ชินอ๋องลุกขึ้นชี้หน้าว่านางอย่างหมดความอดทน ซูหนี่ว์เองก็รู้สึกว่าพลาดไปแล้ว นางลืมตัว คิดว่าอยู่ที่ตำหนักของตัวเอง นางรีบหันมามองชินอ๋อง และรีบแก้ตัว“ทูลท่านอ๋อง ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเพียงตกใจ ที่จู่ ๆ นางมาชี้หน้าหม่อมฉันโดยไม่มีสาเหตุเพคะ”“หากไม่มีสาเหตุ นางจะชี้หน้าเจ้าทำไมกัน”“นางเป็นคนของตำหนักพระสนมหลิน ไม่แปลกหรอกเพคะที่นางจะใส่ร้ายหม่อมฉัน ใครๆ ก็ทราบดีว่าพระสนมเอ็นดูพระชายาเพียงใด พวกนางย่อมเข้าข้างกันอยู่แล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นคนนอก ไหนเลยจะมีใครสนใจล่ะเพคะ ย่อมไม่ต้องถามหาความยุติธรรม เรื่องนี้ หม่อมฉันคงทำได้เพียงอย่างเดียว คือส่งข่าวให้เสด็จพ่อหม่อมฉันทราบ และส่งคนมารับหม่อมฉันกลับแคว้นเซี่ยหนาน”“องค์หญิง นี่เจ้ากำลังกล่าวว่าข้าปล่อยให้คนรังแกเจ้า ปล่อยให้เจ้าเจอกับความไม่ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ”เหมยซูหนี่ย์รู้สึกเย็นวาบ นางลืมนึกไปว่าฝ่าบาทยังอยู่ นางมัวแต่กลัวนางกำนัลจะทำท่าทางใส่นางอีก รู้แบบนี้ ฆ่าให้ตายเสียก็ดี นางลืมไปว่าถึงพูดไม่ได้ นางก็ยังสื่อสารอย่างอื่นได้“ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยเพคะ หม่อมฉันมาที่นี่ตัวคนเดียว ตอนนี้ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และยังถูกกล่าวหา ถู
เหมยซูหนี่ว์เดินกลับเข้าตำหนักมาอย่างรีบเร่ง เมื่อมาถึง นางให้สาวใช้ รีบเผาผ้าคลุมทิ้งทั้งหมด และเดินเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็ว“ข้าจะดูสิ ว่าใครจะมาชี้ความผิดใส่ข้าได้อีก ซีเฟย ตำแหน่งพระชายาของเจ้า ไม่ช้าจะเป็นของข้า ด้วยรูปร่างหน้าตาของข้า ไม่นานชินอ๋องก็ลืมเจ้าหมดสิ้น”“ข้าอยากแช่น้ำอุ่น พวกเจ้าเตรียมน้ำให้ข้าที”“เพคะองค์หญิง หม่อมฉันเตรียมให้เรียบร้อยแล้วเพคะ เชิญองค์หญิงได้เลยเพคะ”“มาถอดชุดให้ข้าสินังโง่ ต้องให้ข้าบอกทุกวันเลยหรือไง งี่เง่า เมื่อไหร่ที่ข้าได้เป็นพระชายาชินอ๋อง ข้าจะสั่งปลดขี้ข้างี่เง่าอย่างพวกเจ้าให้หมดเลย”“ขออภัยเพคะองค์หญิง”สาวใช้ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้านางออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในตัวจิ๋ว เผยให้เห็นเรือนร่างที่ขาวผุดผ่องหมดจดของนาง หากบุรุษใดได้เห็น คงจะตกตะลึงกับความงามนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแน่นอน นางหันมามองสาวใช้ที่ยืนตะลึงเมื่อนางเปลือยกายก่อนจะลงไปแช่น้ำ“เจ้ามองอะไร ไม่เคยเห็นข้าแก้ผ้าหรืออย่างไรกัน ถอดชุดให้ข้าอยู่ทุกวัน ยังมายืนโง่อยู่อีก ออกไปสิ เดี๋ยวเสร็จแล้วข้าจะเรียกเอง”“เพคะองค์หญิง”เช้าวันรุ่งขึ้น“องค์หญิงเพคะ”สาวใช้รีบวิ่งพรวดพราดเข้ามายังห้องบรร
