LOGINโจวซานป๋อหันมามองหน้าฉือเกาเทา สายตาคนทั้งคู่จับจ้องกัน “ข้าตบปากเจ้าดีหรือไม่” ชายหนุ่มร่างใหญ่รีบยกมือขึ้นปิดปากตนเอง“ไม่ได้นะขอรับ ผึ้งต่อยข้ายังไม่หายบวมเลย”“มาเถอะฉือเกาเทา กลับไปดื่มกันต่อเถอะ นางจะเป็นเทพธิดาหรือสายลับ ตอนนี้นางก็อยู่ในจวนของข้า เท่ากับเป็นคนในการดูแลของข้า”ฉือเกาเทารีบหมุนตัวกลับเดินตามผู้เป็นนาย เข้าไปด้านในห้องจัดเลี้ยง ปล่อยให้แสงโคมหยอกล้อเงามืดแห่งราตรีกาลกับเสียงหัวเราะของสตรีที่เดินจากไปสองสาวเดินมาถึงหน้าห้องพัก พบว่ามีสาวใช้มายืนรออยู่ก่อนแล้ว “คุณชายโจวให้ข้าน้อยมาค่อยดูแลแม่นางทั้งสองเจ้าค่ะ”“ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องดูแล ดึกมากแล้วเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าเป็นเพียงแขกไม่กล้ารบกวนถึงเพียงนี้”“เช่นนั้น แม่นางเฟิ่งหวางห้องพักของท่านอยู่ทางนั้น ข้าจะนำทางไปนะเจ้าค่ะ”เฟิ่งหวางหันมายิ้มให้ฟางเฟย แล้วเดินตามสาวใช้ไป ฟางเฟยเปิดประตูห้องพบว่าสาวใช้เข้ามาจุดประทีปน้ำมันตะเกียง และยังจุดกำยานกลิ่นหอมไว้ให้ด้วย ฟางเฟยวางแมวขนยาวลง แล้วหันไปปิดประตูลงกลอน ซื่อเว่ยต้าตี้คืนร่าง แล้วลุกขึ้นมาโอบร่างบางดึงเข้ามาสวมกอด จมูกซุกซนฝังลงบนแก้มนวลและลำคอสูดดมกลิ่นหอม
โจวซานป๋อยิ้มให้เขาอย่างมีความสุข แล้วยกจอกของตนขึ้นดื่มตาม แล้วทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ทำเช่นกัน“ท่านฟางเฟย ดื่มสิเจ้าคะ” เฟิ่งหวางที่ดื่มจนแก้มแดง หันมาคะยั้นคะยอหญิงสาวข้างกาย“อ่อได้” ฟางเฟยที่มัวมองภาพความประทับใจในมิตรสหายตรงหน้า นางยิ้มให้กับความชื่นมื่นตรงหน้าแล้วยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะทำหน้าเหยเกหลับตาปี๋ พร้อมเป่าลมออกปาก “สุรานี่แรงมาก”“อ่ะ มิได้ มิได้ ท่านต้องดื่มหมดจอกเจ้าค่ะ” เฟิ่งหวางยังพยายามให้ฟางเฟยดื่มต่อฟางเฟยมองน้ำใสในจอก แต่ก็จำใจต้องดื่มให้หมด สุราแรงรสหวานกลิ่นหอม ฟางเฟยวางจอกลงหันไปมองเฟิ่งหวาง แล้วก็ต้องหัวเราะออกมา “เฟิ่งหวาง ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ให้เจ้ามาดูแลข้ามิใช่รึ ดูเจ้าสิข้าคงเป็นผู้ดูแลเจ้าแทน”“นั่นสิ เจ้านี่บรรลุเป็นเซียนแล้วก็ยังทำตัวเช่นปีศาจอยู่อย่างนั้น” ซื่อเว่ยต้าตี้ในมนต์อำพรางเข้ามานั่งข้างหญิงสาว คั้นกลางระหว่างโจวซานป๋อและฟางเฟย“ที่ชายผู้นั้นสำลักสุรา เป็นฝีมือท่านใช่หรือไม่”“ใช่เป็นข้าเอง มีอย่างที่ไหนพูดว่าเจ้าเหมาะสมคู่ควรกับโจวซานป๋อ ข้าแค่สั่งสอนเล็กน้อยเท่านั้น พี่น้องคู่นี้พูดจาไม่คิด ฟางเฟยเป็นของข้า หาใช่ของใครไม่”ฟางเฟยมองหน้
