공유

บทที่ 355

작가: จิ้งซิง
“ฮือๆๆ ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตายนะ...”

“ท่านหมอ ได้โปรด ช่วยพวกเราด้วยเถิด...”

“ลูก ลูกของข้า!”

“ปล่อยข้าออกไป ขอร้องล่ะ ท่านขุนนาง ปล่อยพวกเราออกไปเถอะ พวกเราไม่ได้ติดโรคจริงๆ !”

“อ๊ากกก เขาติดเชื้อแล้ว เขาติดเชื้อแล้ว! รีบหนีเร็ว!”

รถม้ายังมาไม่ถึง จากที่ไกลๆ เวินซื่อก็ได้ยินเสียงมากมายนับไม่ถ้วนดังมาจากภายในเขตกักกันที่ล้อมรอบด้วยหินและไม้

ความกลัว ความตื่นตระหนก ความเศร้า ความเจ็บปวด...

แน่นอนว่ามีบางคนที่นั่งเงียบๆ อยู่ในมุม พวกเขามีอาการของโรคระบาดแล้ว

แต่ละคนสีหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือด ล้มลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากบ้าง หรือไม่ก็พิงพื้นบ้าง ราวกับว่ายอมแพ้ต่อการมีชีวิตแล้ว นั่งรอความตายอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ในมุม

“เขตโรคระบาดแห่งนี้มีผู้ติดเชื้อสองร้อยกว่าคน ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาอำเภอทั้งหมดของลู่โจว”

ม้าของเป่ยเฉินหยวนตามอยู่ข้างๆ รถม้าของเวินซื่อ เขาพูดกับนางถึงสถานการณ์ที่นี่ด้วยเสียงแผ่วเบา

เนื่องจากจำนวนคนไม่มาก ดังนั้น จึงมีกองทหารรักษาการณ์ที่สวมหน้ากากเพียงร้อยกว่านายประจำการอยู่ที่นี่ รวมกับขุนนางจากที่ว่าการอำเภอ ก็เพียงพอที่จะควบคุมเขตโรคระบาดแห่งนี้

“อ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 356

    เป่ยเฉินหยวน “ใช่ธิดาศักดิ์สิทธิ์!”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย!”“ดีเหลือเกิน ใต้เท้าหนิงหย่วนโหวเชิญธิดาศักดิ์สิทธิ์มาได้จริงๆ !”ชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันตื่นเต้นดีใจในทันที“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราติดโรคระบาดแล้ว พวกเรายังจะรอดหรือไม่?”มีคนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ถาม“ได้”เวินซื่อกวาดสายตามองพวกเขาทุกคน นางกล่าวอย่างจริงจัง “โรคระบาดครั้งนี้ไม่น่ากลัว เพียงแค่พวกเจ้าปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ ร่วมมือรักษาโรคอย่างจริงจัง ก็จะต้องรอดได้อย่างแน่นอน”“ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์!”“ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์!”ในชั่วพริบตา ชาวบ้านในเขตโรคระบาดต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้นทำให้เวินซื่อตกใจจนลุกขึ้นยืนทันที นางต้องการจะหลีกเลี่ยงแต่ในเวลานี้ เป่ยเฉินหยวนที่อยู่ด้านหลังนางกลับกดตัวนางไว้“รับไว้ นี่คือศรัทธาที่เป็นของเจ้า”เวินซื่อชะงัก นางหันกลับไปมองชาวบ้านเหล่านั้นครู่หนึ่ง มองดูสีหน้ายินดีบนใบหน้าของพวกเขา และความหวังที่จุดประกายขึ้นใหม่ในดวงตา นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็สวดมนต์ต่อน้ำเสียงอันบริสุทธิ์ชำระล้างเขตโรคระบาดแห่งแรกจนหมดสิ้นตั้งแต่ชาวบ้านภายในเขตโรคระบาด ไปจนถึงกองทหารรัก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 357

