ท้องพระโรง ฮ่องเต้หวู่เห็นเหล่าขุนนางมีสีหน้าตกตะลึง ก็อดที่จะแย้มพระสรวลในพระทัยไม่ได้ ข้าเรียกพวกเจ้ามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ก็เพื่อที่จะได้เห็นสีหน้าตกตะลึงจนคางแทบหลุดของพวกเจ้านี่แหละพ่อเสือย่อมไม่ให้กำเนิดลูกสุนัข ข้าดูเจ้าเก้าไม่ผิดจริงๆ!บัดนี้ข้าแก่ชราแล้ว แม้จะไม่สามารถลงสนามรบเพื่อสังหารศัตรูได้ด้วยตนเอง แต่เจ้าเก้าได้สืบทอดเจตนารมณ์ของข้า ช่วยข้าทำศึกสี่ทิศ! ความรู้สึกภาคภูมิใจเช่นนี้ บิดาทุกคนย่อมเข้าใจดีสิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่รู้สึกสบายพระทัยยิ่งขึ้นคือ หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ทราบว่าหลี่หลงหลินขุดสุสานขโมยศพเพื่อใช้โจมตีเมือง คงมีพวกบัณฑิตหัวโบราณที่ชอบอ้างคุณธรรมกระโดดออกมากล่าวหาว่าเขาใช้แผนการที่โหดเหี้ยม ขัดต่อหลักเมตตาธรรมไปแล้ว แต่ผลลัพธ์คือ ไม่มีเลย นี่ก็เป็นความดีความชอบของเจ้าเก้าเช่นกัน การกวาดล้างขุนนางครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดราชสำนักก็ไม่เน่าเฟะเหมือนเมื่อก่อน! ความรู้สึกปลอดโปร่งเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้หวู่ได้สัมผัสด้วยพระองค์เองตลอดหลายปีที่ครองราชย์แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักจะยืนอยู่ข้างเดียวกับ
ตูม!คำพูดของฮ่องเต้หวู่เปรียบเสมือนระเบิดลูกยักษ์ที่ถูกโยนลงกลางวงขุนนาง ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก สงสัยในหูของตัวเองอะไรนะ? ไม่ใช่ข่าวร้าย แต่เป็นข่าวดีเมืองซั่วเป่ยถูกตีแตกแล้ว? จะเป็นไปได้อย่างไร!ต้องรู้ก่อนว่า เมืองซั่วเป่ยนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า อีกทั้งเซียวหงยังเป็นหนึ่งในแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงที่สุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ คุมกำลังทหารนับแสนนาย และในจำนวนนั้นยังมีทหารม้าเกราะเหล็กอยู่ไม่น้อย เหตุใดจึงรักษาเมืองซั่วเป่ยไว้ไม่ได้?ต่อให้จางไป่เจิงจะเก่งกาจปานใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตีเมืองซั่วเป่ยให้แตกได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้!ขุนนางฝ่ายบุ๋นผู้หนึ่งเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท คนที่ตีเมืองซั่วเป่ยแตกคือแม่ทัพจางหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หากเป็นจางไป่เจิง ก็ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรเสีย จางไป่เจิงก็เป็นแม่ทัพผู้ผ่านสมรภูมินับร้อยและประจำการอยู่ที่ซั่วเป่ยมานานหลายปี สำหรับสถานการณ์ของเมืองซั่วเป่ยนั้น ไม่มีใครจะเข้าใจได้ดีไปกว่าจางไป่เจิงอีกแล้วฮ่องเต้หวู่แย้มพระสรวลจนหุบไม่ลง “ผู้
เมืองหลวงช่วงนี้มีข่าวลือแพร่สะพรัดไปทั่วทุกหนแห่งจางไป่เจิงไปยังดินแดนทางเหนือได้ระยะหนึ่งแล้วได้ยินมาว่ารัชทายาทและพระชายารัชทายาทเองก็ไปด้วยทว่าดินแดนทางเหนือกลับไม่มีข่าวใดถูกส่งมายากจะไม่ให้คนคิดมากมีคนพูดว่าต้าเซี่ยแพ้สงครามแล้วถึงขั้นมีคนพูดว่าจางไป่เจิงตายในสนามรบ หลี่หลงหลินค้อมตัวยอมจำนนต่อซั่วเป่ยเหล่าราษฎร์ต่างอกสั่นขวัญแขวน วุ่นวายไปทั้งหมดราชสำนักเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยความอึมครึมเหล่าขุนนางไม่มีใจทำงานราชการ ลอบกำชับครอบครัว เก็บเงินทองทรัพย์สมบัติ พร้อมออกเดินทางลี้ภัยลงใต้ทุกเมื่อฮ่องเต้หวู่เองก็ร้อนใจสุดขีด“ฝ่าบาท ดินแดนทางเหนือส่งข่าวมา แม่ทัพเลื่องชื่อแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเซียวหงโจมตีกลางวิกาล ล้อมจางไป่เจิงไว้...”“ฝ่าบาท โชคดีรัชทายาทและพระชายารัชทายาทไปถึงทันเวลา พลิกสถานการณ์เลวร้าย ช่วยเหลือจางไป่เจิงเอาไว้”“รัชทายาทไม่ยอมโจมตียึดเมืองคืน ร้องเล่นเต้นรำทุกวัน ร่ำสุราหาความเพลิดเพลิน...”“ฝ่าบาท รัชทายาทไปขโมยศพของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแลกตัวประกันกลับคืนมา”แต่ละข่าวล้วนส่งเข้าหูฮ่องเต้หวู่ อารมณ์ภายในใจของเขาคล้ายกำลังนั่
