ANMELDENเครื่องมือทำมาหากินของเฮ่อลิ่วคือ “หีบชิงไป๋” ที่บรรจุอุปกรณ์ยึดทรัพย์ต่าง ๆ เอาไว้ส่วนเครื่องมือทำมาหากินของเจ้าสิบสองจ้าวฉือ คือ “กล่องยมราช” ขนาดหนึ่งฉื่อ ที่บรรจุอุปกรณ์ลงทัณฑ์กว่าสิบชนิดจ้าวสือเอ้อร์เดินเข้ามาในห้องสอบสวนเขาพูดกับติงว่างว่า “นักโทษ ข้าคือรองนายกองพันผู้ตรวจตราแห่งองครักษ์เสื้อแพร จ้าวฉือ”ติงว่างเอ่ยปากขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย “ที่แท้ก็ใต้เท้าจ้าว ใครบ้างในเมืองหลวงจะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ‘คนบ้าศพ’ แห่งองครักษ์เสื้อแพร? ได้ยินชื่อเสียงมานานขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์วาง “กล่องยมราช” ลงบนโต๊ะ “โอ้ นึกไม่ถึงว่าทหารเฝ้าคลังคนหนึ่ง จะเคยได้ยินฉายา ‘คนบ้าศพ’ ของข้าด้วย เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร?”ติงว่างเอ่ยขึ้นโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว “หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกล่องยมราชกระมังขอรับ ว่ากันว่าอุปกรณ์ทรมานในกล่องนี้ หากใช้กับนักโทษ... ต่อให้ผู้ถูกไต่สวนเป็นพญายมราชเอง ก็ยังต้องรีบรับสารภาพขอรับ”จ้าวสือเอ้อร์ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้านี่มีความรู้กว้างขวางดีนี่”เขาชี้ไปที่อุปกรณ์ทรมานบนชั้นวางสองข้างของห้อง “อุปกรณ์ทรมานพวกนี้ ข้าไม่เคยนึกอย
เฮ่อลิ่วกล่าว “ข้าขอเสนอให้องครักษ์เสื้อแพรของเราลงมือสอบสวนคดีของติงว่างด้วยตัวเองขอรับ”ลู่ปิ่งถูมือไปมา “เอาอย่างนี้ ให้เจ้าสามจินว่านก้วนไปคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาก่อน ถ้าคุยแล้วไม่ได้ความ ค่อยให้เจ้าสิบสองจ้าวฉือลงทัณฑ์ทรมานเขา!”เจ้าสามจินว่านก้วนในกลุ่มสิบสามองครักษ์หลวง เป็นที่ยอมรับกันในหมู่องครักษ์เสื้อแพรว่าเป็นยอดฝีมือด้านการสอบสวน มีฉายาว่าสามารถพูดหว่านล้อมจนปลาในน้ำกระโดดขึ้นฝั่งได้ ว่านอันเหลียงเองก็ยอมปริปากบอกเรื่องขโมยเงินต่อหน้าจินว่านก้วนผู้นี้นี่เองส่วนเจ้าสิบสองจ้าวฉือ ถูกเพื่อนร่วมงานในองครักษ์เสื้อแพรเรียกว่า ‘คนบ้าศพ’ คนผู้นี้ชื่นชอบการศึกษาสรีระศพเป็นที่สุด ได้รับคำชมจากผู้บัญชาการลู่ปิ่งว่าเป็น “นักชันสูตรศพอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ในขณะเดียวกัน จ้าวฉือก็เป็นยอดฝีมือด้านการลงทัณฑ์ ทัณฑ์สถานเบากว่าสองร้อยชนิดขององครักษ์เสื้อแพร ครึ่งหนึ่งตกทอดมาจากรุ่นก่อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง จ้าวฉือเป็นผู้คิดค้นขึ้นเองเฮ่อลิ่วส่งมอบตัวติงว่างให้จินว่านก้วน แล้วพาเข้าไปใน ‘ห้องสอบสวน’ จินว่านก้วนตบหน้าอกรับรองกับน้องหกของตน “เจ้าหก วางใจเถอะ เวลาแค่คืนเดียว ข้าจะทำให้ทหารเฝ้าคลั
