แชร์

บทที่ 213

ผู้เขียน: จิ้งซิง
โจรภูเขาแห่งหมู่บ้านเสือดำได้ก่อกวนการจัดทัพของกองทัพธงดำจริงดังคาด หลังจากส่งมือสังหารหลายคนไปต่อสู้พัวพันกับเป่ยเฉินหยวน จินซือถูก็พุ่งขึ้นไปบนรถม้าทันที

เขายื่นมือออกไปเพื่อช่วยเวินเยวี่ย

ทว่าในวินาทีถัดไป...

“แกล๊ง!”

กระบี่คมเล่มหนึ่งเกือบจะตัดศีรษะของจินซือถูขาด

โชคดีที่เขาสังเกตเห็นได้ทันเวลา หลังจากใช้มีดโค้งป้องกัน ก็ใช้มีดโค้งอีกเล่มตวัดออกไปทันทีเพื่อเกี่ยวศีรษะของคู่ต่อสู้

น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของจู๋เยวี่ยนั้นเร็วกว่าเขาเสียอีก ถีบเขาลงจากรถม้าด้วยขาข้างหนึ่ง จากนั้นก็เหยียบลงบนหลังคารถม้าอย่างเบาหวิว จับจ้องจินซือถูจากที่สูง

จินซือถูเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นั้นที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในทัศนียภาพยามราตรี ดำมืดไปทั้งตัว

เขาไม่คาดคิดว่าที่นี่จะมีคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือเช่นนี้

ทั้ง ๆ ที่หลายวันก่อนคนผู้นี้ยังไม่เคยปรากฏตัวสักครั้ง

ดูจากกระบวนท่าที่ใช้ เกรงว่าอาจเป็นองครักษ์ลับที่ได้รับการฝึกฝนมาจากสำนักไหนสักแห่ง

ดูเหมือนว่ามีเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงที่อยู่ในรถม้าเท่านั้นที่จะมีองครักษ์ลับแบบนี้

เวลานี้เวินเยวี่ยรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

นางรู้มานานแล้วว่าเวินซื่อมีองคร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 214

    หลังจากที่พวกเกาเย่าไปจับกุมเขาแล้ว เป่ยเฉินหยวนก็หันหลังกลับไปที่ข้างรถม้าอย่างรวดเร็ว “อู๋โยว เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”ผู้ที่ได้ยินเสียงวุ่นวายภายในรถม้าแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่จู๋เยวี่ยเท่านั้นเขารีบยกม่านรถขึ้นดู ก็เห็นขาเล็ก ๆ ข้างหนึ่งที่ขาวดุจหิมะภายในตัวรถ จู๋เยวี่ยที่กำลังตรวจดูว่าขาของเวินซื่อถูกตะขาบพิษกัดหรือไม่ แย่งม่านรถคืนจากมือของเป่ยเฉินหยวนอย่างรวดเร็วแล้วดึงปิดใหม่พึ่บเวินซื่อรีบบอก “ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่เมื่อครู่มีตะขาบเข้ามาในรถ จู๋เยวี่ยกำลังช่วยตรวจดูบาดแผลให้ข้าแล้ว”ตอนแรกเป่ยเฉินหยวนยังตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ตะขาบ” ก็ขมวดคิ้วทันทีพลางถามว่า “แต่ว่ามันมีพิษหรือ? นอกจากบาดแผลแล้ว ได้สัมผัสผิวหนังโดยตรงหรือเปล่า?”เวินซื่อในรถกำลังจะส่ายหน้า แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ พลางยื่นมือขวาออกไปดู เป็นจริงดังคาดปลายนิ้วชี้ที่เพิ่งสัมผัสตะขาบเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเล็กน้อยแล้วสีหน้าของจู๋เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะพูดอะไร ก็เห็นเวินซื่อรีบควานหาห่อสัมภาระจากรถม้าออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบเข็มเงินชุดหน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 215

