เสียงลมหายใจดังผะแผ่วท่ามกลางความเงียบสงัด นัยน์ตากลมโตปิดสนิทราวคนมืดบอด อีกไม่นานคงต้องบอกลาโลกใบนี้เสียแล้ว สตรีร่างบอบบางนอนทอดกายไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในโลงไม้แสนคับแคบ เหตุใดบรรยากาศแลดูวิเวกวังเวงนัก
นางกำลังถูกฝังทั้งเป็น!
หญิงสาวผู้หนึ่งถูกใส่ความว่านางคบชู้สู่ชาย ขณะที่บุรุษสามารถมีภรรยามากมายทว่าสตรีกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายบุรุษที่นางต้องแต่งเข้ามายังแก่คราวพ่อ มักมากในกาม
บิดาของนางไม่เคยไยดีต่อบุตรีเช่นนาง ทุกคนล้วนทราบดีว่านางเป็นคุณหนูรองที่บิดาไม่ได้ตั้งใจให้กำเนิด นางคือความผิดพลาดของตระกูล คือความอัปยศที่ไม่อาจกล่าวถึง ครั้นถึงคราต้องขายบุตรสาวเพื่อใช้หนี้ บิดาของนางจึงไม่ลังเลที่จะเลือกส่งนางออกไปเป็นอนุผู้อื่น อยู่จวนของตน ถูกพี่สาวต่างมารดารังแก ตบแต่งออกมาถูกอนุคนอื่น ๆ รุมกลั่นแกล้ง สวรรค์ช่างเลือดเย็นกับนางยิ่งนัก
ชาตินี้ข้าไม่อาจมีชีวิตดังใจหวัง ชาติหน้าขออย่าให้ข้าต้องเกิดมาอ่อนแอเช่นนี้อีกเลย
.
.
ซ่าาาาา.....
"ลากมันออกไป!"
สตรีร่างบอบบางนอนขดกายอยู่บนพื้นเย็นเยียบ มีเพียงฟางแห้งที่ใช้ปูรองเอาไว้อย่างลวก ๆ นางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาเนิบช้า เรือนกายสั่นระริกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างสาดลงมาปะทะตน
หนาวจัง เสียงผู้ใด... นี่ข้าตายไปแล้วใช่หรือไม่
เปลือกตาคู่งามขยับไหวเชื่องช้า นางพยายามปรับดวงตาเพื่อขับไล่ละอองน้ำซึ่งถูกซัดสาดเข้ามาเสียจนเปียกชื้นออกให้พ้นทาง ศีรษะตอนนี้ชาหนึบประดุจมีความทรงจำหนึ่งซ้อนทับเข้ามา
"ฟื้นแล้วหรือนางตัวดี นอนขี้เกียจเป็นหมู ลุกขึ้น" เสียงสตรีแผดร้องจนแสบแก้วหู
หญิงสาวนิ่วหน้า กายของนางถูกลากถูลู่ถูกังให้ลุกขึ้นด้วยความถ่อยเถื่อน ดวงตากลมโตพยายามกวาดมองท่อนแขนขาวซีดซึ่งมีร่องรอยเฆี่ยนตีอยู่เป็นหย่อม ๆ เมื่อมองเห็นได้อย่างกระจะตา ดวงตาที่กลมโตอยู่เป็นทุนเดิมก็ยิ่งเบิกกว้างขึ้นอีกหลายส่วน
นี่แขนของผู้ใดกัน ข้าหรือ ข้าจริง ๆ น่ะหรือ!?
"มัวนั่งบื้ออะไรเล่า เร็ว!...วันนี้ใต้เท้าลู่จะมาแล้ว รีบเอานางไปล้างเนื้อล้างตัว แต่งกายให้สะสวยด้วยเล่า"
ใต้เท้าลู่งั้นหรือ?