ชินอ๋องได้ใจ เมื่อซีเฟยไม่ขัดขืนเขา เขาเริ่มสอดมือเข้าไปในเสื้อของนาง ก่อนจะล้วงเข้าไปทักทายยอดปทุมถันที่เด้งรับมือเขาอย่างรู้จังหวะ“อ๊า ท่านอ๋อง อย่านะเพคะ หม่อมฉันยังเจ็บอยู่”“เฟยเฟย ข้าไม่ได้จะทำอะไรเสียหน่อย แค่คิดถึงเจ้าเท่านั้นเอง”“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉุดอารมณ์ของชินอ๋องกระเจิง ความโมโหเข้ามาแทนที่ เขาหันหลังไปตะโกนถาม ก่อนที่ซีเฟยจะรวบชุดของนางเก็บกลับเข้าที่เดิมอย่างยากลำบาก เพราะอีกข้างมือยังเจ็บอยู่ ชินอ๋องเลยหันมาช่วยนางใส่เสื้อผ้ากลับเข้าไปเหมือนเดิม“นั่นใคร”“ทูลท่านอ๋อง ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พระองค์ และพระชายาเข้าเฝ้าด่วนพ่ะย่ะค่ะ”ชินอ๋องและซีเฟยมองหน้ากัน เรื่องที่พวกเขากังวล มาเร็วกว่าที่คิด“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเตรียมตัว เดี๋ยวข้ากับพระชายาจะตามออกไป”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”“เฟยเฟย เจ้าลุกไหวหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าไปอาบน้ำก่อน ข้าจะทายาให้ก่อนเข้าวัง”“เพคะ”เมื่อชินอ๋องและพระชายาเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเขาจึงเร่งเข้าวังหลวง ตามพระบัญชาทันที เมื่อมาถึงที่พระตำหนัก ฮ่องเต้มีบัญชาให้ชินอ๋องและพระชายา เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์“ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ”“พ
ชินอ๋องรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง เขารู้ว่าอันเหมยไม่พูดเล่นแน่ ด้วยท่าทางและน้ำเสียงของนาง และบุคลิกของนาง ไม่ใช่คนที่จะพูดล้อเล่นด้วยได้ หากเขาเผลอทำผิดกับซีเฟยอีกล่ะก็ คงได้มีเรื่องกับนางเป็นแน่“พี่อันเหมย ข้ามาแล้ว ๆ ”“เอาวางไว้ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”“ให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”“เจ้าฝนไพลและผสมกับหญ้าสามแพร่งนั่นที”อันเหมยใช้เข็มเจาะดีงูออกมา ก่อนที่จะทาไปที่แผลของซีเฟย ส่วนที่เหลือนางบีบใส่ถ้วยไว้ เพื่อให้อาเหยาผสมในไพลบดกับสมุนไพร เพื่อเอาไว้ทาแผลตอนนี้ชินอ๋องพึ่งจะเห็นแผลของซีเฟยชัด แผลนางมีเลือดออก และแตกออกคล้ายกับรอยแผ่นดินแยก นั่นแสดงว่านางถูกเตานาบอย่างรุนแรง เหมือนมีคนจงใจเอามือนางไปอังเตา ต้องมีใครสักคนที่อยู่แถวนั้น และเห็นเหตุการณ์ ถึงจะเป็นพยานให้ซีเฟยได้ ว่านางไม่ได้ผลักองค์หญิงต่างแคว้นนั่นล้มอันเหมยค่อยๆ ปักเข็มลงที่แขนซีเฟยทีละอัน เพื่อคลายความเจ็บปวดให้กับนาง เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยาม กว่าที่อันเหมยจะพอกไพลที่ช่วยทำให้แผลไม่แสบร้อน ตอนนี้นางไม่พันแผลแล้ว เพราะพระชายาไม่ต้องออกไปรับแขกที่ใด“แล้วนี่ ต้องเปลี่ยนยาให้นางถี่เท่าใด”“ทูลท่านอ๋อง ทุกๆ สามชั่วยามเพคะ หม่อมฉ
