จ้าวอี้เหลียงเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างงุนงง แต่ก็ลุกขึ้นตามคำสั่งเขา“เอาล่ะ องค์หญิงจ้าว เจ้าบอกว่า เจ้าคือองค์หญิงที่แคว้นเยี่ยนตกลงจะให้อภิเษกกับชินอ๋องอย่างนั้นใช่ไหม”“ถูกต้องเพคะฝ่าบาท”“เราขอถามเหตุผลที่แท้จริง ที่เจ้าเปลี่ยนใจที่จะไม่อภิเษก และส่งจ้าวซีเฟยมาแทนหน่อยสิ”“หม่อมฉันหลงเชื่อข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับท่านอ๋องเพคะ ว่า เขาเป็น…เป็น....”“อ๋องปิศาจ โหดเหี้ยม ไร้หัวใจ มัจจุราชแห่งสนามรบ”ฝ่าบาทพูดอย่างใจเย็น เรียบง่าย เพื่อไม่ให้นางกลัวไปมากกว่านี้ พระองค์ไม่ได้ต้องการให้นางตื่นตกใจ เพียงแค่นี้ นางก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากพอแล้ว ซ้ำยังไม่มีใครใส่ใจนางอีกด้วย“ใช่เพคะ หม่อมฉันในตอนนั้นเกิดความกลัว จึงได้ให้พี่สาวเปลี่ยนตัวมาอภิเษกแทนเพคะ”“พระชายา ข้าขอถามเจ้าบ้าง”“ได้เพคะเสด็จพ่อ”“เจ้าตกลงที่จะอภิเษกมาที่นี่ ก่อนหน้านั้น เจ้ารู้เรื่องข่าวลือของชินอ๋องหรือไม่”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกทราบเพคะ”“แล้วเจ้า เคยพบหน้าชินอ๋องมาก่อนหน้าที่เจ้าจะอภิเษกมาก่อนหรือไม่”“ไม่เพคะ หม่อมฉันพบท่านอ๋องครั้งแรกคือตอนส่งตัวเข้าหอในคืนส่งตัวเจ้าสาวเพคะเสด็จพ่อ”“ทั้งๆ ที่เจ้าก็รู้เรื่องข่าวลือเกี่ยวกับชินอ๋
“องค์หญิง เจ้าพูดอะไรออกมา นี่มันหมายถึง หลอกลวงเบื้องสูง โทษประหารเชียวนะ เจ้ามาพูดล้อเล่นไม่ได้นะ”องค์รัชทายาทเติมเชื้อไฟใส่เข้าไป ท่านกลางความตกใจขององค์ชายทั้งสอง และฮองเฮาที่ยกมือขึ้นทาบอก“เจ้าบอกว่า พระชายาชินอ๋อง แอบอ้างชื่อเจ้า มาอภิเษกแทนงั้นหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน”“ข้าเป็นองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮาตัวจริงเพคะ ส่วนนางไม่ใช่ นางแอบอ้างชื่อข้าและมาแต่งงานกับท่านอ๋องแทนข้าเพคะ ข้าต่างหากที่เป็นพระชายาชินอ๋องตัวจริง ฝ่าบาทเพคะ คืนความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”ชินอ๋องและซีเฟยหันมองหน้ากัน และหันไปที่ฮ่องเต้“คืนความเป็นธรรมให้เจ้า แล้วนี่เจ้า จะให้ข้าคืนความเป็นธรรมให้เจ้าอย่างไรกันล่ะองค์หญิง”“ปลดนางจากตำแหน่งพระชายาชินอ๋อง คืนตำแหน่งนั้นให้หม่อมฉันเพคะ นี่คือสิ่งที่ถูกต้องเพคะ”“เดี๋ยวนะ มันง่ายไปหรือเปล่า องค์หญิง เจ้าพูดออกมาง่ายๆ แล้วก็จบงั้นหรือ เจ้าถามชินอ๋องแล้วหรือยังว่าเขาอยากได้เจ้าเป็นพระชายาแทนพี่สะใภ้หรือไม่ นี่เจ้ากำลังจะแย่งสามีของพี่สาวตัวเอง เจ้ามียางอายหรือไม่ล่ะนี่ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรหน้าหนาขนาดนี้ แย่งสามีคนอื่นหน้าตาเฉย ทุเรศสิ้นดี”“องค์ชาย