“ท่านนี่พิลึกนัก แมวของข้าทำของท่านเสียหายนะ จะต้อนรับข้าทำไมกัน เท่านี้ข้าก็เกรงใจจนทำตัวไม่ถูกแล้ว"“เสียหายอะไรกัน เจ้าช่วยชีวิตข้านะ หากไม่ได้เจ้าข้าคงแย่เช่นกัน เช่นนี้ถือว่าเราหายกัน เจ้าก็คือสหายของข้า ไม่มีอะไรต้องเกรงใจกัน”เฟิ่งหวางชำเลืองตามองคุณชายโจว ที่คอยหาโอกาสใกล้ชิดฟางเฟย เป็นอย่างที่ท่านเทพคิดไว้ โจวซานป๋อดูจะชอบท่านฟางเฟยเอามากจนน่าระแวง“ฟางเฟย เจ้ารับปากพระสนมว่าจะรำให้นางดู ตอนนี้แขกมากันครบแล้วจะเริ่มเลยหรือไม่”เฟิ่งหวางพูดขึ้นขัดจังหวะสนทนาของคนทั้งสอง ฟางเฟยหันมามองดูแขกเหรื่อที่นั่งประจำตำแหน่งของตน เห็นจะถึงเวลาจริง ๆ ดนตรีโบราณคล้ายบนแดนสวรรค์ คงไม่ยากเกินไปถ้าจะแสดงสด เกาฟางเฟยลุกออกไปยืนตรงกลางห้องจัดเลี้ยงทำความเคารพต่อมารดาของโจวซานป๋อ แล้วหันไปพยักหน้าให้กับนักดนตรี เสียงดนตรีบรรเลงขึ้น ฟางเฟยหลับตารวบรวมสมาธิ ใช้ปลายเท้าเคาะจังหวะตามเสียงกลอง ให้เสียงนี้เป็นตัวหลักฟางเฟยเริ่มวาดแขนร่ายรำ ส่ายสะโพรกพร้อมกับเคาะเท้าลงบนพื้น ตามจังหวะเสียงกลองที่ได้ยินผู้คนต่างปรบมือไปตามจังหวะของเสียงกลอง ตามการเคาะเท้าและเยื้องย่างของหญิงสาว ฟางเฟยมองดูใบหน้าที่มี
เฟิ่งหวางยกมือปิดปากกลั่นหัวเราะ คุณชายโจวนั่งลงประจำที่ของตน ฟางเฟยถึงได้กระซิบถาม“คุณชาย เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านฉือเกาเทาถึงเป็นเช่นนั้น”“เขาโดนผึ้งต่อย หลังจากที่เราแยกจากมา”“ผึ้งหรือ เหตุใดจึงดูหนักหนานัก หรือท่านฉือเกาเทาจะแพ้พิษจากเหล็กใน”โจวซานป๋อหันมายิ้มให้หญิงสาวข้างกาย “เจ้าเป็นหวงเขาเช่นนั้นรึ ไม่ต้องห่วง ฉือเกาเทาเป็นนักรบ พิษผึ้งไม่ทำให้เขาเป็นอันตราย เพียงแต่จะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะเท่านั้นเอง เจ้าลองขนมตรงหน้าเถอะ หนวดมังกรนั่นท่านแม่ลงมือทำด้วยตนเอง รับรองเจ้าจะชอบ”ฟางเฟยมองขนมหนวดมังกร ที่ทำจากแป้งและน้ำผึ้งตีผสมกัน จับยืดไปมาจนกลายเป็นเส้นไหมนุ่มอ่อนบางห่อหุ้มถั่วและน้ำตาล เหมือนรังไหมมากกว่าหนวดมังกร แต่เรียกให้เป็นมงคลว่าหนวดมังกร พระสนมมารดาท่านโจวซานป๋อ ดูแล้วก็เป็นผู้มีเมตตาสมถะและใจดี แม้แต่ของเช่นนี้ก็ยังลงมือทำเอง ฟางเฟยใช้ตะเกียบคีบขนมเข้าปาก ลิ้มรสชาติขนมที่คุณชายโจวแนะนำ“อร่อยมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยกินขนมหนวดมังกรที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย ในไส้ก็มีกลิ่นหอม รสชาติพอดี อร่อยมากจริง ๆ”เฟิ่งหวางเห็นเช่นนั้น ก็รีบคีบขนมเข้าปากบ้าง เป็นอย่างที่ฟางเฟยพูดจริง ๆ