    หลังจากเข้ามาในจินโจวแล้ว ทุกคนก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่เข้ามาปะทะใบหน้าทั้ง ๆ ที่สถานที่อื่น ๆ จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและเย็นลงแล้ว แต่จินโจวกลับยังคงเหมือนกับช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อน ทั่วทั้งพื้นที่มีอากาศร้อนจนแทบทนไม่ไหวและจินโจวในเวลานี้นั้นแห้งแล้งมาสามเดือนแล้ว ไม่มีฝนตกเลยสักเม็ดด้วยเหตุนี้ทุ่งนาที่ควรปลูกธัญพืชจึงแห้งแล้งแตกเป็นแขนง ไม่มีผลให้เก็บเกี่ยว ท้องน้ำเห็นไปถึงก้น ป่าไม้โดยรอบรกร้าง ทั่วทุกแห่งหนไร้ระเบียบอย่างแสนสาหัสตามขอบทางจะเห็นได้เป็นครั้งคราว ว่ามีประชาชนจำนวนมากอิดโรย ร่างกายผอมซูบ บางคนคุกเข่าขอทานอยู่ริมถนน ในขณะที่บางคนขุดรากไม้เพื่อหาอาหารเมื่อเห็นขบวนรถเสบียงและข้าวของที่เวินซื่อและพวกกำลังลำเลียง ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาตาร้อน เดินโซซัดโซเซเข้ามาใกล้แต่สุดท้ายภายใต้การข่มขู่ของกองทัพธงดำ ก็ไม่มีการกระทำที่บุ่มบ่ามเกิดขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์ในพื้นที่เช่นนี้ ทุกคนก็เร่งฝีเท้าขึ้นอย่างรู้กันไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงผู้ประสบภัยเหล่านี้ แต่ในขณะนี้ทุกคนตระหนักแล้วว่า ทำไมผู้ว่าการจินโจวถึงรีบร้อนที่จะจัดพิธีขอฝนครั้งนี้ขึ้นหากยังไม่ทำการปลอบประโลม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 216

    เวินซื่อไม่คาดคิดว่าหวังโฉ่วอันจะคุกเข่าทำความเคารพนางทันทีที่เข้ามานางรีบยื่นมือออกไปทำท่าประคองหลังจากที่หวังโฉ่วอันลุกขึ้นมาแล้ว นางก็ถามถึงเรื่องที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้“แท่นบูชาในพิธีขอฝนตั้งเสร็จแล้วหรือยัง?”หวังโฉ่วอันพยักหน้าซ้ำ ๆ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดวางใจ หลังจากได้ข่าวว่าท่านและท่านอ๋องออกเดินทางมาที่จินโจว พวกข้าก็พาคนมาในคืนนั้นเลย ตั้งแท่นบูชาทั้งหมดเสร็จตั้งแต่ก่อนคืนวานแล้ว วันนี้ได้ส่งคนไปตรวจสอบทุกแห่ง พรุ่งนี้ท่านสามารถเริ่มจัดพิธีขอฝนได้เลยขอรับ”เป่ยเฉินหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “อู๋โยว ตอนนี้ท่านไปพักผ่อนเถอะ พิธีขอฝนในวันพรุ่งนี้จะเหน็ดเหนื่อยมาก ท่านต้องรีบหาเวลาพักผ่อนเอาแรง ที่เหลือมอบหมายให้ข้าจัดการเอง”“ตกลง”เวินซื่อก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยงและเกรงใจเช่นกันการเร่งเดินทางต่อเนื่องหลายวันที่ผ่านมานั้นเหนื่อยมาก โชคดีที่หวังโฉ่วอันได้จัดเตรียมสถานที่พักผ่อนไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วหลังจากมาถึงห้องพักแล้ว ยังผ่านการตรวจสอบจากเกาเย่าและคณะอีกด้วยเป่ยเฉินหยวนได้มอบหมายให้เกาเย่าอยู่ข้างกายเวินซื่อ ในฐานะองครักษ์ในที่แจ้งงานที่ติดต่อกับภายนอกก็มีเกาเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 217

    หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดพิธีการแล้ว เวินซื่อก็สวมผ้าคลุมหน้าโปร่งบางสีขาว คลุมศีรษะด้วยผ้าโปร่งบางสีขาว แล้วเดินออกไปข้างนอกภายใต้การนำทางของบรรดาสาวใช้หวังโฉ่วอันที่มองจนตะลึงถูกเกาเย่ากระแทกใส่“ข้าว่านะผู้ว่าการหวัง ธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ออกไปแล้ว ท่านยังมัวยืนอึ้งอยู่ที่นี่ทำไม? ยังไม่รีบตามไปอีก”หวังโฉ่วอันที่เพิ่งได้สติกลับมาก็รีบวิ่งตามไป “อา! ธิดาศักดิ์สิทธิ์รอข้าน้อยด้วย ข้าน้อยจะนำทางให้ท่านเอง!”……“เร็วหน่อยสิ เร็ว ๆ ๆ ถ้ายังไม่รีบอีกจะไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว!”“มาเลย ๆ มาเดี๋ยวนี้เลย!”“อะไรกัน? นี่กำลังทำอะไรกัน?”“พวกเจ้าจะไปไหนกัน?”ทั้งในและนอกเมืองจินโจว ประชาชนนับไม่ถ้วนจากทั่วสารทิศกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันหลังจากประสบภัยแล้งในเดือนสาม พวกเขาเกือบจะหมดหวังแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ ว่ากันว่าผู้ว่าการของพวกเขาได้เรียนเชิญธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาททรงพระราชทานยศให้เป็นการส่วนพระองค์ มาเพื่ออธิษฐานขอฝนให้กับประชาชนชาวจินโจวเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายออกไปนอกเมืองจินโจวแล้วยังมีประชาชนจำนวนมากพากันรีบรุดเข้ามาเพื่อดูพิธีขอฝน หรือไม่ก็เพื่อเข้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 218

    หลังจากนั้นเสียงเหล่านั้นก็หายไปเกือบทั้งหมดเวินซื่อยืนอยู่บนแท่นสูง เสียงด้านล่างเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงหูของนางได้ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบนางจึงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ หลังจากผ่านการเซ่นไหว้ไปได้อย่างราบรื่น ก็ถึงเวลาที่ต้องขอฝนแล้วเวินซื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้านางแย้มพระโอษฐ์ จากนั้นเสียงอันเพริศพริ้งเสนาะหูก็ออกมาจากปากของนาง เข้าไปถึงหูของประชาชนด้านล่างทั้งหมดพวกเขาฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินนางเอ่ยกับสวรรค์“ดินแดนสามัญแห่งราชวงศ์ต้าหมิง ประวัติศาสตร์เพียงสิบเดือน อู๋โยวเด็กสาวชาวบ้าน นามฝูหมิง เป็นตัวแทนของพสกนิกรชาวจินโจว ขอฝนตามฤดูกาลต่อเทพปฐพีทั้งห้า เทพธัญพืชทั้งห้า สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ ส่องแสงแก่แผ่นดิน จิตวิญญาณผู้รวบรวมดินแดน ขอทวยเทพจงหลั่งฝนตามฤดูกาล สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง สมดังใจปรารถนา เทพยดาเท่านั้นที่ฟังความปรารถนาของปวงชน พวกเรารอคอยเป็นอย่างยิ่ง ขอวิงวอนอย่างสุดซึ้ง!”คำต่อคำ เอ่ยออกมาทีละตัวอักษรอย่างชัดเจน บริสุทธิ์จริงใจจากนั้น เสียงกลองก็ดังสนั่นใต้แท่นบูชาชายหญิงแต่ละคนสวมชุดพิธีการร่ายรำสักการะขอฝน รายล้อมแท่นบูชาแล้วเริ่มร่ายรำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 219

    “อา ๆ ๆ ๆ”“ฝนตกแล้ว!”“ฝนตกแล้วจริง ๆ!”“ฮือ ๆ ๆ! ภัยธรรมชาติสิ้นสุดลงแล้ว!”“ท่านพ่อ ท่านแม่! พวกท่านเห็นแล้วหรือยัง?! ภัยธรรมชาติสิ้นสุดลงแล้ว!”ประชาชนทั้งในและนอกเมืองจินโจววิ่งกรูออกมาเหมือนเสียสติไปแล้วพวกเขายืนตากฝนอย่างตื่นเต้น เห็นคุณค่าฝนตกหนักครานี้ที่พวกเขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อเป็นเวลาสามเดือนเต็ม ๆ“เป็นเพราะธิดาศักดิ์สิทธิ์!”“ใช่แล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงขอฝนตกใหญ่ครั้งนี้มาให้พวกเรา”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงเป็นพระโพธิสัตว์!”“นางคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาทพระราชทานยศให้ด้วยพระองค์เอง นางสวดขอพรเพื่อบ้านเมืองและประชาชน! เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา!”เวินซื่อในวันนั้นไม่รู้เลยว่า ทุกคนในจินโจวกำลังตะโกนเรียกชื่อนางท่ามกลางฝนที่ตกหนักนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงธิดาศักดิ์สิทธิ์พระองค์แรกของราชวงศ์ต้าหมิงมีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นพร……เจ็ดวันต่อมา ในที่สุดเวินซื่อและคณะก็กลับมาถึงเมืองหลวง“จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”ก่อนเข้าเมือง เป่ยเฉินหยวนชี้ไปที่เวินเยวี่ยที่หมดสติแล้วถามขึ้นเวินซื่อครุ่นคิดสักครู่ “มอบนางให้ข้าจัดการเถอะ”“จะดูไหวหรือ? จินซือ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 220

