Share

บทที่ 340

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
มู่หรงฟู่ยิ้มเยาะและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็แต่งบทกวีสิ กระหม่อมมิเชื่อหรอกว่าท่านจะทำได้จริง ๆ!”

ฉินซูกลอกตาไปมา จากนั้นก็ขยิบตาแล้วถามว่า “มู่หรงฟู่ ในเมื่อพูดเช่นนี้ เจ้าอยากเดิมพันกับข้าด้วยหรือไม่?”

มู่หรงฟู่พูดโดยมิได้คิดอะไร “เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวกันเล่า!”

แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็รู้สึกมิสบายใจขึ้นมาจึงรีบพูดต่อ “แต่งบทเดียวมินับ ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งสอง… โอ้ ไม่สิ สามบทแล้วกัน! หากท่านแต่งกวีสามบทเกี่ยวกับเพลงอำลามิได้ก็จะถือว่าแพ้ จากนั้นก็ต้องเห่าให้เหมือนสุนัขต่อหน้าธารกำนัล กล้าหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็บังเกิดความโกลาหล ณ ที่แห่งนี้

ให้องค์รัชทายาทเห่าเลียนแบบสุนัขน่ะหรือ นี่มิเป็นการโยนศักดิ์ศรีของราชวงศ์ต้าเหยียนลงพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างหนักหรือไร

มิทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ฉินซูก็ตอบตกลงอย่างมิลังเล

“ตกลง หากข้าแต่งกวีสามบทได้ หลังจากคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เจ้า มู่หรงฟู่จะต้องอยู่ในเมืองหลงเฉิงแคว้นต้าเหยียนเป็นเวลาครึ่งปี!”

คำพูดของฉินซูทำให้สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนไป!

ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ มู่หรงฟู่จะสามารถกลับไปยังเป่ยเยี่ยนได้หลังจ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (9)
goodnovel comment avatar
รุจน์ สมสีมี
หายไปไหนแล้วไม่อัพเลย..
goodnovel comment avatar
รัฐภูมิ สุดรุ่งโรจน์
กว่าจะอัพเดทแต่ละที
goodnovel comment avatar
phing1048
รอมา1อาทิตย์ไม่อัพเดดเลย
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 341

    คำพูดนี้ของฉินซูมิใช่เป็นการถ่อมตัวเสียทีเดียว เพราะหากเขามิใช่ผู้เดินทางข้ามเวลามาแล้วนั้น มิต้องพูดถึงกวีโบราณเลย แม้แต่ต่อโคลงคู่ เขาก็คงทำมิได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าท่าทางถ่อมตัวของเขาในสายตาของมู่หรงฟู่นั้นกลับกลายเป็นการเสแสร้ง! มู่หรงฟู่แค่นเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยเร่งอย่างหงุดหงิดว่า “ฉินซู นี่แค่หนึ่งบทเท่านั้น ยังเหลืออีกสองบท!” “ในเมื่อเจ้าร้อนใจเช่นนี้ ข้าก็จะมิหลบซ่อนอีกแล้ว ทุกคนจงฟังให้ดี!” ฉินซูกระแอมและเริ่มเปล่งเสียงท่องบทกวีดังชัดเจน “อัสดงหม่นหมองท้องฟ้าอุไรไกลนับพันลี้ มีฝูงห่านลมพัดผ่านหิมะโปรยปราย อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน!” เขาท่องแค่บทที่หนึ่งของบทกวีอำลาต่งต้าเท่านั้นส่วนบทที่สองนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยออกมาเลยเพราะแค่บทแรกก็ทำให้พวกเขาร้องอุทานอย่างประหลาดใจได้แล้ว เป็นไปตามคาด เมื่อเสียงของเขาหยุดลง ทุกคนต่างประทับใจและหลงใหลไปตาม ๆ กัน “อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน! ช่างเป็นกวีที่ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมนัก!” “บทกวีเต็มไปด้วยจินตภาพอันงดงาม แค่หลับตาลงก็เห็นภาพท้องฟ้าอุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 342

    เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง! ”ว่ากระไรนะ? บทกวีของรัชทายาทสามารถร้องเป็นเพลงได้งั้นหรือ?” “มิเคยได้ยินและมิเคยเห็นเรื่องเช่นนี้เลยจริงๆ!” “รัชทายาททรงรีบร้องเถิด พวกเราอดใจรอมิไหวแล้ว!” ทุกคนพูดพร้อมกับพากันเอ่ยเร่งออกมา ยามนี้เอง มู่หรงจื่อเยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันสามารถดีดพิณได้ หากองค์รัชทายาทมิรังเกียจ หม่อมฉันจะเป็นผู้บรรเลงพิณให้ท่านเอง” “ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” สายตาทุกคนหันมาจับจ้องที่มู่หรงจื่อเยียนทันที! เซี่ยหลานที่เต็มไปด้วยความหึงหวง เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านหญิงจื่อเยียน ท่านเป็นชาวเป่ยเยี่ยน ตอนนี้เสนอตัวดีดพิณให้กับองค์รัชายาทต้าเหยียนของพวกเรา เช่นนี้… ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” หนานกงจื่อชินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตำหนิเบา ๆ ว่า “จื่อเยียน ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง อย่าลืมว่าท่านคือท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยนของเรา” มู่หรงจือเยียนขบริมฝีบากเบา ๆ แล้วอธิบายอย่างน้อยใจว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น ถึงแม้การประลองนี้จะเกี่ยวข้องกับสองแคว้น ทว่าก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ว่า เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น เพราะฉะนั้นมิจำเป็นต้องทำใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 343

    ทั้งสองมองหน้ากันพลางยิ้มให้กันอย่างสดใสโดยมิได้นัดหมาย ราวกับเห็นใจและเข้าใจกันเป็นอย่างดี เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ หนานกงจื่อชินรู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที เขาดึงตัวมู่หรงจื่อเยียนมาใกล้ ๆ แล้วกระซิบว่า “จื่อเยียน ท่านกำลังทำอะไร เขาคือองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ศัตรูแคว้นเป่ยเยี่ยนของเรา กระหม่อมมิว่าอะไรที่ท่านดีดพิณให้เขา ทว่าถ้าท่านคิดเป็นอื่นกับเขา กระหม่อมมิอาจมองข้ามได้!” มู่หรงจื่อเยียนตกใจและรีบอธิบายว่า “ท่านพี่จื่อชิน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย เพียงแค่รู้สึกว่าบทกวีที่เขาเพิ่งขับร้องนั้น…” พูดมิทันจบ หนานกงจื่อชินซักถามด้วยความโกรธเคืองว่า “บทกวีที่เขาร้องเป็นอย่างไรรึ? ท่านรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยม รู้สึกว่าเขามีพรสวรรค์และน่าทึ่ง รู้สึกว่าเขาเป็นบุรุษที่ท่านใฝ่ฝันใช่หรือไม่?” “มิ… มิใช่เช่นนั้น ท่านพี่จื่อชินฟังข้าอธิบายก่อน…” “มิต้องอธิบาย ท่านควรตระหนักถึงสถานะของตนเองและถอยออกมาก่อนจะสายเกินไป มิเช่นนั้น ใครก็ช่วยท่านมิได้ กระหม่อมขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำให้ท่านอ๋องอวี้ต้องเดือดร้อน!” ได้ยินเช่นนี้ มู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 344

    ครั้นแล้วฉินเซียวก็เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ใต้เท้าหวัง อันที่จริงข้อสงสัยขององค์ชายมู่หรงก็มิใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลนัก มิว่าอย่างไรทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าองค์รัชทายาทเป็นคนเช่นไร” หวังฉือแค่นเสียงตะคอกเย็นชา “ท่านอ๋องหนิง ข้าน้อยขอเตือนท่านว่า ท่านทรงเป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนของพวกเรา มิใช่ฝั่งเป่ยเยี่ยน เวลาพูด ขอให้ระมัดระวังจุดยืนของตัวท่านด้วย!” ฉินเซียวผายมือออกแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าหวังก็พูดเกินไป ข้าแค่พูดอย่างยุติธรรมเท่านั้นเอง ในเมื่อองค์ชายมู่หรงเกิดข้อสงสัย เช่นนั้นแล้วองค์รัชทายาทก็ควรจะพิสูจน์ตนเพื่อความโปร่งใส วิธีนี้จึงจะได้รับการนับถือมิใช่หรือ?” “พูดจาไร้สาระสิ้นดี องค์รัชทายาทชนะก็คือชนะ บัดนี้มู่หรงฟู่กล่าวหาองค์รัชทายาทโดยไม่มีหลักฐาน มิใช่คิดจะบิดพลิ้วหรือไร? ที่คิดมิถึงไปกว่านั้นคือ ท่านอ๋องหนิงที่เป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนกลับสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายต่างแคว้นผู้นี้ การกระทำเช่นนี้คู่ควรกับการโปรดปรานที่องค์จักรพรรดิทรงมีต่อท่านหรือไม่? หรือว่าท่านอ๋องหนิงคิดจะกบฏต่อแผ่นดิน?” คำพูดของหวังฉือคมกริบ ตรงประเด็นสำคัญทุกคำ! และหลังจากที่ฉินอู๋ต้าวได้ยินคำพูดของหวังฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 345