เจ้าของใบหน้างามทว่ามอมแมมนิ่วหน้า ตระหนักนึกด้วยความรู้สึกงงงวย ไม่ใช่ว่านางตายไปแล้วหรือ เหตุใดนางจึงมาปรากฏกายยังสถานที่แห่งนี้ แล้วชื่อที่ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกคือผู้ใด สือลี่ผิง ร่างของสตรีผู้นี้คือนางเองในชาติก่อนงั้นหรือ ไฉนความทรงจำช่างเลือนรางนัก ประดุจว่าคือตัวนางเอง ทว่าสมองกลับสั่งการว่ามิใช่
สือลี่ผิงช้อนสายตาขึ้นเนิบช้า
ฮูหยินใหญ่! เหตุใดข้าจึงทราบว่านางคือฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลสือ นี่ข้าอวตารหรือว่าเกิดมาเป็นใคร สือลี่ผิงคือข้า แล้วสือลี่ผิงผู้นี้จะยังเป็นข้าด้วยหรือไม่
สือลี่ผิงงุนงงไปเสียหมด ดูเหมือนโชคชะตากำลังเหวี่ยงนางกลับมาที่ใดก็สุดจะรู้ ทว่าความทรงจำเจ้าของร่างและความทรงจำของนางกลับเข้ากันได้อย่างน่าฉงน
สตรีร่างโปร่งยืนเท้าสะเอวดวงตาเขียวปั้ดราวยักษา นางแผดเสียงร้องแปดหลอดสั่งบรรดาบ่าวไพร่ให้ลากตัวของสือลี่ผิงขึ้นมาจากพื้น
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร แม้แต่ปรโลกก็ไม่ต้องการเราหรือ
"ลุกขึ้นนังตัวดี วันนี้เจ้าอย่าได้ทำข้าขายหน้า ต้อนรับใต้เท้าลู่ดี ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะฝังแม่เจ้าทั้งเป็น"
"ท่านแม่... ท่านแม่ของข้ายังอยู่หรือ?" สือลี่ผิงเอ่ยหน้าฉงน
เวลานี้ราวกับว่าตนกำลังตกอยู่ภายใต้ม่านหมอก รู้สึกสับสนมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
สือเสี่ยวเย่ขึงดวงตามองนางอย่างนึกคาดโทษ "ไม่เช่นนั้นจะให้นางตายไปแล้วหรือไร หรือเจ้าเองก็อยากให้แม่เจ้าตาย"
จิตใจของสือลี่ผิงระส่ำระสาย สมองว่างเปล่าขาวโพลนอยู่ชั่วพริบตา มารดาของนางยังไม่ตาย อีกทั้งนางยังไม่ถูกส่งตัวไปเป็นอนุของใคร ใต้เท้าลู่เมื่อสักครู่ที่นางได้ยินคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายสำหรับสือลี่ผิงผู้นี้ นางคาดหวังว่าท่านแม่ที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงจะเป็นท่านแม่ของนางจริง ๆ ไม่ว่าจะภพชาติใดก็ตาม
สวรรค์ให้โอกาสนางเกิดใหม่ ทว่าเหตุใดไม่ส่งไปเกิดเป็นทารกแล้วลบความทรงจำทั้งหมดสิ้นไปซะ เหตุใดต้องให้นางเข้ามายังขุมอเวจีเช่นกาลก่อน สวรรค์กลั่นแกล้งนางเพียงชาติหนึ่งยังไม่หนำใจ ต้องการให้นางตกอับเป็นสุนัขจนตรอกให้ได้เลยรึ ชาตินี้อย่าหมายว่าสือลี่ผิงจะยินยอมกระทำตามลิขิตของสวรรค์เลย
ร่างบอบบางถูกลากให้ยืนขึ้น เรือนกายโปร่งโงนเงนประจันกับสตรีอีกนาง คนเบื้องหน้าคือฮูหยินใหญ่สือเสี่ยวเย่ อีกฝ่ายหน้าตาสะสวยตามวัย ทว่าโหดร้ายราวปีศาจ การแต่งกายมีชาติตระกูล กระนั้นผู้ใดจะรู้กันเล่า ว่าแท้จริงสกุลสือกำลังสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องขายลูกสาวกิน
สือลี่ผิงยิ้มเยาะ ภาพความอดสูสาดสะท้อนเข้าม่านตา มันส่งผลให้นางรู้สึกเดียดฉันท์สตรีตรงหน้ายิ่งนัก "ใต้เท้าลู่! ตาแก่คนนั้น มิใช่ว่าเขาต้องการพี่หญิงหรอกรึ เหตุใดท่านจึงเลือกส่งข้าไปแทนนาง!"
