ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต
ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ
มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั
เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็
“…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั
ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ
ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู มู่ซุ่นก็มามอบราชโองการพอหยุนเจิงได้ยินรชโองการ ในใจทั้งยินดีทั้งเศร้าหมองที่ยินดีก็เพราะเขาไม่ต้องอยู่ในวังแล้ว สามารถทำอะไรในที่ลับได้บ้างแต่เขาก็กังวลว่าหากจู่ๆ จักรพรรดิเหวินรู้สึกผิดต่อตนเองขึ้นมา สมอเกิดทำงานผิดพลาด หลังพิธีสมรสก็ไม่ส่งตัวเขาไปซั่วเป่ยแล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็แย่แล้วจริงๆ!ทว่า ต่อให้ตอนนี้เขาจะกังวลใจก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรับราชโองการอย่างหน้าชื่นบานแม้ว่าหยุนเจิงจะอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี แต่ของของเขามีไม่มากแค่เก็บเพียงครู่ หยุนเจิงก็พาองครักษ์ทั้งคู่จากไปพอมาถึงจวนอวี๋ เขาเพิ่งจะพบว่าป้ายจวนอวี๋ถูกแกะลงมาแล้ว เปลี่ยนเป็นป้ายจวนองค์ชายหกพอดูป้ายชื่อแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเร่งทำขึ้นมาทั้งคืน ฝีมือไม่ประณีตเท่าไหร่ แม้แต่สีน้ำมันที่ลงทับยังไม่ทันแห้งดีเสียด้วยซำ!“รับเสด็จองค์ชายหก!”คนในจวนรีบทำการคาราวะให้มันได้อย่างนี้สิ คนไม่น้อยเลยหากรวมชายหญิงทั้งหมดแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าคนในคนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรับใช้กับคนสวนยังมีองครักษ์อีกหกนายทว่า คนพวกนี้คงเป็นคนที่จักรพรรดิเหวินให้คนจัดหามาให้ ในใจหยุนเจิงเกิ