พอเฉียวซุนจากไปแล้ว ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ตามหาเธออีกเช่นเดียวกับที่เขาเคยพูดกับเลขาฉิน เขาจะมอบอิสระให้เธอ และปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการลู่เจ๋อค่อย ๆ ทำความเคยชิน......เขาต้องชินกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีเฉียวซุนให้ได้ ชินกับการไม่มีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ข้าง ๆ และเขาก็ต้องชินกับการไม่มีข่าวคราวหรือคำพูดใด ๆ ของพวกเธอให้ได้......บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าเฉียวซุนโหดร้ายกับเขามาก ที่เธอจากไปง่าย ๆ แบบนี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึงฤดูใบไม้ร่วงสีทองในเดือนตุลาคมสำนักงานประธานกรรมการลู่ซื่อกรุ๊ปลู่เจ๋อนั่งอยู่หลังโต๊ะเพื่อจัดการเอกสาร แสงแดดยามบ่ายในฤดูใบไม้ร่วงส่องผ่านหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน และสาดส่องไปทั่วตัวเขา ทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรมีเสียงผลักประตูดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเลขาฉินที่เข้ามา เขาจึงถามอย่างใจเย็น “ผมมีนัดตีกอล์ฟกับประธานหลูตอนสี่โมง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการใช่ไหม? ”เลขาฉินไม่ได้พูดอะไร เธอเดินตรงไป และวางซองจดหมายสีน้ำตาลไว้ตรงหน้าของลู่เจ๋อลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเธอผ่านไปสักพัก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ
สามปีต่อมาร้านอาหารระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งในเครือ THE ONEในตอนเย็น ลู่เจ๋อต้องรับประทานอาหารเย็นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทหุ้นส่วน และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานบริหารสกุลซ่ง ชื่อของเธอคือซ่งหร่วนซ่งหร่วนชอบลู่เจ๋อมาก และใช้ประโยชน์จากงาน เพื่อเชิญลู่เจ๋อออกมาทานอาหารเย็นด้วย และพูดคุยงานกันเมื่อลู่เจ๋อมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ บรรยากาศที่ทั้งสวยและโรแมนติกมาก การแต่งกายด้วยชุดเดรสยาวสุดเซ็กซี่ของอีกฝ่ายทำให้เขาเดาความคิดของผู้หญิงคนนั้นได้ง่ายมากแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้คิดว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นในขณะที่เขากำลังรับประทานอาหาร ก็ได้พูดคุยถึงรายละเอียดของความร่วมมือกับอีกฝ่ายไปด้วย เขาไม่ได้แสดงความสนใจในกระโปรงสุดเซ็กซี่ของผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับหลิวเซี่ยฮุยที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ อย่างสงบเมื่อเวลาผ่านไป หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจซ่งหร่วนถือไวน์แดงขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ลู่เจ๋อ “ถ้าคุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จแล้ว พวกเรามาคุยเรื่องส่วนตัวกันดีกว่านะคะ! ลู่เจ๋อ ฉันรู้สึกสนใจชีวิตส่วนตัวของคุณมากเลยค่ะ! ”เธอแสดงจุดประสงค์ของเธอออกมา
เฉียวซุนรู้ลูกไม้นี้ดี เธอจึงเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ในนามหัวหน้าของเสี่ยวเหวิน ฉันอยากจะขอบคุณ คุณซ่งสำหรับความมีน้ำใจครั้งนี้ด้วยค่ะ! เอาอย่างนี้นะคะ......อาหารมื้อนี้ฉันเลี้ยงคุณซ่งและคุณลู่เป็นการตอบแทนก็แล้วกันค่ะ ขอให้ทั้งสองท่านเพลิดเพลินกับอาหารมื้อนี้นะคะ”หลังพูดจบ เธอก็ออกไปอย่างสง่างามซ่งหร่วนยังคงไม่พอใจอยู่ดีเธอใช้เวลาสักพักกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ “ลู่เจ๋อ......เธอรู้จักพวกเราได้ยังไง? ”หลู่เจ๋อจ้องมองไปยังทิศทางที่เฉียวซุนหายตัวไป ไม่นาน เขาก็พูดด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์ออกมา “เธอเป็นภรรยาเก่าของผมเอง”ซ่งหร่วนตกตะลึง......ในห้องน้ำก๊อกน้ำสีทองสไตล์ตะวันตกที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลาเฉียวซุนกดตรงหัวใจตัวเองเบา ๆจนถึงตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังคงเต้นแรงอยู่ แม้จะเตรียมตัวไว้บ้างแล้วก็ตาม แต่พอเธอต้องมาพบกับลู่เจ๋ออย่างกะทันหัน ขาของเธอก็เริ่มรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาอดีตอันแสนเจ็บปวดก็พุ่งเข้ามาหาเธอราวกับคลื่นยักษ์เธอใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว และเมื่อเธอกำลังจะล้างมือ ดวงตาของเธอก็สบกับคนในกระจก......เธอตัวแข็งทื่อลู่เจ๋อยืนพิงกำแพงแล้วสูบบุหรี่อยู่เขาหันไปด้านข้าง