ซีเฟยกลับมาถึงจวน ชินอ๋องให้เว่ยอีตามมาอารักขานาง เมื่อนางมาถึงที่จวน อันเหมยที่เตรียมมาพร้อมไว้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เว่ยอีให้คนส่งข่าวมาบอกอันเหมยก่อนแล้ว นางและอาเหยาพยุงพระชายาเข้าไปในห้องบรรทม และเริ่มฝังเข็มรักษาทันที อันเหมยแกะแผลอย่างระมัดระวัง และเริ่มทำการฝังเข็มผ่านไปเกือบสองชั่วยามที่อันเหมยทำการฝังเข็มรักษา และทายาให้กับซีเฟย ก่อนที่อาเหยาจะมาแจ้งว่า“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องจ้าวและใต้เท้าสือมาเยี่ยมเพคะ”ข่าวลือไปถึงพวกเขาเร็วขนาดนี้ นั่นแสดงว่าตอนนี้ ทั้งวังหลวงคงรู้หมดแล้ว ต่อไปคงเกิดเรื่องใหญ่กว่านี้สินะ“ไปบอกพวกเขาว่าอีกเดี๋ยวข้าจะออกไป”“เพคะ”ซีเฟยเดินออกมาพบทั้งคู่ที่รออยู่ที่ห้องโถงใหญ่“เสด็จอา พี่เยว่เทียน”“อาเฟย เจ้าเจ็บตรงไหน เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ข่าวว่าแขนเจ้าถูกไฟลวก”“พี่เยว่เทียน ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากขอบคุณที่เป็นห่วง พวกท่านรู้เรื่องนี้ได้เช่นไรเพคะ”“ข่าวในวังหลวง ล้วนพูดกันว่า เจ้าหึงหวงชินอ๋อง จนผลักองค์หญิงเหมยซูหนี่ว์ล้มใส่เตาไฟ จนตัวเองบาดเจ็บ และองค์หญิงนั่นก็ถูกน้ำร้อนลวก”“เสด็จอา ท่านเชื่อข่าวลือพวกนั้นหรือเพคะ”“ข้าไม่เชื่อ ข้าจึงมาที่นี่เพื่อถา
ชินอ๋องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เขาหันไปที่ซีเฟยที่ล้มที่พื้น แต่ไม่ได้เป็นอะไร กับซูหนี่ว์ ที่โดนน้ำร้อนลวก เขาจึงรีบไปดึงซูหนี่ว์ออกมาจากเตาที่ร้อนอยู่ น้ำในเตาหกกระจายออกมาข้างล่าง พระสนมและทุกคนรีบวิ่งออกมา ต่างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ซูหนี่ว์เห็นว่าคนออกมาหมดแล้วจึงเริ่มร้อง“พระชายาเพคะ ท่านใจร้ายเหลือเกิน หากไม่อยากสอน บอกข้าดีๆ ก็ได้เพคะ เหตุใดจึงผลักข้าเข้าไปที่เตาไฟที่ร้อนแบบนั้นเพคะ”ซีเฟยหันไปมองเหมยซูนี่ว์ ที่บัดนี้ โผกอดพระสวามีนางอย่างแนบแน่น องค์หญิงหกและองค์หญิงแปดมาประคองซีเฟยลุกแทน และหันไปมองชินอ๋องที่สลัดซูหนี่ว์ไม่หลุด“โอ๊ยยย ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันโดนน้ำร้อนลวกเพคะ เดินไม่ไหวแล้วเพคะ ช่วยด้วยเพคะ ร้อนเหลือเกิน โอ๊ยยย ขาข้า”ซีเฟยใช้มือกำแขนนางเอาไว้แน่น ตอนที่เหมยซูหนี่ว์ดึงนางเข้าไปหา ทำให้แขนนางไปถูกเตาไฟนาบอย่างแรง ก่อนที่นางจะล้มลง และน้ำในเตานึ่งจะคว่ำใส่นาง แต่เตานี้ดับเกือบหมดแล้ว น้ำจึงไม่ได้ร้อนมากขนาดจะลวกใครได้ แต่ไฟในเตาต่างหาก ที่ยังดับไม่หมด องค์หญิงแปด หันไปมองที่แขนขวาของซีเฟย“พี่สะใภ้ แย่แล้ว แขนท่าน ถูกไฟลวกนี่เพคะ แดงจนไหม้เลย