로그인บทที่ 3.1 ยัยปลาปักเป้า
“พี่คิมขา คุณป้าให้หนูมาตามค่ะ”
ณัฐนิชาวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ในศาลา หลังชวนอีกฝ่ายมาเที่ยวที่บ้าน อันที่จริงก็คือแฟนในวัยเรียนของเขานั่นแหละแต่เพราะมารดายังไม่อนุญาตเลยต้องแกล้งบอกว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มไปก่อน
“ตามไปทำไม”
“หนูก็ไม่รู้ค่ะ”
เด็กหญิงส่ายหน้า ในปากยังเคี้ยวขนมจนแก้มตุ่ยแต่ก็พยายามพูดตอบเขา ท่าทางแบบนี้ของเธอทำเขามันเขี้ยวอยู่ลึก ๆ แต่ต้องปิดบังเอาไว้ไม่แสดงออก เพราะไม่ต้องการให้สองแม่ลูกได้ใจจนแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในพื้นที่ของเขา
มือใหญ่บีบเข้าที่แก้มของคนตัวเล็ก
“อย่ามาเคี้ยวอะไรต่อหน้าฉันอีก ยัยปลาปักเป้า”
“เดี๋ยวสิคิม ทำไมทำกับน้องเขาแบบนี้ล่ะ”
แฟนสาวตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มช่างใจร้ายกับณัฐนิชาเหลือเกิน แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจาค่อนแคะหรือร้ายกาจใส่เด็กหญิงแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจเลยด้วยจดจำเพียงว่าคิมหันต์คือผู้ช่วยชีวิต
หลังจากที่นันทพรรู้ว่าลูกสาวตกน้ำจนเกือบตาย แต่ได้เด็กหนุ่มมาช่วยเอาไว้ ก็พร่ำบอกเด็กหญิงทุกวันว่าติดหนี้ชีวิตเขามากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นเหมือนบ่วงรัดคอณัฐนิชาให้เทิดทูนบูชาคิมหันต์อยู่ในใจ เขาเป็นเหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรเธอก็ไม่เคยโกรธเขา
“พี่คิมรอหนูด้วยค่ะ”
เด็กหญิงวิ่งตามเขา แต่คนถูกเรียกกลับก้าวขายาวมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความรำคาญ ตั้งแต่ช่วยชีวิตเอาไว้ครั้งนั้นก็ถูกตามติดเหมือนตังเม สองเดือนที่สองแม่ลูกนี้เข้ามาอยู่ด้วย ชีวิตของเขาก็ไม่พบเจอความสงบสุขอีกเลย เพราะอะไรน่ะเหรอ?
‘คิม พาน้องไปเที่ยวด้วยสิลูก’
‘คิม พานิชาไปซื้อขนมหน่อย’
‘คิม จะไปไหน วันนี้แม่กับป้าพรไม่อยู่ คิมต้องอยู่เป็นเพื่อนน้องนะ’
‘คิม...’
‘คิม...’
‘คิม…’
และอีกมากมายสารพัดคำสั่งจากมารดาให้เขาต้องคอยดูแลณัฐนิชาราวกับเธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ ทั้งที่ก็แค่กาฝากมาขออาศัยอยู่ด้วย หากเมื่อไหร่ที่จิตตาเห็นว่าลูกชายไม่ได้ดูแลเด็กหญิงให้ดีตามที่หล่อนสั่ง ก็จะลงโทษด้วยการหักค่าขนม การกระทำนั้นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มไม่ชอบเธอมากขึ้นไปอีก
“พี่คิม...”
พลั่ก!
เสียงเหมือนมีใครสะดุดล้มทำให้เด็กหนุ่มหยุดเดิน ไม่ต้องหันกลับไปมองเขาก็รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้น และหากมารดารู้ว่าณัฐนิชาหกล้มเพราะวิ่งตามเขาที่เดินนำไปก่อนโดยไม่รอ คนถูกด่าก็คงหนีไม่พ้นคิมหันต์อยู่ดี
ทำไมจู่ ๆ ชะตาชีวิตของเขาจะต้องมาถูกผูกไว้กับเด็ก ป.1 คนนี้ด้วย!
“ฮึก...”
เด็กหญิงเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องไม่ให้เล็ดลอดออกมา เธอไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับคิมหันต์ อยากจะทำตัวดี ๆ น่ารักให้เด็กหนุ่มใจดีด้วย
“ขึ้นมา”
“คะ...?”
