ログイン“ไม่นะ พอแล้ว ๆ ต่อไปนี้ให้ลู่ซิงอีมาช่วยนะ เจ้าอย่าทำอะไรที่หนักเกินไป ตอนนี้เรากำลังมีเจ้าตัวน้อย เจ้าต้องระวังให้มาก” โจวซานป๋อคุกเข่าลงเพื่อมองดูท้องของภรรยา ชายหนุ่มยกมือสั่นเทาค่อย ๆ ลูบหน้าท้องน้อย ๆ ของภรรยา ส่งพลังให้ไปถึงลูกที่เขาปรารถนา การลงทุนย้อนวันเวลาคืนกลับมาไม่เสียเปล่า มารดาได้กลับมาอยู่รวมกับบิดาที่พลัดพราก เลื่อนเวลาตายของทุกคนในครอบครัวออกไป มีภรรยาที่แสนดี และมีบุตรทายาทสืบสกุล ทุกอย่างกำลังลงตัว ตามความตั้งใจโจวซานป๋อมองหน้าภรรยาคนงาม ด้วยน้ำตาที่นองหน้าพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน เฟิ่งหวางยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาให้สามี ตลอดชีวิตของเฟิ่งหวางโหยหาความรักที่แสนหวาน ไม่คิดเลยว่า หน้าที่ตรงนี้กลับทำให้ได้พบผู้ชายที่ดีที่สุดในจักรวาล ไม่เสียดายเลยหากกลับคืนวันเวลา แล้วเทพเจ้าธาตุดินจะหลงลืมนางไก่ฟ้าห้าสีตนนี้ไป ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่ตรงนี้ ขอให้ข้าเก็บเกี่ยวความสุขทั้งหมดนี้ร่วมกับท่านเถอะ“เป็นเช่นนี้ ข้าควรส่งสารไปราชสำนัก ขอเลื่อนเวลาออกไป ลูกชายคนแรกของข้าสำคัญเหนืออื่นใด”“ท่านอยากได้บุตรชาย แล้วหากเป็นลูกสาวเล่า”โจวซานป๋อรีบกุมมือเฟิ่งหวางอย่างปลอบโยน “ขอโทษ ขอโทษ จ
“ท่านเทพเจียวหั่วลี่หมิงกับข้า เปรียบเสมือนมีตัวตนเดียวกัน หน้าที่นี้มอบให้ข้าเถอะ ข้าควรรับผิดชอบต่อเขาบ้าง ที่ผ่านมาเขาทำเพื่อข้ามากพอแล้ว”“ซือซง เจ้าจะทำอันใด หากผิดพลาดเจ้าอาจต้องรวมเข้ากับเขาอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นข้าจะต้องทำเช่นไร” เทพเจ้าตงฉางรีบห้ามด้วยความกังวล“สบายใจเถอะตงฉาง ข้าจะรักษาสัญญากลับมาหาเจ้าแน่นอน ขอข้าได้ทำหน้าที่นี้เถอะ เจ้าอยู่ตรงนี้กับท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ก็ส่งใจช่วยข้า ช่วยอาจารย์ของเจ้า เข้าใจข้าใช่ไหม”เทพเจ้าตงฉางได้แต่ยิ้มอ่อนและพยักหน้า แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับการตัดสินใจของซือซงม้าเร็วจากลั่วหยางควบเข้าเมืองฮูโต๋อย่างร้อนใจ เทียบเชิญถูกส่งถึงมือโจวซานป๋อในเช้าวันนั้น“เกิดอะไรขึ้น ท่านพี่ เด็ก ๆ ไปตามข้า บอกว่ามีทหารส่งเทียบเชิญจากลั่วหยางมาให้ท่าน”“ใช่ มีเทียบเชิญมาจริง ๆ เห็นที่เจ้ากับข้าต้องไปลั่วหยางกันเสียแล้วเฟิ่งหวาง เจ้าไหวหรือไม่ เห็นพักนี้เจ้าไม่ค่อยสบาย”“ข้าไปได้ ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไปลำพัง ว่าแต่มันเรื่องอะไร เราถึงต้องไปลั่วหยางอีก อุตส่าห์พาท่านแม่กับท่านพ่อย้ายมาอยู่ถึงที่นี่ ข้าเคยคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลงอะไ
