LOGINฟางเฟยมองดวงตาที่แน่วแน่ตั้งใจของจางจิ้ง หญิงสาวยอมเล่าถึงความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ระหว่างเธอกับคันฉ่องโบราณ จางจิ้งตั้งใจฟังโดยไม่ทักท้วงใด ๆ รอจนเธอเล่าจบ เขาจึงเริ่มเล่าเรื่องของเขา
“ดาบเล่มนี้ทำให้พี่มีทักษะทางการต่อสู้สูง พี่ถูกดาบเล่มนี้ฝึกฝนทุกคืน ความสามารถที่ได้มา เกิดจากดาบเล่มนี้ พี่ใช้ความรู้ที่ได้จากคุณปู่ ประกอบกับความลับการทำลายล้างของดาบปัญจธาตุ ทำให้พี่เป็นแบบที่เธอเห็น และเป็นไปตามที่ทุกคนล่ำลือ พี่กับเจียอีเคยสนิทกัน เราเคยออกทริปท่องเที่ยวไปด้วยกัน แต่พอพี่ต้องเจอกับความลับของตระกูล พี่จำเป็นต้องเก็บตัว เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น”
“ฉันรับงานนี้ก่อนที่จะได้คันฉ่องมา ถ้ารู้ว่าผลของการเป็นผู้ถือคันฉ่อง ต้องแรกกับความผิดปกติแบบนี้ฉันคงไม่รับงานแต่แรก ตอนนี้ฉันยังคิดว่าเรื่องเรียนจะส่งผลด้วยรึเปล่า แต่คงพอคุยกับอาจารย์ได้”
“จากที่พี่เคยเจอกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เวลาในห้วงฝันแม้ยาวนาน แต่ถ้าเทียบกับโลกความเป็นจริงมันใช้เวลาไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง บางที่เรื่องที่เธอกังวลอยู่อาจไม่ส่งผลกระทบอะไรมากก็ได้”
ฟางเฟยเดินทางไปกองถ่าย พร้อมเพื่อนร่วมงานและทีมงานที่รับผิดชอบ ในส่วนของนักแสดงประกอบหลัก หญิงสาวถูกแต่งหน้าทำผมตั้งแต่เช้ามืด ด้วยนักแสดงที่ต้องเข้าฉากในวันนี้มีจำนวนมาก พอพวกเธอแต่งตัวเสร็จจึงขอทีมงานไปยังจุดถ่ายทำก่อน ถ้าสามารถซ้อมการแสดงกับชุดจริงสักรอบสองรอบได้ก็อยากทำ
“วันนี้พวกเรา ทำกันให้เต็มที่นะ ถ้าวันนี้โชคดีผ่าน วันที่เหลือพวกเธอก็จะได้เที่ยวกัน”
ฟางเฟยบอกเพื่อนร่วมงาน แต่ในใจต้องการเร่งงานให้จบโดยเร็ว ถ่ายภาพยนตร์เสร็จเธอมีถ่ายแบบต่ออีก จบงานนี้แล้วตั้งใจจะไม่รับงานอีก เพราะยังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีก การได้คุยและบอกเล่าเรื่องราวต่อจางจิ้ง ทำให้เธอเหมือนมีคนรู้ใจและได้ที่ปรึกษาที่ดี ไม่คิดว่าจางจิ้งก็พบเจอเรื่องประหลาดเหมือนเธอ แค่สถานะการณ์ต่างกัน บรรพชนสกุลเกาขออะไรต่อสวรรค์ ถึงต้องแลกเปลี่ยนด้วยหน้าที่แบบนี้
“แน่นอน เราจะทำกันเต็มที่ ถูกไหมทุกคน”
“ใช่ ๆ เราจะทำให้ผ่านในรอบแรกเลย ซ้อมกันมาเป็นเดือน ๆ ไม่มีคำว่าพลาดแล้ว”
ซูมี่และเพื่อนรวมทีมสามัคคีแบบนี้ ทุกอย่างคงออกมาดี พวกเธอหาที่ว่างเพื่อซักซ้อมกัน ก่อนจะเริ่มถ่ายทำ มีพนักงานวิ่งเข้ามาตามฟางเฟย ให้เธอลองไปเซ็ตระบบสลิงสำหรับใช้ประกอบการถ่ายทำ