    สิ่งที่ทำให้ฉินซูประหลาดใจที่สุดคือทับทิมที่ฝังอยู่ในด้ามจับของกริช อัญมณีเม็ดนี้มีเส้นสายคมชัด เมื่อดูผิวเผิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายกับสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคสมัยใหม่ก่อนที่เขาจะเดินทางข้ามเวลามา ตามหลักแล้วในยุคโบราณที่มีเทคโนโลยีล้าหลัง เป็นไปมิได้เลยที่จะเจียระไนอัญมณีแข็ง ๆ ให้เป็นรูปทรงเช่นนี้แม้จะขัดให้เข้ารูป ก็จะต้องมีร่องรอยความหยาบกร้านอยู่บ้างแน่นอน แต่เมื่อฉินซูตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่า ทุกพื้นผิวของทับทิมเม็ดนี้เรียบเนียนไร้ที่ติ เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ คำอธิบายเดียวคือมันถูกตัดด้วยเทคโนโลยีศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เพียงแต่ผลิตภัณฑ์เช่นนี้จะปรากฏในยุคศักดินาของโลกต่างมิติได้อย่างไร? ฉินซูครุ่นคิดอย่างไรก็มิเข้าใจ ครั้นเห็นว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางคิดออกได้ในตอนนี้ ฉินซูจึงเลิกคิ้วและมองมู่หรงฟู่พร้อมถามว่า “มู่หรงฟู่ ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?” ในขณะที่พูดเขายังจงใจยกกริชในมือขึ้นภายใต้แสงอาทิตย์ ภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง ใบมีดของกริชเปล่งแสงเย็นออกมาจาง ๆ ราวกับสามารถพรากวิญญาณของคนไปได้! เมื่อมู่หรงฟู่นึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 346

    ฉินเซียวเห็นฉินอู๋ต้าวมิพูดอะไรจึงกัดฟันพูดขึ้นมา เขาชี้ไปที่ฉินซูและถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านเพิ่งพูดว่าหมู่เฟยตั้งใจก้าวก่ายการตัดสินใจแทนเสด็จพ่อ แต่บัดนี้ท่านกำลังบีบบังคับผู้อื่นเช่นนี้ มิยิ่งเป็นการก้าวก่ายเช่นกันงั้นหรือ?” ฉินซูรู้สึกขบขันกับคำพูดของฉินเซียว “ฮ่า ๆ ฉินเซียวเอ๋ยฉินเซียว เสด็จพ่อเพิ่งจะขอให้เจ้าคิดให้ดีก่อนพูด แต่เจ้ากลับมิใส่ใจเลยจริง ๆ! การเดิมพันเมื่อครู่ ข้าบังคับให้เจ้ามาพนันกับข้าหรือไร? ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นเสด็จพ่อทรงอนุญาตเป็นนัย ดวงตาหลายคู่ต่างก็มองเห็นกันทั้งนั้น ข้าพูดตามความจริง แล้วไฉนในปากของเจ้ากลับกลายเป็นว่าข้าก้าวก่ายไปได้เล่า?” “ข้า…” ฉินเซียวทำอะไรมิถูก ถึงแม้ความคิดในหัวจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็หาคำที่เหมาะสมมาตอบโต้ฉินซูมิได้ไปสักพัก ฉินซูเอามือไพล่หลังแล้วพูดต่อ “บัดนี้เจ้ากับหมู่เฟยกลับคำต่อหน้าธารกำนัลแล้วยังคิดจะให้หมู่เฟยสนับสนุนพวกเจ้าอีก อย่างไรกัน พวกเจ้าอยากให้คนทั่วหล้าหัวเราะเยาะงั้นหรือ? เสด็จพ่อเป็นจักรพรรดิสูงศักดิ์ คำพูดของพระองค์หนักแน่นที่สุด หากพระองค์กลับคำและผิดคำพูดเหมือนพวกเจ้าทั้งสอง ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 347