สือเสี่ยวเย่กัดฟันกรอด ในดวงตาของนางคล้ายมีเปลวเพลิงลุกโชน นางฟาดฝ่ามือลงบนพวงแก้มเปื้อนเขรอะสุดแรง
เพียะ!
สือลี่ผิงหน้าหัน นางไม่ได้ผินหน้ากลับเดี๋ยวนั้น สือเสี่ยวเย่จึงสั่งสาวรับใช้นางหนึ่งให้บังคับบีบคางของนางเบนกลับมาประจันหน้าของตนอีกหน ทว่าแววตารูปหงส์กลับไม่อนาทรร้อนใจ สือลี่ผิงแค่นยิ้ม พลางถ่มน้ำลายปนโลหิตลงบนพื้นโดยไม่แยแส กิริยาทระนงตนเช่นนั้น ยิ่งเพิ่มประกายความกรุ่นโกรธให้แก่ฮูหยินใหญ่เป็นทบทวีคูณ
"เจ้ารู้ได้อย่างไร!? อย่าได้กล่าววาจาส่งเดชต่อหน้าท่านพ่อของเจ้าและใต้เท้าลู่เข้าใจหรือไม่ เจ้าต้องเป็นคุณหนูใหญ่นับจากนี้ หากเจ้ากล้าเล่นลูกไม้ ข้าจะฆ่าแม่เจ้าเสีย"
คิดข่มขู่นางโดยการยกมารดามาอ้างอีกแล้วหรือ ชาติก่อนนางอาจเคยเป็นผู้อ่อนแอ ทว่าชาตินี้อย่าหมายว่านางจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้รังแกอยู่ฝ่ายเดียว สือลี่ผิงไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ มุมปากเหยียดยิ้มน้อย ๆ ขณะถูกลากตัวอย่างไม่ไยดี
"ปล่อยข้า ข้าเดินเองได้" สือลี่ผิงสะบัดกายออกจากการควบคุม
บ่าวทั้งหลายต่างถอยกรูดพลางหลุบดวงตาลง
เสียงแหลมเอ่ยไล่หลัง "รีบไปขัดศรีฉวีวรรณให้ดี อย่าให้เสียเรื่อง แล้วเร่งออกมาพบข้าที่ห้องโถงใหญ่"
สือลี่ผิงไม่กล่าวคำใดอีก นางเดินโผเผย้อนไปยังอีกด้าน ไม่รู้เช่นกันเหตุใดสมองจึงสั่งการเช่นนี้ เพียงแต่นั่นคงเป็นสถานที่ที่นางไปแล้วสบายใจที่สุด
"คุณหนูรอง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่ให้ท่านไปเตรียมตัวนะเจ้าคะ" สาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยกะพร่องกะแพร่ง นางรู้สึกหวาดกลัวแววตาดุดันของสือลี่ผิงขึ้นมาแล้ว
เดิมทีสือลี่ผิงเป็นคนอ่อนแอ แววตาไม่เคยแข็งกระด้างเฉกเช่นวันนี้มาก่อน กระทั่งปริปากโต้เถียงสิ่งใดก็ยังไม่กล้า ทว่าจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำเอาบ่าวไพร่มึนงงกันไปเสียหมด
"ข้าอยากไปพบท่านแม่ พวกเจ้าก็จะห้ามข้าหรือ ตกลงแล้วข้าหรือพวกเจ้าที่เป็นคุณหนู"
บ่าวรับใช้ก้มหน้างุด "ข้ามิกล้าเจ้าค่ะ"
"ดี! ข้าไปพบฮูหยินใหญ่และท่านพ่อแน่ พวกเจ้าไม่ต้องร้อนใจ" กล่าวเพียงเท่านั้น สือลี่ผิงพลันจ้ำเท้าจากไปด้วยความเร็วรี่
บรรดาบ่าวรับใช้ต่างมองหน้ากันหลุกหลิก "เจ้าตามคุณหนูรองไป ส่วนพวกข้าจะไปเตรียมตัว หากนางไม่มาเจ้าก็ไปรายงานฮูหยินใหญ่"
สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยปาก ส่วนอีกนางพยักหน้าและเดินตามสือลี่ผิงไปอย่างเงียบเชียบ