ตอนที่หลู่เจ๋อกลับไป ฝนก็เริ่มตกลงมาเขาเปิดที่ปัดน้ำฝน ยกขึ้นมาบังกระจกหน้ารถ ไฟนีออนในเมืองก็ถูกสายฝนที่ตกกระทบกับกระจกหน้ารถจนทำให้เบลอไปหมดกลางคืนเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆรถขับมาได้ประมาณห้านาทีจากระยะไกล ก็เห็นรถมาเซราติสีขาวเสียหลักจอดอยู่ข้างถนน หญิงสาวยืนถือร่มเปิดฝากระโปรงรถ มองดูอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงกลับขึ้นรถไป......ที่แท้ก็เป็นเฉียวซุนลู่เจ๋อชะลอความเร็วของรถลง และค่อย ๆ จอดอยู่ข้าง ๆหน้าต่างของรถสองคันจอดขนานกันอยู่ เขามองเธออย่างเงียบ ๆเขามองดูท่าทางสิ้นหวังของเธอ และเห็นเธอกำลังมองหาบางอย่างในรถ อาจจะมองหานามบัตรหรืออะไรสักอย่าง......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็เงยหน้าขึ้น และแล้วเธอก็สังเกตเห็นเขาเมื่อทั้งสองมองหน้ากัน ก็ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรออกมาก่อน ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองยังคงจมอยู่กับความสุขและความเศร้าครั้งใหญ่เมื่อสองสามปีก่อนอยู่......ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ด้านนอกกระจกรถ มีหยดน้ำหยดลงมา ราวกับเป็นน้ำตาของคนรักไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลู่เจ๋อก็ลงจากรถพร้อมกับร่มหนึ่งคัน เขาเดินไปที่รถของเธอ แล้วเคาะที่หน้าต่างเบา ๆเฉียวซุนก็ดูเ
ระหว่างผู้ใหญ่ บางทีก็มีบางเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา......ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เจ๋อก็จอดรถของเขาไว้ที่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ฝนยังคงตกอยู่......ภายในรถก็เกิดความรู้สึกคลุมเครือขึ้นมายังไงซะ พวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากัน ยังไงซะ พวกเขาก็เคยซื่อสัตย์ต่อกันมานับครั้งไม่ถ้วน และพวกเขาก็เคยทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยกันมากมายสิ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นความทรงจำที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ลบไม่ออกเฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณที่มาส่งฉันนะคะ ฉันต้องขอตัวก่อน! ”เธอกำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ลู่เจ๋อก็รั้งข้อมือของเธอเอาไว้ เธอกะพริบตาเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธ “ลู่เจ๋อ ปล่อยมือ! ”เขาจ้องมองเธอ ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความหมายที่ไม่อาจอธิบายได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้นที่จะเข้าใจมันเป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงมีร่างกาย ก็ต้องมีจิตใจลมหายใจของเฉียวซุนก็รู้สึกสับสนขึ้นมา เธอพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่กลับล้มเหลว ฝ่ามือของลู่เจ๋อค่อนข้างใหญ่ เขาคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอได้อย่างง่ายดายเขาไม่ได้บังคับดึงเข้ามาหาตัวเอง เขาแค่จับม
