเลยว่าประโยคของร่างสูงมีความนัยอะไรบางอย่าง “…สามสิบห้า” ติดคุกตอนอายุยี่สิบห้า ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในคุกมาสิบปี และถูกปล่อยตัวออกมาเร็วกว่าที่คาดคิดไว้หลายสิบปีเลยทีเดียว “อ้อ งั้นผมเรียกคุณว่าพี่นะครับ ถ้าไม่ว่าอะไร” คนพูดยิ้มละไมบนหน้า สายตาจ้องมองใบหน้าคมด้านข้างของฟ้าครามอย่างอ่อนโยนแต่ทว่าแน่วแน่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง “…” “พี่คราม” เจ้าของชื่อหันไปหาเจ้าของเสียง ทั้งคู่จึงสบตากันอีกครั้งผ่านเส้นผมที่ปิดบังอยู่รำไร ดวงตาที่มีประกายเจิดจ้าแม้ใบหน้าจะมีเพียงรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของฉัตรเกล้าจ้องลึกเข้าไป ไม่เห็นและสัมผัสอะไรไม่ได้นอกจากความดำมืดไร้ก้นบึ้ง ฟ้าครามเป็นฝ่ายหันหน้าไปทางอื่นก่อนเช่นทุกครั้ง “…เรามาคุยเรื่องกฎกันดีกว่าครับ” ฉัตรเกล้าพูดขึ้น “…” “หลัก ๆ เลยจะมีไม่กี่ข้อครับแต่เป็นข้อที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามลักขโมยของ ห้ามทะเลาะวิวาท ห้ามเป็นชู้ผิดผัวผิดเมีย ห้ามเมาจนทำลายข้าวของ ห้ามเอาเรื่องในเรือนไปเปิดเผยภายนอก ข้อทั้งหมดที่ผมพูดไปมีโทษไล่ออกและบางอย่างถึงขั้นดำเนินคดี” “ครับ” เสียงทุ้มตอบกลับในลำคอ ฉัตรเกล้าชะงัก เพียงคำว่าครับ ทำให้ใจของฉัตรเกล้าสั่นอย่างง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ อันตรายเหลือเกิน “…อ่า คือ อ้อ ที่เหลือก็เป็นกฎทั่วไปอย่างหลังสามทุ่มไม่อนุญาตให้เข้ามาในบ้านใหญ่ยกเว้นมีเหตุฉุกเฉิน อย่าทำเสียงดังในยามวิกาล ประมาณนี้ครับ” “…” “สงสัยตรงไหนหรือเปล่าครับ ถามผมได้เลยนะ” “ไม่มีครับคุณหนู” ฟ้าครามตอบกลับ หันมาสบตากลม คำพูดธรรมดาแต่มนตราพยัคฆ์สำแดงเดช ปลุกเสกให้คนฟังหลงใหล “ดะดีมาก…ป่านนี้สาว ๆ คงเตรียมห้องหับให้พี่ครามเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ ผมจะพาไปดูห้อง” “อืม” ใจหนอใจ สั่นไหวได้ง่ายดายเพียงนี้ ฉัตรเกล้าเดินนำหน้าฟ้าครามไปทางด้านข้างของคฤหาสน์หลังใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่ปูด้วยหญ้านำสมัย ทับด้วยแผ่นหินเรียงกันสวยงาม “ด้านนี้เป็นเรือนของคนงานครับ จะแยกเป็นเรือนของคนงานผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้ไกลกันมาก ตรงนั้นเป็นสวนผักของป้าสายครับ อยากทานอะไรก็สามารถไปเอาได้เลย” เดินอยู่ก็ถือโอกาสแนะนำที่ต่าง ๆ ในรั้วบ้านให้คนมาใหม่ นิ้วเรียวสวยชี้ไปข้างเรือนของคนงานหญิงตอนที่เดินผ่าน