วังหลวง ห้องเสวยส่วนพระองค์“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา”“ท่านอ๋องจ้าว ตามสบายเถอะ รอสักหน่อย ชินอ๋องกับพระชายาคงใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงเช่นนี้”“อ๋องจ้าว เราเป็นญาติกันแล้ว หลานท่านเป็นลูกสะใภ้ข้า เหตุใดยังมาเกรงใจกันอีกเล่า”“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา และองค์รัชทายาทเพคะ”“ตามสบายเถอะองค์หญิง”“ขอบพระทัยเพคะ”“ชินอ๋องและพระชายาเสด็จ”ชินอ๋องและซีเฟยเดินเข้ามาในห้องเสวยพร้อมกัน จ้าวซีเหมยมองไปที่ชินอ๋อง ใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว นางไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย“ถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”“ตามสบายเถอะ เอาล่ะๆ ยังขาดองค์ชายสี่ องค์ชายห้าสินะ”“พวกเรามาแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”“เสด็จแม่….”องค์ชายสี่ เดินเข้าไปกอดฮองเฮาอย่างเป็นกันเอง ฮองเฮาทรงเอ็นดูองค์ชายทุกๆ พระองค์เท่าเทียมกันหมด ถึงแม้ว่าพระนางจะมีแค่องค์รัชทายาทเป็นพระโอรสเพียงคนเดียวก็ตาม“พวกเจ้า ทำไมมาช้านักล่ะ เสด็จพ่อคอยนานแล้ว เอาละ ไปนั่งเถอะ”ชินอ๋องจับมือซีเฟยไปนั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้ เขาดึงเก้าอี้ให้นาง ก่อนจะตามลงไปนั่งข้างๆ ซีเหมยเฝ้ามองดูพฤติกรร
ชินอ๋องถือโอกาสกินข้าวเช้าพร้อมกับซีเฟย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไปที่ห้องหนังสือ ซีเฟยไปนั่งที่โต๊ะของนาง ก่อนที่จะมีคนของในวังเดินเข้ามาพร้อมหีบใบใหญ่“ทูลท่านอ๋อง พระชายา นี่คือรางวัลที่ฝ่าบาททรงมอบให้พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณกงกง”“อ้อ แล้วนี่คือเทียบเชิญของฝ่าบาท ให้ท่านอ๋องและพระชายา เข้าวังเพื่อร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำกับท่านอ๋องจ้าวจากแคว้นเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ”“ฝากทูลเสด็จพ่อด้วยว่าข้าทราบแล้ว จะไปตามที่พระองค์รับสั่ง ขอบคุณกงกง”“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”เจากงกงส่งมอบหนังสือรายการทองคำหนึ่งพันชั่งให้ชินอ๋อง ก่อนที่ชินอ๋องจะกล่าวขอบคุณที่นำมาส่งพร้อมกับส่งถุงเงินถุงเล็กให้เพื่อเป็นสินน้ำใจให้กับเจากงกง ก่อนที่เขาจะขอบคุณ และให้เว่ยอีพาไปส่งที่รถม้าเพื่อกลับเข้าวัง“เฟยเฟย เจ้าจะทำอย่างไรกับทองหนึ่งพันชั่งนี่ดีล่ะ ข้าจะได้ให้คนจัดการถูก”“เหมือนเดิมเพคะ ส่งเข้ากองทัพเราทั้งหมด แบ่งมาแค่ สองร้อยชั่งเอาไว้ให้หม่อมฉันซื้อยา นอกนั้น ซื้ออาวุธเพคะ”ชินอ๋องเดินมาที่พระชายา นางไม่คิดจะเก็บเงินที่นางเคยได้รับพระราชทานมาเอาไว้เลย ทุกครั้งที่นางได้รับเงินทองมา นางมักจะนึกถึงเขา และกองทัพฟินิกซ์อั