“เจียอีคะ ฉันต้องใช้สลิงด้วยเหรอ ถ้าแค่กระโดดลอยตัวกับตีลังกาแบบที่เคยซ้อม ไม่จำเป็นต้องใช้นะ ฉันทำได้ ก็เหมือนที่เราซ้อมกันทุกครั้งไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ ๆ เป็นตามที่ฝึกกันไว้ครับ แต่ผมกลัวคุณจะพลาดเลยคิดว่าควรใช้สลิงป้องกันด้วยไหม”
“แบบนั้นไม่จำเป็นค่ะ ฉันฝึกการแสดงแบบนี้มาตลอด ทำได้ค่ะไม่ต้องใช้สลิง”
ผู้กำกับเจียอียอมตามใจเธอ ทีมงานเรียกนักแสดงประจำจุด เป็นฉากสำคัญและฉากใหญ่อย่างที่ทีมงานเคยคุยไว้จริง ๆ พอถึงเวลา ฟางเฟยและเพื่อร่วมทีมตั้งใจแสดงสุดฝีมือ ฟางเฟยในชุดโบราณวาดวงแขนกรีดเรียวนิ้วพลิ้วไหว หน้าสวย ๆ ของหญิงสาวรู้จักส่งสายตาและรอยยิ้มที่เย้ายวนกับมุมกล้อง แสดงได้สมบทบาท บรรณาการต่างแคว้น เรียวขาเรียวแขนรวมทั้งสรีระของร่างกายทุกส่วน ถูกสร้างมาเพื่อสร้างความสวยงามที่ดึงดูดสายตา เหมาะสมแล้วที่ฟางเฟยจะเป็นนักแสดงนำในฉากนี้ หญิงสาวตีลังกาลอยตัวในอากาศพร้อมดึงพัดที่เอวออกมา สะบัดพัดที่มีผ้าเบาพริ้วไหวเป็นส่วนประกอบ จนนางรำทั้ง 5 คนเหมือนฝูงมัจฉา ที่กำลังแหวกว่ายในสายน้ำ กล้องหลายตัวจับภาพการแสดงชุดนี้ในมุมที่ต่างกัน เพื่อประกอบการตัดต่อสร้างความสมบูรณ์อีกครั้ง ทันทีที่การแสดงจบและผู้กำกับสั่งคัท เสียงปรบมือดังขึ้น ฟางเฟยและเพื่อนร่วมทีมหันไปดู เสียงปรบมือมาจากทีมงานและนักแสดงที่ร่วมในฉากนี้ทั้งหมด ฟางเฟยรู้สึกภูมิใจกับงานของเธอ จบไปหนึ่งงานอย่างสมบูรณ์
“เย็นนี้พวกเราควรฉลองกันนะ ฟางเฟยเธอชวนนายน้อยเกามาด้วยสิ นะ ๆ พาพี่ชายสุดหล่อมาให้พวกเรารู้จักหน่อย”
“อย่ามากพิธี กลับมาแล้วรึ นางหนูตระกูลเกาผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว งานแรกก็เจอเจ้าเล่นงานซะปางตาย ถนอมนางหน่อย หน้าที่ของนางยังไม่จบ"“ขออภัย ในเวลานั้นข้าไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงพลั้งมือทำร้ายนาง และข้าไม่รู้ว่านางเป็นเพียงมนุษย์ ปิ่นเมฆาสวรรค์ของท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ดูจะปิดบังทุกสิ่งได้มิดชิด จนข้ายังคิดว่านางเป็นเทพบนชั้นฟ้า ด้วยพลังแบบนั้นนางน่าจะรับมือได้ ไม่คิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้"“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว นางเองตอนนี้ก็ปลอดภัยดี อยู่ในความดูแลของไท่ไป๋จิงซิง เมื่อเช้าข้าได้ส่งเห็ดหลินจือไปให้ อีกไม่นานก็จะกลับมาปกติ ว่าแต่เจ้าเถอะมีอันใดจะบอกข้าอีกหรือไม่”“ข้ามีเรื่องต้องกราบทูล