Share

บทที่ 6

ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”

“หุบปาก!”

จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”

ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้ว

จักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”

ซวยแล้ว!

แสดงเกินบทบาท!

หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้าน

แม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้ว

จากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!

พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”

หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต่วันนี้ลูกเพียงอยากตายในสมรภูมิรบอย่างภาคภูมิพ่ะย่ะค่ะ! ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาด้วย!”

“เจ้า…”

จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงทำให้โกรธจนแทบจะพ่นไฟ “พี่ใหญ่ของเจ้า ก่อนหน้านี้เพิ่งจะชักกระบี่สังหารตนเพราะล้มเหลวในการก่อกบฏ! มาวันนี้ เจ้าก็ยังคิดจะไปสังเวยชีวิตอีก? นี่ไม่ใช่การแก้แค้นกับข้าหรือไง?”

“ฝ่าบาท โปรดรักษาพระวรกายด้วยเพคะ!”

ซูเฟยปลอบพระทัยจักรพรรดิเหวิน แล้วก็รีบเสแสร้งพูดกับหยุนเจิงขึ้นอีกว่า “หยุนเจิง เรื่องของพี่สามเจ้านั้น ข้าจะไม่เอาเรื่องกับเจ้าอีก! เจ้ารีบลุกขึ้นยืนเร็ว อย่าให้เสด็จพ่อของเจ้าต้องกังวลพระทัย!”

ถุย!

บิดาไม่ให้เจ้ามีโอกาสใช้มีดมาแทงข้างหลังหรอก!

หยุนเจิงลอบด่าในใจไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “ความหวังดีของพระสนมซูเฟยกับเสด็จพ่อลูกขอรับไว้ด้วยใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกอยู่อย่างอ้อนแอดมาหลายปี ควรจะใช้ชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิสักครั้งแล้ว!”

คำพูดของคนทั้งสอง ทำให้ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งราชสำนักไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

แม้กระทั่งซูเฟยที่เมื่อครู่ร้องไห้คร่ำครวญขอจักรพรรดิเหวินให้ความเป็นธรรมแก่องค์ชายสามเมื่อครู่ มาถึงตอนนี้กลับรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องกับองค์ชายหกเรื่องนี้อีก?

แต่หยุนเจิงก็ตั้งมั่นใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไปสังเวยชีวิต?

นี่มันเรื่องอะไรกันขอรับเนี่ย!

“องค์ชายหก รีบขอบพระทัยฝ่าบาทเถิด! อย่าทำให้ทรงกริ้วอีกเลย”

เวลานี้ จางฮว๋ายขุนนางสามราชวงศ์พูดโน้มน้าวแล้ว

“จริงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายหก ฝ่าบาทกับพระสนมซูเฟยต่างให้อภัยท่านแล้ว…”

“องค์ชายหก อย่าก่อเรื่องอีกเลย พวกเรายังต้องเจรจาหารือปัญหาใหญ่กับฝ่าบาทอีกนะพ่ะยะค่ะ …”

ชั่วครู่หนึ่ง ผู้คนทั้งหมดในราชสำนักต่างมาพูดโน้มน้าวหยุนเจิง

พอหยุนเจิงได้ฟังคำพูดห้ามปรามโน้มน้าวของคนเหล่านนี้ ในใจได้แต่ลอบด่ามารดา

มารดาพวกเจ้าสิ!

ต้องเป็นเพราะวิธีเปิดบทละครของตนผิดพลาดแน่ๆ!

“เสด็จพ่อโปรดเมตตา!”

หยุนเจิงส่งเสียงดังขอร้องอีกรอบ “ลูกไม่มีปัญญาทำเรื่องอื่น ขอเพียงความตายของลูกสามารถปลุกขวัญกำลังใจให้กับบรรดากองทัพทหารและสามารถอุดปากผู้คนได้ อย่าให้ผู้คนใต้หล้าพูดได้ว่าราชวงศ์เรามีแต่คนรักตัวกลัวตายพ่ะย่ะค่ะ!”

“หากสามารถสำเร็จลุล่วงได้เพียงหนึ่งในสองข้อ ก็นับว่าความตั้งใจสำเร็จแล้ว!”

“หากเสด็จพ่อไม่อนุญาต ลูกคงทำได้เพียงวิ่งชนเสาในท้องพระโรงนี้ ใช้ความตายเป็นตัวพิสูจน์!”

สิ้นเสียงของหยุนเจิง ทันใดนั้นในท้องพระโรงก็ไม่มีแม้แต่เสียงนกกา

ทุกคนจับจ้องไปที่หยุนเจิงอย่างเหม่อลอย คิดไม่ถึงว่าเขาจะรั้นเพียงนี้

จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงกระตุ้นจนบันดาลโทสะ สีพระพักตร์เขียวคล้ำ ตะโกนเสียงทุ้มว่า “ได้! ในเมื่อเจ้าจะไปตายให้ได้ ข้าก็จะส่งเสริมเจ้า! ประกาศพระราชโองการ: แต่งตั้งองค์ชายหกหยุนเจิงเป็นแม่ทัพพยัคฆ์ และจะเลือกวันพิธีสมรสกับเสิ่นลั่วเยี่ยนบุตรีของท่านแม่ทัพเสิ่นหนานเจิง ภายในครึ่งเดือนหลังสมรส ให้เดินทางไปยังซั่วเป่ย…”

หยุนเจิงเพียงได้ยินคำพูดประโยคแรกของจักรพรรดิเหวินก็ดีใจจนจะเสียสติแล้ว

หากได้เป็นตำแหน่งเสี้ยวเว่ยในกองทหารก็นับว่าไม่เลวแล้ว!

คิดไม่ถึงว่า บิดาจำเป็นของเขาจะน้ำใจกว้างขวาง แถมยังแต่งตั้งให้เขาป็นแม่ทัพพยัคฆ์ด้วย!

แต่ว่า พอได้ยินประโยคหลัง หยุนเจิงก็สับสนแล้ว

ท่านพระราชทานกระบี่วิเศษมาให้ไม่ดีกว่าหรือไงเล่า!

พระราชทานพิธีสมรสทำไมเล่า?

โคตรบิดามารดาเจ้าสิ!

สตรีจะส่งผลต่อความเร็วในการชักกระบี่ของข้านะรู้ไหม!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status