ฟ้าครามมองตาม เห็นสวนผักนานาชนิดรอบล้อมด้วยรั้วตาข่ายอย่างดี “เรือนของผู้ชายจะอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยครับ” พูดบอกคนที่เดินตามมาเงียบ ๆ “อืม” ฟ้าครามมองรอบด้านอย่างเงียบเชียบและไม่ลืมตอบรับฉัตรเกล้าเสมอทุกประโยค ส่วนฉัตรเกล้าที่ไม่ได้ยินคำว่าครับจากร่างสูงแล้วก็แอบเม้มปาก พี่เขาจะรู้ทันว่าตัวเองเสียอาการกับคำนั้นหรือเปล่า ก็เลยเลือกจะไม่พูด? อดีตมหาโจรเก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนิสัย ทั้งสิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ‘กรี๊ดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องแสนเจ็บปวดดังออกมาจากดงป่าริมรั้วถัดจากแปลงผักไม่มาก เงาร่างสีดำผลุบโผล่ ทำท่าจะพุ่งเข้ามาแต่ข้อเท้าเล็กดันถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้ ด้วยผิวขาวซีด ใส่ชุดสีดำยาว ปากสีดำมีเลือดไหลไม่ขาดสาย ใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความงามของสตรี มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวพยายามจะไขว่คว้าบางอย่าง ‘...กะแก ตะต้องตาย กรี๊ดดดดดด’ พลันโซ่ที่ตรึงขาเจ้าหล่อขาดสะบั้นออก เงาร่างน่าสยดสยองจึงพุ่งเข้ามาหาฟ้าครามรวดเร็ว ชายหนุ่มชำเลืองมองเพียงนิด ก่อนที่มันจะพุ่งชนเขาหญิงสาวในชุดขาวก็ออกมาขวางทางไว้ก่อน ทำให้ร่างเงาสีดำกระเด็นออกไปไกลแทนเสียเอง ‘กรี๊ดดดดดดด’ หญิงสาวร้องโหยหวนปวดแสบปวดร้อน ด้วยใบบัวหนึ่งในบริวารของฟ้าครามมีบารมีอิทธิฤทธิ์มากกว่า เงาร่างสีดำจึงไม่อาจแตะต้องเจ้านายของเธอได้ ซ้ำไม่อาจสู้ใบบัวได้เลย ‘คิก คิก’ ใบบัวที่ปกติจะนิ่งเงียบในยามนี้หัวเราะคิกคัก ดวงตาแดงฉาน ปากบางฉีกยิ้มกว้าง นิ้วเรียวปรากฏเล็บยาวแหลมคม สองวิญญาณร้ายไล่ห้ำหั่นกันอย่างจะเอาให้ตายอีกรอบหรือเรียกได้ว่าเป็นใบบัวมากกว่าที่ไม่คิดปล่อยให้วิญญาณชั้นต่ำหนีพ้น ฟ้าครามหันไปมองบริวารของตน ในใจกำลังเอ่ยเรียกใบบัวให้กลับมา เอาไว้เขาหาจังหวะได้ค่อยย้อนกลับมาคุยกับวิญญาณสาวตนนั้น ดูท่านางคงตายทรมานไม่น้อยเขาจึงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวและความแค้นแรงกล้า ‘ใบบัว...