LOGIN“ข้าเห็นกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง เขียนบทความบางอย่าง แล้วม้วนใส่กระบอกไม้เก็บไว้ในชั้นหนังสือ ภายในห้องหนังสือของเขา แล้วก็ภาพเขากำลังป้อนยาให้แม่นางมู่ตัน ที่มีสีหน้าท่าทางที่ยังสดใสสวยงาม ไม่ได้ดูเจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด แต่ดูเขาจะดูแลเอาใจใส่นางมากเป็นพิเศษ”
“ฟังจากที่เจ้าพูด ดูเหมือนคันฉ่องของเจ้า ต้องการชี้ทางให้เรา ช่วงนี้เจ้าพยายามเช็ดมันบ่อย ๆ และส่งจิตไปที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง บางที่เราอาจทำงานง่ายขึ้น จะดีมากถ้าทำให้กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงตื่นก่อนงานอภิเษกที่จะมีขึ้น ข้ากลัวว่าถ้าเขาตื่นที่หลังอาจแก้ไขอะไรไม่ได้อีกตลอดชีวิต”
ฟางเฟยล้วงในแขนเสื้อได้ลูกอมออกมาหลายเม็ด หญิงสาวแกะเปลือกลูกอมแล้วยื่นให้ซื่อเว่ยต้าตี้
“อะไรของเจ้าสาวงาม น้ำตาลปั้นงั้นรึ”
“รับไปเถอะข้าเอามาฝาก”
“เจ้าก็เห็นมือข้าไม่ว่าง ป้อนข้าสิ”
ซื่อเว่ยต้าตี้อ้าปากรอขนม ให้หญิงสาวป้อนให้เขา ฟางเฟยถอนหายใจแต่ก็ยอมส่งลูกอมใส่ปากให้เทพเจ้าดวงดาว
“หือ…น้ำตาลของเจ้ารสชาติดีมาก มีกลิ่นหอมสดชื่นด้วย”
ซื่อเว่ยต้าตี้มองลูกอมที่เหลือในมือฟางเฟย อย่างสนใจ
“นี่ท่านอายุเท่าไหร่ ทำไมเหมือนเด็กจัง”
“3,000 ปีเห็นจะได้ ข้าไม่อยากนับ”
“3,000 ปี ทำไมข้าเหมือนเห็นท่านแค่ 3 ขวบเอง”
“บังอาจเกิดไปแล้ว ข้าเป็นหนุ่มแล้วนะ มิใช่เด็กน้อย 3 ขวบ ข้าสามารถแต่งเจ้าเป็นภรรยาสืบทายาทได้แล้ว”
“ไม่ ท่านมันยังเป็นแค่เด็กน้อย เจ้าเด็กน้อย” ฟางเฟยทำท่าล้อเลียนเขา ยั่วให้เขาหงุดหงิด
ซื่อเว่ยต้าตี้ล่ะมือจากการแขวนดวงดารา แล้วเข้ามาวิ่งไล่จับตัวฟางเฟย ที่กำลังหัวเราะและแกล้งวิ่งหนีเขา เพราะกลัวเขาจะลงโทษ เสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นบนแดนห้วงเวหา ที่แสนเวิ้งว้างเงียบเหงา ซื่อเว่ยต้าตี้จับตัวเธอได้ เขาหัวเราะชอบใจกอดหญิงสาวเอาไว้ เพราะกลัวเธอจะดิ้นหนีแล้วหลุดไปอีก
“ปล่อยข้าท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ปล่อยข้า”
“ปล่อยก็โง่แล้ว ข้าจะกอดเจ้าไว้เช่นนี้แหล่ะ หรือไม่ก็จับเจ้าแขวนแทนดาว ปล่อยไว้สักคืนดีหรือไม่”
“ไม่ได้นะ ที่นี่ยิ่งดึกยิ่งหนาว ท่านออกจะรูปงาม คงไม่ทำแบบนั้นกับข้าจริง ๆ หรอกใช่ไหม”
“ส่งน้ำตาลปั้นมา ข้าจะยกโทษให้”
เกาฟางเฟยหัวเราะออกมา กับคำตอบที่ได้ยินจากปากเทพเจ้าดวงดาว หญิงสาวล้วงเอาลูกอมออกจากแขนเสื้อจนหมด เธอเอาออกมากองบนพื้นต่อหน้าซื่อเว่ยต้าตี้
“ข้าให้ท่านหมดเลย อันที่จริงข้าก็ตั้งใจเอามาให้ท่านนั่นแหล่ะ ชอบไหม”
ซื่อเว่ยต้าตี้ยิ้มให้เธอแล้วพยักหน้า ฟางเฟยยิ้มตอบให้เขา เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เธอตั้งใจลองเอาติดตัวมา กลายเป็นของที่ชายหนุ่มพอใจ
ฟางเฟยอยู่เป็นเพื่อนซื่อเว่ยต้าตี้ทั้งคืน หญิงสาวนั่งดูเขาทำหน้าที่ของตนเอง ภายใต้แสงดาวน้อยใหญ่ในห้วงเวหาใบหน้างดงามกับเส้นผมดำยาวสลวยของเทพเจ้าซื่อเว่ยต้าตี้ งดงามภายใต้แสงดวงดาว เธอหลับอยู่บนโต๊ะดาราศาสตร์ของชายหนุ่ม จนแสงดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบจักรวาล ซื่อเว่ยต้าตี้จึงส่งฟางเฟยกลับสู้เวลาของเธอ