ตากลมแป๋วแหววเงยหน้ามองเขาที่ย่อตัวลงพร้อมหันหลังให้ แม้จะไม่เคยพูดดีด้วย แถมยังปากร้ายใส่เด็กหญิงตลอดเวลา แต่เมื่อถึงคราวที่เธอเดือดร้อนหรือตกอยู่ในอันตราย ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่คิมหันต์จะไม่เข้าช่วยเหลือ
“ขึ้นมาสิ”
“ค่ะ”
ณัฐนิชาพยักหน้า ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปบนหลังของเขาด้วยเจ็บที่ขาจากการหกล้ม ผลสุดท้ายเลยได้ขี่หลังของเด็กหนุ่มกลับไปที่บ้านใหญ่ วงแขนเล็กโอบรอบคอเขาไว้แน่น เอนซบลงบนแผ่นหลังที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจดวงน้อย ๆ ของเด็กหญิง สิ่งเดียวที่เธอรับรู้ได้จากพี่ชายคนนี้คือความใจดีของเขา ขอเพียงได้อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว
บทที่ 17 ข้อแลกเปลี่ยนเหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาอ่อนแรงจนไม่สามารถตื่นเช้าได้อย่างปกติ ณัฐนิชาลืมตาขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่หล่อนมองหาคือคิมหันต์ ทว่ากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของอีกฝ่าย มีแค่เธอที่นอนหลับคนเดียวบนเตียงนี้หลงนึกว่าจะได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขาเสียอีก...คนตัวเล็กลุกจากที่นอนเพื่อกลับห้องของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคิมหันต์คงเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของอีกฝ่ายบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้น ความเศร้าเสียใจกับเรื่องของมารดาทำให้ชายหนุ่มขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะหากเป็นตัวเขาในแบบปกติ หล่อนเชื่อว่าเขาคงรังเกียจที่จะสัมผัสตัวของเธอณัฐนิชายืนมองเงาะสะท้อนของเธอในกระจก ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่คิมหันต์ทิ้งเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงไหน หล่อนล้วนจำทุกสัมผัสได้ดี มันถูกตอกลงในหัวใจและความรู้สึกจนยากจะลืมสำหรับเขาอาจเป็นความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวด้วยความเมา ทว่าสำหรับหญิงสาวแล้ว...มันคือการเต็มใจให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
บทที่ 16 ปลอบ NCคิมหันต์ผละอ้อมกอดของคนตัวเล็กออก อาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความอ่อนแอในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ ดวงตาคมที่มักมองหล่อนอย่างดุดันเสมออ่อนลงกว่าเดิมเยอะ คนถูกมองใจเต้นระส่ำแม้จะรู้ว่าเวลานี้ไม่ควร ทว่าท่าทีที่แปลกไปของเขากลับสร้างความหวามหวั่นในใจไม่น้อย“พี่คิม...ทะ...ทำไมจ้องหนูแบบนั้นล่ะคะ”“เธอ...โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามเสียงเบา เอาแต่จ้องหญิงสาวไม่ละสายตาไปไหน เขาเอาแต่คิดถึงภาพของณัฐนิชาในชุดแต่งงาน ถึงจะพยายามปฏิเสธมาตลอดแต่ดูเหมือนตอนนี้คงได้เวลาต้องยอมรับความจริงเสียทีว่าหล่อนเติบโตมากพอแล้ว...หมับ...“พี่คะ...อื้อ...”มือแกร่งประคองใบหน้าเล็กเข้ามาจูบ คนถูกจู่โจมหลับตาปี๋แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามใจ ปากหยักค่อย ๆ แทะโลมทีละนิด ลิ้นชื้นชอนไชเปิดโพรงปากนุ่ม ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาในตอนนี้ได้เลย เขารู้แต่เพียงว่าต้องการจะสัมผัสจนอดใจไม่ไหว“อื้อ…”
บทที่ 15 อ้อมกอดร่างของคุณนายจิตตาถูกนำใส่โลงสวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้มาวางไว้ที่สวนของบ้าน เพื่อให้ญาติพี่น้องและผู้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานได้จุดธูปเคารพศพ ณัฐนิชาและคิมหันต์อยู่ในชุดสีดำคอยยืนไหว้แขกที่มา ใบหน้าหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าโดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังมีน้ำตาไหลนองหน้าตลอดเวลาร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอจากไปแล้ว...ตอนรู้ข่าวจากทางโรงพยาบาลก็เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไป ไม่นานมานี้หล่อนยังยิ้มแย้มหัวเราะกับคุณนายจิตตาอยู่เลย ยังได้กินของอร่อยด้วยกัน ไปข้างนอกด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การสูญเสียครั้งนี้หนักหนาพอๆ กับครั้งที่ณัฐนิชาสูญเสียมารดาไป“เสียใจด้วยนะคิมหันต์”ญาติพี่น้องพากันมองเขาด้วยสายตาเวทนา นอกจากจะเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องมาเสียแม่ต่อทั้งที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ชายหนุ่มไม่พูดคุยกับใครอีกเลยตั้งแต่มารดาจากไปเมื่อวานซืนเขายังปากดีต่อล้อต่อเ