‘ “จริงสิ ลืมเสียได้ อ๊ะ…” ขณะเดียวกัน ฉัตรเกล้าที่พึ่งนึกอะไรบางอย่างได้หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มหันหลังไปหาร่างสูงเดี๋ยวนั้นจนชนเข้ากับอกกว้าง เขาเสียการทรงตัวร่างกายเอนเอียงหงายหลัง ฟุบ ฟ้าครามยังไม่ทันได้บริกรรมคาถาในใจให้จบสักท่อน เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างชนเข้าที่ตัวของเขา ใบหน้าคมเข้มจึงหันกลับมา มือข้างหนึ่งคว้าข้อแขนเล็กของฉัตรเกล้าได้ทันก่อนจะร่วงกระแทกพื้น ออกแรงดึงเข้าหาตัว มืออีกข้างคว้าที่เอวหมับ ตึกตัก ตึกตัก จังหวะหัวใจของใครบางคนเต้นระรัวกว่าปกติจนกลัวอีกคนจะรู้สึกได้ เพราะความแนบชิดไปเสียแทบทุกส่วนนี้ ฉัตรเกล้าตะลึงงัน ตาเรียวสวยค้างไปกับกรอบหน้าคม ฟ้าครามก้มมองเขาครู่หนึ่งยังไม่ทันได้ผละออก คิ้วเข้มขมวดมุ่นหากัน สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ด้านหลังของคุณชายเล็ก หญ้าราคาแพงที่ทั้งสองข้างทางปูด้วยแผ่นหินเป็นทางเดินทอดยาวไกลออกไป พึ่งจะพ้นเรือนสาวใช้มาไม่ไกล หางตายังมองเห็นหลังคาเรือน หากแต่ข้างหน้ากลับปรากฏร่างโงนเงนผอมโซค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ‘...อะ แอะ แฮะ แอออ’ เสียงที่ได้ยินไม่ได้ศัพท์เพราะปากของมันฉีกออกจากกันไม่อาจหุบได้ ทั้งดวงตายังกลวงโบ๋ ขาทั้งสองข้างลีบแบนเหมือนจะหักเสียให้ได้ ฟ้าครามมองนิ่งที่อีกหนึ่งวิญญาณร้ายประจำถิ่น มันคงสัมผัสได้กระมังว่าเขามีของและตัวมันเองคงเก่งกล้าไม่น้อยถึงได้ปรากฏตัวออกมาเผชิญหน้ากับเขาได้ หากไม่อยากท้าทายก็คงต้องการความช่วยเหลือ ร่างผอมโซของมันไหม้เกรียมเดาได้ไม่ยากว่าตายอย่างไร “ขะขอบคุณครับ...พี่คราม?” ฉัตรเกล้าที่ดึงสติของตนคืนมาได้ ไม่ได้รู้เห็นหรือสัมผัสในสิ่งที่เสือครามเห็นสักนิด ร่างโปร่งในอ้อมแขนของชายหนุ่มตัวใหญ่เอ่ยขอบคุณอย่างเขินอาย แต่ก็ต้องงงงวยเมื่อเห็นคนที่กอดตนอยู่นิ่งไป และทันทีที่เอ่ยเรียก มือที่กอบกุมเอวบางไว้ก็กระชับแน่นขึ้น “คุณหนูอยู่นิ่ง ๆ ก่อน” เสียงทุ้มแผ่วเบาราวกระซิบข้างหู ชวนให้ฉัตรเกล้าขนลุกอย่างห้ามไม่ได้ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพียงแค่ได้ยินเขาสั่ง ฟ้าครามเลื่อนมือข้างที่ประคองเอวฉัตรเกล้าเปลี่ยนมาคว้าเข้าที่ลำคอสวยก่อนจะออกแรงกด ส่งผลให้ใบหน้าของเล็กจมไปกับช่วงอกกว้าง มืออีกข้างละออกจากข้อมือขาวยกขึ้นมากำไว้จรดปากของตน พร้อมบริกรรมคาถา ‘อะ แอ แออออ’ ร่างเกรียมสีดำราวมีเขม่าควันลอยทั่วทั้งตัวหยุดนิ่ง แขนสองข้างของมันเหยียดตรงไปข้างหน้า ในขณะที่ใบหน้ามันก้มต่ำ ใบบัวกลับมาอยู่ข้างกายเจ้านาย หญิงสาวเอียงคอมองร่างที่แทบจะเหลือแต่กระดูก ยังไม่มีคำสั่งใดจากฟ้าครามและยังไม่มีอันตรายใดเช่นกัน นางจึงอยู่เงียบ ๆ รอ ‘แฮร่รรรรรรร’ ร่างที่หยุดนิ่งก่อนหน้าจากที่ค่อยเดินโงนเงนกลับเงยหน้าขึ้นรวดเร็วและแรงจนคอมันหักไปด้านหลัง ขาลีบทั้งสองขยับเร็ว ๆ เข้ามาใกล้ฟ้าครามที่จดจ้องมันอยู่ก่อนแล้ว “โอม สุวรรณโย กุมาระตัง มะหาภูโต ทองดำ” เสียงทุ้มบริกรรมคาถาก่อนจะเป่าออกไป เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็ปรากฏกายออกมาทันที ทองดำไม่ใช่เด็กชายอีกต่อไป ด้วยรูปกายสูงใหญ่และผิวมะเมื่อม ได้คาถาจากพ่อมันทำให้ร่างที่ควรจะเป็นแค่เด็กน้อยกลับกลายเป็นชายหนุ่มสูงเกือบสองเมตร กุมารใต้อาณัติหลับตาครู่เดียวก่อนจะลืมขึ้นพอดีกับร่างผอมโซเข้ามาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ของทองดำจับเข้าที่คอผอม ก่อนจะทุ่มร่างนั้นลงพื้นอย่างแรงจนแทบแหลกเหลวจมธรณี ‘กรี๊ดดดดดด ฮือออออะอย่า’ เสียงร้องระงมดังมาจากด้านข้าง เงาร่างสีดำก่อนหน้าเผยตัวออกมาแต่นางไม่อาจเข้ามาใกล้ได้แล้วด้วยโซ่เส้นเดิมรั้งข้อเท้าเอาไว้ นางดูร้อนรนและทุรนทุรายไม่น้อย ฟ้าครามคิดอะไรได้บางอย่าง จึงเรียกให้ทองดำกลับมา ร่างไหม้เกรียมที่แทบจะเหลือแต่กระดูกราวกำลังจะตายอีกครั้งนอนแน่นิ่งบนพื้นส่งเสียงครางโอดโอย อดีตโจรชื่อดังบริกรรมคาถา พลันร่างที่นอนอยู่แปรเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าต่อหน้าด้วยรูปลักษณ์ก่อนกลายเป็นวิญญาณร้าย ใบหน้าที่คล้ายจะเคยเห็นที่ไหนสักที่ของชายหนุ่มอายุราวห้าสิบกว่า ๆ ดวงตาบอบช้ำคลอน้ำ ปากมีรอยเย็บติดกันอย่างลวก ๆ มันยกมือพนมไหว้ฟ้าครามราวกำลังขอความเมตตา ‘อย่าแส่ไม่เข้าเรื่อง’ เสียงเย็นสูงวัยลอยตามลมระบุทิศทางไม่ได้ จับไม่ได้ว่าเป็นเสียงของเพศใดดังเข้ามาในหัว และดูท่าการที่ผีสองตัวเข้าโจมตีฟ้าครามก็คงจะได้รับคำสั่งเอาไว้ พ่อพยัคฆ์ใหญ่ยังคงยืนนิ่ง มองร่างตรงหน้าเลือนหายไปพร้อมกับเงาร่างสีดำของหญิงสาวก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน เขาจึงปล่อยมือจากฉัตรเกล้าและถอยออกมาก้าวหนึ่ง “เมื่อกี้…” ร่างโปร่งที่ถูกผละออกจากความอบอุ่นอย่างไม่ทันตั้งตัวเอ่ยเสียงเบา “งูน่ะครับ” และฟ้าครามก็ตอบกลับในทันที “หือ งูหรือ…แต่ว่าเหมือนผมได้ยินพี่ครามพูดภาษาอะไรบางอย่างด้วยนะ” ฉัตรเกล้านึกไปถึงคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าอีกฝ่ายมีวิชาอาคม เด็กนักเรียนนอกอย่างเขาไม่เคยคิดจะเชื่อออะไรพวกนี้สักนิด หากแต่ไม่รู้ทำไม ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ เขาพร้อมที่จะเชื่อแม้ถูกมองว่างมงายหรือบ้าก็ตาม