ภายในใจของสือลี่ผิงร้อนรนประดุจไฟแผดเผา อย่างน้อย ๆ นางก็ยังได้รับรู้วันที่มารดายังมีชีวิตอยู่อีกครา นางจะเป็นสือลี่ผิงชาติต่อไปก็ดีหรือสือลี่ผิงชาติที่ผ่านมาก็ช่าง ขอเพียงคนผู้นั้น ผู้ที่นางเรียกว่าท่านแม่ยังมีลมหายใจ ต่อให้ชาตินี้ต้องประสบความวิบัติใดนางก็จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตให้ถึงที่สุด เดิมทีสือลี่ผิงผู้นี้อ่อนแอหรือ ซ้ำยังมีชีวิตไม่ต่างจากนางเมื่อกาลก่อน เช่นนั้นชาตินี้สือลี่ผิงคนใหม่จะฝืนโชคชะตาให้ดู
ลู่อี้ฝานเดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจนางอีก สือลี่ผิงมองตามอีกฝ่ายตาปริบ ๆ เขากำลังคิดทำสิ่งใดกันแน่ แล้วนางควรทำเช่นไรต่อหรือจ้าวหวินและมารดาของสือลี่ผิงคงกำลังคอยทางตนอยู่เป็นแน่คิดสิลี่ผิงควรทำเช่นไรดี สือลี่ผิงพยายามประมวลความคิด ดูเหมือนอีกฝ่ายชะล่าใจอยู่ไม่น้อย แม้ห้องอาจทึมทึบทว่ากลับยังมีแสงรำไรลอดผ่าน เสียงบานประตูปิดงับดังปัง ร่างบอบบางจึงรีบถลันกายแนบหูชิดบานประตูเดี๋ยวนั้น บรรยากาศด้านในช่างดูอับชื้นไม่น่าอภิรมย์สือลี่ผิงพยายามแนบใบหูให้ชิดกับบานประตูมากที่สุด นางได้ยินเสียงสนทนาของบุรุษดังแว่วเป็นระยะ"นายน้อย เอาเช่นไรดีขอรับ ตอนนี้นายท่านได้เปลี่ยนตัวอนุเป็นสือลี่ผิงแล้วขอรับ"ลู่อี้ฝานเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง เขารู้สึกแคลงใจกับสถานะของคุณหนูตระกูลนี้อย่างน่าประหลาด แท้จริงแล้วสืออี้หนานคือนางที่อยู่กับเขา หรือเป็นสือลี่ผิงตัวจริงตามที่นางกล่าวอ้างกันแน่"เมื่อสักครู่นางปฏิเสธว่าตนเองคือสืออี้หนาน เช่นนั้นตอนนี้สือลี่ผิงตัวจริงยังคงอยู่ที่จวนสกุลสือใช่หรือไม่""เอ่อ...เกร
ตุบ!"โอ๊ย!"ร่างบอบบางถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ปรานี ตลอดเส้นทางสือลี่ผิงพยายามด่าทอทุบตีบุรุษปริศนาเสียจนสิ้นไร้เรี่ยวแรง มีอย่างที่ไหน ยกร่างสือลี่ผิงขึ้นบ่าแข็งราวแผ่นเหล็กไม่หนำใจ เขายังวางตัวของนางพาดเอาไว้บนหลังม้า ขณะที่อาชาห้อตะบึงไปเบื้องหน้าความจุกเสียดก็พลอยแล่นปร๊าดเข้ามาบริเวณช่องท้องเสียจนแทบอาเจียนพรึบ!ผ้าคลุมศีรษะถูกปลดออก สือลี่ผิงพยายามปรับรูม่านตาของตนเพื่อให้สามารถมองภาพเบื้องหน้าได้ชัดถนัดตา ทว่านางพิศมองเพียงใดบุรุษตรงหน้าก็ยังประดุจเงาสูงใหญ่เงาหนึ่งเท่านั้น"ท่านเป็นใคร เหตุใดต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้"เจ้าของร่างสูงนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดี ทว่าสือลี่ผิงกลับมองหน้าของเขาไม่ชัดนัก เนื่องจากด้านในเป็นห้องขนาดไม่กว้างมาก ซ้ำยังมืดมนทึมทึบ มีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนที่ส่องสะท้อนอยู่เบื้องหลัง อีกฝ่ายมองเห็นนางได้กระจะตาเขาทอดสายตามองสตรีบนพื้นพลางเหยียดยิ้มหยามหยัน"เจ้าหรือ สืออี้หนาน" เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบเสียงคุ้น ๆ ปวดหัวนักความทรงจ