บทที่ 14 แม่รักคิมนะลูก“หนูขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวก็แยกตัวกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทันที คิมหันต์เองก็เช่นกัน เขากลับขึ้นไปบนห้องของตนเอง ถอดสูทตัวนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในหัวคิดถึงคำพูดของณัฐนิชาตอนอยู่บนรถ‘คนเราแค่เป็นหวัดยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวเลยไม่ใช่หรือคะ นับประสาอะไรกับโรคมะเร็ง...’เป็นคำตอบที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนแต่กลับทำให้เขาเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมามารดาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ภาพตอนเด็ก ๆ เวลาชายหนุ่มไม่สบาย เป็นไข้ที่ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง ทุกครั้งที่ลูกชายไม่สบาย คุณนายจิตตาจะแทบไม่ได้นอนนอกจากต้องคอยวัดไข้ป้อนยาแล้ว ยังต้องเช็ดตัวตลอดเพื่อให้ไข้ลด มันคือสิ่งที่มารดาของเขาทำเป็นประจำตั้งแต่คิมหันต์ยังเด็ก ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรได้ดูแลเวลาแม่ป่วยไข้บ้างกลับไม่ได้ทำสิ่งนั้น ความคิดที่ว่าท่านคือบ้าน คือคนที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอเป็นความคิดที่ผิดแบบสุด ๆคิมห
บทที่ 13 แม่ของผมณัฐนิชาคอยดูแลปรนนิบัติคุณนายจิตตาเป็นอย่างดีหลังมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา คนป่วยปลอดภัยแล้วจึงถูกย้ายมาห้องพักพิเศษ ก่อนหน้านี้ทนายไตรรัตน์โทรมาบอกหล่อนว่าคิมหันต์กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาตามไฟลท์ที่เขาจองให้ อีกสักพักก็คงจะถึงโรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานอยู่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึง...เละเทะเหมือนคนไม่ได้แตะหวีมาสามชาติ“คุณแม่อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ”เจ้าของใบหน้าซีดไร้เลือดฝาดตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะยังเจ็บปวดใจกับเรื่องของคิมหันต์ไม่หาย วิกผมที่ใส่มาตลอดถูกนำออกไปแล้ว ตอนนี้บนศีรษะของคุณนายจิตตาจึงไม่มีผมอยู่เลยสักเส้น“พี่คิมกำลังจะกลับมาหาคุณแม่ ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากและรอพี่คิมมาหานะคะ”“แม่ต้องขอบคุณหนูนิชามาก ๆ เลยน
บทที่ 12 ดื้อดึง“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”คุณนายจิตตาได้แต่มองดูณัฐนิชาด้วยความสงสาร คิดไม่ถึงเลยว่าคิมหันต์จะกล้าถึงขนาดเทงานแต่ง“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากให้พี่คิมเกลียดหนูไปมากกว่านี้แล้ว”“เกลียดอะไรกัน แม่เป็นแม่ของตาคิม ไม่ว่าอย่างไรตาคิมก็จะต้องตกหลุมรักหนูอย่างแน่นอน เชื่อแม่สิ”คนฟังได้แต่ทำหน้าเศร้า ทั้งลังเลและไม่คาดหวังด้วย ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหล่อนไม่มีวันมัดใจผู้ชายไม้เลื้อยอย่างเขาได้อยู่แล้ว“คุณนายครับ ผมตรวจสอบดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”“อะไรนะ!”คุณนายจิตตาลมแทบจับ ก่อนนี้คิดว่าอย่างมากคงหนีไปนอนกกผู้หญิงอยู่ไหนสักแห่งในประเทศ ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นหนีออกนอกประเทศอย่างนี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นลูกของเธอ วางแผนการไว้รอบคอบเพราะรู้ดีว่าถ้าหนีไปไม่ไกลพอคงถูกลากตัวกลับได้ง่าย ๆ“ต่อสายหาคิมหันต์เดี๋ยวนี้ บอกไปเลยว่า