    เวินซื่ออดหัวเราะไม่ได้ “เพราะว่าครั้งนี้ข้าเดินทางไกล อาจารย์ต้องเป็นห่วงแน่นอน หากวันหลังศิษย์พี่หญิงต้องเดินทางไกล อาจารย์ก็ต้องเป็นห่วงท่านเช่นกัน”ม่อโฉวซือไท่ที่จูงมือนางไปไม่พูดจาใด ๆนางเพียงแค่บ่นพึมพำในใจประโยคหนึ่งเงียบ ๆไม่เหมือนกันนางอาจจะเป็นห่วงอู๋ขู่ แต่จะไม่เหมือนกับความเป็นห่วงที่มีต่ออู๋โยวสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตั้งแต่จื่อจวินล่วงลับไป นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับในช่วงเวลานี้หม้อนั้นต้มน้ำแกงบำรุงไว้เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าม่อโฉวซือไท่ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง หลังจากมอบชามใหญ่ให้เวินซื่อเพียงคนเดียวแล้ว ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้คนอื่นเวินซื่อถือชามน้ำแกง ดื่มอย่างยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณอาจารย์ น้ำแกงนี่อร่อยจริง ๆ เจ้าค่ะ”“ชอบก็ดีแล้ว เมื่อก่อนข้าก็ตุ๋นน้ำแกงบำรุงให้แม่ของเจ้าบ่อย ๆ นางมักจะบอกว่าชอบน้ำแกงที่ข้าตุ๋นมากที่สุด”เมื่อพูดถึงมารดาของเวินซื่อ สีหน้าของม่อโฉวซือไท่ก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้เพียงแต่ยังมีความเศร้าโศกที่ยากจะสังเกตเห็นได้ซ่อนอยู่ในดวงตาเวินซื่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่พูดจาใด ๆ“บ้าจริง ดูข้าสิ ทำไมถึงพูด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 221

    หลังจากป้อนยาสลบให้เวินเยวี่ยเป็นจำนวนมาก และปิดหูปิดตาปิดปากนางทั้งหมดแล้ว จึงมัดแขนมัดขาทั้งสองคู่อย่างแน่นหนา แล้วโยนเข้าไปในมิติของหยกของนางแม้นางจะไม่อยากให้เวินเยวี่ยเข้ามาเลยสักนิด เพราะทำให้มิติของนางแปดเปื้อนแต่ไม่มีวิธีอื่น มีเพียงอยู่ในนี้เท่านั้นถึงจะไม่ถูกจินซือถูหาตัวพบแน่นอนเวินซื่อขังเวินเยวี่ยไว้ที่บ้านหลังเล็กภายในมิติจากนี้แค่ลากนางออกมาข้างนอก แล้วป้อนน้ำป้อนข้าว จากนั้นค่อยโยนกลับเข้าไปก็พอแล้วเมื่อเสร็จสิ้น เวินซื่อหันมองพื้นที่ในมิติซึ่งแต่เดิมคือที่วางกองสมุนไพรมากมายที่ไปกว้านซื้อมาสมุนไพรที่เดิมทีวางไว้ตรงนั้น ล้วนบริจาคให้จินโจวพร้อมกับสิ่งของรอบนั้นไปหมดแล้วแม้จินโจวฝนตกแล้ว แต่ผลข้างเคียงที่ภัยธรรมชาตินำมาให้ไม่ได้จบลงอย่างง่ายดายสมุนไพรเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ใช้ดีและใช้บ่อยที่สุด มอบให้ราษฎรชาวจินโจวเหมาะสมที่สุดเวินซื่อหันหลัง เท้าสะเอวมองดูแปลงสมุนไพรผืนใหญ่ล้ำค่าของนางเดิมทีสมุนไพรหายากที่อยู่ภายในซึ่งถูกเก็บไปแล้ว เมื่อนางใช้น้ำในลำธารรดริน มันเติบโตขึ้นใหม่ตามที่คาดการณ์ขณะนี้นางต้องเลือกของขวัญสองชิ้นชิ้นหนึ่งมอบให้อาจารย์ส

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status