"คุณหนูและฮูหยินรองหายไปขอรับ" เสียงบ่าวในจวนเอ่ยหน้าตื่นสือจินรุ่ยโมโหจนถึงขีดสุด เขายกมือขึ้นคลึงหว่างคิ้วพลางหลับดวงตาพยายามระงับโทสะ สือเสี่ยวเย่เดินอาด ๆ เข้ามาด้านในก็ให้ต้องงุนงงกับความอลหม่านในจวน"ท่านพี่เกิดเรื่องใดหรือเจ้าคะ""มู่หรานและลี่ผิงหนีไปแล้ว""หนีไป!" เสียงแหลมแผดดังลั่นด้วยอาการตื่นตระหนกสือจินรุ่ยขมวดคิ้ว "เสียงดังหนวกหูนัก""แล้วจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ" น้ำเสียงของนางร้อนรน แผนสำรองที่วางเอาไว้ต้องพังครืนไม่เป็นท่าอีกแล้วหรือ เหตุใดสือลี่ผิงจึงปีกกล้าขาแข็งได้เพียงนี้สือจินรุ่ยตวัดสายตามอง กล่าวลอดไรฟัน "เพราะเจ้าไม่ใช่หรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้ากดขี่พวกนางเกินกว่าเหตุ""ท่านพี่ จะกล่าวหาเพียงข้าได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านเองก็ไม่ต่างจากข้า""หุบปาก!" สือจินรุ่ยตวาดลั่นสือเสี่ยวเย่หน้าซีดเผือดสะดุ้งตัวโยน นางผินหน้าประกาศเสียงดังก้อง "แยกย้ายกันออกตามหาพวกนาง หากวันนี้ไม่พบก็อย่าได้เสนอหน้ากลับมา""ขอรับ/เจ้าค่ะ"บ่าวในจวนต่างแยกย้ายออกตามหาสือลี่ผิงให้จ้าละหวั่น กว่าที่นางจะหล
สุดท้ายแล้วการรับอนุคนใหม่ของลู่เยี่ยนฮ่าวจึงเป็นคุณหนูรองของตระกูลสือ นามว่าสือลี่ผิง ทว่าสือลี่ผิงที่หมายถึงก็คือคุณหนูใหญ่ที่สลับตัวตนกับคุณหนูรอง ใต้เท้าลู่ต้องการนำตัวของนางกลับเดี๋ยวนั้นโดยไร้พิธีรีตองสืออี้หนานต้องการเปิดโปงสถานะของตนและสือลี่ผิง ทว่ากลับถูกบิดาปรามไว้ นางจึงยอมก้มหน้ารับชะตาด้วยความขมขื่น ท้ายที่สุดสืออี้หนานจึงลอบบอกความจริงให้ลู่เยี่ยนฮ่าวทราบ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยกลับเพิ่มความเดือดดาลให้อีกฝ่ายเป็นทบทวีคูณ ประดุจสาดน้ำร้อนลวกตนเอง"ท่านแม่...ฮรึก ฮือออ...ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดจำต้องเป็นข้า ไยท่านเคยบอกว่าจะส่งมันไป!" สืออี้หนานร้องไห้โยเย เอ่ยวาจาร้อนรนราวคนเสียสติสือเสี่ยวเย่กอดปลอบประโลมบุตรสาวของตนแนบอก นางเองก็จนใจช่วยเหลือ พลางกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น "อี้หนาน ไม่ต้องร้อง ถึงอย่างไรใต้เท้าลู่ก็ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งแห่งหนานโจว ต่อให้เขามีอนุมากมายแล้วอย่างไร เจ้าก็เพียงปิดหูปิดตาอยู่ให้สุขสบายไปวัน ๆ ไม่ดีกว่าหรือ"สือเสี่ยวเย่ไม่อยากให้เรื่องเป็นเช่นนี้ ผู้ใดจะคาดคิดว่าสือลี่ผิงกล้าเล่นลูกไม
