LOGINฟู่ซิวเหิง ยืนอยู่ท่ามกลางความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจย้อนกลับไป เขาเคยเป็นชายที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและความมั่นใจในตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเพียง ผีพนัน ที่สูญเสียทุกสิ่งไปในพริบตา ความโกรธและความเจ็บปวดเริ่มท่วมท้นร่างกายของเขา ใบหน้าขององค์ชายนั้นบิดเบี้ยวไปจากการสูญเสียเงินเดิมพันจนหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่มองไปยัง ทองคำ ที่เขาเคยคิดว่าอยู่ในมือ กลับกลายเป็นแค่ฝันร้ายที่ไม่อาจจับต้องได้
ยิ่งสูญเสียเงินเดิมพันมากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่อยากได้คืนมันก็ยิ่งมากขึ้น จิตใจมืดมัวจนมองไม่เห็นทางออก ทุกการสูญเสียเหมือนการบีบรัดหัวใจให้แน่นขึ้น ราวกับว่ากำลังจะหมดลมหายใจ ท่ามกลางความเสียหายที่ต้องเผชิญ ทุกการพ่ายแพ้ยิ่งทำให้องค์ชายรู้สึกถึงความอับอายที่ไม่อาจปกปิดได้
เยี่ยจิงหลิน ที่ยืนอยู่ตรงข้ามมองดู องค์ชายฟู่ซิวเหิง อย่างพึงพอใจ รอยยิ้มเย็นชาของนางแฝงไปด้วยความพึงพอใจ "ดูเหมือนว่าตัวท่านนั้นจะเสียเดิมพันไปไม่น้อยเลย" เสียงของนางดังขึ้นในความเงียบ แต่คำพูดนั้นกลับแฝงไปด้วยการดูถูก
ร่างขององค์ชายในยามนี้นั้นสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ "หุบปากของเจ้าซะ!"
ทันใดนั้นองค์ชาย ระเบิดโทสะออกมาอย่างควบคุมไม่ไหว เขาชัก ดาบ ออกมาจากฝักด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะฟาดดาบลงไปที่ ตัวแทนของเขา อย่างไร้ปรานี "ฉั่ว!!" เสียงดาบกระทบร่างของคนผู้หนึ่งดังขึ้น จนทำให้ทุกคนในห้องสะดุ้งตกใจจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ตัวแทนขององค์ชายเบิกตากว้างพร้อมทั้งสติที่ค่อยๆดับหายไป มันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้รับจุดจบเช่นนี้ทั้งที่ตัวของมันเคยสร้างเงินให้กับตำหนักอสรพิษเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
“เลี้ยงเสียข้าวสุก!” เสียงขององค์ชายฟู่ซิวเหิงกราดเกรี้ยวออกมา ราวกับคำประหาร ทุกคำพูดจากปากเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่ท่วมท้น
เหล่าขุนนางที่มายืนอยู่เป็นสักขีพยานในศึกครั้งนี้ที่เคยคิดว่ามันจะเป็นเพียงแค่การพนันทั่วไป กลับต้องสะดุ้งตกใจจนวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาแตกกระจายไปในทุกทิศทาง
เยี่ยจิงหลิน ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ขณะที่สายตาของนางจับจ้องไปที่ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ความโกรธและความสะใจสะท้อนในแววตาของนางอย่างชัดเจน เมื่อเห็น องค์ชาย ฟาด ดาบ ลงไปที่ ตัวแทนของเขา อย่างไร้ความลังเล
"ช่างน่ากลัวจริงๆ" น้ำเสียงของนางนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา
"ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ... ไว้ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าในภายหลัง!" น้ำเสียงขององค์ชายฟู่ซิวเหิง ดังขึ้นอย่างดุดัน ที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นอย่างไม่อาจปกปิดได้ หลังจากนั้น องค์ชายฟู่ซิวเหิง และ ลูกน้อง ก็รีบเดินออกจากสถานที่อย่างรวดเร็ว ราวกับไม่อยากให้ใครเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ความอัปยศจากการแพ้ในเกมการพนันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงในครั้งนี้ความสูญเสียที่ได้รับนั้นมันสาหัสมากจนเกินไป
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหลีกหนีความจริงอย่างไร ข่าวการพ่ายแพ้ ในศึกการพนันครั้งนี้ก็ไม่ได้เงียบหายไป ทุกการสูญเสียที่เกิดขึ้นถูกพูดถึงในทุกมุมเมือง และสุดท้ายก็ไปถึงหู ท่านอ๋องฟู่หยางเซิน ผู้เป็นบิดาของ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ท่านอ๋องรับรู้ถึงความพ่ายแพ้ของบุตรชายจากปากของคนอื่นๆ
ท่านอ๋องฟู่หยางเซิน ยืนอยู่ตรงหน้า องค์ชายฟู่ซิวเหิง สายตาของท่านอ๋องเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจปกปิดได้ เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความเครียด “เจ้าเสียเงินเดิมพันไปเท่าไหร่?”