    ฉินอู่ต้าวขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลในใจอยู่เล็กน้อย ฉินซูก้าวมาด้านหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งมิได้ถ่อมตนและหยิ่งผยอง “เสด็จย่าทวด ท่านคือพระอัยยิกาของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อทรงยอมท่านย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าผู้น้อยอยากขอเตือนเสด็จทวดว่า นอกจากเสด็จพ่อจะทรงเป็นพระราชนัดดาของท่านแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนของพวกเราด้วย! การกระทำทุกอย่างของพระองค์ ล้วนเชื่อมโยงกับแผ่นดินและความมั่นคงของแคว้น มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่าจักรพรรดิตรัสคำไหนคำนั้นได้อย่างไร? แน่นอนว่าคำพูดของท่าน เสด็จพ่อมิอาจมิรับฟังได้ เพียงทว่า วันนี้เสด็จพ่อต้องกระทำสิ่งที่ทำให้คำพูดพระองค์หมดความน่าเชื่อถือเพราะอิทธิพลของเสด็จย่าทวด นั่นจะมิทำให้พระองค์ถูกมองว่าไร้ความซื่อสัตย์ไร้ความเมตตาและไร้ศีลธรรมหรือ?ผู้น้อยคิดว่า เสด็จย่าทวดคงทรงมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้หรอกใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ไทฮองไทเฮามีสีหน้าถมึงทึงและกล่าวตำหนิว่า “เจ้าเด็กนี่ปากกล้านัก ในเมื่อเจ้ายังรู้ว่าข้าคือเสด็จย่าทวดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าพูดมาว่า หากเสด็จพ่อของเจ้าฟังคำของข้าแล้วจะมิซื่อสัตย์ ไร้เมตตาและไร้ศ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 348

    ฉินอู๋ต้าวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ฉินซูด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ทุกคนไม่มีใครคาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดจะมีวาทศิลป์ช่างเจรจาจนทำให้ไทฮองไทเฮาผู้เผด็จการต้องเสียอารมณ์เช่นนี้ วิธีนี้ทำให้พวกเขาทึ่งจริง ๆ! เสียนเฟยยังมิยอมแพ้ นางอ้อนวอนฉินอู๋ต้าวอย่างน่าสงสารพร้อมกับน้ำตานองหน้าว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงลดตำแหน่งเซียวเอ๋อร์เป็นฝู่กั๋วกงมิได้นะเพคะ พระองค์ทรงรับปากหม่อมฉันแล้ว…” ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วขัดจังหวะนางอย่างเย็นชา “ชายาที่รัก อย่าพูดอีกเลย เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว บัดนี้งานเลี้ยงใกล้ยุติแล้ว เจ้าและคนอื่นๆ กลับวังหลังเถอะ” “เหลยเจิ้น เว่ยเจิง เจ้าสองคนตามตัวข้าไปหารือที่ห้องทรงพระอักษร ส่วนคนอื่น ๆ แยกย้ายกันตามอัธยาศัยได้” ฉินอู๋ต้าวพูดจบก็เดินไปที่ห้องทรงพระอักษรโดยมิหันกลับมามอง เหลยเจิ้นและเว่ยเจิงเดินตามไปอย่างมิรีบร้อน คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างพากันยืนขึ้นและทำความเคารพ “ข้าน้อยน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท” เสียนเฟยจ้องเขม็งลงมาที่ฉินซูก่อนจะออกจากแท่นสูง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและประกายอาฆาตก็ฉายวาบผ่านไป! จากนั้นนางก็กลับวังหลังพร้อมกับพร

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status