ฉัตรเกล้าก้าวเท้าเข้าไปหาฟ้าครามหนึ่งก้าวราวตื่นเต้นกับภาษาแปลก ๆ ที่ได้ยิน ปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มไปถึงดวงตาราวจะทำให้คนที่มองอยู่ยิ้มตาม ฟ้าครามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ปากของเขาขยับเล็กน้อย จังหวะหนึ่งก็ยกมือของตนแตะเข้าที่กลางหน้าผากของเจ้านายแล้วผละออก คล้ายมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้า ราวเวลาหยุดเดิน ติดค้างอยู่กลางอากาศ “เมื่อกี้คุณหนูว่าอะไรนะ” เขาถามฉัตรเกล้าที่ยืนนิ่งไปด้วยมนต์สะกดของตน “…จริงสิ ลืมเสียได้” และครู่เดียวก็พูดขึ้นมา ด้วยรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย ราวตัวเขาหลงลืมอะไรบางอย่างไป “ลืม?” ฟ้าครามทวนคำ “ผมยังไม่ได้แนะนำคนงานให้พี่ครามรู้จักเลย” ฉัตรเกล้าเลิกสนใจความรู้สึกตงิดเล็ก ๆ ในใจ หันมากล่าวกับร่างสูง “…” “คนงานที่บ้านเรามีหลายคนหน่อยนะครับ แต่ถึงจะเยอะก็แบ่งส่วนชัดเจน ส่วนแรกเป็นงานครัวก็จะมีป้าสายเป็นหัวหน้าแม่ครัว น้าสาที่เป็นคนสนิทของคุณแม่ก็อยู่ส่วนนี้ แล้วยังมีมะลิ บัว ศรีแพรด้วย ส่วนของงานบ้านจะเป็นป้านิดที่เป็นหัวหน้า ป้าวัน พลับพลึง ไหมที่ช่วย ๆ กันดูแล ส่วนหัวหน้าคนงานผู้ชายจะเป็นลุงบุญชู นายไม้เป็นรองหัวหน้า คนในสายงานก็มีสิน จั่น ใบ เกา เล้งแล้วก็พี่คราม แล้วก็ยังมีลุงหมายคนขับรถอีกหนึ่ง เอาไว้ไปรู้จักกันอีกที” ฉัตรเกล้าบอกโดยละเอียด คนงานไม่น้อย อย่างน้อยก็ให้เขารู้คร่าว ๆ ไปก่อน อยู่ไปคงรู้จักทุกคนเอง “อืม เข้าใจแล้ว” ฟ้าครามรับคำ คุณหนูเล็กของบ้านจึงได้พยักหน้ารับและหันกลับไปเดินต่อ ดูท่าบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ จะไม่ธรรมดาจริง ๆ TBCฉัตรเกล้าตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบแล้ว ครรภ์อ่อนเกือบสามเดือนนี้ยังไม่ได้ขยายใหญ่โตให้เห็นด้วยตาเนื้อมากนักด้วยเป็นครรภ์แรกและร่างกายผอมบางเป็นทุนเดิม แต่เพราะฉัตรเกล้าเป็นกรณีพิเศษจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมาก ในหนึ่งสัปดาห์ต้องเข้าตรวจร่างกายกับลุงหมอคนที่วินิจฉัยให้คุณชายเล็กตั้งแต่เด็กและเพื่อศึกษาเก็บตัวอย่างเอาไว้ด้วยยังมีน้อยนักในสยามประเทศ ฟ้าครามไม่ได้มีท่าทางตกใจหรือแปลกใจด้วยรู้ก่อนแล้ว ถึงจะไม่แน่ใจว่าทำเมียตัวขาวท้องตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ฉุดน้องไปอยู่บ้านกลางป่า ทั้งวันทั้งคืนสมสู่กันไม่ออกไปไหนกระมัง