หญิงสาวต่อโทรศัพท์เข้ากับลำโพงพกพา เปิดเพลงที่ต้องใช้ในการแสดง เธอฝึกซ้อมทบทวนท่ารำที่ต้องใช้ในการถ่ายทำ ลานยุทธตอนสายแบบนี้ไม่มีผู้คนมาใช้พื้นที่ ทำให้เธอมีสมาธิในการซ้อม ฟางเฟยร่ายรำพลิ้วไหวงดงาม พัดในมือที่ทำจากผ้าพลิ้วไหวตามแรงมือที่วาดลวดลายบังคับทิศทาง ทันทีที่เพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังขึ้น เกาจางจิ้งเดินออกมาจากมุมหนึ่งของลานซ้อมยุทธ
“สวยงามมาก”
“ขอบคุณค่ะพี่จางจิ้ง วันนี้ไม่ไปไหนเหรอคะ” ฟางเฟยเดินไปปิดเสียงเพลงในโทรศัพท์
“ไม่ พี่ตั้งใจมาซ้อมดาบ แต่ได้ยินเสียงเพลงของเธอเลยแอบยืนดูตรงนั้น กลัวทำเธอเสียสมาธิ”
“ฉันเลือกเวลานี้มาใช้ลานยุทธในการซ้อมรำ เพราะคิดว่าไม่ค่อยมีคน”
“เหตุผลเดียวกัน”
“เชิญพี่จางจิ้งค่ะ ฉันจะพักพอดี ให้ฉันดูพี่จางจิ้งบ้าง” ฟางเฟยเดินไปยกขวดน้ำขึ้นดื่ม แล้วตั้งท่านั่งดูชายหนุ่ม
ฟางเฟยและทุกคนหันไปมองต้นเสียงที่มาถึง เทพธิดารูปโฉมงดงามนางหนึ่งพร้อมเทพธิดารับใช้ ใบหน้ายิ้มสดใสทอดสายตาไปที่ซือเว่ยต้าตี้ “นาน ๆ ทีท่านจะกลับมาแดนสวรรค์ ไม่คิดกลับตำหนักซื่อเว่ย ไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยูหวี่ ก็จะกลับแดนห้วงเวหา ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ”“ข้ากำลังพานางไปเข้าเฝ้า แล้วจะกลับห้วงเวหา ไม่คิดจะพักที่นี่ ข้าทิ้งงานมาหลายวัน ข้าไม่อย่าต้องโทษมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น”“ช่างใจร้ายนัก ท่านไม่คิดถึงข้าบางเลยรึ แดนห้วงเวหาท่านก็ปิดผนึกเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าออกมิได้ ข้าไปหาหลายหน ทหารยามก็ปฏิเสธทุกครั้ง จะฝ่าผนึกพลังเวทย์ก็ทำมิได้ ท่านจะหลบหน้าข้าแบบนี้ตลอดไปเช่นนั้นรึ”เทพเจ้าหนุ่มทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด "ท่านเทพไท่ไป๋จิงซิง รบกวนจัดยาให้นางแล้วให้คนไปส่งให้ข้าด้วย” ซื่อเว่ยต้าตี้หยิบชิ้นเห็ดหลินจือ ส่งให้เทพผู้เฒ่าหนึ่งชิ้น เป็นสินน้ำใจ แล้วเขาก็รีบเดินมาประคองฟางเฟย เพื่อเดินออกจากห้องปรุงยา แต่ก็ถูกเทพธิดาบริวารของนางผู้มาเยือนขวางไว้“บังอาจ” ซื่อเว้ยต้าตี้ตวาดใส่พวกนาง “พวกเจ้าเป็นแค่สาวใช้ อย่ากำเริบกับข้า”พวกนางได้แต่ก้มศีรษะตัวสั้นด้วยความหวาดกลัว“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่
หมอลี่จู ส่งจูบให้จางจิ้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป จางจิ้งได้แต่ขำกับท่าทีของลี่จู เธอเป็นผู้หญิงน่ารักและใจดี เสียก็แต่เขาไม่ได้ชอบเธอ จางจิ้งเดินกลับไปยืนข้างเตียงของฟางเฟย แค่คืนกับวัน ตอนนี้สีหน้าของฟางเฟยดูดีขึ้นจริง ๆ หวังว่าเธอในอีกช่วงเวลาคงปลอดภัย จางจิ้งกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ ส่งพลังไปถึงฟางเฟย รีบกลับมานะพี่รออยู่เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากห้องพักฟื้นบนแดนสวรรค์ เกาฟางเฟยเล่าเรื่องมากมายบนโลกมนุษย์ ณ เวลาปัจจุบันให้กับ ซื่อเว่ยต้าตี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง และมู่ตัน ฟัง ชายหนุ่มทั้งสองเล่นหมากไปดื่มน้ำชาไป และกินขนมปังกรอบที่เธอเอาติดตัวมา ฟังเรื่องต่าง ๆ ที่เธอเล่า