สือลี่ผิงแสร้งตกใจ นางรีบยอบกายลงบนพื้น "ใต้เท้า ท่านโมโหสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือข้างามไม่ถูกใจท่าน" เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอีกหน ทุกคนต่างพร้อมใจกันสะดุ้งโหยง สือจินรุ่ยเร่งยืนขึ้น ตวัดสายตามองฮูหยินตน นางรีบหลุบดวงตาไม่กล้าสู้หน้าผู้เป็นสามี พลางค้อนควักให้กับสือลี่ผิง แต่ไหนเลยสือลี่ผิงจะคิดใส่ใจ อยากเดินหมากสลับตัวหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก "ตะ...ใต้เท้าลู่ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน แท้จริงหน้าตาของอี้หนานไม่ใช่เช่นนี้ นางคงป่วย" สือจินรุ่ยเร่งแก้ตัว "ป่วยหรือ อัปลักษณ์เพียงนี้ แล้วภาพนี้เล่ามิใช่นางรึ!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกภาพวาดสาวงามขึ้น ทันทีที่สือเสี่ยวเย่เห็นภาพเบื้องหน้า ดวงตาพลันเบิกกว้าง นางยกมือทาบอกแทบเกิดลมจับหงายตึง นั่นคือภาพวาดของสืออี้หนานจริง ไยจึงไปอยู่กับใต้เท้าลู่ได้กัน หรือเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สือลี่ผิงขว้างมันลงไป"ลี่ผิง!...เอ่อ...อี้หนาน ใบหน้าของเจ้าไยจึงบวมเจ่อปานนั้น" สือจินรุ่ยเอ่ยเสียงแข็ง สือลี่ผิงแหงนหน้าขึ้น สภาพใบหน้าของนางแทบดูไม่จืด ปากบวมแก้มปูดไปทุกสัดส่วน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่น่าอภิรมย์ สือลี่ผิงขยับปากบวมเจ่ออู้อี้ "ท่านพ่อ หน้าตาของข้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วนะเ
ชายวัยกลางคนนั่งจิบน้ำชาสีหน้าคล้ายยิ้มแต่มิยิ้มอยู่ ณ จวนสกุลสือ ที่เขาเดินทางมาในวันนี้เพียงเพื่อต้องการพบหน้าคุณหนูใหญ่ของสือจินรุ่ย ซึ่งตนหมายทำการรับนางเข้าไปเป็นอนุคนที่สี่ของจวน ใครก็ว่าบุตรสาวคนโตของสกุลสือหน้าตางดงามสะสวย ทว่ากลับมิเคยมีผู้ใดเอ่ยถึงคุณหนูรองเลยสักครา วันนี้เขาอยากเห็นกับตานักว่าจะงดงามสมคำร่ำลือหรือไม่"บุตรสาวของท่านเล่า ใต้เท้าสือ" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกถ้วยชาขึ้นพลางเป่าลมเย็นลงไปก่อนจิบราวไม่อนาทรร้อนใจเขารู้สึกอารมณ์สุนทรีย์นักที่ตนจะได้รับอนุรุ่นลูกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจวน นานมากแล้วที่ไม่ได้ลิ้มลองสตรีหน้าใหม่ ๆ แม้มีอนุมากมายทว่าเขารู้สึกเบื่อหน่ายบรรดาสตรีเหล่านั้นเสียแล้ว"ใต้เท้า ใจเย็น ๆ สิขอรับ ตอนนี้นางกำลังเตรียมตัวต้อนรับท่าน คงตื่นเต้นเลยช้าเพียงนี้" สือจินรุ่ยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาปรายตามองฮูหยินของตน พลางเอ่ยเสียงเบาลอดไรฟัน "เมื่อใดนางจะโผล่หัวมา"สือเสี่ยวเย่ค้อนควัก "มันน่านัก เดี๋ยวข้าส่งคนไปตามเองเจ้าค่ะ""รีบไป!"สือเสี่ยวเย่กวักมือเรียกสาวรับใช้นางหนึ่ง พลางกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเร่งจากไปด้วยความร้อนรน"เอ