รถม้าเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ก่อนที่สือเยว่เทียนจะกลับเข้าไปในท้องพระโรง“อาเฟย ข้าจะต้องหาวิธีพาเจ้ากลับไปด้วยให้ได้”เย่วเทียนเดินกลับเข้าไป พบกับจ้าวอี้เหลียงที่มองหาเขาอยู่ เพื่อจะทูลลาฮ่องเต้เพื่อกลับไปพักผ่อน“เยว่เทียน เจ้าไปไหนมา ข้ากับซีเหมยหาอยู่นานแล้ว ไปเถอะ ไปทูลลาฝ่าบาทกัน จะได้กลับไปพักผ่อน”“ข้าไปสูดอากาศที่ระเบียงข้างนอกมาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ขออภัยที่ไม่ได้บอกท่านก่อน”“เอาล่ะๆ ช่างเถอะ ไปๆ ข้าเริ่มง่วงแล้ว อยากกลับไปพักผ่อน”ทั้งสามคนเดินไปเพื่อกล่าวทูลลาฝ่าบาทและฮองเฮาเพื่อจะกลับไปที่พัก ในมุมมืดที่ระเบียง องค์ชายสี่เดินออกมา มองผู้ที่อยู่ในท้องพระโรงที่กำลังทูลลาเสด็จพ่ออยู่ และอีกคน ที่กำลังเดินออกไป“เฮ้อ ดูท่างานนี้ พี่รองกับพี่สะใภ้คงต้องรับศึกหลายด้านเลยล่ะ หวังว่าข้าคงไม่ต้องเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้มากนัก”ช่วยไม่ได้เลยที่เขาจะต้องมาบังเอิญได้ยินเหมยซูนี่ว์รำพึงรำพันเมื่อเห็นพี่รองอุ้มพี่สะใภ้ของเขาขึ้นรถม้ากลับจวน เดิมทีเขาชอบมาสูดอากาศที่ระเบียงนี่อยู่แล้ว แค่ไม่นึกว่าจะมีคนเดินออกมา เขาเลยรีบหลบตามสัญชาตญาณ เลยบังเอิญได้ยินเรื่องของนางเข้าโดยบังเอิญเดิมทีนึกอยากจ
ห้องแต่งตัว“พระองค์มาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรเพคะ องค์รัชทายาท”“ข้าเข้ามาก่อนเจ้าเพียงนิดเดียว แต่ก็ได้ยินทุกประโยคที่เจ้าระบายความแค้นออกมานั่นแหละ”“นี่ท่าน คือว่าข้า เพียงแค่....”“ข้าพึ่งจะรู้เบื้องหลังของการส่งตัวองค์หญิงมาแต่งงาน ที่แท้ เจ้าก็ส่งพี่เจ้า มาแทนตัวเอง และสุดท้ายพอมาถึงที่นี่ เจ้ากลับตกหลุมรัก คนที่เจ้าเลี่ยงที่จะแต่งงานด้วยเสียเอง ถูกต้องหรือไม่ องค์หญิง”“ท่าน นี่ ท่านอย่าเที่ยวเดาไปเรื่อยเปื่อยนะ ข้าเพียงแค่”“เพียงแค่ไม่คิดว่าบุรุษที่แต่งกับพี่สาวเจ้า จะรูปงาม ผิดกับคำร่ำลือที่บอกว่าเขาเป็นอ๋องปิศาจใช่หรือไม่”“……”“เจ้าเลยใช้วิธีโง่ๆ เพื่อเอาคืนนาง ให้นางอับอาย ด้วยการตัดกระโปรงของนาง โดยหวังจะให้นางพลาดตอนแสดงร่วมกับเจ้า แต่นางดันรู้ทัน แก้ไขปัญหาได้ กลายเป็นเจ้าที่ร้อนตัว จนสายฉินขาด เจ้าว่า เสด็จพ่อข้า มองอุบายโง่ๆ นี่ไม่ออกงั้นหรือ”“ข้า ไม่นะ ข้าเพียงแค่จะกลั่นแกล้งนางให้อับอาย แต่ไม่คิดว่า....”“ช่างโง่นัก เสด็จพ่อของข้าไม่เอาเรื่องเจ้าที่จงใจทำพระชายาอับอาย ก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าแล้ว องค์หญิง ข้าจะบอกให้นะ อุบายชั้นเลวแบบนั้นน่ะ เอาชนะใครไม่ได้หรอก เจ้าต้อง