เชื้อคงจะแรงจนกินยาหม้อก็เอาไม่อยู่หรือไร เลือดที่ออกวันนั้นคงเป็นเลือดล้างหน้าเด็กกระมัง ฉัตรเกล้าที่ตัวเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับฟ้าครามยามนี้ยิ่งราวตัวเล็กขึ้นไปอีก ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะอุ้มท้องลูกของพ่อเสือใหญ่ตั้งเกือบสามเดือนแล้ว นึกไปถึงเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้าก็ใจหายแวบ หากเกิดอะไรขึ้นรุนแรงตอนนั้นจนต้องเสียลูกในครรภ์ไป ฉัตรเกล้าคงเสียใจตลอดชีวิต ส่วนที่เคยกังวลว่าฟ้าครามจะไม่ชอบใจหากตนตั้งครรภ์หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อคนที่ทำให้ท้องคอยดูแลประคบประหงมไม่ห่างตั้งแต่ก่อนจะรู้ว่าเม
ปกเกล้ายอมกลับมากับฉัตรเกล้าโดยการหิ้วเอาศักดิ์แก้วมาด้วย คิดจะให้มันมาขอขมาแม่ตน ลักไปไม่พอ ยังได้เสียเป็นผัวเมีย ถึงกับเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีบ้านมันอีก คุณหญิงแก้วตารู้ว่าบุตรชายคนโตได้หมอผีเป็นผัว ออกเรือนตามน้องชายไปก็อดจะอึ้งไม่ได้ สุดท้ายไพศาลภิรมย์รักษ์จะไม่มีสะใภ้ให้เชิดชู มันก็น่าอดสูไม่น้อย แก้วตาแม้เป็นผู้ดีเก่าแต่ไม่ได้มีความคิดโบราณคร่ำครึอะไร ด้วยตอนสาว ๆ ก็ไปเรียนถึงเมืองนอก พบเจอรักร่วมเพศมามาก ไม่ได้สนสายตาของใครเลยสักนิด ยิ่งเธอรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับลูกไว้ ไม่ว่าจะทั้งปกเกล้าหรือฉัตรเกล้า เธอก็ยิ่งจะเอาใจ ทดแทนกับเรื่องราวในอดีต กับฉัตรเกล้าที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นชายที่อาจจะท้องได้ก็ทำใจมาตั้งแต่ตอนนั้น หากแต่กับปกเกล้า ผ่านช่วงเวลาที่ลูกคนนี้เกเรมาไม่น้อย อยู่ดี ๆ มีผัวมันก็อดอึ้งไม่ได้ แต่ก็คงดีกว่าถูกจับไปทรมาน คุณหญิงแก้วตายังอยู่ที่บ้านของพี่สาว รั้วบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์จึงมีเพียงคุณชายใหญ่และคุณชายเล็กกับคนรักของทั้งสอง แม้คู่ของคุณปกเกล้าจะไม่ค่อยเหมือนคนรักทั่วไปสักเท่าไหร่ก็ตาม สามมื้ออาหารถูกจัดให้สำหรับสี่คนในทุกวัน เวลานั้นทั้งฟ้าครามและศักดิ์แก้ว
หลังฝูงผีร้ายจากไปและน้อมส่งเทพยดาทั้งหมด หันมองรอบกายเห็นบริวารอยู่พร้อมหน้ายกเว้นทมิฬ ร่างสูงจึงได้เรียกให้กลับเข้าที่ ที่ฟ้าครามอัญเชิญเหล่าเทวามาชุมนุมเป็นเพราะต้องการจะปลดปล่อยวิญญาณทั้งหลายให้เดินหน้าเข้าสู่วัฏจักรสงสารที่ควรจะเป็น หาได้อยากทำลายวิญญาณเหล่านั้นจนสิ้น แน่นอนว่าหากไม่ได้คำนึงถึง วิญญาณร้ายเหล่านั้นคงแหลกเป็นจุณคามือฟ้าคราม