ห้าวันต่อมา ณ โถงว่าการสำนักตรวจการเหนือบัลลังก์ศาล มีเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายจากสำนักตรวจการหยางหมิงนั่งอยู่ หยางหมิงผู้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางตงฉินและนักปราชญ์ผู้เคร่งครัด กิตติศัพท์เรื่องความกล้าพูดกล้าทัดทานอย่างตรงไปตรงมานั้นเลื่องลือไปทั่วราชสำนักต่างจากรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอาญาสวี่หย่วนจวี๋ และตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนาน ใต้เท้าหยางแห่งสำนักตรวจการผู้นี้มีท่าทีเย็นชาต่อเฮ่อลิ่วผิดปกติ หยางหมิงถือตนว่าเป็นขุนนางตงฉิน จึงดูถูกเหยียดหยามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นดั่งสุนัขรับใช้มาโดยตลอดผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งเคยวิจารณ์หยางหมิงไว้ว่า ตาแก่หยางหมิงนั่น ทั้งสะอาด ทั้งเหม็นโฉ่ แล้วก็ทั้งแข็งกระด้างเบื้องล่างโถง เฮ่อลิ่วยืนรออย่างแห้งเหี่ยวตามธรรมเนียมพิธีการ เฮ่อลิ่วที่เป็นเพียงนายกองร้อยขั้นหกชั้นเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางใหญ่ขั้นสองชั้นเอกอย่างหยางหมิง ก็มีสิทธิ์เพียงแค่ยืนเท่านั้นหยางหมิงลูบเคราของตนเอง ส่งสำนวนคดีฉบับหนึ่งให้ผู้ตรวจการคนหนึ่ง ผู้ตรวจการก็นำสำนวนนั้นมามอบให้เฮ่อลิ่วที่อยู่ด้านล่างเฮ่อลิ่วรับสำนวนมาเปิดดู “ติงว่างไม่มีความผิด?”หยางหมิงไม่แม้แต่
เงินสองแสนตำลึง หากต้องใช้ซื้อตัวขุนนางกรมอาญาตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงระดับรองเสนาบดีหลายสิบคน อีกทั้งยังต้องซื้อตัวขุนนางศาลต้าหลี่ตั้งแต่ระดับผู้ดูแลงานทั่วไปไปจนถึงตุลาการศาลต้าหลี่อีกหลายสิบคน... เงินจำนวนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัดหรือว่า... ติงว่างจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ?เฮ่อลิ่วถามซุนเฮ่อหนาน “ศาลต้าหลี่ปล่อยตัวติงว่างไปแล้วหรือขอรับ?”ซุนเฮ่อหนานพยักหน้า “คนไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยตัวให้พ้นข้อกล่าวหา ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว”เฮ่อลิ่วพาตาเฒ่าหู ไปรายงานผลกับผู้บัญชาการลู่ปิ่ง“อ้อ? ศาลต้าหลี่ก็บอกว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?” ลู่ปิ่งจิบชาไปพลาง เอ่ยถามเฮ่อลิ่วไปพลางเฮ่อลิ่วพยักหน้า “ตุลาการศาลต้าหลี่ซุนเฮ่อหนานยืนกรานหนักแน่นว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”ลู่ปิ่งเป็นองครักษ์เสื้อแพรมากว่ายี่สิบปี มีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่อทุกคดี และสัญชาตญาณนั้นก็ร้องเตือนว่า เขามั่นใจว่าติงว่างไม่มีทางขาวสะอาดไร้มลทินดุจดอกบัว เหมือนอย่างที่กรมอาญาและศาลต้าหลี่กล่าวอ้างลู่ปิ่งหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ทหารเฝ้าคลังตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับได้รับการปกป้องจ