“ขอรับ” ทั้งสองรับปากพร้อมกัน แล้วเปิดประตูมิติหายไปพร้อมกัน กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงเองก็เปิดประตูมิติขึ้นแล้วหายเข้าประตูแห่งเวลา เพื่อไปตามผู้ช่วยสำหรับกู้สถานการณ์วิกฤต“ท่านพี่…ข้า เอาผลไม้มา ให้…” มู่ตันได้แต่ถือถาดผลไม้ มองดูความว่างเปล่าตรงหน้า ทั้งที่เมื่อครู่ยังได้ยินเสียงพูดคุยดังออกมาซือซงทรุดตัวลงมองดูร่างเจียวหั่วลี่หมิงที่นิ่งสงบ “เป็นถึงเทพเจ้า เหตุใดเจ้าถึงมีแต่เรื่องแลปัญหา ทำตัวดี ๆ บ้างมิได้หรือไร”“ซือซง เจ้าว่าเทพเจ้าธาตุไฟ ก็มิต่างกับว่ากล่าวตนเอง”“นั่นสินะ เราต่างมีธาตุกำเนิดจากไฟ อ่อนไหวตามแรงลม ตงฉาง ถ้าไม่มีข้าเจ้าจะคิดถึงข้าไหม หากวันนึงข้าหายไป เจ้าจะจดจำข้าไหม”“พูดอะไรของเจ้า เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะ ว่าจะไปกับข้าทุกที่ แล้วจะมาพูดบ้าอะไร”“ก็แค่ถาม จะรู้ได้อย่างไร ว่าวันใดเจียวหั่วลี่หมิงจะต้องการรวมข้าเข้ากับเขาอีกครั้ง”“ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น เจ้าสัญญากับข้าแล้ว ต้องรักษาคำพูด”ซือซงยิ้มให้กับความแสนงอนของเทพเจ้าแห่งแดนดาราห้วงเวหา “ได้ ๆ ข้าจะรักษาสัญญา ยังมีอีกหลายที่เลยตงฉาง ที่ข้าอยากพาเจ้าไป เสร็จงานนี้แล้ว ก่อนที่เราจะไปรับโทษจากท่านเยว่เซียนเหล่าเหร
เทพเจ้าตงฉางเดินวนไปมา อย่างใช้ความคิด ซือซงนั่งกินขนมและน้ำชาแดนพฤกษาอย่างสบายใจ มองดูสหายคนสนิทที่ทำท่าทางดั่งหนูติดจั่น ก็ให้นึกขัน จนตงฉางหันมามองค้อน“ซือซง เหตุใดเจ้าถึงไม่ทุกข์ร้อนใจ ท่านเกาจางจิ้งหายไปเช่นนี้ เจ้าสบายใจได้เช่นนั้นรึ”“แล้วร้อนใจไปได้สิ่งใด ดูเจ้าซิเดินวนไปมากี่รอบแล้ว คิดอันใดออกบ้าง ใจเย็นก่อนเถอะ รอท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉินกลับมา เราคงมีทางออกที่ดี หรือดีไม่ดีท่านเกาจางจิ้ง อาจกลับคืนเวลาในแดนมนุษย์ไปแล้วก็เป็นได้”“ไม่มีทาง ท่านเกาจางจิ้งยังไม่ได้ลาแม่นางฟางเฟย ไม่มีทางกลับคืนวันเวลาโดยไม่บอกลาน้องสาว”ซือซงพิจารณาคำพูดของเทพเจ้าหนุ่มน้อยด้วยความสนใจ “เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านจางจิ้งจะไปพบกับแม่นางฟางเฟยแล้ว”“จะเป็นไปได้อย่างไร ก็เขาต้องรอให้ข้านำทาง แล้วเจ้ากับข้าก็เห็นแล้วว่า ที่ตำหนักมารลี่หยาง ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น ทั้งที่ควรจะมีท่านอาจารย์และแม่นางฟางเฟย ล่องลอยตะเกียงน้ำมันที่ยังติดไฟ หม้อกำยานกาน้ำชาที่ยังอุ่น ทั้งหมดนี้มันบอกเราไม่พอหรือ ว่าพวกเขาควรอยู่ที่นั่น แต่กลับไม่มี”“เถียงอันใดกันเจ้าเด็กสองคนนี้ พวกเจ้าพูดคุยกันดังเช่นนี้ ลูกค้าจะนอนได้หรือไม่”"