และที่ชุมนุมเทวดาก็เพราะไม่อาจให้ใครมารบกวนยามเอ่ยคาถาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่โดนแทรกแซงได้ง่าย จึงได้ขอให้เหล่านางฟ้านางสวรรค์ลงมาช่วยอำนวยอวยชัย ปกป้องอารักขา พ่อพยัคฆ์มองหาบริวารอีกตน พลางนึกไปถึงประโยคส่งท้ายของนางสวรรค์นางหนึ่ง ใบหน้าจับจิตจับใจยิ้มละไมหากแต่เนื้อความทำเอาฟ้าครามขมวดคิ้ว ‘หวังว่าจะได้เจอกันอีก ตอนนี้ให้รีบไปเถิด’ “ฉัตร” ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับไปที่บ้านใหญ่ทันที เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่สนใจตัวเองอีกต่อไป “ฉัตร!” มาถึงก็ตะโกนเรียกเมียเสียงดัง “พี่คราม…” ฝ่ายคนตัวขาวที่ยืนหน้าตื่น หลังได้ยินเสียงคนรักก็รีบวิ่งไปหา หมับ! ฟ้าครามคว้าร่างขาวนวลมากอดแนบอก น้องรู้ว่าเป็นตัวจริงก็กอดตอบแน่นแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใจหายใจคว่ำ
คืนเดือนแรมเหมาะแก่จะทำพิธีไม่น้อย ฟ้าครามกั้นบริเวณหลังบ้านพักคนงานหญิง สั่งห้ามไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้เด็ดขาด ก่อนหน้ายืมตัวคนงานชายสองสามคนมันช่วยกันขุดเอาศพที่บัดนี้เหลือแต่กระดูกขึ้นมา โครงกระดูกที่ต่อติดกันบ้างไม่ติดบ้างของคนสองคนจึงวางกองอยู่ตรงหน้า พร้อมสำหรับพิธีในคืนนี้ เสียงบทสวดคาถาแปลกประหลาดดังก้องไปทั่วบริเวณ หากใครมาได้ยินคงมีจิตตกกันไปข้าง ฉัตรเกล้าให้พวกคนงานทั้งหมดไปนอนที่เรือนใหญ่ ส่วนตัวเองก็ไม่ยอมเข้านอน ยืนรอฟ้าครามที่หน้าประตูด้วยใจตุ้มต่อม สวดอยู่ไม่นานโครงกระดูกมนุษย์ก็แปรเปลี่ยน เริ่มมีเนื้อเหี่ยวไม่น่ามอง กลายเป็นสภาพที่โดนทำร้ายจนเสียชีวิต สุดท้ายจึงค่อยกลับมาปกติตอนที่อายุขัยสิ้นสุด ทั้งคู่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พนมมือตามการสวดคาถาของฟ้าคราม โซ่ตรวนที่ถูกคล้องไว้เริ่มรัดตึงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ยามพ่อพยัคฆ์จะทำลายมันเพื่อปลดปล่อยทั้งคู่ ‘พี่จ้ะ…’ นางหวานที่นั่งคุกเข่าอยู่ทัก ยามฟ้าครามว่าคาถาจนโซ่ตรวนมันตึงแน่น แทบจะดึงเอาวิญญาณของเธอลงกลับหลุม ด้วยรู้ดีอีกว่ามีสิ่งใดที่คอยเฝ้าอยู่ ฟ้าครามเองก็จ้องเขม็งไปยังหลุมที่ว่าตั้งแต่แรกแล้ว ใบบัวเป็นฝ่ายละจาก