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉียวซุนก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเธอถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งข้างเจ้าหนูลู่เหยียน แตะศีรษะของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เบา ๆ แล้วถามไปว่า “งั้นเหยียนเหยียนกินยาอย่างเชื่อฟังรึเปล่า? ”ขณะที่เฉียวซุนพูด เธอก็โน้มตัวไปเปิดไฟตรงหัวเตียง แสงไฟก็สว่างขึ้นมาเจ้าหนูลู่เหยียนถูกฝังอยู่ตรงกลางผ้าห่มอย่างเปราะบาง มีใบหน้าที่ขาวสวย ผมและดวงตาสีดำมันดูสวยงามและละเอียดอ่อนมากเธอพูดเบา ๆ “แม่บุญธรรมป้อนหนูแล้วค่ะ! มันขมนิดหน่อย”เฉียวซุนรู้สึกเป็นทุกข์มาก เธอสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเจ้าตัวน้อย และเกลี้ยกล่อมเธอเบา ๆ “เมื่อเหยียนเหยียนได้รับการผ่าตัดแล้ว เลือดกำเดาเธอก็จะไม่ไหลอีกต่อไป และเธอก็ไม่จำเป็นต้องกินยาอีก”เจ้าหนูลู่เหยียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเธอนอนในอ้อมแขนแม่ แล้วพูดอย่างติดตลกว่า “แม่คะ......หนูคิดถึงพ่อ! คุณป้าที่บ้านบอกหนูว่าจะได้เจอพ่อเร็ว ๆ นี้แล้ว จริงเหรอคะ? คุณป้ายังบอกอีกว่า แม่กับพ่อจะมีน้องชายให้หนูด้วย”เฉียวซุนสะดุ้งไม่ช้าเธอก็ตระหนักได้ว่า ป้าของเธอน่าจะได้ยินสิ่งที่หมอพูดที่บ้าน แล้วเธอจึงบอกแบบนั้นกับเจ้าหนูลู่เหยียนเธอรู้สึกไม่มีความสุขนิดหน่อยเธอคิ
เป็นเวลานาน กลิ่นจาง ๆ ของฟีโรโมนผู้ชายก็ลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องนอนแข็งแรงมากลู่เจ๋อหายใจหอบเล็กน้อย และหมุนตัวไปด้านข้าง หลังจากที่ร่างกายได้ปลดปล่อยออกมา เขากลับรู้สึกยังไม่พอใจใช่ เขายังไม่พอ!ร่างกายของเขารู้สึกว่างเปล่ามากขึ้นไปอีก เขาปรารถนาที่จะกอดเฉียวซุน ปรารถนาร่างกายที่สง่างามและละเอียดอ่อนของเธอ และปรารถนาที่จะได้รับความอบอุ่นจากเธอ พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็ทำให้ร่างกายของเขาเจ็บปวดขึ้นมา......หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็ลุกจากเตียง แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างตัว......เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหนูลู่เหยียนก็มีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกเฉียวซุนกังวลใจมาก เธอจึงพาไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบกับแพทย์ที่คุ้นเคย อีกฝ่ายเฮ่อจี้ถังเป็นคนแนะนำมา ทั้งทักษะทางการแพทย์และอุปนิสัยของเขาต่างก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่า...... หลังจากที่เจ้าหนูลู่เหยียนกลับมาที่เมือง B ก็เป็นเธอที่ช้วยรักษาให้ตลอดหลังจากที่หมอโจวตรวจเช็คดูแล้ว ก็พูดออกมาเบา ๆ ว่า “หากสามารถทำการผ่าตัดได้ ก็ควรที่จะรีบผ่าตัดให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”ขณะที่หมอพูด เธอก็ลูบเจ้าหนูลู่เหยียนไปด้วย ตอนนี้ในใจรู้สึกเป็นทุกข์มากเฉียวซุ
เจ้าหนูลู่เหยียนจำพ่อของเธอได้เด็กน้อยรู้สึกน้อยใจ เพราะไม่มีพ่ออยู่ข้าง ๆ มานานมากแล้ว เดิมทีเธอควรจะกระโดดเข้าไปหาอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เธอกลับกอดขาแม่ของเธอเอาไว้เท่านั้นลู่เจ๋อจับแขนเล็ก ๆ ของเธอ แล้วค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาหาตัวเองสุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ เขากอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น เขาได้กลิ่นหอมของเด็กอ่อน ๆ จากร่างกายของเธอ ในใจก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมา......ในปีนั้น ตอนที่เธอจากไป เธอมีอายุแค่ไม่กี่เดือนเจ้าหนูลู่เหยียนถูกพ่อของเธอกอดไว้ในอ้อมแขน เธอรู้สึกเขินอายนิดหน่อยแต่เด็กเป็นสิ่งที่อ่อนไหวง่ายที่สุดดูเหมือนพ่อกำลังร้องไห้......เจ้าหนูลู่เหยียนจับที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เจ๋อ ดวงตาสีดำโตของเธอเป็นประกาย เธอเป่าไปที่ดวงตาของลู่เจ๋อ “ตาของพ่อเจ็บ หนูจะเป่าให้นะคะ เดี๋ยวพ่อก็จะไม่เจ็บแล้ว! ”ลู่เจ๋อลูบที่แขนและขาเล็ก ๆ ของเธอไม่ได้เจอกันนานมากขนาดนั้น เขาครุ่นคิดหนักมาก ในเวลานี้ ไม่ว่าจะสัมผัสเธอมากเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เขาแทบจะยัดเจ้าหนูลู่เหยียนใส่กระเป๋าของเขาเอาไว้......หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็ถามขึ้นมาเบา ๆ “ลูกรัก จะมันจะทำให้หายเจ็บได้ยังไง? ”เจ้าหนูลู่เ