“มาเถอะหยุ่นหยวน อย่าสนใจพวกเขาเลย เข้าไปข้างใน ป้าจูมีขนมให้เจ้ากิน อย่าสนใจคำพูดไร้สาระเหล่านั้น เจ้าคือบุตรชายคนเล็กของท่านแม่ทัพมารแดงตะวันตก ข้าเลี้ยงเจ้ามากับมือ คนอื่นจะรู้ดีกว่าข้าได้เช่นไร”“ท่านป้าจู ท่านเลิกปลอบใจข้าเถอะ พวกท่านพี่ว่าข้าเช่นนี้มาตลอด ข้าชินแล้ว จะเรื่องจริงหรือไม่ ทุกวันนี้ข้าก็เห็นมีแค่ท่าน ที่ดูแลข้า ท่านพ่อก็อยู่แต่ป้อมปราการตะวันตก ท่านแม่ก็ไม่เคยเรียกข้าเข้าพบ เป็นเช่นนี้ก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะพูดว่าข้ามิใช่บุตรของท่านพ่อ ท่านป้าจู บอกข้าเถอะ ข้าเป็นใคร”หญิงวัยกลางคนยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อย ผู้มีใบหน้างดงามตั้งแต่แรกเกิด ยิ่งในเวลานี้ยิ่งน่ารักน่าชัง ช่างพูดช่างเจรจา จนเธอเองหลงใหลกับความบริสุทธิ์ของหยุ่นหยวน“เจ้าหนู เจ้าจะเป็นบุตรของใครก็ช่าง มันจะมีค่าอันใด รู้ไปแล้วมีประโยชน์อะไร รู้แค่ว่าบ้านนี้จวนนี้ ท่านแม่ทัพรักและเอ็นดูเจ้าเป็นบิดาของเจ้าก็พอ ดูสิตุ๊กตาที่เจ้าอุ้มอยู่ ก็ท่านพ่อมิใช่หรือที่เย็บให้ พวกพี่เขาอิจฉา ถึงชอบแย่งตุ๊กตาเจ้า เพราะท่านพ่อทำให้เจ้าผู้เดียว เช่นนี้ไยต้องใคร่รู้กับเรื่องที่ไม่ทำให้มีความสุขด้วยเล่า ไปกันเถอะ เอาขนมไปกินที่
‘เหตุผลใด ทำไมคันฉ่องวิเศษแห่งปัญจธาตุ ถึงชักจูงข้ากลับมาในช่วงเวลานี้ มีอะไรแอบแฝงอยู่ในห้วงเวลาที่เจ็บปวดนี้อีก’ เจ้ามังกรขาวเกร็ดมุกได้แต่โอบกอดดวงจิตหญิงคนรัก เกาฟางเฟยยังเป็นเพียงเศษแก่นจิตของมู่หลินหนิงอัน เป็นเพียงเศษเสี้ยวของแก่นจิต ที่เทพเจ้าดวงดาวหวงแหนและเก็บซ่อนปกปิดเป็นความลับ 'ข้าย้อนกลับมายาวไกลกี่ร้อยกี่พันปี เจ้าคันฉ่องได้โปรดเถอะ บอกข้าได้หรือไม่ เจ้าต้องการสื่อความหมายใดกับพวกเรา ส่งข้ามาวันเวลานี้เพื่ออะไร แล้วฟางเฟยกับทุกคนเล่า เจ้าส่งพวกเขาไปในเวลาใด เพราะแบบนี้ใช่ไหม เหลี่ยงซูถึงไม่ตื่น ทำไมต้องดึงเจียวหั่วลี่หมิงไปด้วย ถ้าอำนาจของเจ้ามากมายถึงเพียงนี้ เหตุใดมิดึงเทพเจ้าทั้งห้าให้ไปตามที่เจ้าต้องการตั้งแต่แรก ทำไมต้องให้พวกเขาเลือกจัดการตนเองจนเรื่องราววุ่นวาย' ทุกอย่างมีแค่เพียงคำถามของเทพเจ้าดวงดาว ที่เอ่ยถามต่อคันฉ่องทองแดงแห่งปัญจธาตุ ความคิดในใจของเทพเจ้าหนุ่ม ดังสะท้อนอยู่ในความเงียบและหนาวเหน็บของแดนดาราห้วงเวหา แสงแห่งกุศลบำเพ็ญของเทพเจ้าซื่อเว่ยต้าตี้ แพร่กระจายไปทั่วจักรวาลอันเวิ้งว้าง ความเจ็บปวดของอสนีบาต กลับส่งผลให้เทพมังกรขาวเกร็ดมุกบรรลุขั้นเซี