ประหนึ่งฟังนิทานหลอกเด็ก เจ้าเด็กน้อยก็พลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย“นี่อะไรกัน พวกเจ้าเป็นถึงเทพระดับสูง มานั่งจับกลุ่มส่งเสียงดังอะไรกัน พวกเจ้านะ พวกเจ้า เห็นสถานพยาบาลของข้าเป็นบ้านของพวกเจ้ากันรึไง”เทพไท่ไป๋จิงซิง ยืนเท้าเอวบ่นพวกเขา ซื่อเว่ยต้าตี้ถึงกับหัวเราะกับท่าทางของท่านเทพอาวุธโส“เกาฟางเฟย ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้ากับมู่ตันกลับก่อนดีกว่า ตาเฒ่าอารมณ์เสียแล้ว ข้าเพิ่งก่อเรื่องจากตำหนักสวรรค์มาหมาด ๆ จะมาโดนเรื่องนี้อีก ค
ซื่อเว่ยต้าตี้ทำตามที่เขาบอก แล้วมองใบหน้าของฟางเฟย นับเลขในใจ เป็นอย่างที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงพูด เกาฟางเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าแรกที่หญิงสาวเห็นคือซื่อเว้ยต้าตี้ ที่ยิ้มกว้างเทพเจ้าหนุ่มเข้ามากอดเธอเอาไว้ด้วยความดีใจ“โอะ…โอ๊ย ๆ…ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าเจ็บ ข้าจะตายเพราะท่านนี่แหละ เบา ๆ หน่อย”“ขอโทษ ข้าดีใจ เจ้าเจ็บหนักมาก รู้ไหมข้ากังวลมากแค่ไหน เมื่อเช้าท่านพ่อส่งเห็ดหลินจือมาให้ ข้าให้เจ้ากินไปหลายครั้งก็ยังนิ่งอยู่ รู้ไหมข้าเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ”หญิงสาวจับมือของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้“ข้ารู้ ท่านจะไม่ทิ้งข้า ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าท่าน กระเป๋าข้าอยู่ไหน”"อยู่นี่เจ้าต้องการอะไรบอกข้า"“ลูกอม อ้อ…น้ำตาลก้อน”“ได้ ๆ ข้าแกะให้ นี่ข้าป้อน” แค่พอเข้าปาก ฝางเฟยก็รีบคายออกทันที“เอาสีอื่น ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ นี่มันรสกาแฟ ข้าปากคอขมไปหมด ท่านยังจะให้กินรสกาแฟอีก เอาสีแดง”“ได้ ๆ ก็ข้าไม่รู้ เจ้าขนเอามาซะเยอะเลย รสชาติไหนเป็นรสอะไรข้าจะรู้ได้อย่างไร”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงและมู่ตันก้มดูชายหญิงตรงหน้า ด้วยความสนใจ ในกระเป๋าของฟางเฟยนอกจากคันฉ่องทองแดงกับมีดสั้น ก็มีขนมน่าตาแปล
องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอด มู่ตันคือเทพธิดาที่เขาหลงรักและพอใจ ถึงขั้นจะแต่งนางขึ้นเป็นชายา โดยไม่สนคำทักท้วงถึงความเหมาะสมคู่ควรใด ๆ แต่ในเมื่อเวลานี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงได้มาแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ มีหรือที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขา จะดื้อดึงเอาของที่มีเจ้าของมาเป็นของตน ต่อให้ต้องการมากแค่ไหนก็ตาม“ในเมื่อเจ้าพูดถึงเพียงนี้ ข้าดูไม่มีความหมายในชีวิตเจ้าเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความดีที่เจ้าแสดงต่อข้า ทุกอย่างข้าคงคิดไปเอง”ไฉเหลี่ยงหวง คุกเข่าลงต่อหน้าองค์ฮั่นยุหวี่ ผู้เป็นบิดา“ท่านพ่อ ลูกโง่เขลา ดวงตามืดบอดในรัก ขอท่านได้โปรดยกเลิกการเสกสมรสของข้า ด้วยเถิดพระเจ้าข้า”องค์ฮั่นยุหวี่เงยหน้ามองเพดาห้องโถง รู้สึกสงสารบุตรชาย แต่ในเมื่อความจริงประจักษ์ชัดถึงเพียงนี้ คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามหนทางของมัน“ได้ ประกาศออกไป ข้าขอยกเลิกงานสมรส องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวงกับเทพธิดามู่ตันแดนบุปผา การหมั้นหมายระหว่างทั้งสองถือว่าขาดต่อกัน จะไม่มีการเสกสมรสระหว่างคนทั้งสองเกิดขึ้นอีกต่อไป”“ขอบพระทัยพระเจ้าข้า” บุคคลทั้งสามกล่าวขึ้นพร้อมกันกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงอุ้มบุตรชายเดินจูงม