“นางไปหาเจ้าได้ทุกที่ฟางเฟย แต่ไม่ใช่แดนมนุษย์ในห้วงเวลาของเจ้า” ซื่อเว่ยต้าตี้เดินเข้ามาและมองดูเฟิ่งหวางที่เพิ่งมาถึงด้วยความสนใจเช่นกัน อิทธิฤทธิ์แห่งปัญจธาตุยังมีอะไรให้ข้าแปลกใจอีกหรือไม่ ซื่อเว่ยต้าตี้ใช้พลังเทพ ทำให้เฟิ่งหวางเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหญิงสาวปกติธรรมดานางหนึ่ง “เป็นเช่นนี้ก็ดี เจ้าจะได้ดูแลนางจากโจวซานป๋อ”“โจวซานป๋อคือใครเจ้าคะ ทำไมต้องระวังเขาด้วย เขาจะทำร้ายท่านรึฟางเฟย”“ไม่ เขาไม่ได้ทำอะไรข้า”“แต่เขาต้องการเจ้าฟางเฟย” เทพเจ้าดวงดาวรีบอธิบายให้เฟิ่งหวางไก่ฟ้าห้าสีฟัง“แล้วใยท่านเทพมิแสดงตนต่อเขาเล่าเจ้าคะ”“เขาทำไม่ได้เฟิ่งหวาง ก็เพราะเขา ข้ากับท่านเทพของเจ้าถึงยังติดอยู่ที่นี่ ท่านเทพทำลายมนต์อำพรางของตนเองจนเกือบเผยร่างที่แท้จริง เขาเลยต้องกลายร่างเป็นแมวขาวแทน นี่เป็นสาเหตุที่เขาจะแสดงตัวไม่ได้จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้”เฟิ่งหวางเดินไปหาแมวขาวขนยาวที่นอนสงบนิ่งอยู่บนที่นอน “แมวนี่หรือ” เฟิ่งหวางยื่นมือไปสัมผัสแมวขาวที่นอนอยู่ ร่างแมวก็แปลเปลี่ยนเป็นหมอนหินรองศีรษะแทน เฟิ่งหวางหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ“โธ่ ท่านเทพ จากเจ้ามังกรขาวเกร็ดมุก กลายเป็นแมวขาวขนยุ
ฉือเกาเทารีบดึงแขนคุณชายโจวลากเขาออกห่างจากหญิงสาว “นางฝีมือดีมากเช่นนั้นหรือ”โจวซานป๋อส่งลูกธนูที่ถูกตัดจนขาดเป็นสองท่อนให้แก่ฉือเกาเทา “นี่เพียงตัวอย่าง นางตัดลูกธนูขาดเช่นนี้ทุกดอก ทั้งที่ลูกธนูทุกดอกต่างวิ่งมาหาตัวข้าพร้อมกัน ความเร็วเช่นนี้ท่านเคยพบเห็นหรือไม่”ฉือเกาเทารับลูกดอกมาดูด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับชำเรืองตามองหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวาน “เป็นไปไม่ได้ สตรีร่างบางเช่นนางทำไมทำเรื่องเช่นนี้ได้” ฉือเกาเทาเดินเข้าหาเกาฟางเฟยพร้อมยืนลูกดอกธนูให้นางดู“นี่เป็นฝีมือเจ้ารึแม่นาง เจ้าเป็นคนสกุลใด เหตุใดจึงมีวิชาการต่อสู้เช่นนี้”“ข้า เกาฟางเฟย ครอบครัวทำอาชีพค้าขาย วิชาดาบนี้ข้าได้จากท่านปู่ อันที่จริงนี่เป็นเพียงความสามารถเล็กน้อยเท่านั้น เพราะข้าถนัดร่ายรำมากกว่า”ฉือเกาเทาหัวเราะออกมาเสียงดัง ดั่งกับราชสีคำราม “นั่นอย่างไร สตรีโฉมงามก็คู่ควรกับอะไรสวยงาม จะจับดาบจับอาวุธไปทำไมกัน อันที่จริงคุณชายโจวเองเรื่องแบบนี้ก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ถูกหรือไม่” เขาหันไปมองหน้าผู้เป็นนาย โจวซานป๋อได้แต่ยิ้มอ่อนไม่ตอบสิ่งใด“งั้นรึ ในยามนั้น ข้าเห็นคุณชายของท่าน กำลังตกใจ คุณชายโจวข้าขอ