สือลี่ผิงกวาดสายตามองสตรีร่างผอมโซซึ่งนอนอยู่บนเตียงกลางเก่ากลางใหม่ จิตใจของนางไหวระทึก เหมือนเหลือเกิน นี่คือท่านแม่ของนาง หน้าตาละม้ายกันถึงเพียงนี้ สือลี่ผิงจึงรับรู้ได้ในบัดดล ว่านางได้เข้ามายังร่างเดิมของตน ร่างที่ไม่รู้ว่าถือกำเนิดแต่ชาติปางไหน และนางต้องวนมาชดใช้กรรมใด ทว่าการได้มารดากลับมาอีกครั้งนับเป็นพรจากสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เหนือคณนาแล้ว"ท่านแม่!" สือลี่ผิงถลันกายเข้าหาผู้เป็นมารดาด้วยใจคะนึงหานานมากแล้วที่แม่ของนางตายจากไปไม่อาจย้อนกลับ แม้แต่คำบอกลาก็ยังไม่ทันได้เอ่ย แค่ก แค่ก "ลี่ผิง ไยมอมแมมเช่นนี้เล่า แล้วเร่งร้อนเรื่องใด" ฝ่ามือสั่นระริกเอื้อมสัมผัสใบหน้าของบุตรสาวด้วยความทะนุถนอม พลางไอโขลกไม่หยุดหย่อน สื่อลี่ผิงส่ายหน้าเป็นพัลวัน นางจับมือของมารดาแนบไว้ข้างแก้มของตน หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอ ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอ "ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเจ้าค่ะ" มู่หรานคลี่ยิ้มอบอุ่น ปลายนิ้วชี้ค่อย ๆ ปาดหยาดน้ำตาซึ่งหลั่งรินลงมาอาบพวงแก้มจนเปื้อนเขรอะ "เด็กดี ไม่ต้องร้อง ทำราวกับเราจากกันนานโข เจ้าถูกลงโทษให้อยู่ห้องเก็บฟืนทั้งคืน คงลำบากแย่แล้ว" "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงข้ายังพ
เสียงลมหายใจดังผะแผ่วท่ามกลางความเงียบสงัด นัยน์ตากลมโตปิดสนิทราวคนมืดบอด อีกไม่นานคงต้องบอกลาโลกใบนี้เสียแล้ว สตรีร่างบอบบางนอนทอดกายไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในโลงไม้แสนคับแคบ เหตุใดบรรยากาศแลดูวิเวกวังเวงนัก นางกำลังถูกฝังทั้งเป็น!หญิงสาวผู้หนึ่งถูกใส่ความว่านางคบชู้สู่ชาย ขณะที่บุรุษสามารถมีภรรยามากมายทว่าสตรีกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายบุรุษที่นางต้องแต่งเข้ามายังแก่คราวพ่อ มักมากในกาม บิดาของนางไม่เคยไยดีต่อบุตรีเช่นนาง ทุกคนล้วนทราบดีว่านางเป็นคุณหนูรองที่บิดาไม่ได้ตั้งใจให้กำเนิด นางคือความผิดพลาดของตระกูล คือความอัปยศที่ไม่อาจกล่าวถึง ครั้นถึงคราต้องขายบุตรสาวเพื่อใช้หนี้ บิดาของนางจึงไม่ลังเลที่จะเลือกส่งนางออกไปเป็นอนุผู้อื่น อยู่จวนของตน ถูกพี่สาวต่างมารดารังแก ตบแต่งออกมาถูกอนุคนอื่น ๆ รุมกลั่นแกล้ง สวรรค์ช่างเลือดเย็นกับนางยิ่งนัก ชาตินี้ข้าไม่อาจมีชีวิตดังใจหวัง ชาติหน้าขออย่าให้ข้าต้องเกิดมาอ่อนแอเช่นนี้อีกเลย ..ซ่าาาาา....."ลากมันออกไป!" สตรีร่างบอบบางนอนขดกายอยู่บนพื้นเย็นเยียบ มีเพียงฟางแห้งที่ใช้ปูรองเอาไว้อย่างลวก ๆ นางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาเนิบช้า เรือนกายสั