ในใจของหลิวต้าผู้บัญชาการกรมฝ่ายเหนือยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่อีกหนึ่งประการ ในสายตาเขา เฮ่อลิ่วเป็นคนประเภทปล่อยเลยตามเลยกับทุกเรื่อง แต่กับคดีของติงว่าง เฮ่อลิ่วกลับแสดงท่าทีผิดปกติ... ดูใส่ใจมากจนเกินไปในเมื่อติงว่างถูกคนของกรมอาญาสอบสวนจนได้สถานะ “ผู้บริสุทธิ์” แล้ว ด้วยนิสัยปกติของเฮ่อลิ่ว ควรจะแกล้งทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเสียมากกว่า เหตุใดเขาถึงได้ใส่ใจคดีนี้นักหนา?หลิวต้าอายุเพียงสามสิบปี จะไปเคยได้ยินเรื่อง “คดีบ้านผีสิง” อันลึกลับพิสดารเมื่อยี่สิบปีก่อนได้อย่างไร รวมถึงเบาะแสเดียวของคดี... ตำรา ‘รวมขุมทรัพย์’ เล่มนั้น?ตอนนี้เฮ่อลิ่วสงสัยว่า วิธีซ่อนเงินในเสา เป็นสิ่งที่ติงว่างเรียนรู้มาจาก ‘ตำรารวมขุมทรัพย์’ ติงว่างคือเบาะแสในการตามหาสาเหตุการตายของบิดาและภรรยาของเขา!แม้เฮ่อลิ่วจะยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตาเฒ่าหูว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นคดีบ้านผีสิง แต่ชีวิตบิดาหนึ่งชีวิต ชีวิตภรรยาหนึ่งชีวิต เขาจะละทิ้งการตามหาความจริงไปได้อย่างไร?เที่ยงวันถัดมา เฮ่อลิ่วและตาเฒ่าหูคุมตัวติงว่างมายังศาลต้าหลี่ท่านหกแห่งองครักษ์เสื้อแพรมาส่งคดีด้วยตนเอง ศาลต้าหลี่ไม่กล้าชั
เฮ่อลิ่วรู้สึกตกใจ...คดีของติงว่าง กลายเป็นคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แล้ว! พยานแวดล้อมเพียงหนึ่งเดียวอย่างว่านอันเหลียงตายแล้ว กรมอาญาก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าติงว่างเป็นผู้บริสุทธิ์ ตอนนี้ติงว่างสามารถเดินออกจากกรมบัญชาการฝ่ายเหนืออย่าง ‘สะอาด’ แล้วเฮ่อลิ่วไปรายงานภารกิจกับผู้บัญชาการฝ่ายเหนือหลิวต้าผู้บัญชาการองค์ครักษ์เสื้อแพรลู่ปิ่งกำลังนั่งดื่มชากับหลิวต้าในห้องเวรพอดีลู่ปิ่งกล่าว “เจ้าหกมาแล้วหรือ วันนี้เที่ยง หลี่ว์กงกงชมเจ้าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำงานดีมาก! มีแต่เจ้าที่มีวิธีขนเสาเงินสี่ต้นนั้นไปตำหนักหลิงจี้”เฮ่อลิ่วกล่าว “หลี่ว์กงกงชมข้าน้อยเกินไปแล้ว แต่ว่าท่านผู้บัญชาการ เหมือนว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุดนะขอรับ”“อ้อ? ผู้กระทำความผิดว่านอันเหลียงถูกตัดหัวแล้ว ยังมีอะไรไม่สิ้นสุดอีก?” ลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่วเล่าเรื่องของติงว่างให้ผู้บัญชาการลู่ปิ่งฟังอย่างละเอียดลู่ปิ่งถามหลิวต้า “หยวนเจิ้ง เจ้ามองอย่างไร?”หลิวต้ากล่าว “ในเมื่อกรมอาญายืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ข้าน้อยคิดว่า บางทีติงว่างผู้นี้ อาจถูกปรักปรำจริงๆ”จากนั้นลู่ปิ่งถามเฮ่อลิ่ว “เจ้าหก เจ้าล่ะรู้สึกอย่างไร?”เฮ่อลิ่






![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