ขอท่านฮั่นยุหวี่ ทรงโปรดอภัย”เทพเจ้ากุ้ยอ้ายป๋อเฉิง วาดแขนทำพิธีคารวะชุดใหญ่ แล้วคุกเข่าลงคำนับ ท่านฮั่นยูหวี่มองดูท่าคารวะแล้วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ด้านหลังกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง มีเทพธิดามู่ตันว่าที่สะใภ้หลวงที่กำลังอุ้มทารกน่ารักในอ้อมอก “ข้า ใคร่ขอให้ท่านช่วยเหลือ ขอทรงโปรดยุติการเสกสมรสระหว่างมู่ตันกับไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง ด้วยนางเป็นภรรยาของข้า จึงมิอาจแต่งไปเป็นภรรยาผู้อื่นได้”องค์ฮั่นยุหวี
“ท่านคิดทำสิ่งใด”“พูดความจริง ต่อให้ต้องถูกลงโทษ ข้าก็ต้องยอมรับมัน”“ลงโทษ ความรักระหว่างเรามีโทษด้วยเหรอ ต่อให้วันนี้ท่านไม่มา ข้าก็คิดไว้แล้วว่าวันแต่งงาน ข้าจะบอกความจริงต่อตำหนักสวรรค์ ดินแดนสูงส่งเช่นนั้น คงไม่อยากรับผู้หญิงมีตำหนิไปเป็นชายาหรอก”“ทำเช่นนั้นมิได้ ทุกชีวิตที่นี่จะเดือดร้อน ถ้าความเข้าใจกลับแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง”“แล้วแบบนี้จะทำอย่างไง”“เราจะไปกันสามคน เราจะไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเราต้องจบมันด้วยตนเอง”กุ้ยอ้ายป๋อเฉินอุ้มลูกชายของเขาในอ้อมอก แขนอีกข้างก็โอบเอวมู่ตันไว้ เสกตัวเองเป็นพญานกยักษ์ บินขึ้นสู่เวหา ทหารแดนบุปผาต่างตกตะลึง กับนกยักษ์ที่โฉบเอามู่ตันกับลูกชายของนางบินขึ้นสู่ท้องฟ้า กว่าจะตั้งสติได้ง้างคันธนูยิงออกไป พญานกยักษ์ก็พาสองแม่ลูกบินไปจนลับสายตาเสียแล้วเกาจางจิ้งยืนมองดูร่างของฟางเฟย ที่ถูกโยงไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภาพที่ฟางเฟยสำลักเอาลิ้มเลือดออกมา ยังคงติดตาเขาจนถึงตอนนี้ เสื้อผ้าของเขายังเต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาว แม้เขาจะผ่านการเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน แต่กับผู้หญิงคนนี้มันต่างกันออกไป บุ
ซื่อเว่ยต้าตี้วางหญิงสาวลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ที่กำลังแตกใบออกดอกสีชมพูเต็มต้น เหมือนภาพที่เห็นในห้วงฝัน ของกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ภาพฟางเฟยกระโดดโลดเต้น ร่ายรำท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น แต่เวลานี้นางกลับนอนแน่นิ่งใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด ซื่อเว่ยต้าตี้ดึงร่างของฟางเฟยเข้ามาสวมกอด เขานึกถึงแต่ความสดใสร่างเริงของเธอ ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ รีบพานางไปหาท่านเทพโอสถเถิด พลังที่ท่านมอบให้นาง จะรักษาพลังของนางได้ชั่วคราวเท่านั้น ท่านควรรีบพานางไปรักษา”“ข้ารู้แล้ว ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้า ตัวเจ้าเองก็ควรรีบไปแก้ไขเรื่องตัวเองได้แล้ว ข้าบุกแดนบุปผาจนคนที่นั้นเกลียดขี้หน้าไปหมดแล้ว”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงเปิดประตูมิติให้เขา พานางไปรักษายังแดนโอสถ“เสร็จเรื่องแล้ว ข้าจะไปขอบคุณนางด้วยตนเอง”“ไม่จำเป็น”ซื่อเว้ยต้าตี้อุ้มร่างฟางเฟย เดินหายเข้าประตูแห่งเวลา แล้วประตูก็ปิดลง“นางหนูผู้นี้ดื่มยาไปแล้ว อีกสักครู่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น”“ขอบคุณ ท่านเทพไท่ไป๋จิงซิง ที่ยอมช่วยเหลือ”“ข้าเป็นหมอก็ต้องรักษา ดีที่ท่านใช้พลังเทพกับนางไม่มาก นางเป็นดวงจิตมนุษย์รับพลังจากท่านมากเกินไป ก็อาจแตกสลายไ
ฟางเฟยรีบพูด เพื่อหวังเตือนสติเทพเจ้าธาตุไม้ แต่เหมือนเขาจะโดนความโกรธครอบงำ จนขาดสติไปแล้ว พลังของเขาที่ปล่อยออกมา เข้าสู่ร่างฟางเฟยโดยตรง หญิงสาวเจ็บปวดจนเกินจะทนรับไหว เริ่มมีเลือดไหลออกจากปากและจมูก ทันใดนั้นปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า ส่องผ่านกิ่งไม้ที่แน่นหนา แสงจ้าส่องรอดเข้ามาถึงด้านใน ก่อนที่กิ่งไม้เหล่านั้นจะระเบิดออกเป็นจุน ร่างของกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงกระเด็นไปติดผนัง กิ่งไม้ที่เหลือจากการระเบิด หดกิ่งก้านที่เหลือเข้าเป็นปิ่นพฤกษาตามเดิม ร่างของฟางเฟยนอนฟุบอยู่กลางเรือน หญิงสาวสำลักเอาลิ้มเลือดออกมา จนดูน่าสงสาร ภายในห้องนอนบ้านสกุลเกา ฟางเฟยนอนดิ้นทุรนทุราย ก่อนจะสำลักเอาลิ้มเลือดออก จนทั่วทั้งตัวและที่นอนกลายเป็นสีแดง“ฟางเฟย ฟางเฟย เกิดอะไรขึ้น” จางจิ้งเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความตกใจเกาจางจิ้งรีบมาประคองร่างฟางเฟย เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา เช็ดเลือดออกจากใบหน้าของหญิงสาว จนทั้งมือและแขนของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด“ซิน ซิน เร็วเข้า ซินอยู่ไหน” ชายหนุ่มรีบตะโกนเรียกสาวใช้อย่างลนลานตงเจ๋อหน้าตาตื่นเข้ามา“ซินยังคุกเข่าอยู่ที่ศาลเจ้าครับ นายน้อย”ใช่เขาสั่งลงโทษเธอ ลืมเสียสนิท“ไปตา