คุณหญิงแก้วตาขอพักอยู่กับพี่สาวอีกหน่อยด้วยยังทำใจเรื่องสามีไม่ได้ ปกเกล้าก็หายไปดื้อ ๆ และคาดว่าคงเป็นศักดิ์แก้วที่ลักเอาตัวไปด้วยขัดผลประโยชน์บางอย่างกับชนา คุณหญิงเธอรู้สึกผิดกับลูกชายคนโตจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องใช้ธรรมะปลอบโยนจิตใจ แถมยังขอร้องอ้อนวอนให้ฟ้าครามพาตัวปกเกล้ากลับมาไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม เห็นท่าทางผู้เป็นมารดาก็ได้แต่สงสารบวกกับสงสัยเพราะฉัตรเกล้าแทบจะไม่รู้อะไรเลย อะไรที่ว่าปกเกล้ารับผิดแทนคุณพ่อ? คือสาเหตุที่คุณหญิงแก้วตาเกลียดลูกชายของเธอ? หันมองคนข้างกาย ฟ้าครามดูรู้เยอะกว่าเขาเสียอีก “พี่ครามครับ” “ไว้พี่จะบอก ตอนนี้ยังไม่กระจ่างเท่าไหร่นัก” คนนี้ก็รู้ทันรู้ใจไปหมดเสียจริง มาถึงบ้านไพศาลภิรมย์รักษ์ก็ตกดึกเสียแล้ว รถจากวังอรุณศักดิ์กลับออกไปทันทีที่ส่งคนถึงหน้าประตูบ้าน ทั่วบริเวณเงียบฉี่ มีเพียงแสงสว่างจากไปโคมประดับริบหรี่ หากแต่ในบ้านดูจะยังครื้นเครงกันอยู่ ฉัตรเกล้าเดินนำเข้าไป ประตูเปิดอ้าต้อนรับการกลับมาของเจ้าของบ้านตัวจริง คนด้านในชะงัก ฉัตรเกล้าเองก็ชะงัก “นี่มันอะไรกันครับ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ตาสวยหรี่ลงมองภาพตรงหน้าอย่างพิจารณา ก็ภา
ผ่านวันที่ได้ประลองวิชามาเพียงสองราตรี พวกไอ้อินมันล่าถอยไปไม่กล้ามาวุ่นวาย ชาวบ้านก็มีแต่จะสมน้ำหน้าจนต้องไปแอบนอนกระท่อมในป่าในสวน มีคนไม่น้อยมาเสนอให้ฟ้าครามกลับมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านดังเดิม แต่เขาปฏิเสธ นึกไปถึงฉัตรเกล้า ด้วยอายุเท่านี้ยังมีอนาคตรออยู่ ตัวมันที่คิดจะติดตามน้องไปทุกที่คงไม่เอาพันธะใดมาผูกคอไว้ ส่วนฉัตรเกล้าคิดไม่ตก วันนี้คือวันที่รอบเดือนมาวันแรก แม้มันจะมาไม่นานและไม่มาก แต่การนั่งก้นแฉะทั้งวันโดยไม่ให้ฟ้าครามสงสัยเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ หากจะบอกก็กลัวผัวรังเกียจ มองว่าแปลกประหลาด โดนทิ้งขว้างขึ้นมาจะทำอย่างไร ร่างบางจึงรั้งรออยู่ในห้องไม่ยอมออกไปด้านนอกเสียที “ทำอะไรอยู่หรือ ฉัตร?” ฟ้าครามรอเมียอยู่นานเห็นน้องไม่ออกมาก็ลุกขึ้นไปรอหน้าประตูห้อง กลิ่นสนิมโชยออกมาปะทะจมูก กลิ่นเข้มข้นกว่าทุกทีจนพ่อเสือหน้าหล่อขมวดคิ้ว ร้อนใจคิดว่าเมียเป็นอะไร “ฉัตร เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามออกไปอีกครั้ง มือค้างจับที่กลอนประตูเตรียมบิดเข้าไป “มะไม่ครับ พี่ครามหิวหรอ กินก่อนเลยนะ” เสียงนิ่ม ๆ อ่อนโยนรีบบอกกลับมาจนลิ้นพัน ไม่มีท่าทีจะขยับตัวมาเปิดประตู แกร๊ก “อะ พี่คราม” แน่นอนว่าฟ้าคราม




![นายบำเรอของมาเฟีย [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


