Share

บทที่ 5

เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!

คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนัก

เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคน

แม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขา

ไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”

“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”

ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อย

โดยเฉพาะฝ่ายบู๊

พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆ

สำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมุกคน จักรพรรดิเหวินก็พยักหน้าเบาๆ

ไม่นานนัก สายตาของจักรพรรดิเหวินมองไปที่หยุนเจิงอีกครั้ง “หากเจ้ามีความตั้งใจนี้ ข้าก็ดีใจ! ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าอยากไปชายแดนหรือไม่?”

หยุนเจิงกำลังจะเอ่ยปากกล่าว แต่สวีสือฝู่ก็ไม่ยอม จึงเอ่ยออกมาว่า

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้จะยอมไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

สวีสือฝู่โน้มตัวพลางกล่าว

“เหตุใดถึงยอมไม่ได้?”

จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงแล้วถาม

สวีสือฝู่กล่าว “องค์ชายหกกล้าหาญเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่สถานการณ์ในสนามรบมีการผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากองค์ชายหกถูกจับตัว เช่นนั้นจะไม่เป็นการทำให้แคว้นต้าเฉียนอับอายขายหน้าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“นี่เจ้า...”

จักรพรรดิเหวินตกใจเล็กน้อย และขมวดคิ้วครุ่นคิดอีกครั้ง

ความเป็นห่วงของสวีสือฝู่ใช่ว่าจะไร้เหตุผล

หากองค์ชายถูกจับ คงเป็นเรื่องขบขันไปทั่วทั้งใต้หล้า

เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้ผล หยุนเจิงจึงรีบคิดหาวิธีรับมือ

ไม่นานนักหยุนเจิงก็เอ่ยปากกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “ลูกกล้าสู้รบ เสด็จพ่อได้โปรดประทานกระบี่วิเศษให้ลูกสักเล่ม!”

หึๆ คำพูดของสวีสือฝู่ช่วยเขาได้พอดี!

หากขอให้ฮ่องเต้ประทานกระบี่วิเศษให้สักเล่ม เมื่อถึงชายแดนแล้ว การแย่งชิงอำนาจก็จะสะดวกมากขึ้น

แม้จะไม่กระบี่สวรรค์อันใด แต่ก็เป็นกระบี่วิเศษที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้เชียวนะ!

เมื่อถึงยามจำเป็น ก็สามารถเอาออกมาขู่คนอื่นได้!

“เหตุใดเจ้าถึงขอให้ข้าประทานกระบี่วิเศษให้เจ้า?”

จักรพรรดิเหวินกล่าวถามด้วยความสงสัย

หยุนเจิงทำสีหน้าท่าทางโศกเศร้าเสียใจ “หากถึงวันที่ลูกถูกจับตัวขึ้นมาจริงๆ ลูกจะจบชีวิตลูกด้วยกระบี่วิเศษที่เสด็จพ่อประทานให้ ยอมตายดีกว่าต้องเป็นนักโทษ!”

“เจ้าไม่กลัวตายหรือ?” จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนง ไม่เชื่อว่าหยุนเจิงจะมีความกล้าปานนั้น

“กลัวพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้า

จักรพรรดิเหวินทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก กล่าวด้วยสีหน้าดำคล้ำว่า “ในเมื่อกลัวตาย แล้วเจ้ายังจะ...”

จักรพรรดิเหวินยังไม่ทันตรัสจบ หยุนเจิงก็พึมพำกับตัวเองว่า “ตอนมีชีวิตอยู่ก็ทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว จะอยู่หรือตายก็ไม่ต่างกันเท่าใด โลกมนุษย์และยมโลกไม่ต่างกัน เพียงแค่ล่องลอยไปต่างถิ่นก็เท่านั้น..."

หยุนเจิงไม่ได้พูดเสียงดัง แต่จักรพรรดิเหวินกับเหล่าขุนนางต่างได้ยินอย่างชัดเจน

แม้นแต่เหล่าขุนนางต่างก็รู้สึกเศร้าโศกเมื่อได้ยินกวีนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงจักรพรรดิเหวินเลย

“โลกมนุษย์และยมโลกไม่ต่างกัน เพียงแค่ล่องลอยไปต่างถิ่นก็เท่านั้น…”

จักรพรรดิเหวินพึมพำเสียงเบา

ทันใดนั้นเองจักรพรรดิเหวินก็คิดขึ้นได้ว่าตนเองนั้นไม่เคยเป็นห่วงเป็นใยโอรสคนนี้เลย

จู่ๆ น้ำพระเนตรก็คลอเบ้าของจักรพรรดิเหวิน

จักรพรรดิเหวินรีบหันพระเกศาไปทางอื่น ไม่ให้ผู้ใดเห็นน้ำพระเนตรของพระองค์

เขาไม่รู้เลยว่าโอรสที่ถูกเขาเมินเฉยมาตลอดผู้นี้ได้รับความทุกข์ใจมามากเพียงใดถึงได้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมา

ในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเสียใจอยู่กับตัวเอง ทันใดนั้นหมอหลวงก็เข้ามารายงาน

จักรพรรดิเหวินหันหลังให้เหล่าขุนนาง กล่าวถามอาการชาดเจ็บของหยุนลี่

หมอหลวงโค้งคำนับพลางรายงานว่า “องค์ชายสามไม่ได้เป็นอันใดมากพ่ะย่ะค่ะ หลังจากได้รับโอสถ อาการก็ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ รักษาตัวอีกสามวันห้าวันก็จะหายดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้ารู้แล้ว กลับไปเถอะ!” จักรพรรดิเหวินโบกมือพลางตรัส

หมอหลวงรีบโค้งคำนับกล่าวทูลลา

จักรพรรดิเหวินปรับอารมณ์แล้วหันกลับมาอย่างช้าๆ พลางกล่าว “เอาล่ะ ในเมื่อพี่สามของเจ้า...”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status