องค์ชายฟู่ซิวเหิง ร่างสะท้านเล็กน้อยจากคำถามที่แสนจะหนักหน่วง ก่อนจะยอมตอบอย่างไม่มีทางเลือก “ข้าเสียมันไปทั้งหมด...รวมไปถึงจวนตระกูลซุน” คำตอบของเขาเหมือนจะผ่าเข้าไปในใจของท่านอ๋อง ทำให้ใบหน้าของท่านอ๋องเปลี่ยนไปทันที
ท่านอ๋องฟู่หยางเซิน ถึงกับหน้ามืดไปในทันที และรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงไป ท่านเคยให้ความเชื่อมั่นในตัวบุตรชายมากมาย ถึงกับให้เขาบริหารทรัพย์สมบัติที่มีค่าหลายอย่าง เพราะคิดว่าบุตรชายของเขาคือคนที่ฉลาดที่สุด แต่กลับพบว่า เขากลับเป็นคนที่โง่เขลามากที่สุด
เสียงของท่านอ๋องดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ามันช่างโง่เขลานัก!” ท่านอ๋องก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ถีบเข้าไปเต็มแรง องค์ชายฟู่ซิวเหิง กระเด็นไปตามแรงถีบ กระแทกกับพื้นอย่างแรง ท่ามกลางสายตาของ บ่าวรับใช้ ที่ยืนอยู่รายล้อม พวกเขาต่างสะท้านไปกับภาพที่เกิดขึ้น
ตลอดชีวิตของ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ไม่เคยรู้สึก อับอาย และ ขายหน้า ได้มากขนาดนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกทำลายทุกรูปแบบมันท่วมท้นจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ "ท่านพ่อ" เขาพูดออกมาแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความอับอายจากการถูกลงโทษ
ท่านอ๋อง ยืนมองบุตรชายที่คุกเข่าลงตรงหน้าด้วยสีหน้าแสดงความผิดหวังและความโกรธเกรี้ยว “ต่อไปข้าจะไม่ให้เจ้าหยิบยืมทรัพย์พยากรใดๆ อีก” ท่านอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ในเมื่อเจ้าทำมันสูญเสียไปแล้ว... ถ้าอยากได้อะไรเจ้าก็ต้องหามันด้วยตัวเอง!"
ท่านอ๋องฟู่หยางเซิน หมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง องค์ชายฟู่ซิวเหิง ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ร่างขององค์ชายยังคงสะท้านจากแรงถีบเมื่อครู่ ขณะที่ท่านอ๋องเดินออกไป, ความเงียบงันเข้าปกคลุมห้องท่ามกลางความอับอายและความเจ็บปวดที่ยังคงท่วมท้นในใจขององค์ชาย
หลังจากที่ ท่านอ๋อง หายไปนาน สายตาของ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ก็เริ่มเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอำมหิตที่ฝังลึกลงไปในใจ ความพ่ายแพ้ที่เขาได้รับไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของเขา แต่ยังทำให้เขาต้องทนอยู่ในความอัปยศต่อหน้าบ่าวรับใช้มากมาย เขาไม่อาจทนได้กับความเหยียดหยามที่ได้รับจาก ท่านอ๋อง ผู้เป็นบิดา
"ท่านพ่อ... ตัวท่านจะทำกับข้าเช่นนี้มันจะมากเกินไปแล้ว" คำพูดของ ฟู่ซิวเหิง ดังขึ้นในใจของเขา เสียงนั้นแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและความบาดหมาง ความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อบิดาเปลี่ยนไปหมดสิ้น ราวกับมีบางอย่างในใจของเขาที่แตกหักไปจากความผิดหวังที่ท่านอ๋องได้มอบให้
ความอับอายที่เขารู้สึกในตอนนี้มันเกินกว่าที่จะทนได้ มันไม่เพียงแต่ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อย แต่ยังทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างหนึ่งว่าเขาจะไม่ยอมให้ความพ่ายแพ้นี้เป็นจุดจบของเขา ฟู่ซิวเหิง ผูกใจเจ็บไม่เพียงแค่เพราะความสูญเสีย แต่ยังมีความโกรธแค้นที่ต้องการการแก้แค้น เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกลดค่าเป็นแค่คนที่ไม่สามารถปกป้องเกียรติของตัวเองได้
สถานการณ์ในตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ เยี่ยจิงหลิน ไม่คาดคิด แม้ว่าแผนการเริ่มต้นของนางจะค่อนข้างตรงไปตรงมา นางแค่ต้องการตัด ทรัพย์พยากรสำคัญ ของ อ๋องฟู่หยางเซิน และ แย่งชิงตระกูลซุนกลับคืนมาแค่นั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรให้มันซับซ้อนหรือเกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะความโกรธและความอับอายที่ องค์ชายฟู่ซิวเหิง ได้รับจากการพ่ายแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้ ได้ทำให้เขารู้สึกถึงการถูกทำร้ายจาก ท่านอ๋อง ผู้เป็นบิดา จนเกิดความผูกใจเจ็บและความปรารถนาที่จะหาทางแก้แค้น
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