    เพียงแค่พวกเขาปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ ร่วมมือรักษาโรคอย่างจริงจัง พวกเขาก็จะต้องรอดได้อย่างแน่นอนเป็นจริงดังคาด ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หลอกพวกเขานี่คือเหตุการณ์หลังจากนั้นหนึ่งวัน ย้อนกลับไปยังวันแรกที่เริ่มขอพรหลังจากขอพรให้เขตโรคระบาดแห่งแรกเสร็จแล้ว เวินซื่อก็ใช้เวลาที่เหลือในวันนั้นอย่างเร่งรีบ ไปยังเขตโรคระบาดอีกสองแห่งลู่โจวมีเขตโรคระบาดทั้งหมดแปดแห่ง นอกจากอำเภอหนิงอันแล้ว เขตโรคระบาดอีกเจ็ดแห่งที่เหลือ เวินซื่อจำเป็นต้องไปสักรอบวันแรกนางไปเขตโรคระบาดสามแห่ง ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ที่สุดและอาการเบาที่สุดวันที่สองก็ไปเขตโรคระบาดอีกสองแห่ง ในเวลานี้ จำนวนชาวบ้านที่ติดเชื้อในแต่ละเขตโรคระบาดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพิ่มขึ้นจนมากกว่าห้าร้อยคนแล้วเขตโรคระบาดสองแห่งสุดท้ายมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนตอนที่เวินซื่อเข้าไป เกือบจะถูกฝูงชนกลืนไปแล้วโชคดีที่เป่ยเฉินหยวนเคลื่อนไหวรวดเร็ว ประกอบกับครั้งนี้เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า นำกองทัพธงดำมาเพิ่มอีกสองร้อยนาย รวมกับความช่วยเหลือจากกองทหารรักษาการณ์ ทำให้สามารถควบคุมเขตโรคระบาดที่วุ่นวายได้อย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาทราบสา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 358

    “ข้างหน้าดูเหมือนกำลังเผาอะไรอยู่?”ยังไม่ทันถึงอำเภอหนิงอัน เวินซื่อก็มองเห็นจากที่ไกลๆ ว่าข้างหน้าเหมือนมีแสงไฟเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางออกคำสั่ง “ทุกคนตรวจสอบหน้ากาก จากนี้ไปห้ามเปิดปากและจมูกออกข้างนอก”“พ่ะย่ะค่ะ!”เวินซื่อที่นั่งอยู่ในรถม้าได้ยินดังนั้น ก็รีบตรวจสอบหน้ากากที่ตนเองสวมอยู่ทันทีแม้ว่านางจะมีน้ำทิพย์คุ้มกาย ไม่จำเป็นต้องกลัวโรคระบาดเข้าใกล้ แต่ก็ต้องทำเป็นแบบอย่าง อย่างน้อยในสายตาของคนอื่น การป้องกันของนางต้องดีมากพอ จึงจะไม่ทำให้เกิดข้อสงสัยหลังจากเข้าใกล้ ทุกคนก็พบต้นตอของแสงไฟอย่างรวดเร็วเวินซื่อเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง มองดูศพจำนวนมากที่กองสุมกันราวกับภูเขาในสุสานหมู่“น่าจะเป็นคำสั่งของหนิงหย่วนโหว”ศพของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคระบาดเหล่านี้จะทิ้งไว้ไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นในไม่ช้าก็จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดโรคระบาดแห่งใหม่เวินซื่อรู้เรื่องนี้ดีเพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกในสองชาติภพที่นางได้เห็นภาพเช่นนี้ แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้เห็นกับตาจริงๆ ก็ยังทำใจให้สงบลงไม่ได้เป็นเวลานาน“ถึงแล้ว”ทันทีที่รถม้ามาถึงอำเภอหนิงอัน กองทหารรักษาการณ์

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 359

    เวินซื่อหน้าแดงด้วยความเขินอาย โชคดีที่หนิงหย่วนโหวไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากทั้งสองชมเชยซึ่งกันและกันพอสมควรแล้ว ก็รีบพูดคุยเรื่องสำคัญทันที“สองสามวันนี้ต้องขอบคุณท่านที่ส่งสมุนไพรมาให้ สรรพคุณของสมุนไพรเหล่านั้นดีจริงๆ ท่านไปหามาจากที่ไหน ยังหามาให้ข้าได้อีกหรือไม่?”หนิงหย่วนโหวรีบเอ่ยถามเมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญเป่ยเฉินหยวนส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่สมุนไพรที่ข้าหามา เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์นำมาจากเมืองหลวง”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์นำมาหรือ?”หนิงหย่วนโหวหันไปมองเวินซื่ออีกครั้งด้วยความประหลาดใจเวินซื่อพยักหน้าเล็กน้อย “สมุนไพรเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ข้านำมาจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีเหลือแล้ว เพราะทั้งหมดเป็นสิ่งที่ข้าปลูกเอง มีไม่มากนัก ของที่มีอยู่ก็ได้นำมาทั้งหมดแล้ว”สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของหนิงหย่วนโหวเปลี่ยนเป็นผิดหวังในทันทีแต่เวินซื่อกล่าวต่อ “สมุนไพรเหล่านั้นที่ข้านำมา ส่วนใหญ่นำมาส่งที่อำเภอหนิงอันแล้ว เพียงแค่สองวันนี้ หากท่านโหวทำตามที่ข้าบอก คือนำไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ก็เพียงพอสำหรับทั้งอำเภอหนิงอันแล้ว”สองวันมานี้ เหตุผลที่นางไม่ได้มาอำเภอหนิงอันเป็นที่แรก ก็เพื่อรอให้ฤทธิ์ของน้ำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 360

    “เป็นเช่นนี้นี่เอง ขอบคุณท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ใจกว้าง ข้าจะไม่ปิดบังท่าน สองวันนี้ ต้องขอบคุณสมุนไพรที่ท่านส่งมาให้ เพียงวันเดียว ก็สามารถควบคุมอาการป่วยของคนส่วนใหญ่ในอำเภอหนิงอันได้ ตอนนี้ศพที่ถูกขนออกไปก็น้อยลงมาก”และในบรรดาศพเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ร่างกายทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วมิฉะนั้น ก็คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักหน่อย“ช่วยได้ก็ดีแล้ว แต่สมุนไพรก็เป็นเพียงสมุนไพร สิ่งสำคัญที่สุดคือโชคดีที่ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าหนิงหย่วนโหวมีคนคิดค้นตำรับยารักษาโรคระบาดได้ มิฉะนั้นสมุนไพรของข้าก็คงไม่มีประโยชน์มากนัก”เวินซื่อจะไม่โอ้อวดในเวลานี้แม้ว่าน้ำทิพย์ของนางจะเกิดประโยชน์มากกว่าจริงๆ ก็ตามนางก็ต้องลดความโดดเด่นลงบ้างคนที่เข้าใจย่อมหันมาสนใจสมุนไพรของนางเหมือนกับหนิงหย่วนโหวเมื่อพูดเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ในเมื่อสมุนไพรเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ปลูก เช่นนั้นท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยังคงปลูกต่อไปในอนาคตใช่หรือไม่?”แน่นอนว่าเวินซื่อพยักหน้า “ข้าชอบปลูกสมุนไพร และเชี่ยวชาญในการปลูกสมุนไพร ที่เมืองหลวงก็มีแปลงสมุนไพรอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้เก็บเกี่ย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 361

    แต่ต่อมาหลังจากหนิงหย่วนโหวได้รับสมุนไพรสองชุดที่เขาสั่งมาในราคาถูก เขาก็รู้ว่าตัวเองได้เปรียบมากเพียงใดแน่นอน เรื่องสำคัญของวันนี้ไม่ใช่การจำหน่ายยาหลังจากตกลงกันด้วยวาจาอย่างเรียบง่าย เวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนก็ช่วยกันตรวจสอบสถานการณ์ภายในอำเภอหนิงอันทั้งหมดมันดีกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มากจริง ๆส่วนสถานการณ์ของสุสานหมู่ที่เห็นอยู่นอกเมืองในตอนแรกนั้นถือว่าเบาอยู่เพราะหนิงหย่วนโหวบอกพวกเขาว่า สุสานหมู่ที่อยู่นอกเมืองก่อนหน้านี้ต้องมีการเผาศพนับร้อยศพทุกวันวันที่มากที่สุดก็คือวันที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในอำเภอหนิงอัน มีผู้คนเสียชีวิตห้าถึงหกร้อยคนในชั่วข้ามคืนทั่วทั้งอำเภอหนิงอันมีอยู่เพียงไม่กี่พันคน แต่ตอนนี้ได้เสียชีวิตไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้วเวินซื่อฟังจนจบอย่างสงบเงียบ ขณะที่เข้าไปในพื้นที่โรคระบาดของอำเภอหนิงอัน นางก็โปรยน้ำทิพย์ลงบนมงกุฎดอกไม้เพิ่มอีกเพียงแต่ในขณะที่เดินเฉียดหัวไหล่ของเป่ยเฉินหยวนไป เป่ยเฉินหยวนก็คว้าข้อมือของนางไว้ทันใด“บนตัวท่าน...ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ?”เวินซื่อชะงักไป นางชักมือของตัวเองกลับ จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างราบเรียบ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 362