“ข้าอยู่คนเดียว แต่ก็มีเหล่าลูกศิษย์และบริวารรับใช้อยู่ด้วย เพียงแต่เวลานี้พวกเข้าแยกย้ายกันไปทำงานของตน เจ้าจึงเห็นว่าข้าอยู่ลำพัง”“ขออภัย ข้าเพียงแต่แปลกใจ ท่านเป็นบุรุษรูปงาม คิดว่าจะมีหญิงงามรู้ใจเคียงข้าง”“ไม่มี น่าอิจฉาท่านเทพเจ้าดวงดาวที่มีสาวงามเช่นเจ้าเคียงกาย ข้าเป็นเพียงเทพเจ้าดูแลต้นไม้ วัน ๆ หมดไปกับการปลูกขยายพันธุ์และเก็บเกี่ยว ไม้จากแดนพฤกษาจะถูกส่งไปสร้างตำหนักหรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ตามใบเบิกจากสวรรค์ส่งมา”“เป็นแบบนี้นี่เอง ท่านควรมีคนรู้ใจ ชีวิตจะได้ไม่เงียบเหงา”“ข้าไม่เงียบเหงา ข้ามีเหล่าศิษย์ที่เป็นเด็กดี ความรักสำหรับข้าล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก ข้าขอมีที่ชีวิตที่ไร้รักเช่นนี้จะดีกว่า ต้องถูกหักหลังหลอกลวง”“ท่านพูดเหมือนคนเคยมีความรัก”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงเงียบไป เขายกจอกชาขึ้นดื่มด้วยท่าทีที่สงบเยือกเย็น“ท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าต้องการให้ท่านเผชิญความเป็นจริง ท่านต้องออกจากความฝันนี้ ท่านขังตัวและใจตนเองอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงกระแทกจอกชาลงบนโต๊ะจนจอกแตก เศษกระเบื้องปักโดนนิ้วมือจนเลือดออก “เจ้าเป็นใคร เข้ามาในแดนฝันของข้าทำไม” เทพเ
เกาจางจิ้งกลับมาถึงบ้านสกุลเกาก็เป็นเวลาเกือบค่ำแล้ว ชายหนุ่มมุ่งตรงไปที่บ้านของฟางเฟยทันที เขานัดเธอเอาไว้ ผิดนัดแบบนี้เธอจะงอนเขารึเปล่า บ้านทั้งหลังเงียบเชียบ มีเพียงไฟอัตโนมัติไม่กี่ดวงที่ติดสว่าง จางจิ้งเริ่มสะกิดใจ ต้องเกิดเรื่องกับเธอแน่ เขารีบเข้าไปในบ้าน เป็นตามที่คิดไว้ ฟางเฟยทิ้งร่างนอนฟุบอยู่บนพื้นกลางห้องรับแขก ในมือมีคันฉ่องทองแดงคาอยู่ เธอเดินทางไปแล้ว จางจิ้งอุ้มร่างของฟางเฟยไปนอนที่เตียง ซินเตรียมอาหารค่ำเดินเข้ามาพอดี“เธอมัวไปทำอะไร ทำไมไม่ดูแลคุณหนู” จางจิ้งตวานสาวใช้ด้วยความโกรธ“นายน้อย ฉันไปเตรียมอาหารค่ะ ตอนแยกกับคุณหนูเธอยังดูปกติดี ทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ไปได้”“ซิน เธอเป็นคนที่ฉันไว้ใจ ถึงเลือกมาดูแลฟางเฟยตั้งแต่แรก เธอไม่ควรปล่อยในคุณหนูคาดสายตา ไปคุกเข่าสำนึกตนที่ศาลเจ้า ไม่มีคำสั่งห้ามลุกเด็ดขาด”“ค่ะ นายน้อย”ซินเดินออกไปรับโทษของเธอ โดยไม่มีสายตาตัดพ้อแต่อย่างใด เกาจางจิ้ง นั่งดูหญิงสาวที่เวลานี้ ดูเหมือนหลับสนิท แต่ความจริง เธอกำลังไปทำหน้าที่ทดแทนคุณสวรรค์ แทนทุกคนในสกุลเกา ซื่อเว่ยต้าตี้ นั่งมองดูร่างกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงที่นิ่งสงบ เทพเจ้าหนุ่มรวบรวมสมาธิ เพ