“อย่ามากพิธี กลับมาแล้วรึ นางหนูตระกูลเกาผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว งานแรกก็เจอเจ้าเล่นงานซะปางตาย ถนอมนางหน่อย หน้าที่ของนางยังไม่จบ"“ขออภัย ในเวลานั้นข้าไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงพลั้งมือทำร้ายนาง และข้าไม่รู้ว่านางเป็นเพียงมนุษย์ ปิ่นเมฆาสวรรค์ของท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ดูจะปิดบังทุกสิ่งได้มิดชิด จนข้ายังคิดว่านางเป็นเทพบนชั้นฟ้า ด้วยพลังแบบนั้นนางน่าจะรับมือได้ ไม่คิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้"“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว นางเองตอนนี้ก็ปลอดภัยดี อยู่ในความดูแลของไท่ไป๋จิงซิง เมื่อเช้าข้าได้ส่งเห็ดหลินจือไปให้ อีกไม่นานก็จะกลับมาปกติ ว่าแต่เจ้าเถอะมีอันใดจะบอกข้าอีกหรือไม่”“ข้ามีเรื่องต้องกราบทูล ขอท่านฮั่นยุหวี่ ทรงโปรดอภัย”เทพเจ้ากุ้ยอ้ายป๋อเฉิง วาดแขนทำพิธีคารวะชุดใหญ่ แล้วคุกเข่าลงคำนับ ท่านฮั่นยูหวี่มองดูท่าคารวะแล้วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ด้านหลังกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง มีเทพธิดามู่ตันว่าที่สะใภ้หลวงที่กำลังอุ้มทารกน่ารักในอ้อมอก “ข้า ใคร่ขอให้ท่านช่วยเหลือ ขอทรงโปรดยุติการเสกสมรสระหว่างมู่ตันกับไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง ด้วยนางเป็นภรรยาของข้า จึงมิอาจแต่งไปเป็นภรรยาผู้อื่นได้”องค์ฮั่นยุหวี
“ท่านคิดทำสิ่งใด”“พูดความจริง ต่อให้ต้องถูกลงโทษ ข้าก็ต้องยอมรับมัน”“ลงโทษ ความรักระหว่างเรามีโทษด้วยเหรอ ต่อให้วันนี้ท่านไม่มา ข้าก็คิดไว้แล้วว่าวันแต่งงาน ข้าจะบอกความจริงต่อตำหนักสวรรค์ ดินแดนสูงส่งเช่นนั้น คงไม่อยากรับผู้หญิงมีตำหนิไปเป็นชายาหรอก”“ทำเช่นนั้นมิได้ ทุกชีวิตที่นี่จะเดือดร้อน ถ้าความเข้าใจกลับแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง”“แล้วแบบนี้จะทำอย่างไง”“เราจะไปกันสามคน เราจะไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเราต้องจบมันด้วยตนเอง”กุ้ยอ้ายป๋อเฉินอุ้มลูกชายของเขาในอ้อมอก แขนอีกข้างก็โอบเอวมู่ตันไว้ เสกตัวเองเป็นพญานกยักษ์ บินขึ้นสู่เวหา ทหารแดนบุปผาต่างตกตะลึง กับนกยักษ์ที่โฉบเอามู่ตันกับลูกชายของนางบินขึ้นสู่ท้องฟ้า กว่าจะตั้งสติได้ง้างคันธนูยิงออกไป พญานกยักษ์ก็พาสองแม่ลูกบินไปจนลับสายตาเสียแล้วเกาจางจิ้งยืนมองดูร่างของฟางเฟย ที่ถูกโยงไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภาพที่ฟางเฟยสำลักเอาลิ้มเลือดออกมา ยังคงติดตาเขาจนถึงตอนนี้ เสื้อผ้าของเขายังเต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาว แม้เขาจะผ่านการเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน แต่กับผู้หญิงคนนี้มันต่างกันออกไป บุ