นี่เห็นได้ชัดว่ารนหาที่ตาย!ความคิดของหลี่หลงหลินอันตรายเกินไปแล้ว!ยังไม่ต้องพูดว่าจะไปหาค่ายใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่นั้นเยี่ยงไรต่อให้หาพบ น่ากลัวว่านี่คือแกะเข้าปากเสือ!เขาแม่ทัพร้อยสมรภูมิรบล้วนไม่กล้าวู่วามเข้าโจมตีหากหลี่หลงหลินพาทหารไป นั่นมีเพียงต้องตายสถานเดียว!จางไป่เจิงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “องค์ชาย ไม่ได้เป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ! สนามรบไม่ใช่เรื่องเล่น ไม่อาจทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้ได้!”“ยิ่งไปกว่านั้นพระบรมราชโองการของฝ่าบาทในครั้งนี้คือโจมตียึดเมืองซั่วเป่ยคืนมา บัดนี้ยึดกลับคืนมาได้อย่างราบรื่นแล้ว องค์ชายก็สามารถย้ายกลับเมืองหลวงรับรางวัลได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”“หากละโมบในผลงานวู่วามลงมือ เป็นไปได้มากว่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในทะเลทรายแห่งนี้”“โปรดวินิจฉัยด้วย!”หลี่หลงหลินถลึงตาใส่จางไป่เจิงแวบหนึ่ง สบถเสียงเย็นชา “เหตุใดเจ้าคิดว่าข้าออกรบแล้วจะต้องพ่ายแพ้?”จางไป่เจิงหายใจเข้าลึกๆ “เพราะแต่ไหนแต่ไรมาต้าเซี่ยไม่เคยโจมตีก่อน...”นับตั้งแต่โบราณมาต้าเซี่ยและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือต่อสู้กันไม่รู้กี่มากน้อยภายในนั้นมีทั้งชนะและพ่า
ภายในกระโจมทหารทหารหนึ่งนายเข้ามารายงาน “องค์ชาย หมอเทวดาซุนกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หลงหลินลุกขึ้น สีหน้าเองก็จริงจังขึ้นมา “รีบเชิญนางเข้ามา”ได้เห็นซุนชิงไต้สวมชุดกระโปรงสีฟ้าเดินเนิบๆ เข้ามาภายในกระโจม ดวงตาคู่นี้คล้ายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ผิวพรรณขาวเนียนทำให้นางดูอ่อนเยาว์เป็นพิเศษ คล้ายสาวร้อยแรกแย้มหากนางไม่แบกกล่องยาไว้บนหลัง ย่อมไม่มีคนสามารถมองออกว่านางคือหมอเทวดาอันดับหนึ่งของต้าเซี่ยซุนชิงไต้วางกล่องยาลง ถอดหน้ากากลง “คารวะองค์ชาย”หลี่หลงหลินเอ่ยถาม “พี่สะใภ้สาม ท่านเพิ่งกลับจากเมืองซั่วเป่ย สถานการณ์ที่นั่นเป็นเช่นไร?”หลี่หลงหลินส่งซุนชิงไต้ไปเมืองซั่วเป่ย ก็คือให้นางดูสถานการณ์ของเมืองซั่วเป่ยอย่างไรเสียซุนชิงก็เป็นหมอเทวดาแห่งต้าเซี่ยย่อมตัดสินใจทางด้านนี้ได้แม่นยำยิ่งกว่าซุนชิงใต้เผยสีหน้าโศกเศร้า ส่ายหน้า! “ทุกคนภายในเมืองซั่วเป่ยล้วนติดโรคระบาด ไม่มีเหลือรอด บัดนี้ภายในเมืองกำลังวุ่นวาย...”“สถานการณ์วุ่นวายอย่างมากเพคะ.....”หลี่หลงหลินไม่แปลกใจเขาไม่ได้กังวลความเป็นตายของทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแต่เมื่อใดถึงจะสามารถยึดเมืองซั่วเป่ยกลับคืนมา
หลี่หลงหลินค่อยๆ ลุกขึ้น เดินมาหยุดต่อหน้าเซียวหง “ที่แม่ทัพเซียวเพิ่งพูดไปก็ถูกแล้ว ข้าเป็นคนต่ำต้อย เป็นคนโหดเหี้ยม!”“ข้าคร่าชีวิตคน!”“ข้ายิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งไม่อาจละเว้นชีวิตของเจ้าได้!”เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาทุกคนต่างพากันตกใจหลี่หลงหลินพูดมีเหตุผลยิ่งไปกว่านั้น ยามอยู่ในสนามรบไม่สามารถใจอ่อนต่อศัตรูได้มีเมตตาต่อศัตรู นั่นคือทำร้ายตนเองอย่างอนาถหลี่หลงหลินพูดเสียงเคร่งขรึม “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ขุดหลุดศพนอกเมืองซั่วเป่ยเดี๋ยวนี้เลย!”“ข้าจะฆ่าและฝังทหารภายในเมืองซั่วเป่ยทั้งหมด!”สิ้นคำภายในค่ายทหารเกิดเสียงดังลั่นราวกับหม้อระเบิด!ทหารสองฝ่ายต่อสู้กัน ไม่สังหารทูต ไม่ฆ่าทหารยอมจำนนแต่หลี่หลงหลินไม่เพียงสังหารทูต ยังฆ่าทหารยอมจำนนหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป น่ากลัวว่าต้าเซี่ยจะต้องเสียหน้า!ทุกคนล้วนมองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อคนตกตะลึงพรึงเพริดที่สุดก็คือเซียวหงเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลี่หลงหลินจะโหดเหี้ยมเพียงนี้!เซียวหงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “หลี่หลงหลิน เจ้าไม่ใช่คน!”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ใช้วิธีของเจ้าเอาคืนเจ้าอย่างไรเล่า”“ข้าก็แค่ใช้วิธีของพวก