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเยวี่ยด้วยความเจ็บปวดใจ “น้องหกไม่งอแงนะ ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้เจ้าได้กลับบ้านแล้ว ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าอีกแล้ว”เวินเยวี่ยยังคงอยู่ในสภาพร้องไห้มึนงง จับแขนของเวินอวี้จือไว้แน่น ในขณะที่ร้องไห้กับเวิ่นจื่อเยวี่ย “จริงหรือพี่สาม? เยวี่ยเอ๋อร์กลับมาที่บ้านแล้วจริงหรือ? ต่อไปเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ต้องเข้าวังอีกแล้วใช่ไหม?”“ใช่แล้ว น้องหกวางใจได้ ฝ่าบาททรงตรัสแล้ว ว่าจะไม่เลือกเจ้าเป็นพระสนมแล้ว”เวินจื่อเยวี่ยรีบปลอบโยนนางแต่ตอนนี้เขาไม่กล้าบอกเล่าคำพูดที่ฝ่าบาทตรัสไว้ในตอนที่ออกคำสั่งให้เวินเยวี่ยฟังคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงดื้อรั้น ไร้กฎระเบียบ ไม่มีความรู้ ไร้ความสามารถ ตั้งแต่เข้าวังมาจนบัดนี้ยังไม่ผ่านคุณสมบัติ โง่เขลาเสียจริง ไม่คู่ควรเป็นพระสนมคำพูดจากปากของฝ่าบาท บัดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกหนทุกอย่าง เวินเยวี่ยเองนับว่ามีชื่อกระฉ่อนขึ้นมาอีกครั้งโดยเฉพาะแปดคำสุดท้าย “โง่เขลาเสียจริง ไม่คู่ควรเป็นพระสนม”อาจกล่าวได้ว่าไม่เพียงแต่ตัดขาดความคิดของเวินเยวี่ยที่จะเข้าไปในวังเท่านั้น แต่ยังตัดโอกาสการสมรสในอนาคตของนางอีกด้วยด้วยแปดคำนี้ ต่อไปจะมีตระกูลขุน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 363

    หลังจากเวินเฉวียนเซิ่งพูดคุยกับเวินเยวี่ยไม่กี่คำก็รีบจากไปโดยเร็ว เพราะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกไม่นาน ภายในห้องก็เหลือเพียงเวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ และเวินเยวี่ยที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือคิดไว้ว่าจะปลอบโยนเวินเยวี่ยอีกสักพัก จนกว่านางหยุดร้องไห้ก็จะกลับไปแต่ในขณะที่สองพี่น้องกำลังจะกลับไปนั้น เวินเยวี่ยก็คว้าชายเสื้อของเวินจื่อเยวี่ยขึ้นมาทันใดเวินเยวี่ยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเผยดวงตาคู่หนึ่งออกมา พลางเอ่ยด้วยท่าทีขลาดกลัว “พี่สาม ข้ามีบางอย่างจะบอกท่าน ท่านอยู่เป็นเพื่อนเยวี่ยเอ๋อร์อีกสักพักได้ไหม?”เวินจื่อเยวี่ยไม่มีทางปฏิเสธนางแน่นอน“เช่นนั้นข้าจะกลับห้องไปพักผ่อนก่อน”เวินอวี้จือเหลือบมองเวินเยวี่ยโดยไม่พูดอะไรมากนัก ก่อนจะหันหลังเดินออกจากประตูไปหลังจากเหลือเพียงเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยสองพี่น้องคู่นี้แล้ว เวินจื่อเยวี่ยจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือน้องหก มีอะไรจะพูดกับพี่สามหรือ?”“พี่สาม ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้เยวี่ยเอ๋อร์ชั่วร้ายเหลือเกิน วางยาพี่สามเหมือนถูกปีศาจร้ายเข้าสิง ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป แต่หลังจากทำแบบนั้นไปแล้วข้า

최신 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status